บทที่ 145 สัญญากิลด์
บทที่ 145 สัญญากิลด์
เมื่อได้ฟังความคิดเห็นของทุกคน ลู่หยางก็เผยรอยยิ้มพร้อมกับจู่โจมสร้างความเสียหายต่อไป ซึ่งในตอนนี้เขาก็กำลังยิงลูกไฟขนาดใหญ่เข้าใส่ราชางูเหลือมดำทุก ๆ 0.5 วินาที
-1,474
-1,474
…
ตอนแรกพวกฉิงชางคิดว่าลู่หยางมีสกิลประเภทจดจำเวทมนตร์ที่ทำให้สามารถปลดปล่อยเวทมนตร์ออกไปได้ในทันที แต่หลังจากที่นักเวทหนุ่มปล่อยลูกไฟออกไปราวกับปืนกล ทั้งห้าคนต่างก็หันมามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
ท้ายที่สุดสกิลประเภทจดจำเวทมนตร์ก็สามารถที่จะจดจำเวทมนตร์สำหรับการปลดปล่อยออกไปอย่างฉับพลันได้เพียงแค่ไม่กี่เวทมนตร์เท่านั้น ไม่มีทางที่มันจะสามารถปลดปล่อยสกิลออกไปเป็นจำนวนมากอย่างนี้แน่นอน
ในที่สุดร่างของราชางูเหลือมดำก็ล้มลงกับพื้นพร้อมกับการแจ้งเตือนจากระบบที่ปรากฏในช่องแชทของทุกคน
ระบบ: คุณสังหารราชางูเหลือมดำสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 4,816 หน่วย
พวกฉิงชางรีบเปิดดูกระดานจัดอันดับความเสียหายเพื่อดูว่าสรุปแล้วลู่หยางสร้างความเสียหายไปเท่าไหร่กันแน่
กระดานจัดระดับความเสียหาย:
1. ลู่หยาง สร้างความเสียหาย 94,817
2. เอ็ม16 สร้างความเสียหาย 14,821
…
เอ็ม 16 มองไปทางลู่หยางด้วยท่าทางราวกับคนอยากจะร้องไห้ เพราะเมื่อมองเห็นตัวเลขความเสียหาย เขาก็รู้สึกเหมือนกับตัวเองไม่ได้เล่นเกมเดียวกันกับลู่หยางเลย
ตัวเลขความเสียหายนี้ก็ทำให้พวกฉิงชางรู้สึกตกตะลึงไม่แพ้กัน
“อาจารย์ คุณทำได้ยังไง? ทำไมคุณถึงปล่อยลูกไฟออกมาได้เหมือนกับปืนกลแบบนั้น?” เหมาชิวถาม
เอ็ม 16 ผู้ซึ่งเป็นนักเวทไฟเหมือนกันก็กำลังรอฟังคำตอบอย่างอยากรู้อยากเห็น
“เรื่องนี้มันอธิบายยากสักหน่อย แต่โดยรวมแล้วมันคือโหมดอิสระของนักเวทประกอบกับการย่อคาถา” ลู่หยางอธิบาย
“ย่อคาถา?” ซุนหยูกับพวกฉิงชางอุทานขึ้นมาพร้อมกัน
“โหมดอิสระทุกคนก็น่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว ส่วนการย่อคาถาคือการที่นักเวทต้องท่องคาถาของสกิลออกมาเองพร้อมกับทำการส่งถ่ายมานาเพื่อใช้สกิลออกไปพร้อม ๆ กัน” ลู่หยางกล่าว
“นักเวทก็สามารถทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอครับ? แล้วแบบนี้ผมต้องไปเรียนที่ไหน?” เอ็ม 16 ถามอย่างตื่นเต้น
ลู่หยางชี้มือไปที่ตัวเองพร้อมกับพูดว่า
“เรื่องนี้ไม่มีที่สอนหรอก มันจำเป็นจะต้องอาศัยการฝึกฝนด้วยตัวเอง ตอนนี้ทั่วทั้งเกมก็คงจะมีฉันทำได้เพียงแค่คนเดียว”
เอ็ม 16 ชะงักค้างไปเพราะตอนแรกพวกเขาคิดว่าลู่หยางไปเจอ NPC สักคนมา แต่ความจริงกลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายฝึกฝนด้วยตัวเอง
