5. ไฟอสูรโลกันต์
เพลิงพิโรธแห่งแม่เจ้า...สาดเข้าแผดเผา ผิวร่างคล้ำไหม้
--------------------------------
“เจ้าซึมซับพละนางผู้นี้เข้ากล่องดวงใจเจ้าแล้ว จงมาหาข้าที่ท้องพระโรงทอง!!!” แม่เจ้านิลตวงส่งเสียงดังก้องกังวานเข้าดวงจิตของจันทรปภา น้ำเสียงนางลงท้ายด้วยเสียงลิงโลดสะใจ
“ข้ามิอาจรับคำบัญชาของแม่เจ้าได้ในเพลานี้...”
“เจ้าขัดคำสั่งข้ากระนั้นฤา...ฮะ” เสียงตะคอกดังลั่นสะเทือนยอดตำหนักนาคาสังวาส
“มิได้...แต่ข้ายังมีกิจขัดข้อง” จันทรปภาถอนหายใจดังจนแม่เจ้าพิโรธ
“เจ้ามีกิจอันใด...สำคัญยิ่งกว่ากิจของข้าเจียวรึ!!!”
จันทรปภาเงียบนิ่งมองภาพนางปริศนาที่สงบนิ่งอยู่เบื้องหน้า เขายังมิอาจทิ้งร่างนางผู้นี้ไว้ในหอสังวาส ไม่เคยมีพิธีสังวาสใดที่เหี้ยมโหดเท่ากับการกระทำเยี่ยงเขา
พญานาคาแต่กาลโพ้นเสร็จสิ้นภารกิจอย่างบรมสุข มีแค่เพียงครานั้นที่เจ้าลุงได้ดับจิตของสนมนาคีสองตนที่บังอาจลักเอามนตรา ‘มณีพชร’ และแม่เจ้านิลตวงถูกพระองค์ตัดหงอนนาคีเกือบหมด ทำให้นางเก็บความแค้นดั่งไฟโลกันต์สุมทรวงจวบอสงไขย
“นายทำอะไรฉันรึเปล่า...” เสียงของหญิงสาวแผ่วเบาเหมือนสัญญาณคนเพิ่งตื่นจากภวังค์ แต่ลมหายใจยังระรวยขาดพละ
“ข้าคืนพละแก่เจ้าแล้ว...” เขารู้สึกผิดอยู่ในใจลึกๆ
“ข้าจะบ่มกล่องดวงใจให้เจ้าคืนพละดังเดิม” ในใจที่เหี้ยมโหดกลับเปลี่ยนไปโดยเขาเองไม่รู้ว่าทำไม
เสียงพิโรธดังฟ้าฟาดดังเข้ากลางดวงจิตของจันทรปภา...
“เจ้าทรยศต่อข้าเจียวรึ...!!!”
“มิบังอาจ...ต่อแม่เจ้าได้ฉันใด ข้ายังมิอาจกระทำการด้วยโมหะ มิรู้แจ้งชัดว่าคืออันใด...ได้ฉันนั้น”
“บังอาจขึ้นเสียง...ปากกล้า!!!”
“แม่เจ้า...พึงพักกายา จงรอสักเพลาเถิด จะแจ้งใจว่าเรื่องอันใด ข้าจึงยังมิอาจถ่ายโอนพิษละมุนจากแม่นางผู้นี้ได้”
เขาตัดสินใจแล้วที่จะไม่กระทำการใด ณ เวลานี้ นางปริศนาผู้นี้มีความลับซุกซ่อนอยู่ให้เขาจำต้องค้นหา
การต่อรองเหมือนเนิ่นนานจนเกือบรุ่งสาง แม่เจ้าสาดไฟอสูรโลกันต์ทั่วอากาศธาตุปกคลุมยอดตำหนักบรมพิมานสังวาส ด้วยอารมณ์ขัดเคืองที่หลานรักของนางขัดคำสั่ง ซึ่งเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
“วันพรุ่ง เพลาใกล้สนธยา เจ้ามาหาข้าที่ถ้ำนิลมคธ!!!” เสียงขู่ตะคอกสะเทือนหอสังวาส
‘ข้าจะไป...ตามพระประสงค์ของแม่เจ้า แต่...!!!’ เขาตอบกลับไปทางมโนผัสสะ
‘อย่าให้ข้าหมดใจ...เจ้าจะดับสูญ!!!’ แม่เจ้าขู่กลับด้วยจิตสัมผัสเช่นกัน
หลังจากจันทรปภาตอบกลับให้แม่เจ้าเริ่มคลายความโกรธลงได้บ้างแล้ว เขาจึงเข้าไปช้อนร่างบอบบางที่นอนอยู่บนตั่งสังวาสขึ้นมาตรวจอาการ นางเริ่มค่อยฟื้นคืนพละจากที่เขาถ่ายโอนพลังดวงชมพูกลับคืนร่างไป
“เจ้าคือใคร...แม่เจ้าจึงสั่งข้าให้กระทำเยี่ยงนี้” เขาพึมพำอย่างทดท้อ
