บทที่ 1

ชาลิสา
คุณกำลังอ่าน: ชาลิสา

-A A +A

บทที่ 1

บทที่ ๑

ณ กรุงเทพมหานคร ปี 2542

 ในตอนนี้พี่ชายต่างไปมีครอบครัวไปเสียแล้วและทำงานที่กรุงเทพฯ สำหรับหญิงสาวใบหน้ารูปไข่กำลังส่องกระจกพร้อมกับมองไปอีกทาง ในวันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับเธอ คือเธอไม่มีคนพิเศษ

เธอเรียนจบจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พี่ชายของเธอมีชื่อ ว่า “ชนินทร์” และเธอมีน้องสาวอยู่อีกคนมีชื่อว่า “พรรษสร” เธอนั้นมักจะคุยกับชนินทร์อยู่เสมอ

ชนินทร์มาทำงานอยู่ที่เมืองกรุงแห่งนี้แต่เธอไม่รู้เลยว่า ในตอนนี้พี่ชายนั้นจะมีแฟนหรือยังก็ไม่รู้ แม่ของเธอนั้นเป็นแม่ค้า ส่วนพ่อของเธอนั้นมีอาชีพ นักธุรกิจ

ในวันนี้เธอหอบกระเป๋าเอกสารเพื่อที่จะเตรียมตัวไปสัมภาษณ์งาน แต่ในเมืองใหญ่แห่งนี้เธอไม่รู้เลยว่าผู้คนต่างจะมาทำงานที่นี่ วันนี้เป็นวันที่อากาศร้อนเพราะเป็นช่วงเดือนเมษายน

เธอไม่รู้เลยและไม่รู้จักใครเลย เธอเข้ามาในเมืองกรุงแห่งนี้เป็นครั้งแรก เธอหยิบเหรียญสิบบาทสามเหรียญขึ้นมาออกจากกระเป๋า เธอเห็นตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญก่อนที่จะเห็นคนกำลังใช้โทรศัพท์อยู่

เธอก็กำลังรอคอย เธอกำลังสำรวจการแต่งกายของเธอ เธอสวมเสื้อทำงานกับกระโปรงสีดำสนิท ส่วนรองเท้าคัดชู เธอรอให้ผู้ใช้โทรศัพท์เดินออกมาจากตู้โทรศัพท์ ก่อนที่จะเข้าไปในตู้โทรศัพท์

เธอยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วหยอดเหรียญลงไปในช่องหยอดเหรียญ ก่อนกดหมายเลขปลายทาง ก่อนที่เสียงปลายสายจะเป็นเสียงหญิงสาววัยเดียวกัน

“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ นี่ภรณ์ชนกคุยสายอยู่ค่ะ” ภรณ์ชนกเอ่ยขึ้น

“ฮัลโหลสวัสดีค่ะ นกนี่ลิสานะ แล้วนกได้งานหรือยัง” ชาลิสาถามปลายสาย

“ก็ยังนะแก แล้วแกละตอนนี้อยู่ที่ไหนหรอ”เสียงปลายสายถาม

“ตอนนี้ฉันอยู่เมืองกรุงเทพฯ นะแก แกอย่าเป็นห่วงฉันนะ ฉันเอาตัวรอดได้”

“แล้วพี่ชนินทร์พี่ชายแกเขารู้หรือยังละว่าแกมาที่นี่”

“ยังเลยละแก ฉันคิดไว้แล้วนะว่าจะขอยืมใช้บริการ โทรทั่วไทยนาทีละ 8 บาทนะแก”

“หรอแก ก็ระวังตัวด้วยนะแก เราคนต่างจังหวัดเข้ากรุง ไปเมืองกรุงครั้งแรก”

“จริงสิแก ถ้าฉันได้งานเดี๋ยวฉันจะโทรไปหาแกเลยนะเพื่อนรัก”

“OK แกงั้นแค่นี้ก่อนนะ”

