ตอนที่ 490 พระราชวังเทียนโลหิต
ตอนที่ 490 พระราชวังเทียนโลหิต
ในเมืองหลวงของอาณาจักรเทียนโลหิตไม่ได้มีอะไรน่าดึงดูดความสนใจมากนัก นอกจากเรดนาเร็ดที่พบเห็นได้อย่างมากมายกับความรุนแรงที่เห็นได้ตามท้องถนน
แม้แต่ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองหลวงของอาณาจักรก็เทียบได้กับโรงแรม 5 ดาวในเมืองปักกิ่งเท่านั้น ซึ่งมันยังห่างไกลกับโรงแรมชั้นนำในกลุ่มดาวนครหลวงของพันธมิตร
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันคอนสแตนตินกับเซี่ยเฟยก็นั่งจิบน้ำชาพร้อมกับรับชมการต่อสู้ที่มองเห็นได้จากหน้าต่าง พร้อมกับพูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการขนส่งเรดนาเร็ดไปยังภูมิภาคดาวเหวทมิฬ
แม้ว่ามันจะเรียกว่าการสนทนาแต่ในความจริงมันเป็นเหมือนกับการที่เซี่ยเฟยพูดทุกอย่างออกมาคนเดียวมากกว่า คอนสแตนตินมีหน้าที่เพียงแค่พยักหน้ารับและจดข้อมูลทุกอย่างลงในสมุดบันทึกของเขาเท่านั้น
เมื่อได้เห็นการต่อสู้บนท้องถนนที่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยเฟยก็ละความสนใจเรื่องไร้ประโยชน์พวกนั้น และบอกกับคอนสแตนตินว่าเขาต้องการจะพบคู่หมั้นของอีกฝ่าย
จุดศูนย์กลางของเมืองหลวงคือพระราชวังและเจ้าชายทั้งสองคนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีพื้นที่เป็นของตัวเอง โดยประตูทางเข้าวังมีทหารคอยยืนเฝ้าประจำการเป็นจำนวนหลายสิบคน
“ตรงนี้คือที่พักของน้องค์ชายคนละแม่ของฉัน เขามีชื่อว่าแคมปัส” คอนสแตนตินกล่าวอย่างสบาย ๆ
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่จะนั่งรถต่อไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร โดยสถานที่แห่งนี้เป็นที่พักส่วนตัวของคอนสแตนติน แต่มันกลับเป็นที่พักเหมือนกับคนรวยโดยทั่วไปไม่ได้มีความยิ่งใหญ่เหมือนกับวังของทางฝั่งแคมปัสเลย
“องค์ชายในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว” ทหารชราร่างท้วมเดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะเปิดประตูให้คอนสแตนตินกับเซี่ยเฟยเข้าไปยังพื้นที่ทางด้านใน
ตลอดทางเซี่ยเฟยได้พบกับคนรับใช้ชราเป็นจำนวนมาก และความรู้สึกแรกที่เขาสัมผัสได้ในวังของคอนสแตนติน มันก็ทำให้เขานึกว่าเขากำลังได้เข้าไปในบ้านพักคนชราเสียอีก
“ตามกฎของราชวงศ์คนรับใช้และทหารองครักษ์จะถูกไล่ออกจากเมืองหลวงหลังจากที่พวกเขาชราภาพลงแล้ว แต่คนพวกนี้รับใช้ราชวงศ์มาทั้งชีวิตและค่าตอบแทนที่พวกเขาได้รับก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินอย่างน่าสมเพช”
“ดังนั้นถ้าหากพวกเขาถูกขับไล่ออกไปมันก็ยากที่พวกเขาจะอยู่รอดในสังคมอันโหดร้ายนี้ได้ ฉันจึงให้พวกเขามาทำงานต่อภายในวังของฉัน ถึงยังไงงานในวังมันก็เป็นงานไม่หนักมากอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสูงวัยไปบ้างแต่พวกเขาก็มีประสบการณ์ ทำให้งานของพวกเขาไม่ได้แย่ไปกว่าคนหนุ่มสาวมากนัก” คอนสแตนตินกล่าวอธิบาย
“ตอนอยู่ในเมืองฉันก็พอจะเห็นคนแก่อยู่บ้างนะ แต่จำนวนคนแก่ที่ฉันเห็นสู้กับจำนวนคนรับใช้ในวังของนายไม่ได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“อาณาจักรของเราให้ความสำคัญแต่กับคนหนุ่มสาวไม่คิดที่จะเลี้ยงดูคนชราพวกนี้เลย ดังนั้นเมื่อพวกเขาถูกปลดประจำการพวกเขาก็ต้องหลบออกไปใช้ชีวิตในถิ่นทุรกันดาร หรือไม่พวกเขาก็ต้องฆ่าตัวตายไม่ให้ครอบครัวของตัวเองเดือดร้อน ฉันทนเห็นภาพพวกนั้นเกิดขึ้นกับคนที่คอยให้บริการฉันมาตั้งแต่เด็กไม่ได้จริง ๆ” คอนสแตนตินกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