“ข้าคงผิดบาปมหันต์ อคิระแสนกัป...เวทมนตราบทนี้ลดลงกึ่งหนึ่งฤานี่” เขาเอ่ยยอมรับชะตากรรม
“ข้าจะต่อกรกับนาคาแสนพิษทั่วพิภพได้เจียวรึ” เขาถอนหายใจยาวอย่างทดท้อ
ตะวันเริ่มยอแสง นางปริศนาผู้นี้กำลังตะเกียกตะกายเอามือไขว่คว้ากับอากาศ ส่งเสียงละเมอ
“พ่อ...แม่คะ ช่วยหนูด้วย...ช่วยหนูที หนูอยากออกจากที่นี่” เสียงนางดังกว่าคราแรกที่เริ่มรู้สึกตัวเมื่อรุ่งสาง
“ข้า...จะเพิ่มพละให้เจ้า”
เสียงก้องของเขากังวานทั่วหอสังวาส สั่นสะเทือนลงไปกระตุ้นร่างของนาง เหมือนการชาร์ตเข้าจุดกลางใจ เขาส่งดวงพลังชมพูลงกลางใจนางไปแล้ว แต่หลงลืมการประจุพละให้ลงที่เดิม นางจึงหลับอยู่ในภวังค์รอลมปราณจากเขา
“ปราณข้าจะส่งผ่านรอยจุมพิต...” เขาเอ่ยเบาๆ ข้างหูของนาง
เขาจึงโน้มตัวลงบรรจงกดริมฝีปากหนาประทับลงบนริมฝีปากบางซีดของนางอย่างนุ่มนวลเนิ่นนาน กลิ่นหอมละมุนจากอุ้งปากภายในทำหัวใจของเขาวาบหวิวประหนึ่งน้ำหวานของรวงหมู่ภมร กำลังฉาบดวงใจของเขาจนฉ่ำละไม
“...อึมม... ฉันเป็นไร เหรอ” หญิงสาวเริ่มสะลึมสะลือรู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง
หลังจากจันทรปภาองค์ราชันย์ได้อุ้มเธอนั่งบนตัก เอาฝ่ามือของเขากดตรงกลางสะบักหลัง ฝ่ามือซ้ายของเขาประคองหน้าอกเธอไว้ไม่ให้ก้มหน้าลงไป ถ่ายโอนปราณลงกลางหลังเพื่อชาร์จเข้าสู่หัวใจของเธอ
เขาวางเธอลงนอนหงายบนตั่งอีกครั้ง จากนั้นจึงหายใจเอาปราณที่กักไว้ลงไปทั่วร่าง บ่มเพาะพลังละมุนของเขาถ่ายโอนผ่านริมฝีปากของเธออีกครั้ง
ครั้งสุดท้ายนี้ ลมหายใจอุ่นๆ ของเธอปะทะกับปราณของเขา ผสมลงไปทั่วร่างผ่านการจุมพิตอย่างเนิ่นนาน จนหัวใจของพญานาคาเริ่มตราตรึงความหวานนุ่มเนียนของอนงค์ปริศนาผู้นี้
‘เธอคือใครหนอ...ใจข้าอิ่มเอมยิ่งนัก’ เขานึกถึงคราสังวาสดึงเอาพละจากนาง ทำหัวใจเขาเพ้อละเมอลุ่มหลง ความร้ายกาจในตัวตนของเขาหลบหายไปอยู่ไหนระหว่างกำลังอุ้มเสพสมเริงรมย์ท่วงท่าแบบนี้ เขาได้สัมผัสสุนทรีย์น่าหลงใหลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หัวใจนาคาเช่นเขาเต้นรัวอย่างปรีดาซาบซึ้งมิรู้ลืม
“ฉัน...ฉันเป็นอะไรเหรอ...” บัวระวงเริ่มเปิดเปลือกตา ขนตาเป็นแพของเธอค่อยคลี่ขยับขึ้นมองตรงเบื้องหน้า เห็นชายหนุ่มรูปหน้าสันเป็นโหนกกำลังจ้องตาเธออยู่
“เจ้า...หลับไปค่อนราตรี” เขากระซิบข้างหูเธอ
“ฉัน...ตายไปหรือ” เสียงแผ่วเบาของเธอ ราวสะอื้นขึ้นมากระทบลมหายใจขององค์ราชัน
“ข้าช่วยเจ้าฟื้นคืนพละ...” เขารับขวัญด้วยการจุมพิตริมฝีปากบางของเธอ
“อย่า...อย่า...อย่า” เสียงของหญิงสาวแผ่วเบาขัดขืน
“ข้ามิได้ทำอันใด...เพียงจุมพิตคืนพละ” เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มจำต้องโป้ปดเพื่อให้หญิงสาวคลายกังวล
