ตอนที่ 235 พลังต้นกำเนิด
ตอนที่ 235 พลังต้นกำเนิด
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังดีใจที่ตัวเขาได้รับมรดก เขาก็หลงกลเงาอำมหิตจนติดอยู่ในห้องลับแห่งนี้
หลังจากกวาดสายตามองอยู่สักพักเขาก็ได้พบกับแผ่นโลหะสีเงินของเงาอำมหิตที่ซ่อนอยู่อีกอัน
ฮ่า ๆ ๆ เจ้ากำลังตกใจอยู่ใช่ไหม? ข้าจะบอกใบ้ให้ว่าห้องลับแห่งนี้ยังมีทางออกอีกทางหนึ่งซ่อนอยู่ แต่นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะหาทางลัดที่ข้าได้ซ่อนเอาไว้เจอหรือเปล่า — เงาอำมหิต
ฟิ้ว!
เซี่ยเฟยขว้างแผ่นโลหะชิ้นนี้ออกไปก่อนที่มันจะฝังลงไปในกองเศษหินที่ถล่มปิดทางลงมา
เงาอำมหิตไม่เพียงแต่จะมีบุคลิกที่โหดร้ายแต่เขายังเป็นคนที่ค่อนข้างจะซุกซน ถึงขนาดคิดวิธีทรมานผู้ได้รับมรดกของตัวเองให้พยายามหาทางออกจากห้องลับท่ามกลางความสิ้นหวัง
“เส้นทางลับมันอยู่ไหน?”
เซี่ยเฟยพยายามตรวจสอบห้องแห่งนี้อย่างละเอียดอีกหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่พบกับร่องรอยอะไรที่มีความผิดปกติเลย
ระหว่างนั้นเขาก็ได้หยิบหนังสือที่เป็นมรดกชิ้นสุดท้ายขึ้นมาอ่าน เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาต้องค่อย ๆ ดำเนินการเรื่องทุกอย่างไปทีละขั้นตอน และถ้าหากว่าคำตอบไม่ได้ถูกซ่อนเอาไว้ในห้องแห่งนี้ คำตอบก็อาจจะถูกซ่อนไว้ภายในหนังสือที่เงาอำมหิตได้ทิ้งเอาไว้ให้ก็ได้
หนังสือเล่มนี้มีความหนาเพียงแค่ 30 หน้า โดยกระดาษได้ทำมาจากกระดาษชนิดพิเศษที่มีกลิ่นเลือดลอยออกมาจาง ๆ ราวกับว่าตัวกระดาษเคยถูกจุ่มลงไปในกองเลือดมาก่อน
“พลังต้นกำเนิด?” เซี่ยเฟยอ่านคำบนปกหนังสือที่ถูกเขียนด้วยมือไม่ใช่การตีพิมพ์ด้วยเครื่องจักร
ชายหนุ่มพลิกหน้าหนังสืออ่านเนื้อหาด้านในอย่างรวดเร็ว ซึ่งความสามารถในการอ่านของเขาเร็วกว่าคนโดยทั่วไป และความเข้าใจของเขาก็เหนือกว่าคนทั่วไปมาก เขาจึงสามารถอ่านหนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มนี้ได้ในเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 2 นาที
หลังจากอ่านจบเซี่ยเฟยก็ถอนหายใจออกมาเมื่อเขาได้พบว่าเนื้อหาในหนังสือคือวิธีการดูดซับพลังต้นกำเนิดของจักรวาล!