ความจริงแล้วเอ็ม 16 อยากจะถามข้อมูลต่อแต่ก็กลัวจะเสียมารยาท ทางด้านของฉิงชางก็ไม่กล้าที่จะถามด้วยเช่นกัน
การย่อเวทเป็นสิ่งที่ทรงพลังมากแค่ไหนพวกเขาก็ได้เห็นมากับตาของตัวเองแล้ว ซึ่งถ้าหากว่าวิธีการนี้มาจากภารกิจ สักวันหนึ่งมันก็คงจะมีใครเปิดเผยความลับออกไป แต่ในกรณีของสิ่งที่คิดค้นขึ้นมาเองกลับเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง และนั่นก็คือเหตุผลที่พวกเขายังไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถามออกมา
อย่างไรก็ตามเมื่อวิธีการย่อเวทมาอยู่ตรงหน้าจะให้บอกว่าไม่อยากได้มันคงจะเป็นเรื่องที่โกหกมากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นสหายยังแสดงท่าทีว่าตัวเองอยากจะเรียนรู้ ในที่สุดเหมาชิวก็ทนไม่ไหวจนเอ่ยปากถามออกไปว่า
“อาจารย์คุณพอจะสอนวิธีการย่อเวทให้กับเอ็ม 16 ได้ไหม?”
“พวกคุณคงจะเห็นแล้วใช่ไหมว่าการย่อเวทมีความหมายต่อนักเวทมากแค่ไหน ขอโทษด้วยนะแต่ถ้าพวกคุณไม่ได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมกิลด์ของฉัน ฉันก็สอนมันให้กับพวกคุณไม่ได้หรอก” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับยักไหล่
คราวที่แล้วตอนที่ลู่หยางพาพวกฉิงชางเก็บเลเวลเขาได้เปิดเผยออกไปเพียงแค่สกิลไฟร์วอลล์ ถึงแม้บางครั้งมันจะมีมอนสเตอร์หลุดออกมานอกพื้นที่กำแพงไฟ แต่เขาก็จะให้ซุนหยูเป็นคนจัดการ พวกฉิงชางจึงเพิ่งเคยเห็นวิธีการย่อเวทของลู่หยางเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตามในวันนี้ลู่หยางจงใจเผยเทคนิคการย่อเวทออกไปนั่นก็เพราะเขาต้องการจะชักชวนคนทั้งห้ามาสร้างกิลด์ด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขายังมีเงินทุนจากการขายน้ำยาต้านพิษแล้ว สิ่งเดียวที่เขายังขาดคือผู้เล่นระดับสูงที่จะคอยมาดูแลกิลด์ด้วยกัน
พวกฉิงชางทั้งห้าคนชะงักค้างไปเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาตั้งใจว่าจะไม่เข้าร่วมกิลด์ใด ๆ และมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการเซ็นสัญญาทาสของแต่ละกิลด์เลย อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขานึกถึงการย่อเวทพวกเขาก็หันหน้าไปมองทางเอ็ม 16
แววตาของเอ็ม 16 เต็มไปด้วยความปรารถนา ซึ่งมันก็เป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนแล้วว่าเพื่อนของเขาต้องการที่จะได้เทคนิคนี้มากจริง ๆ
ฉิงชางกับเหมาชิวหันมาสบตากัน ก่อนที่พวกเขาจะพยักหน้าเป็นเชิงตกลง
“ฉันขอถามหน่อยได้ไหมว่าคุณตั้งใจจะสร้างกิลด์แบบไหน?” ฉิงชางถาม
เอ็ม 16 แสดงสีหน้าประหลาดใจ เพราะเขาไม่คิดว่าฉิงชางจะยอมเข้าร่วมกิลด์เพื่อเขา
“ฉิงชาง ไม่ต้อง…”