เซี่ยเฟยไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร เพราะในแต่ละพื้นที่ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีประเพณีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ซึ่งวัฒนธรรมทิ้งขว้างคนแก่เพื่อเอาทรัพยากรไปดูแลคนหนุ่มสาวก็ไม่ได้เกิดขึ้นในอาณาจักรเทียนโลหิตแห่งเดียวเท่านั้น แต่มันยังมีอีกหลาย ๆ อาณาจักรในจักรวาลที่มีธรรมเนียมลักษณะนี้เช่นเดียวกัน
แต่ถึงกระนั้นเซี่ยเฟยก็ยังชื่นชมจิตใจของคอนสแตนตินอยู่เล็กน้อย เพราะการกระทำของเขาค่อนข้างที่จะสอดคล้องกับสังคมในอาณาจักรที่ได้รับการพัฒนาแล้ว ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าแม้คอนสแตนตินจะเติบโตขึ้นมาในดินแดนต้องสาป แต่ทัศนคติของเขาก็ไม่ได้ต่างไปจากคนที่อยู่ในพันธมิตร
“องค์ชายคุณกลับมาแล้ว!” หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งออกมาจากห้องนั่งเล่นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข แต่เมื่อเธอได้เห็นเซี่ยเฟยอยู่ข้าง ๆ คอนสแตนติน หญิงสาวคนนี้ก็แสดงท่าทางตกใจออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเริ่มทักทายเซี่ยเฟยอย่างสุภาพ
“พอดีว่าเธอเติบโตขึ้นมาจากครอบครัวเล็ก ๆ และยังไม่ค่อยได้เข้าสังคมเท่าไหร่นัก เอาเป็นว่าอย่าถือสาเธอก็แล้วกัน” คอนสแตนตินกล่าวอย่างเขินอาย
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มพร้อมกับมองไปที่คู่หมั้นของคอนสแตนตินอย่างพิจารณา
แม้ว่าภายนอกผู้หญิงคนนี้จะไม่ถือว่าเป็นสาวสวย แต่เธอก็ค่อนข้างจะมีมารยาทที่ดี, แต่งตัวเรียบร้อยและค่อนข้างที่จะขี้อาย ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าเธอยังไม่ได้ปรับตัวเพื่อที่จะเตรียมพร้อมเป็นมเหสีขององค์ชายผู้ที่จะท้าชิงตำแหน่งรัชทายาท
ปกติองค์ชายของทุกอาณาจักรมักที่จะหาหญิงสาวสูงศักดิ์มาเกื้อหนุนอำนาจของตัวเอง แต่คอนสแตนตินกลับเลือกคู่หมั้นเป็นสามัญชน แล้วเธอก็ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาที่พิเศษใด ๆ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเขาคนนี้ไม่ได้ใช้ความรักเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง และเขาก็ไม่ได้มองใครจากรูปลักษณ์ภายนอกของคนคนนั้นเพียงอย่างเดียว
หลังจากพูดคุยไปสักพักคอนสแตนตินก็ขอให้คู่หมั้นของเขาเดินออกไปจากห้องเหลือเพียงแค่เขากับเซี่ยเฟยอยู่ในห้องตามลำพัง
“ฉันบอกแล้วว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนักหรอก” คอนสแตนตินกล่าว
“ทำไมนายถึงเลือกคู่หมั้นเป็นคนธรรมดาล่ะ? อาณาจักรนี้บูชาคนแข็งแกร่ง ถ้าหากว่านายเลือกแต่งงานกับคนธรรมดามันก็อาจจะก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาอย่างมากมาย” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้ว มิวกี้ไม่มีพลังพิเศษใด ๆ และภูมิหลังของเธอก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดา” คอนสแตนตินกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“มิวกี้งั้นเหรอ? นายไปเจอกับเธอที่ไหน?”