พลังต้นกำเนิดเป็นพลังงานพิเศษที่ถูกปล่อยออกมาในระหว่างที่จักรวาลก่อกำเนิด แต่หลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปพลังงานพวกนี้ก็ได้หายไปสู่ความว่างเปล่า
แต่ในวันหนึ่งพลังต้นกำเนิดก็ปรากฏตัวขึ้นในจักรวาลอีกครั้ง โดยมันถูกควบแน่นให้อยู่ในสถานะของหัวใจจักรวาลทำให้พลังต้นกำเนิดคงอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้
เหตุผลที่สมาพันธ์จัสทิสเป็นสมาพันธ์ที่มีอำนาจและสามารถผลิตนักสู้ระดับสูงเข้าสมาพันธ์ได้อย่างต่อเนื่อง นั่นก็เพราะว่าพวกเขาเข้าใจกระบวนการในการทำให้ร่างกายของมนุษย์สามารถดูดซับพลังงานต้นกำเนิดเข้าไปได้
แต่ในระหว่างที่เซี่ยเฟยอยู่ค่ายเขาก็พยายามไม่ดูดซับพลังต้นกำเนิดเข้าไปมากนัก เพราะเขากังวลว่าพลังพวกนี้จะทำให้ร่างกายได้รับความเสียหาย ซึ่งถ้าหากว่าร่างกายได้รับผลกระทบจากการดูดซับพลังเข้าไปจริง ๆ มันก็เป็นสิ่งที่ได้ไม่คุ้มเสียเลย
ยกตัวอย่างเช่น พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาที่ถึงแม้ว่ามันจะถูกเปิดออกอย่างสมบูรณ์ แต่เขาก็สูญเสียโอกาสที่จะพัฒนาความสามารถด้วยวิธีปกติไปด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่า ทุกสิ่งในจักรวาลมีจุดสมดุลย์ ดังนั้นการได้อะไรมาหนึ่งอย่างมันก็หมายความว่าเขาจะต้องเอาอะไรไปแลกสิ่งนั้นมาเช่นกัน
เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ได้สอนวิธีที่จะทำให้ร่างกายของมนุษย์ดูดซับพลังต้นกำเนิดเข้าไปได้ และถ้าหากว่าใครสามารถทำความเข้าใจวิธีในหนังสือได้อย่างเชี่ยวชาญ พวกเขาก็จะสามารถพัฒนาพลังพิเศษของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าการพัฒนาตัวเองด้วยวิธีนี้มีราคาที่ต้องแลกเปลี่ยน ซึ่งวิธีการดูดซับพลังต้นกำเนิดในหนังสือมีทั้งหมดอยู่สามวิธีและหนึ่งในวิธีนี้ก็เป็นวิธีที่ชายหนุ่มค่อนข้างคุ้นเคย
พลังต้นกำเนิดมีความรุนแรงมากจนเกินไป ร่างกายของมนุษย์จึงไม่สามารถที่จะดูดซับพลังของจักรวาลได้โดยตรง ด้วยเหตุนี้ผู้ดูดซับจึงจำเป็นจะต้องควบคุมปริมาณพลังงานที่ดูดซับเข้าไปอย่างเข้มงวด คล้ายกับว่าพวกเขาต้องรู้ว่าจะต้องเติมน้ำเข้าไปมากเท่าไหร่น้ำที่พวกเขาเติมเข้าไปถึงจะไม่ล้นแก้ว
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ดูดซับยังจำเป็นจะต้องแปลงพลังงานพวกนี้ให้กลายเป็นพลังงานที่เจือจางเสียก่อน โดยกระบวนการนี้จะก่อให้เกิดการสูญเสียพลังงานอย่างรุนแรง ซึ่งถ้าหากว่าคนคนหนึ่งต้องการจะดูดซับพลังงานต้นกำเนิดเข้าไปจำนวน 100 หน่วย พวกเขาก็อาจจะต้องเตรียมพลังงานต้นกำเนิดเอาไว้ในปริมาณ 1,000 หน่วยเลยทีเดียว
การแปลงพลังงานด้วยวิธีที่หนึ่งจะก่อให้เกิดพลังงานวิปริต ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการแปลงพลังงานที่ง่ายที่สุด, มีต้นทุนต่ำที่สุดและมันก็เป็นวิธีการที่ใช้ในห้องฝึกอบรมของค่ายฝึกจัสทิสลีก
แน่นอนว่าวิธีการนี้ย่อมมีข้อเสียเช่นเดียวกัน เพราะถ้าหากมนุษย์ดูดซับพลังงานวิปริตเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป มันก็จะเริ่มสร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายใน ซึ่งถ้าหากว่ามันเป็นความเสียหายที่ร้ายแรงผู้ดูดซับก็อาจจะไม่สามารถซ่อมแซมอวัยวะพวกนั้นกลับมาได้เลยตลอดชีวิต