ชาลิสาวางหูโทรศัพท์ก่อนที่เหรียญจะไหลลงมาที่ช่องวางเหรียญก่อนที่ชาลิสาจะหยิบเหรียญสิบสองเหรียญ ก่อนที่จะก้าวออกจากตู้โทรศัพท์ เธอเดินออกมาแสงแดดเฉิดฉายอย่างร้อนแรง เธอเอากระเป๋าเอกสารยกขึ้นบังแดดก่อนที่จะเดินไปยังใต้อาคารแห่งหนึ่ง เธอต้องทำเวลาเพราะที่เมืองแห่งนี้ ต่างคนต่างทำเวลา เธอยกข้อมือเพื่อดูนาฬิกาในตอนนี้เป็นเวลา แปดนาฬิกา เธอหันมองไปยังรถโดยสารประจำทางที่กำลังจอดชานชาลา เธอรอรถโดยสารประจำทาง เธอไม่รู้เลยว่าพี่ชายของเธอทำงานอยู่ที่ไหน เพราะการสื่อสารนั้นชั่งลำบาก เธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดทำงานแขนยาว กับกระโปรงสีเทา กำลังยืนรออยู่ชานชาลา ชาลิสา สะกิดอีกฝ่าย ก่อนที่จะยิ้มให้เธอ

“คือขอถามหน่อยนะคะ” ชาลิสาเอ่ยถามกับหญิงแปลกหน้า

“ค่ะมีอะไรหรอคะพี่” หญิงแปลกหน้าวัยทำงานเอ่ยขึ้น

“แล้วน้องจะไปทำงานหรอคะ คือพี่พึ่งเข้ามาในเมืองกรุงเป็นครั้งแรก” ชาลิสาเอ่ยแบบเรียบๆ

“ค่ะ”

“คือพี่อยากรู้นะคะว่าบริษัท เคแอนด์เค ไปทางไหนคะน้องพอจะบอกพี่ได้ไหมคะ”

“อ๋อ บริษัท เคแอนด์เคหรอคะพี่ พอดีหนูก็จะไปสัมภาษณ์งานที่นั่นอยู่เลยค่ะ” หญิงแปลกหน้าเอ่ยขึ้นราวกับว่ามีเพื่อนร่วมทาง

“ว่าแต่น้องชื่ออะไรหรอคะ มาเป็นเพื่อนกันได้ไหม”

หญิงแปลกหน้ายิ้มแก้เก้อที่อีกฝ่ายนั้นมาขอเป็นเพื่อน

“ได้สิคะ หนูชื่อคุณิตา หรือจะเรียกตาก็ได้นะคะแล้วเธอละ” คุณิตาถาม

“ฉันชื่อชาลิสา จะเรียกฉันว่าลิสาก็ได้นะคะ” ชาลิสาเอ่ย

ในใจตอนนี้ชาลิสา นึกถึง น้องสาวของเธอ ที่ตอนนี้มีอายุได้เพียง สี่ขวบเท่านั้น ส่วนเธอมีอายุได้เพียงยี่สิบสี่ปี เธอกำลังได้เพื่อนใหม่มีชื่อว่าตา คุณิตานั้นก็มาจากต่างจังหวัดเหมือนกัน เธอดูเป็นกันเอง

“จริงสิลิสา เธอบ่นบอกว่าเธอมีพี่ชายหรอ”

“ใช่ พี่ชายของฉันชื่อ ชนินทร์” ชาลิสาบอก

คุณิตาหยิบเอกสารขึ้นมาจากกระเป๋า ก่อนที่จะยื่นเพื่อให้ชาลิสาดู ผู้จัดการมีชื่อพี่ชายของเธอด้วย

“พี่ชนินทร์ พี่ชายของฉันนี่”

“แล้วว่าแต่พี่ชายของเธอไม่ได้กลับบ้านมานานแล้วหรอ”

ชาลิสานั่งคิดสักพักก่อนก่อนที่จะเล่าให้คุณิตาเพื่อนของเธอฟัง

“ฉันจำได้นะว่าพี่ชายของฉันกลับบ้านเมื่อสามปีก่อน แต่พี่เขาก็ซื้อเสื้อผ้ามาฝากด้วยนะ ฉันก็เลยใส่ ไม่คิดเลยว่าพี่ชายของฉันจะมาทำงานอยู่เมืองกรุงฯ”