“มิวกี้ไม่ใช่คนในอาณาจักรเทียนโลหิตแต่เป็นสาวเสิร์ฟในร้านอาหารเล็ก ๆ ในภูมิภาคดาวมฤตยูอยู่ ความจริงแล้วที่ฉันตัดสินใจเลือกเธอมาเป็นคู่หมั้นนั่นก็เพราะนายนั่นแหละ” คอนสแตนตินกล่าว
“เพราะฉัน... ฉันไปบอกอะไรนายตอนไหน?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“นายจำนิทานที่นายเคยเล่าให้ฉันฟังได้ไหม? เรื่องที่ผู้ชายรอคอยผู้หญิงเป็นเวลา 99 วัน”
“จำได้สิ ตอนนั้นฉันพยายามเตือนว่าผู้ชายต้องรักศักดิ์ศรีของตัวเองบ้าง แต่ฉันก็ไม่เคยบอกว่าให้นายไปคบหากับใครนะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“เหตุผลที่ฉันแอบเข้าไปในพันธมิตรนั่นก็เพราะว่าฉันต้องการจะหาผู้หญิงมาแต่งงานกับฉันจริง ๆ และคนคนนั้นจะต้องไม่ใช่ผู้หญิงจากอาณาจักรเทียนโลหิตด้วย นายรู้ไหมว่าตอนนั้นฉันวิ่งไล่ตามผู้หญิงทุกคนเหมือนกับคนบ้า เหมือนกับฉันแค่พยายามหาใครก็ได้ที่จะยอมมาแต่งงานกับฉัน”
“แต่หลังจากที่ฉันได้ยินนิทานของนายฉันก็ไม่ได้วิ่งไล่ตามผู้หญิงเหมือนกับคนบ้าอีกต่อไป แต่พยายามใช้จิตใจของตัวเองสัมผัสถึงคำว่าความรักดูสักครั้ง ซึ่งในระหว่างที่ฉันเดินทางกลับฉันก็ได้พบกับร้านอาหารเล็ก ๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากสนามบินที่ฉันจอดพัก แต่ใครจะไปรู้ว่าจู่ ๆ ฉันก็ได้พบกับคู่ชีวิตของตัวเองภายในร้านนั้นนั่นเอง”
“วันนั้นฉันเมามากแต่เธอก็คอยดูแลฉันอยู่ที่โต๊ะทั้งคืน หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันพวกเราก็พูดคุยเข้ากันได้เป็นอย่างดี ย้อนกลับไปตอนนั้นเธอยังไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร เธอแค่คิดว่าฉันเป็นเพียงแค่คนธรรมดาเหมือนกับเธอ”
“ต่อมาฉันก็ลองถามเธอว่าเธออยากจะไปอยู่กับฉันไหม ซึ่งเธอก็ตอบตกลงโดยไม่สนใจภูมิหลังของฉันเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันเลยพาเธอกลับมาที่อาณาจักรเทียนโลหิต แน่นอนว่าพ่อของฉันย่อมรู้สึกโกรธมากที่ฉันทั้งแอบนี้ไปในพันธมิตรแล้วกลับมาพร้อมกับคู่หมั้นที่เขาไม่ได้เตรียมเอาไว้ พ่อของฉันเลยคัดค้านเรื่องการแต่งงานอย่างเต็มที่”
“แต่ที่ฉันกำลังจะจัดงานแต่งงานขึ้นมาได้ในครั้งนี้นั้นก็เพราะแม่เลี้ยงของฉันพยายามเกลี้ยกล่อมพ่อให้ฉันได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ฉันรัก” คอนสแตนตินอธิบาย
“นายทำให้ฉันนึกถึงนิทานที่เจ้าชายปลอมตัวเป็นสามัญชนหนีออกไปจากวังเพื่อตามหารักแท้เลย แต่น่าเสียดายที่ในโลกแห่งความเป็นจริงการพยายามทำอะไรที่ขัดต่อธรรมเนียมของพระราชวังแบบนั้นมักที่จะมีจุดจบที่ไม่สวยนัก”