ยิ่งไปกว่านั้นการดูดซับพลังงานวิปริตยังจะทำให้ผู้ดูดซับมีอาการหงุดหงิด เพราะพลังที่ไหลเข้าไปภายในร่างกายเปรียบเสมือนกับเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นพลังงานที่รุนแรงแต่มันก็เป็นพลังงานที่ยากจะควบคุม
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่เขาไม่ได้ดูดซับพลังงานวิปริตในค่ายฝึกจัสทิสลีกเข้าร่างกายมากจนเกินไป มันจึงทำให้ร่างกายของเขายังไม่ได้รับผลข้างเคียง
แต่ในช่วงเวลานี้เขาก็ไม่รู้ว่าเยว่เกอกับเฉินตงจะดูดซับพลังงานวิปริตเข้าไปมากแค่ไหน ซึ่งถ้าหากว่าเขาได้มีโอกาสเจอสหายเขาจะทำการตักเตือนให้ทั้งสองได้รู้ถึงผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้น
หากวิธีการแรกเปรียบเสมือนกับการแผดเผาร่างกายด้วยเปลวไฟ วิธีการที่ 2 ก็เหมือนกับเอาร่างกายไปฝังไว้ในภูเขาน้ำแข็ง
ถึงแม้วิธีการนี้จะทำให้ร่างกายสามารถดูดซับพลังงานได้มากกว่าวิธีการแรก แต่มันก็มีสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนค่อนข้างจะร้ายแรงเช่นเดียวกัน เพราะนอกจากพลังงานจะสร้างความเสียหายทางด้านกายภาพให้กับผู้ดูดซับแล้ว มันยังมีผลข้างเคียงทำให้ผู้ดูดซับรู้สึกเบื่อหน่ายการใช้ชีวิตถึงขั้นที่อาจจะฆ่าตัวตายไปเลยก็มี
จากข้อมูลในหนังสือผู้ที่ดูดซับพลังงานในวิธีที่ 2 จะกลายเป็นคนที่ปลีกตัวออกจากโลกภายนอก และพวกเขาก็อาจจะกลายเป็นผู้ป่วยทางจิตเช่นอาจจะเห็นภาพหลอน
เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่ส่ายหัวไปมา เพราะวิธีการนี้ก็ไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสมสำหรับเขาเช่นเดียวกัน เนื่องจากถึงแม้ว่าวิธีการแรกจะสร้างผลกระทบทำให้อวัยวะภายในได้รับความเสียหาย แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ได้สร้างความเสียหายทางจิตใจให้กับผู้ดูดซับ
ในหลาย ๆ กรณีความเสียหายทางจิตใจมีความรุนแรงมากกว่าความเสียหายทางด้านกายภาพมาก และมันก็คงจะไม่มีใครอยากได้รับพลังมาพร้อมกับกลายเป็นผู้ป่วยทางจิต
วิธีการสุดท้ายเป็นวิธีที่ดูดีกว่าสองวิธีแรกมาก ซึ่งพลังงานที่ถูกแปลงออกมาด้วยวิธีที่ 3 ถูกเรียกว่าพลังงานอ่อนโยน
วิธีการนี้สามารถหลีกเลี่ยงข้อเสียของ 2 วิธีแรกได้อย่างสมบูรณ์ แต่มันก็ไม่ใช่วิธีการที่สมบูรณ์แบบเช่นเดียวกัน
ผลลัพธ์ที่ได้จากการดูดซับพลังงานอ่อนโยนแตกต่างจากชื่อของมันอย่างสิ้นเชิง เพราะผลกระทบจากการดูดซับพลังงานชนิดนี้จะทำให้ผู้ดูดซับกลายเป็นพวกบ้าคลั่ง!
ผู้ดูดซับพลังงานอ่อนโยนจะได้รับผลกระทบคล้ายกับการปลูกฝังความบ้าคลั่งเข้าไปในจิตสำนึก ซึ่งผลกระทบของวิธีนี้ก็อาจจะทำให้พวกเขาฆ่าคนเป็นกองภูเขาโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วยซ้ำ
“วิธีการนี้ช่างเหมาะสมกับฉันจริง ๆ ฉันยังมีหัวใจจักรวาลสีม่วงเก็บเอาไว้ในแหวนมิติ หลังจากฉันออกไปจากห้องนี้ฉันจะลองดูดซับพลังงานต้นกำเนิดตามวิธีการที่ 3 ดูดีกว่า” เซี่ยเฟยกล่าวกับตัวเองพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
เขาไม่ได้รู้สึกสนใจผลข้างเคียงของวิธีการที่ 3 เลย เพราะผลกระทบของวิธีการนี้เกิดจากการที่จิตใจของผู้ดูดซับมีความแข็งแกร่งไม่มากพอ เซี่ยเฟยเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองอยู่เสมอและเขาก็ไม่คิดว่าผลกระทบทางด้านจิตใจของวิธีที่ 3 จะทำอะไรจิตสำนึกของเขาได้ ซึ่งตราบใดก็ตามที่เขามีความตั้งใจมากเพียงพอ เขาก็จะสามารถเอาชนะทุกความคิดที่อยู่ภายในจิตสำนึกของตัวเอง