“ฉันชักอยากจะเห็นชุดของเธอบ้างจังเลย” คุณิตาเอ่ยขึ้น

“ได้สิ งั้นวันหลังนะฉันจะใส่ให้เธอดู” ชาลิสาเดินไปพร้อมคุยกับคุณิตา

ในตอนนี้สองสาวกำลังเดินไปยังทางเดินเท้า ก่อนที่จะนั่งรอบนชานชาลารอรถ ก่อนที่จะรถโดยสารประจำทางนั้นหยุดที่ป้ายรถโดยสารประจำทาง  ทั้งสองสาวลุกขึ้นก่อนที่จะก้าวขึ้นรถโดยสารประจำทาง เขาเลือกที่นั่ง ติดหน้าต่าง รถโดยสารประจำทางนี้เป็นรถพัดลม ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป ในตอนนี้ทั้งสองสาวเริ่มที่จะสนิทกันแล้วชาลิสานั้นลืมถามว่าอีกฝ่ายเป็นคนจังหวัดอะไรแต่ก็ต้องมีเรื่องให้เปลี่ยนใจกลับไม่ถาม อีกฝ่ายยิ้มให้เธอก่อนที่จะยิ้มให้กัน ชาลิสาหยิบข้าวเหนียวขึ้นมาจากกระเป๋าก่อนยื่นให้อีกฝ่าย

“อันนี้ฉันให้เธอนะ”

อีกฝ่ายรับข้าวเหนียวก่อนที่จะเอ่ยถาม

“เธอเป็นคนอีสานหรอ” คุณิตาถาม

“ใช่แล้วฉันคนอีสาน เธออย่าบอกนะว่าเธอเป็นคนอีสานเหมือนกัน” ชาลิสาเอ่ยขึ้นพร้อมชี้มาทางคุณิตา

“เปล่า ฉันเป็นคนเหนือ บ้านฉันอยู่ลำพูน แม่ฉันเคยบอกว่ายายฉันก็นึ่งข้าวเหนียวแบบนี้”

“นึกว่าเธอเป็นคนอีสานซะอีก จริงสิที่นั่นอากาศดีไหมนะ”

“ก็อากาศดีนะในตอนฤดูหนาว แต่หน้าฝนเธออย่าไปเลย เดี๋ยวน้ำท่วมเดี๋ยวดินถล่ม”คุณิตาเอ่ยขึ้น

“แล้วเธอละมาจากจังหวัดอะไรหรอ” คุณิตายิงคำถาม

“ฉันนะเหรอ อยู่จังหวัดอุบลราชธานีนะ พี่ชนินทร์เป็นพี่คนโต พี่เขาเกิดปีสองพันห้าร้อยสิบห้านะ ส่วนฉันเกิดปีสองพันห้าร้อยยี่สิบ แม่ของฉันเนี่ยนะตามจริงมีแค่พี่ฉันกับฉันสองคน แต่แม่ดันมีน้องสาวฉันมาอีกคน ตอนนี้น้องสาวฉันอายุแค่สี่ขวบเอง”ชาลิสาบอก

“หรอ เธอโชคดีจังที่ได้มีน้องสาว”

“ไม่หรอก”

สักพักรถโดยสารประจำทางก็หยุดรถ ทั้งสองคนลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนที่จะเดินลงไปจากรถโดยสารประจำทาง ทั้งสองคนกำลังเดินตรงไปยังซอยที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ก่อนที่จะมาหยุดอาคารพาณิชย์ที่เขียนว่า

“เคแอนด์เค เขามองอีกฝ่ายก่อนที่จะเดินเข้าไปในอาคารแห่งนี้ก่อนที่จะมีพนักงานต้อนรับออกมาต้อนรับ เป็นชายสวมชุดทำงานแขนยาวกางเกงสแล็คออกมาต้อนรับทั้งสองสาว

“สวัสดีครับบริษัทเคแอนด์เคยินดีต้อนรับครับไม่ทราบว่าจะมาทำอะไรหรอครับ” พนักงานต้อนรับหนุ่มเอ่ยขึ้น

“คือพวกเราจะมาสัมภาษณ์งานที่นี่นะค่ะ”

“อ๋อได้ครับเดี๋ยวพี่จะติดต่อ ประธานบริษัทเพื่อที่จะมาสัมภาษณ์งานของน้องทั้งสองคนเลยละกันนะครับ”

ชาลิสากับคุณิตานั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนที่พนักงานชายจะกดโทรศัพท์สำนักงานเพื่อเรียนถามประธานบริษัท