“เหตุผลที่ราชินียอมยื่นมือช่วยเหลือเรื่องงานแต่งของนายในครั้งนี้ นั่นก็เพราะว่าเธอต้องการที่จะลดทอนอำนาจของนายลงเพื่อให้ลูกชายของเธอขึ้นมาเป็นรัชทายาทได้อย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น แม้ว่าฉันจะยังไม่เคยเห็นราชินีคนนี้แต่ก็ดูเหมือนว่าการจะจัดการกับเธอคงจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฉันเข้าใจเหตุผลทุกอย่างที่นายพูดมา แต่ฉันก็อยากจะตอบแทนมิวกี้สำหรับความรักที่เธอมีให้ฉันโดยไม่สนใจสถานะด้วยเหมือนกัน ดังนั้นฉันจึงไม่เคยรู้สึกเสียใจที่ฉันจะได้แต่งงานกับเธอ” คอนสแตนตินกล่าวอย่างหนักแน่น
—
เมื่อเวลาได้ล่วงเลยมาจนถึงกลางคืน เซี่ยเฟยก็ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับในฐานะของผู้ปกครองภูมิภาคดาวเหวทมิฬคนใหม่
ภาพที่เซี่ยเฟยเห็นในงานเลี้ยงคือผู้ชายส่วนใหญ่ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีรูปร่างอันกำยำ หลาย ๆ คนก็ไว้หนวดเคราเหมือนกับพวกไวกิงบนดาวโลก และพวกเขาก็จับจ้องมองมาทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่ดุร้าย
รูปร่างหน้าตาของเซี่ยเฟยธรรมดามากแตกต่างจากวีรบุรุษในตำนานที่พวกเขาเคยจินตนาการเอาไว้ ดังนั้นคนพวกนี้จึงเริ่มไม่มั่นใจว่าเซี่ยเฟยคือผู้ที่กล้าบุกเข้าไปในดินแดนเซิร์กเพียงลำพังจริงหรือเปล่า
เซี่ยเฟยไม่เคยสนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเขาอยู่แล้ว เขาจึงยังคงยืนอยู่ในงานเลี้ยงอย่างสงบนิ่ง พร้อมกับสบตากับเหล่าบรรดานักสู้ที่กำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างท้าทาย
ในเวลาเดียวกันนั้นชายวัยกลางคนที่ตาข้างขวาบอดสนิทและนั่งอยู่บนบัลลังก์ก็ส่งเสียงกระแอมออกมา 2 ครั้ง แน่นอนว่าชายผู้นี้คือราชาแห่งอาณาจักรเทียนโลหิตและเขาก็เป็นพ่อของคอนสแตนตินนั่นเอง
ความจริงแล้วราชาเลสเตอร์ยังมีอายุไม่มากนัก แต่น่าเสียดายที่เขาหลงมัวเมากับสุรานารีมันจึงทำให้เขาดูแก่กว่าที่ควรจะเป็น นอกจากนี้อายุขัยของผู้คนในอาณาจักรเทียนโลหิตก็ค่อนข้างสั้นกว่ามนุษย์ในพันธมิตร และเมื่อพิจารณาจากสภาพภายนอกของเลสเตอร์แล้ว เซี่ยเฟยก็คิดว่าชายคนนี้คงจะอยู่ห่างไกลจากบั้นปลายชีวิตไม่ไกลมากนัก
ในตอนกลางวันสภาพอากาศในอาณาจักรเทียนโลหิตร้อนอบอ้าวและมีแสงแดดสาดส่องลงมาตลอดเวลา แต่ในเวลากลางคืนอุณหภูมิกลับลดลงต่ำอย่างกะทันหัน พร้อมกับสายลมที่พัดพาไปมาอย่างรุนแรง ทำให้ผู้มาเยือนอาณาจักรนี้ยากที่จะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมอันรุนแรงภายในอาณาจักรได้อย่างแท้จริง
ยังดีที่ภายในวังมีการติดตั้งเตาความร้อนเอาไว้หลายร้อยเตา อากาศภายในวังจึงค่อนข้างที่จะอบอุ่นอยู่บ้างแตกต่างจากสภาพอากาศด้านนอกที่ถือว่าค่อนข้างหนาวจัด
“ท่านพ่อเขาคือเซี่ยเฟย ผู้ปกครองภูมิภาคดาวเหวทมิฬคนปัจจุบัน และเขายังเป็นเพื่อนที่ผมพบในระหว่างที่ผมได้เดินทางเข้าไปในพันธมิตร ที่สำคัญเขาคือวีรบุรุษสงครามผู้บุกเข้าไปในดินแดนเซิร์กเพียงลำพังและมีส่วนสำคัญที่ทำให้สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ได้จบลง”
