บทที่ 142 หุบเขางูพิษ
บทที่ 142 หุบเขางูพิษ
เมื่อซุนหยูได้รู้ว่าก็อบลินตัวนั้นคือลู่หยาง เขาก็แสดงท่าทางก้มกราบคารวะ
“ข้าน้อยขอคารวะ”
“ฮ่า ๆ ๆ ฉันบอกแล้วไงว่าทักษะระดับนั้นมีแค่เขาที่ทำได้” ฉิงชางตอบข้อความพร้อมกับหัวเราะลั่นและเขาก็รู้สึกขอบคุณลู่หยางที่ไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้กับพวกเขา
“โอ้ท่านเทพ ข้าน้อยยอมแล้ว คุณเป็นนักเวทแท้ ๆ แต่กลับมีการเคลื่อนไหวที่น่าทึ่งกว่าโจรกับนักธนูซะอีก” เหมาชิวตอบอย่างอึ้ง ๆ
ไนท์มูน, เครซี่เบลดและเอ็ม16 พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ถ้าพวกนายอยากเรียนฉันก็สอนให้ได้นะ ว่าแต่ช่วงนี้มีเวลาว่างไหม?” ลู่หยางตอบข้อความด้วยรอยยิ้ม
“พวกเรากำลังพักกันอยู่ คุณมีอะไรงั้นเหรอ?” ฉิงชางถาม
“ถ้าว่างก็มาหาฉันที่หุบเขางูพิษ เดี๋ยวฉันจะพาไปหาอุปกรณ์ใหม่” ลู่หยางตอบ
“แค่ 6 คนเหรอ?” ไนท์มูนถาม
“แค่นี้แหละ ฉันได้วิธีผ่านดันเจียนมาจากกิลด์อื่นแล้วและฉันก็พอจะมีน้ำยาต้านพิษอยู่บ้างเลยจะชวนทุกคนไปลงดันเจียนด้วยกัน” ลู่หยางตอบ
“ถึงจะรวมคุณด้วยแต่เราก็มีกันแค่ 7 คนเองนะ แต่นั่นมันเป็นดันเจียนสำหรับคน 20 คน” เหมาชิวตอบก่อนที่เขาจะนึกขึ้นได้พร้อมกับตบปากตัวเอง
“ขอโทษที ฉันลืมไปว่าพลังของคุณ 1 คนมันก็เทียบเท่ากับคนธรรมดา 10 คนแล้ว”
ทุกคนต่างก็หัวเราะขึ้นมาอย่างขำขัน เพราะพวกเขาเข้าใจนิสัยของเหมาชิวดีว่าเป็นคนปากไวแต่ก็รักพวกพ้องสุด ๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็มาเจอกันที่หน้าทางเข้าดันเจียนได้เลย เดี๋ยวฉันจะไปรออยู่ที่นั่น” ลู่หยางบอก
ฉิงชางมองซุนหยูและพรรคพวกอีก 4 คนก่อนจะพูดว่า
“เรื่องที่ลู่หยางบอกกับเราอย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด การที่เขาเชื่อใจบอกเรื่องนี้กับเราก็เพราะว่าเขาเห็นเราเป็นคนสนิท ถ้ารูปที่เขาส่งให้เราหลุดออกไป เขาจะต้องโดนคนทั้งเซิร์ฟเวอร์ตามล่าแน่ ๆ”
“สบายใจได้ พวกเราไม่บอกใครแน่นอน” เหมาชิวกล่าว
ไนท์มูน, เครซี่เบลดและเอ็ม 16 ต่างก็พูดคล้าย ๆ กัน
“ฉันก็ไม่มีวันทรยศหัวหน้าเหมือนกัน” ซุนหยูกล่าวอย่างหนักแน่น
“ดีมาก ถ้างั้นพวกเราไปหุบเขางูพิษกันเถอะ” ฉิงชางกล่าวก่อนที่เขาจะนำทีมเดินทางไปยังหุบเขางูพิษ
—
หุบเขางูพิษอยู่ห่างจากเมืองเซนต์กอลล์ไปไม่มากนัก แต่กว่าที่ลู่หยางจะเดินทางมาถึงตอนนี้มันก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว
ทิวทัศน์ยามค่ำคืนของหุบเขางูพิษค่อนข้างสวยงาม แต่รอบด้านกลับมีเสียงของงูพิษดังขึ้นมาในระยะไกล เพื่อหลีกเลี่ยงกับการเจอคนของบลัดไทแรนท์และแบล็คบลัด ลู่หยางจึงมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะสังเกตเห็นก้อนหินยักษ์ที่สูงประมาณ 15 เมตร
ชายหนุ่มขว้างมีดเอสเคพเดจเจอร์ก่อนจะเทเลพอร์ตไปปรากฏตัวบนยอดหิน จากนั้นเขาก็ทิ้งตัวลงนอนเงยหน้ามองดูท้องฟ้ายามค่ำคืน