“สวัสดีครับท่านประธาน พอดีมีน้องจะเข้ามาสัมภาษณ์งานด้วยนะครับ น้องเขาเรียนจบประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงอีกคนหนึ่งกับปริญญาตรีคนหนึ่ง ผมดูใบสมัครแล้วครับท่านประธานน้องเขาชื่อ คุณิตา

เปี่ยมยิ่ง กับ ชาลิสา พรหมวงศานนท์ครับ ไม่ทราบว่าท่านประธานว่างหรือยังครับ”

“คือว่า ผมกำลังคุยกับผู้จัดการอยู่นะ คือฉันกำลังคุยเรื่องงานอยู่นะ” ปลายสายบอก

“งั้นเดี๋ยวถ้าท่านประธานว่างผมจะให้น้องทั้งสองคนนี้ไปสัมภาษณ์งานละกันนะครับ ครับโอเคครับสวัสดีครับ”

พนักงานวางหูลงก่อนที่จะหันมามองใบสมัครงานซึ่งมีหลักฐานในการสมัครงานของสองสาว เขาหันหน้าขึ้นมามองหญิงสาวสองคน

“น้องเป็นคนอุบลหรอ แม่นบ่” พนักงานเอ่ยขึ้นติดสำเนียงคนอุบล

“แม่นแล้วจ๊ะ อ้าย” ชาลิสาพูดขึ้น

“เฮาคนอีสานนำกัน มื้อนี้อ้ายพกข้าวเหนียวกับไก่ทอดและมีตำบักหุ่งนำ สิกินบ่”

“บ่หรอกอ้าย ว่าแต่อ้ายเป็นคนแถวใด๋น้อ” ชาลิสาถาม

“อ้ายก็คนสกลนคร อ้ายก็มาเฮ็ดงานอยู่เมืองกรุงแต่โดนแล้วละ ว่าแต่นามสกุลน้องคุ้นๆ ขอโทษเด้อเป็นอิหยังกับผู้จัดการ” พนักงานชายถาม

“ข่อยเป็นน้องสาวของผู้จัดการ”

“อีหลีติ มาตามหาอ้ายเบาะ” พนักงานชายถามอีก

“บ่หรอกจ้า คือหนูมาสมัครงานเฮ็ดอยู่หม่องนี้นำสื่อๆ” ชาลิสาตอบ

“แล้วอีกคนคุณิตา คุณเป็นคนอีสานหรอเห็นถือข้าวเหนียว” พนักงานถาม

“เปิ้ลบ่าแม่นคนอีสานเน้อ เปิ้ลเป๋นคนเหนือเจ้า”

“ฮ่าๆ” พนักงานหัวเราะอย่างแก้เก้อนึกว่าอีกคนเป็นคนอีสานด้วย ก่อนที่พนักงานหน้าตาดีอีกคนเดินเข้ามาถาม

“เออ ประสิทธิ์ น้องๆเขามาสมัครงานที่นี่หรอ”

“ใช่แล้วพี่” พนักงานชายตอบ

“เอ๊ น้องตาใช่ไหม จำพี่ได้ไหม”

คุณิตางุนงงกับชายที่อยู่ตรงหน้าเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

“จำไม่ค่อยได้เลย”

“พี่คิงไง ที่เมื่อตอนยังเด็กพี่เคยเข้าไปหาน้องที่บ้านน้องลำพูนไง”

“อ๋อ พี่คิงนี่เอง”

ชาลิสางงที่อีกฝ่ายรู้จักกันได้ยังไง

“แล้วเธอรู้จักพี่คนนี้ยังไงหรอ”

คุณิตาเริ่มเล่าให้ชาลิสาฟัง

“คือเมื่อตอนฉันยังเด็กพี่คิงเขามาเล่นกับฉันเองแหละ พี่เขาบอกว่าอากาศที่เชียงใหม่เชียงรายนะอากาศดีมากๆ เลย แล้วมีวันหนึ่ง พี่เขาซื้อแหวนของเล่นมาให้ฉันด้วยละ”

“ฮะ อะไรนะ”

คุณิตายิ้มอย่างดีใจที่เขาเริ่มพบหน้าพี่ชายอีกคน ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ประจำสำนักงานเริ่มดัง พนักงานกดปุ่มเพื่อเปิดSpeaker Phone เพื่อให้ผู้ที่สัมภาษณ์งานได้ยิน