“อือ...ฉันกลัว...นายทำอะไรฉัน” เสียงขัดขืนเบาๆ ของเธอทำนาคอสุราตนนี้รู้สึกผิด
“นายข่มขืนฉัน...ใช่ไหม” ความจริงที่เธอไม่อาจรับได้ เสียงสะอื้นสะท้อนขึ้นลงบนหน้าอกเปลือยเปล่าเบาๆ
“ข้าทำผิดบาปยิ่งนัก...” เสียงระคนเศร้ากระซิบอยู่ตรงหน้าเธอ ราวสำนึกบาป
“ฮือ...ฮือ...ฮือ ทำกับฉันขนาดนี้” เสียงร่ำไห้แผ่วเบาสะท้อนเข้าไปถึงดวงจิตของจันทรปภา
องค์ราชันย์ปล่อยให้นางหลับในอ้อมกอดเขาถึงรุ่งเช้าของวันใหม่ เธออยู่กับเขาบนหอสังวาสเป็นวันที่สอง เขายังไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับแม่เจ้านิลตวงอย่างไร
บัวระวงฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่าย เธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มทำอะไรช่วงที่เธอหลับไป องค์ราชันย์ได้บ่มเพาะพลังดวงชมพูให้คืนประจุ โดยถ่ายโอนจากการโอบร่างเธอไว้ให้ความร้อนจากร่างของเขาถ่ายลงไปทั่วทุกอณูเนื้อเยื่อ
ความละมุนระหว่างการถ่ายโอนปราณแห่งชีวิต จำต้องเปิดจักระตั้งแต่โพรงบริสุทธิ์ตรงจุด เริงนาคี จนถึงจักระสุดท้าย ตรงจุด ยอดกุมุท ความอ่อนหวานละมุนทั่วร่างของหญิงปริศนาผู้นี้ ทำหัวใจของเขากระสันซาบซ่านทุกจังหวะของการเต้น
‘นางทำข้าสั่น...ถึงเพียงนี้ฤา แม่เจ้าคงพิโรธข้าที่ผิดคำสั่ง’ เขามิอาจเอ่ยวาจามดเท็จนางได้
“ข้าจะทิ้งเจ้า... ไปหาแม่เจ้าสักชั่วยาม รอข้าบนตั่งนี้หนา” จันทรปภากระซิบเธอ ก่อนหายวับไป
เขาปรากฏตัวในร่างพญานาคาต่อหน้าแม่เจ้านิลตวง นางกำลังเข้าฌานเพื่อบ่มเพาะไสยเวทให้แกร่งกล้าเพื่อเอาไว้จัดการกับหลานรักตนนี้
“เจ้าผิดคำสั่งเจียวรึ...ฮะ” เสียงขู่ฟ่อดั่งงูพิษกำลังแผ่พังพาน
“แม่เจ้ามิเคยให้ข้ารู้แจ้ง...นางคือใคร” เสียงต่อต้านของเขาดังกังวานในถ้ำ
“เจ้าทำอันใด... มิได้เริงนาคีฤา”
“ข้าจำต้องคืนพละ... ข้ามิอาจทำผิดบาปมหันต์ ลงโทษข้าเถิด...แม่เจ้า” น้ำเสียงยอมรับยิ่งทำให้ไฟโกรธาของนางปะทุทันใด
แสงสีแดงดั่งเพลิงโลกันต์สาดไปยังจันทรปภาอย่างแรงจนร่างนาคาของเขากระเด็นไปชนผนังถ้ำตกลงกระแทกพื้น ร่างของเขาเป็นสีเขียวคล้ำไหม้
“เจ้าผิดคำสั่ง...ข้าจำต้องส่งเจ้าลงนรก ข้าจะครองบัลลังก์เอง” สิ้นเสียงของนาง ไฟอสูรโลกันต์ถูกส่งออกมาเป็นสายดั่งเปลวสุริยะ ตรงไปยังร่างของหลานรักอย่างเหี้ยมโหด
“ไปไหน...หลานรักข้า... อยู่ตรงนี้!!! มันจองจำข้าจวบกึ่งแสนนาควรรษ” นางกระแทกเสียงก้อง นั่งบริกรรมส่งจิตค้นหาจันทรปภา
“นางผู้นี้คือใคร...” เสียงแหบของจันทรปภาถามกลับไป ก่อนที่ดวงจิตของเขาจะหายไปจากถ้ำแห่งนี้
“ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า มันคือลูกสาวไอ้อรินทร์กับทิพปภาบนโลกาพิภพ” สิ้นเสียงของนาง ไฟโลกันต์ที่พวงพุ่งอยู่ภายในถ้ำได้ส่งออกไปค้นหาเจ้าของเสียงที่ตอบกลับมา