ก่อนที่เอ็ม 16 จะทันได้พูดจบฉิงชางก็ส่งสัญญาณมือให้อีกฝ่ายเงียบเสียงลงไปเสียก่อน โดยในตอนนี้สายตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังลู่หยาง เพราะเขาอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไรภายในเกมนี้กันแน่
“เป้าหมายของฉันเรียบง่ายมาก มันคือการสร้างกิลด์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพื่อครอบครองเซคคัลเวิลด์” ลู่หยางตอบ
“แล้วคุณมีแผนที่จะเอาชนะกิลด์ขนาดใหญ่ที่มีเงินทุนแน่นหนาอย่างกิลด์ของฉงป้ากับฉือมู่ยังไง?” ฉิงชางถาม
“เรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับความกระตือรือร้นของพวกคุณแล้ว แต่พวกคุณลองคิดกันดูซิว่าหากพวกเราเริ่มต้นจากศูนย์แล้วโค่นล้มคนพวกนั้นลงจากบัลลังก์ มันจะเป็นเรื่องที่น่าสนุกมากแค่ไหน” ลู่หยางตอบกลับ
“หัวใจของเกมอยู่ที่การแข่งขันและแก่นแท้ของการแข่งขันมันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครมีพรสวรรค์มากกว่าประกอบกับใครมีความขยันมากกว่า เงินและอำนาจจึงเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบหนึ่งภายในเกมเท่านั้น สิ่งที่ทรงพลังมากที่สุดคือจิตใจและทักษะของผู้เล่นภายในเกม”
“ผมรำคาญพฤติกรรมของพวกกิลด์ใหญ่พวกนั้นมานานแล้ว ถ้าคุณจะสร้างกิลด์เพื่อโค่นล้มพวกนั้นผมก็ไม่ขัดข้อง” เหมาชิวกล่าว
“ผมก็ไม่มีปัญหา ช่วงนี้ถ้าไม่ได้คุณบอกสถานที่เก็บเลเวลให้พวกเราก็คงจะต้องไปปะทะกับพวกกิลด์ใหญ่เพื่อแย่งสถานที่เก็บเลเวล” เครซี่เบลดกล่าวอย่างเห็นด้วย
“ผมก็ไม่มีปัญหาเหมือนกัน การเล่นเกมกับคุณมันดูน่าสนุกกว่าตอนที่พวกเราเล่นกันเองเยอะเลย” ไนท์มูนกล่าว
“ในเมื่อพี่น้องทุกคนเห็นด้วยกันหมด พวกเรา 5 คนก็พร้อมที่จะฝ่าฟันปัญหาร่วมไปกับคุณ เอาสัญญามาได้เลยพวกเรายินดีที่จะเข้าร่วมกิลด์ของคุณ” ฉิงชางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะลั่น
“ขอบคุณมากนะทุกคน” เอ็ม 16 พูดด้วยความซาบซึ้งใจ
“พวกเราไม่ได้ทำเพื่อนายหรอก เราแค่ประทับใจในตัวของอาจารย์ก็เท่านั้นเอง” เหมาชิวตอบกลับ
“ขอแค่มากับฉัน พวกคุณก็จะได้เห็นเองว่าเกมนี้มันน่าตื่นเต้นกว่าที่พวกคุณคิดมากแค่ไหน” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
นักเวทหนุ่มทำการร่างสัญญาขึ้นมา 1 ฉบับ โดยที่ภายในใจของเขากำลังรู้สึกตื่นเต้นสุดขีด เพราะการได้พวกฉิงชางทั้งห้าคนมาเข้าร่วมกิลด์ มันย่อมทำให้กิลด์ของเขาพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วแน่นอน