“ตอนนี้ผมว่างแล้ว คุณพาน้องที่จะสมัครงานเข้ามาหาผมได้” พนักงานกดปุ่มปิด Speaker Phone ก่อนที่จะเอ่ยขึ้น

“น้องๆ ครับงั้นพี่จะพาน้องๆ ไปที่ห้องประธานบริษัทกันนะครับ”

พนักงานชาย ลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนที่จะเดินนำหน้าไป เป็นทางตรงไปยังห้องทำงานของประธานบริษัท ก่อนที่พนักงานชายจะเคาะประตูเรียกท่านประธานให้ทราบ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้ามา

พนักงานชายนำใบสมัครงานของชาลิสากับคุณิตาวางลงบนโต๊ะของท่านประธานบริษัท เป็นชายอายุประมาณสามสิบปี กำลังวิเคราะห์ผู้ที่อยู่ตรงหน้า

“คุณสองคนใช่ไหมที่จะมาทำงานที่นี่”

“ใช่ค่ะท่านประธาน” ชาลิสาเอ่ยขึ้น

“ชาลิสา พรหมวงศานนท์” คุณจบจากมหาวิทยาลัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือใช่ไหม”

“ค่ะ” ชาลิสาตอบ

“คุณมีพี่ชายด้วยใช่ไหม”

“ค่ะ”

“ผมรับคุณทั้งสองคนเข้าทำงานก่อนหน้านี้ผมได้คุยกับผู้จัดการแล้ว เดี๋ยวผมจะให้คุณนี่เป็นเลขาของผู้จัดการของที่นี่ได้ไหม”

“ได้ค่ะ ฉันรับตำแหน่งนี้ และฉันจะสัญญาว่าจะไม่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเลยค่ะท่านประธาน”

ชาลิสางง ทำไมท่านประธานถึงได้ให้เธอไปเป็นเลขานุการของผู้จัดการนั่นคือพี่ชายของเธอ ในตอนนี้เผยให้เห็นร่างสูงใหญ่สวมชุดสูทเดินเข้ามา

“มีอะไรหรอครับท่านประธาน” เขาพูดขึ้นแบบเรียบๆ

“คือว่าฉันนะอยากให้นายอบรมเลขาของนายเผื่อเขาจะได้เรียนรู้งานด้วย”

“ครับท่านประธาน ผมจะสอนงานให้กับเธอ”

ชนินทร์มองมาที่น้องสาวของตน ด้วยสีหน้าดูเป็นผู้นำ ผิดกับเมื่อก่อนที่เขานั้นมักจะทำตัวเหลวแหลก

“งั้นนายกับเธอสองคนออกไปได้แล้ว”

“ครับท่านประธาน”

ชนินทร์โค้งตัวก่อนที่จะดึงแขนน้องสาวของตนออกจากที่นั่น ก่อนปิดประตูห้องและยืนออกมานอกห้อง

“พี่นินทร์ พี่ไปทำอีกท่าไหนทำไมถึงได้เป็นผู้จัดการได้ละ” ชาลิสาเอ่ยถามพี่ชาย

“เมื่อก่อนพี่ก็เป็นพนักงานเหมือนเรานี่แหล่ะ แต่พี่ก็ตั้งใจทำงาน โอทีเอยท่านประธานก็เลยให้พี่เลื่อนตำแหน่ง ตอนนี้พี่ก็เป็นผู้จัดการ”

“หรอพี่ พี่ไม่คิดหรอว่าพ่อกับแม่เขาก็อยากจะคอยพี่กลับมาบ้านนะ” ชาลิสาเอ่ยขึ้น

“พี่รู้ พี่อยากกลับบ้านอยู่อุบลเหมือนกัน น้องเอาเรื่องส่วนตัวเก็บไว้ก่อนนะ” ชนินทร์เอ่ยขึ้นกับน้องสาวของเขา

“ได้พี่ น้องจะแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน”

“งั้นสัญญากับพี่สิ”

“สัญญาค่ะพี่ชาย”

ชนินทร์กับชาลิสาเกี่ยวก้อยสัญญากันก่อนที่ทุกเรื่องจะดำเนินงานไป วันแรกของเธอคือการทำงานให้ดีที่สุด และจะไม่เสื่อมเสียชื่อบริษัทเคแอนด์เคตามที่เธอสัญญากันโดยปากเปล่า

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.