“แม่เจ้า...สั่งข้ากระทำบาป มิให้ข้ารู้แจ้งว่านางคือใคร” เสียงปนเศร้าของเขาแหบหายไปในอากาศ
บนยอดตำหนักบรมพิมานสังวาส ณ หอนาคาสังวาสแห่งนี้ แม่เจ้านิลตวงมิอาจบุกรุกล่วงล้ำเข้ามาได้ พลังอำนาจของเหล่าพญานาคาธิบดีแต่โบราณกาลกางกั้นดวงจิตของอสูรร้ายทุกตนด้วย ‘เวทสยบภัย’
“...นายหายไปไหนมา เป็นอะไรนั่น” เสียงหญิงสาวถามทันที ที่เห็นร่างชายหนุ่มปรากฏขึ้น
โอปาติกะนาคากึ่งเทพในร่างมานพฉกรรจ์กำลังดิ้นพรวดพราดด้วยอาการเจ็บแสบระบมทั่วร่างจากพิษไฟโลกันต์แสนห่าของแม่เจ้านิลตวง
“เจ้า...ช่วยข้าที” เสียงของเขาค่อยจางหายไปพร้อมร่างที่สลบอยู่บนตั่ง
“ตายล่ะ...จะช่วยนายยังไงเนี่ย” เธอเพิ่งตื่นมา รู้สึกมีพลังหายใจได้เต็มปอด มาเจองานเข้าแล้ว
“...เอาพลังดวงชมพูประจุลงปราณ...ปราณ” เสียงดังสะท้อนจากผนังเหลืองทองอร่ามแวววาว
“ทำยังไง...ฉันจะรู้ไหมล่ะ”
บัวระวงนึกขึ้นได้ว่า ต้องเอาปานชมพูตรงหน้าอกข้างซ้าย เข้าไปทาบตรงภาพพญานาคาอุ้มสมกับผู้หญิง
“เอาล่ะ...ฉันจะไปชาร์จพลังตรงนั้นอีกครั้ง นายรอหน่อยนะ” เธอพุ่งตัวไปที่รูปนั้นทันที
พลังนาคากับนาคินีสั่นสะเทือนทั่วร่างของบัวระวง จนรู้สึกอิ่มเอมไปทั่วอณูเซลล์
“แล้วยังไงอีก...”
ในที่สุดเธอจึงตัดสินใจจับริมฝีปากของชายหนุ่มอ้าออก แล้วเอาหัวนมข้างซ้ายดุนลงไปในอุ้งปากเพื่อส่งพลังปราณลงไป
เธอเห็นร่างของนาคาตนนี้กระตุกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และกำลังดูดหัวนมเธอเพื่อซึมซับพละเข้ารักษาอาการบาดเจ็บของตัวเขา บัวระวงตกใจเช่นกันแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ เธออายหน้าแดงอย่างสุดแสน ไม่เคยมีใครล่วงล้ำร่างกายถึงเพียงนี้
“มาตกอยู่ในมิติบ้าอะไรขนาดนี้...เนี่ย” เธอจำต้องให้ชายหนุ่มดูดหัวนมเธอเพื่อถ่ายโอนพลังปราณ
หัวใจของบัวระวงเริ่มละมุนกรุ่นอุ่น ...อุ่นขึ้นเรื่อยๆ จนร้อนผ่าวดังไฟสุริยะหมื่นฟาเรนไฮต์ อาการกระตุกของชายหนุ่มยังดำเนินต่อไป...ต่อไป
“อะไรเนี่ย...ทำอะไรน่ะ”
เสียงดูดหัวนมเธออย่างเมามันของเขาทำเธอตกใจ ผิวไหม้ดำทั่วร่างดั่งถูกไฟเผาเริ่มเปลี่ยนสีกลายเป็นเนื้อหนังชมพูราวเด็กทารก ชั่วอึดใจต่อมาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเนื้อดังเดิม
“เฮ้อ... สลบไปแล้ว ทำอย่างกับฉันเป็นแม่นม” เธอพูดขำเบาๆ
“เฮ้ย...เฮ้ย...นี่อะไรน่ะ”
เสียงแหบแห้งขาดเป็นช่วงๆ ของเขากลับดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนสลบไปบนตักเธอ
“ขอ ขา...ข้า...ดึงพะ...ละ เจ้า...ช่วยข้าอะ อีก...”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 138
แสดงความคิดเห็น