“นี่คือสัญญา ถ้าหากพวกคุณไม่มีปัญหาก็ลงชื่อในสัญญาได้เลย ช่วงแรกฉันยังไม่มีเงินเดือนจะจ่ายให้แต่จะแบ่งหุ้นส่วนภายในกิลด์ให้กับพวกคุณแทน ในอนาคตเมื่อกิลด์เริ่มมีกำไรพวกคุณจะได้เงินปันผลตามอัตราส่วนหุ้นที่ถือครอง ส่วนใครจะได้หุ้นเท่าไหร่นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมกับกิลด์ของแต่ละคน” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับยื่นสัญญาให้ทุกคน
สัญญาที่เขาให้ไปคือสัญญากิลด์ตามมาตรฐาน ซึ่งในอนาคตสัญญาลักษณะนี้จะกลายเป็นสัญญาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายภายในเกม อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานี้ของเกมเนื้อหาสัญญามันก็อาจจะดูล้ำหน้าไปสักหน่อย
ฉิงชางอ่านเนื้อหาสัญญาพอเป็นพิธี ก่อนที่เขาจะเซ็นชื่อลงไปในสัญญาโดยไม่ลังเล
“ตอนนี้พวกเราไม่ได้ต้องการเงิน แต่คุณอยากจะให้พวกเราช่วยพัฒนากิลด์ตรงไหนไหม?”
พวกเหมาชิวพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเช่นเดียวกัน เพราะพวกเขายังคงเป็นเพียงแค่นักศึกษาจึงยังไม่ได้กังวลเรื่องเงินทองมากเท่าไหร่ แต่ใครจะไปรู้ว่าสัญญาที่พวกเขาเซ็นในวันนี้มันจะนำมาซึ่งผลกำไรในอนาคตอย่างมหาศาล
เมื่อซุนหยูเห็นพวกฉิงชางได้เซ็นสัญญา เขาก็เดินมาหาลู่หยางด้วยความออดอ้อน
“หัวหน้า แล้วสัญญาของผมล่ะ?”
“อะไรกัน! นายก็อยากเข้ากิลด์ของฉันด้วยงั้นเหรอ?” ลู่หยางถามกลับพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ผมเป็นลูกน้องของคุณนะ ผมก็ต้องได้เข้าร่วมกิลด์ของคุณด้วยสิ” ซุนหยูกล่าวอย่างจริงจัง
ลู่หยางมองว่าซุนหยูยังคงเป็นเด็กน้อยที่ซุกซน ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายก็คงจะไม่ไปล่อวอลกินในระหว่างการเก็บเลเวลมาอย่างไม่รู้ความ แต่ในความเป็นจริงอีกฝ่ายกลับมองเขาเป็นพี่ชายที่ไว้ใจได้
“หากนายเข้าร่วมกิลด์ของฉัน ในอนาคตนายก็จะต้องพัวพันกับสงครามไม่รู้จบเกือบจะทุก ๆ วัน นายจะต้องไปเผชิญหน้ากับกิลด์ใหญ่ ๆ นายจะปรับตัวเข้ากับชีวิตแบบนี้ได้แน่นะ?” ลู่หยางถาม
“ผมก็แค่อยากจะเล่นเกมกับหัวหน้า ไม่งั้นเล่นเกมคนเดียวมันคงจะเหงาเกินไปหน่อย” ซุนหยูตอบกลับ
“โอเค งั้นนี่คือสัญญาของนาย” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
ซุนหยูไม่แม้แต่จะอ่านข้อความในสัญญาด้วยซ้ำ ก่อนที่เขาจะเซ็นชื่อลงไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ด้วยเหตุนี้เองผู้เล่นชั้นยอดถึงหกคนภายในชาติก่อนก็ได้กลายเป็นสมาชิกรุ่นบุกเบิกของลู่หยางอย่างเป็นทางการ
นึกว่าเสี่ยวเหลียงจะเป็นสมาชิกกิลด์คนแรกซะอีก แต่ดูแล้วจะได้เป็นไหมหรือจะโดนโยกเป็นกองกำลังลับ?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 51
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น