แน่นอนว่าคอนสแตนตินย่อมพยายามพูดจายกย่องเซี่ยเฟยจากทุกเรื่องที่เขาคิดได้ แต่มันก็ยังคงมีเสียงพูดจาดูถูกเหยียดหยามดังขึ้นมาจากรอบ ๆ เพราะด้วยรูปร่างหน้าตาที่ธรรมดาของเซี่ยเฟย มันจึงทำให้คำพูดของคอนสแตนตินกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะในสายตาของพวกเขาผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงย่อมจะต้องมีร่างกายอันกำยำ
เลสเตอร์พยักหน้ารับอยู่เล็กน้อย ขณะที่เซี่ยเฟยยืดตัวตรงพร้อมกับกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ท่านราชาแห่งอาณาจักรเทียนโลหิต…”
อย่างไรก็ตามก่อนที่เซี่ยเฟยจะทันได้พูดอะไรต่อ เขาก็ได้ยินเสียงแก้วน้ำตกลงไปกระแทกที่พื้นพร้อมกับเสียงร้องคำรามที่ดังขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว
“ไอ้คนโอหัง! เมื่ออยู่ต่อหน้าพระราชาทำไมแกถึงไม่ยอมคุกเข่า?!”
“ใช่ แกต้องก้มหัวลงให้กับพระราชาของพวกเราด้วย”
“แกคิดจะท้าทายอาณาจักรเทียนโลหิตของพวกเรางั้นเหรอ?”
เหล่าบรรดานักรบที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับองครักษ์ต่างก็ล้วนแล้วแต่ส่งเสียงตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
สีหน้าของคอนสแตนตินเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียดครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็เป็นแขกของเขา แต่นักรบพวกนี้กลับไม่คิดที่จะไว้หน้าเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
เหตุการณ์นี้ทำให้ราชินีร่างท้วมที่นั่งถัดจากเลสเตอร์เผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ส่วนเจ้าชายแคมปัสก็กำลังยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มราวกับว่าเขากำลังรับชมการแสดงที่น่าสนใจ
ภาพเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่น่าอายมาก และทันใดนั้นนักรบหัวโล้นคนหนึ่งก็เริ่มแสดงท่าทางที่จะจู่โจมเข้าใส่เซี่ยเฟยอย่างป่าเถื่อน
น่าเสียดายที่ก่อนที่นักรบคนนั้นจะทันได้ลงมือ เซี่ยเฟยก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
พริบตาต่อมาภาพที่ทุกคนเห็นนั่นก็คือนักรบหัวโล้นถูกเซี่ยเฟยจับคอชูขึ้นไปในอากาศ และก่อนที่นักรบคนนั้นจะทันได้เปล่งเสียงร้องออกมาเซี่ยเฟยก็บีบนิ้วเข้าด้วยกันอย่างรุนแรง
กร๊อบ!
ศีรษะขนาดใหญ่ของนักรบหัวโล้นเอียงไปทางด้านข้างอย่างไร้เรี่ยวแรง พร้อมกับลิ้นสีม่วงที่ถูกดันออกมาจนจุกปาก
ช็อก!
โคตรช็อก!
ไม่มีใครคาดคิดว่าเซี่ยเฟยจะกล้าลงมือสังหารนักรบภายในวัง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหนือเกินกว่าความคาดหมายของทุกคนกันไปไกล
***************
คนแบบนี้มันต้องเจออย่างนี้!!!!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 271
ความคิดเห็น
ถูกใจเซี่ยเฟยที่สุดก็เรื่องนี้แหละ
ไม่ต้องเสียเวลาด่ากันเป็นสิบตอนเพื่อหยั่งเชิงหรืออะไรทั้งสิ้น แรงมาแรงกลับ ตัดสินกันไปเลยว่าใครที่แน่
ไร้เหตุผลมา ก็บ้ากลับไปเลยยยยย
แสดงความคิดเห็น