นี่คือสิ่งที่เขาชอบทำที่สุดในชาติก่อน เพราะท้องฟ้าในเกมเป็นการฉายภาพจากกล้องโทรทรรศน์บนยานอวกาศ ภาพที่ปรากฏบนท้องฟ้าจึงเป็นภาพแบบเรียลไทม์โดยไม่ผ่านการตัดต่อใด ๆ
ในอนาคตหากใครมีความต้องการสำรวจอวกาศ พวกเขาก็สามารถที่จะจ่ายเงินเป็นเงินเครดิตหรือเหรียญทองเพื่อสำรวจอวกาศได้ แต่เมื่อเวลาได้ล่วงเลยไปจนถึงตอนนั้นเซคคัลเวิลด์ก็แทบจะไม่แตกต่างจากโลกแห่งความเป็นจริงอีกต่อไป
ขณะที่ลู่หยางกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น มันก็มีกลุ่มของผู้เล่นเดินเข้ามาใกล้
“ตอนที่บอสเสียชีวิตและพวกกิลด์ชั้นนำกำลังหาวิธีแย่งชิงอุปกรณ์ จู่ ๆ มันก็มีมีดเล่มหนึ่งถูกขว้างออกมากลางสนามรบแล้วก็มีก็อบลินตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ มีดเล่มนั้น”
“ต่อมาก็อบลินตัวนั้นมันก็ใช้สกิลรีซิสท์ไฟร์ริงส่งพวกโจรที่กำลังล่องหนจนกระเด็นออกไปจนหมดเลย ก่อนที่มันจะกระโดดเข้าไปคว้าอุปกรณ์แล้วหายตัวหนีลงไปในแม่น้ำ”
ผู้เล่นคนหนึ่งพูดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันอย่างออกอรรถรสและคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากจางจื่อโป๋นั่นเอง
คนกลุ่มนี้คือสมาชิกของหนานปิงสตูดิโอ แต่เนื่องมาจากเมื่อคืนเซี่ยหยู่เว่ยกับหลานอวี่เล่นเกมกันจนดึกดื่นไปหน่อย วันนี้พวกเธอจึงเข้าเกมสาย จางจื่อโป๋จึงรับหน้าที่เล่าเรื่องศึกแย่งชิงอุปกรณ์ภายในเมืองให้ 2 สาวฟัง
“แล้วยังไงต่อ?” หลานอวี่ถาม
“หลังจากนั้นก็อบลินก็ว่ายน้ำหนี พวกกิลด์ใหญ่กับผู้เล่นอิสระเลยวิ่งไล่ตามกันเป็นพรวน ก็อบลินตอนนั้นมีความสูงแค่ไม่ถึง 1 เมตรมันจึงว่ายน้ำหนีช้ามาก แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังจะไล่ตามทัน จู่ ๆ มันก็หันกลับมาพร้อมกับบอกว่าขอบคุณทุกคนที่มาส่งมันนะ”
“จากนั้นมันก็เหวี่ยงมีดขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนที่ร่างของมันจะหายตัวไปปรากฏบนกำแพงของวัง พวกเธอรู้ไหมตอนที่มันใช้สกิลเลือดของมันเหลืออยู่เพียงแค่นิดเดียว แต่สกิลเทเลพอร์ตที่มันใช้กลับมีระยะไกลมากกว่า 60 เมตร ถ้าหากว่ามันควบคุมสกิลไม่ดีแล้วตกลงมาความเสียหายจากการตกจากที่สูงสามารถที่จะฆ่ามันได้ง่าย ๆ เลย”
“แสดงว่าคนที่ปลอมตัวเป็นก็อบลินมีทักษะในการควบคุมสกิลที่แม่นยำมาก เขาเลยลงจอดบนกำแพงเมืองได้อย่างแม่นยำ จากนั้นเขาก็กระโดดข้ามกำแพงหนีเข้าไปพระราชวังได้อย่างง่ายดาย” จางจื่อโป๋กล่าว
“มันก็แค่โชคดีเท่านั้นแหละ ฉันพาคนไปค้นทั่วทั้งวังแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของมันเลย” เจิ้งหยวนกล่าวอย่างหงุดหงิด
“เขาคนนั้นจะต้องเป็นยอดฝีมือแน่ ๆ แถมยังไม่มีกิลด์ด้วย ถ้าหากเราชวนเขามาเข้าร่วมกิลด์ของเราได้มันก็คงจะดี” จางจื่อโป๋กล่าว
“คนแบบนี้แหละที่สมควรจะเรียกว่ายอดฝีมือไม่ใช่ไอ้เด็กที่ชื่อลู่ ๆ อะไรนั่น” เจิ้งหยวนรีบกล่าวอย่างเห็นด้วย
หลานอวี่ไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับเจิ้งหยวน เธอจึงหันไปถามจางจื่อโป๋
“มีคลิปไหม?”