หลังจากอ่านข้อมูลไปเรื่อย ๆ เซี่ยเฟยก็ได้พบว่าการแปลงพลังงานต้นกำเนิดเป็นพลังงานอ่อนโยนค่อนข้างจะเป็นวิธีการที่ซับซ้อน เพราะไม่เพียงแต่มันจำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ เป็นจำนวนมากเท่านั้น แต่มันยังต้องใช้หัวใจจักรวาลสีม่วงที่มีความบริสุทธิ์สูงกว่าหัวใจจักรวาลสีแดงอีกด้วย และอัตราการสูญเสียพลังงานในระหว่างการแปลงพลังงานของวิธีการที่ 3 นี้ก็มีอัตราการสูญเสียพลังงานสูงกว่าสองวิธีแรกค่อนข้างมาก
แม้แต่หัวใจจักรวาลสีม่วงชิ้นที่เล็กที่สุดก็มีราคาหลายร้อยล้านสตาร์คอยน์ การใช้วิธีการนี้ในการเพิ่มพลังจึงไม่ต่างไปจากการเอาเงินมาเผาอย่างแท้จริง
ชายหนุ่มสันนิษฐานว่าสมาพันธ์จัสทิสน่าจะมีข้อมูลลักษณะนี้อยู่ภายในมือ พวกเขาจึงสามารถใช้หัวใจจักรวาลเพื่อเพิ่มพลังให้กับสมาชิกของสมาพันธ์อย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่สูงมากจนเกินไปพวกเขาจึงเลือกใช้วิธีการแรกที่มีต้นทุนต่ำที่สุด
หลังจากอ่านหนังสือจนได้ข้อสรุปเขาก็เก็บหนังสือเอาไว้ในอ้อมแขน ซึ่งหลังจากนี้สิ่งที่เขาจำเป็นจะต้องทำคือการหาวิธีออกไปจากที่นี่ให้ได้เสียก่อน
ออกซิเจนภายในห้องค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าหากว่าออกซิเจนภายในห้องมีไม่พอ แม้แต่เซี่ยเฟยที่มีพลังพิเศษก็ไม่สามารถเอาชีวิตรอดในสภาพขาดอากาศได้
ยังดีที่ในชุดต่อสู้ไร้ชื่อกับชุดบลีดดิ้งก็อดมีถังอากาศขนาดเล็กติดตั้งอยู่ แต่น่าเสียดายที่เขาใช้อากาศภายในชุดต่อสู้ที่ได้รับมาจากทูรามไปแล้วส่วนหนึ่ง เขาจึงประมาณการว่าอย่างมากที่สุดเขาจะมีอากาศหายใจอยู่ได้เพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น
เซี่ยเฟยทำการตรวจสอบห้องลับอย่างระมัดระวังอีกครั้งโดยไม่ปล่อยให้มีอะไรคลาดสายตาไปเลยแม้แต่น้อย ตลอดเวลาเขาพยายามควบคุมลมหายใจให้สูดอากาศเข้าไปน้อยที่สุด ซึ่งวิธีการนี้มันก็จะทำให้เขามีเวลาในการหาทางออกไปจากสถานที่แห่งนี้มากที่สุดนั่นเอง
น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าเขาจะตรวจสอบทุกอย่างอย่างละเอียดอีกครั้งแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้พบกับกลไกใด ๆ ที่ซ่อนอยู่ภายในห้องแห่งนี้เลย
“หรือว่ามันจะต้องใช้วิธีพิเศษ?”
เซี่ยเฟยนั่งกลางห้องพร้อมกับคิดทบทวนทุกรายละเอียดนับตั้งแต่ที่เขาได้เดินเข้ามาในทางลับแห่งนี้ แม้กระทั่งบุคลิกของเงาอำมหิตก็ถูกนำมาคิดเพื่อหาคำตอบของสถานการณ์ในตอนนี้ด้วย
ชายหนุ่มพยายามจินตนาการว่าถ้าหากตัวเองเป็นเงาอำมหิต เขาจะซ่อนทางลับเอาไว้ที่ตรงไหน
กาลเวลาค่อย ๆ ผ่านพ้นไปซึ่งเซี่ยเฟยก็พยายามใช้สมองคิดพิจารณาสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วน และถึงแม้ว่าสถานการณ์จะเริ่มวิกฤตขึ้นเรื่อย ๆ แต่เขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตอย่างใจเย็น
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 281
ความคิดเห็น
ขอเดาว่ามันอยู่บนหลังคา เพราะรูปปั้นชี้ธนูขึ้นไปบนหลังคา
ไปดูเฉลยกันนนนน
แสดงความคิดเห็น