“มีสิ” จางจื่อโป๋ตอบก่อนจะส่งคลิปเหตุการณ์ให้หลานอวี่กับเซี่ยหยู่เว่ย
“เอาล่ะรอทุกคนมาให้พร้อมแล้วเดี๋ยวพวกเราค่อยเข้าดันเจียนกัน” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวขณะที่หลานอวี่เดินไปอยู่ใกล้ ๆ ก้อนหินที่ลู่หยางหลบอยู่
“นั่นมันลู่หยางไม่ใช่เหรอ?!” เมื่อเห็นก็อบลินภายในคลิปสัญชาตญาณของเธอก็บอกได้ในทันทีว่าก็อบลินตัวนี้คือลู่หยาง
ชายหนุ่มพอจะรู้อยู่แล้วว่าสัญชาตญาณของผู้หญิงเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เขาจึงโยนหินลงไปใส่หัวของเด็กสาวด้านล่างเบา ๆ
“โอ๊ย! ใครขว้างหินใส่ฉัน?” หลานอวี่พูดเสียงดังด้วยความโมโห ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเห็นลู่หยางที่เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่บนนั้น
“อ้าวนายเองเหรอ?” หลานอวี่ยืนเท้าสะเอวมองลู่หยาง
“ใช่ ฉันเองสาวน้อย” ลู่หยางกล่าวขณะที่ร่างของเขากลายเป็นแสงหายไปปรากฏตัวข้าง ๆ เด็กสาว
“เมื่อกี้นายได้ยินที่ฉันพูดหมดแล้วใช่ไหม?” หลานอวี่ถามด้วยรอยยิ้ม
สิ่งที่ลู่หยางชอบมากที่สุดก็คือเวลาเห็นหลานอวี่ยิ้มแบบนี้
“ใช่ เธอเดาถูกทุกอย่างเลย เอาเป็นว่าฉันยอมแพ้”
หลานอวี่ดีใจมากก่อนที่เธอจะยื่นมือไปข้างหน้าอย่างน่ารัก
“ว่าแต่มีของฝากมาให้ฉันหรือเปล่าจ๊ะ?”
ลู่หยางพอจะเดาได้อยู่แล้วว่าหลานอวี่จะทำแบบนี้ เขาจึงถามว่า “ระหว่างเดธสปิริตบลัดเบลดกับโกสต์เฟคเฮลเมท เธออยากได้อันไหน?”
“นี่นายจะให้ฉันจริง ๆ เหรอ? ของพวกนั้นมันแพงมากฉันไม่เอาหรอก” หลานอวี่รีบกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ถ้างั้นเธออยากได้อะไร?”
“ฉันอยากให้นายพาพวกเราไปลงดันเจียน” หลานอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงอันออดอ้อน
ลู่หยางทำได้เพียงแต่ถอนหายใจ ซึ่งในความเป็นจริงเขาก็อยากจะพาพวกหลานอวี่ไปลงดันเจียนด้วยเช่นกัน แต่เซี่ยหยู่เว่ยมักจะคิดว่าเงินสามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง ส่วนเจิ้งหยวนก็ไม่ค่อยจะถูกชะตากับเขาเท่าไหร่ เขาจึงแทบไม่มีโอกาสได้ร่วมผจญภัยกับพวกเธอเลย
“หลานอวี่! ทุกคนมากันครบแล้วพวกเราไปกันเถอะ” เซี่ยหยู่เว่ยตะโกนเสียงดัง
“อือ เดี๋ยวฉันจะรีบไป” หลานอวี่รีบตอบ แต่เนื่องมาจากเธอรู้ว่าคำของเธอเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เธอจึงหันมาพูดกับลู่หยางว่า
“ฉันไปก่อนนะอาจารย์”
“คราวหน้าเจอกัน ไว้ตอนนั้นเดี๋ยวฉันเอาของขวัญมาให้นะ” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับโบกมือลา
เนี่ย! รุกและแสนดีขนาดนี้ แล้วยังกล้าบอกว่าเอ็นดูแบบน้องสาว เฮ้อออออ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 48
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น