บทที่ 2 อาณาจักรล่ม

ศึกร้างแผ่นดิน
คุณกำลังอ่าน: ยุทธการล้างแผ่นดิน

-A A +A

บทที่ 2 อาณาจักรล่ม

สตรีผู้หนึ่งจูงลูกน้อยวิ่งหนีท่ามกลางผู้คน ทหารฝ่ายศัตรูเข้ามาขวางหน้า ก่อนตะโกนบอกมาเสียงดังสนั่น

“ส่งลูกของเจ้ามาให้เรา”

“ได้โปรดเถิด ลูกของข้ายังเล็กนัก อย่าได้สังหารเขาเลย” สตรีผู้นั้นยกมือไหว้ แต่จะได้รับความปราณีก็หาไม่

ศัตรูผู้นั้นยกคันธนูขึ้นยิงใส่เด็กน้อยจนล้มลง ผู้เป็นแม่ส่งเสียงร้องเหมือนใจจะขาด ก้มลงไปกอดลูกเอาไว้ จังหวะนั้นเอง ทหารใจโหดได้ขับม้าเข้ามา แล้วยกเท้าม้ากระทืบผู้หญิงคนนั้นจนขาดใจตาย

ทหารสุริยะจำนวนสุดท้ายพยายามป้องกันเขตพระราชฐานสุดความสามารถ พวกอินทระถูกฟาดฟันแตกพ่ายกลับไป แต่ก็หนุนกันเข้ามาอีก ทหารสุริยะก็ต่อสู้ฟาดฟันอย่างทรหด

ศาสตราวุธปะทะกันเสียงดังสนั่น พวกสุริยะยังกัดฟันสู้ อินทระบุกเข้ามาไม่ขาดสาย ในที่สุดทหารสุริยะก็สิ้นแรง และถูกฆ่าตายจนหมด

กำแพงวังถูกทำลายจนพินาศ ทหารอินทระส่งเสียงโห่ร้องกึกก้อง ขับม้าเหยียบย่ำศพทหารที่นอนตายเกลื่อนบนพื้นเข้าไปในพระราชวัง พวกนางกำนันส่งเสียงกรีดร้องอย่างหวาดกลัว พากันวิ่งหนีเอาตัวรอดเป็นอลหม่าน พวกอินทระยิงธนูเข้าใส่ นางกำนันเหล่านั้นก็ล้มลง พวกอินทระขับม้าเข้าเหยียบซ้ำอย่างไม่ปราณี

อัคคีเผาไม่ยอดปราสาทจนโค่นลงมา สุริยราชายืนอยู่ในท้องพระโรง ก่อนเผ่นขึ้นหลังสินธพ ชักพระแสงดาบมาถือไว้ แล้วรับสั่งกับขุนพลคนสนิทว่า

“ขุนพลวชิระเอย บัดนี้อาณาจักรของเรากำลังจะถึงแก่การพินาศ แต่ชนเผ่าสุริยะยังไม่สูญสิ้น เจ้าลองทัศนาดูที่พื้นพสุธา แล้วบอกเราทีรึ บนพื้นพสุธามีสิ่งใดอยู่”

ครานั้นเอง ขุนพลคนสนิทมองพื้นพสุธาตามกระแสรับสั่ง แล้วบังคมทูลว่า “เลือดพระเจ้าค่ะ ข้าพระพุทธเจ้ามองเห็นเลือด เลือดของชาวสุริยะ”

เท้าเธอแย้มโอษฐ์ ยกพระแสงดาบชี้ลงไปที่ซากศพเหล่านั้น ทัศนาดูเมืองที่ถูกพระเพลิงเผาจนพินาศย่อยยับ ชลเนตรไหลพรากด้วยความรู้สึกจากห้วงหทัย น้ำเสียงที่รับสั่งสั่นเครือ ไม่หนักแน่นเหมือนยามปกติ

“จงจดจำวันนี้ไว้เถิดวชิระ จดจำวันที่อาณาจักรของเราล่มสลาย จดจำภาพความโหดร้ายที่เกิดขึ้นในวันนี้เอาไว้ให้ดี” องค์ราชากัดพระทนแน่น แลรับสั่งสืบไปว่า

“ถึงแม้แผ่นดินของเราจะสิ้นศูนย์ แต่ชาวสุริยะทั้งหลายจะยังอยู่ วชิระเอย เจ้าจงพาหน่อสุริยะหนีไปเถิด ภายภาคหน้าจงพาเขากลับมากอบกู้แผ่นดินให้ได้”

“พระเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้าจะปฏิบัติตามกระแสรับสั่งอย่างเคร่งครัด”

“ขอบน้ำใจเจ้ามาก สมแล้วที่เป็นขุนพลคู่บัลลังก์ของข้า” จอมกษัตริย์ยกดัชนีชี้ไปทางหนึ่ง รับสั่งต่อมาว่า

“จงพาลูกเมียของเราหนีไป ทางนั้นมีทหารน้อยที่สุด จงฝ่าวงล้อมออกไปเถิด”

ขุนพลวชิระรีบไปทำตามกระแสรับสั่งในทันที สุริยราชามองตามจนร่างขุนพลคนสนิทหายไป แล้วเพ่งมองสุริยเทพภาคอัสดงคด ยกพระแสงดาบขึ้นเหนือพระเศียรเป็นการคารวะ

“ข้าแต่สุริยเท บัดนี้อาณาจักรที่พระองค์พระราชทานให้ได้สูญสิ้นแล้ว ข้าพเจ้าไร้ความสามารถ ไม่สามารถปกป้องแผ่นดินเอาไว้ได้ ครั้นข้าพเจ้าจะหนีเอาตัวรอดไป ชีวิตนี้ก็คงหาศักดิ์ศรีมิได้ ข้าพเจ้าขอตายอย่างกษัตริย์ขัตติยราช จะไม่ยอมทิ้งแผ่นดินไปไหน” เมื่อรับสั่งจบ จอมกษัตริย์จึงใช้พระแสงดาบเชือดพระส ชีวิตของพระองค์จึงถึงการแตกดับ ฟุบลงไปบนหลังอัสดรอย่างสงบ

พวกอินทระยังคงไล่ฆ่าผู้คนอย่างบ้าเลือด อินทวงศ์มหาราชเข้ามาถึงท้องพระโรง จึงพบพระศพของสุริยราชาสิ้นใจตายบนหลังม้า จอมราชาแห่งอินทระมีรับสั่งให้ตัดเศียรไปเสียบประจาน แปลให้เผาศพทิ้งไปพร้อมกับท้องพระโรง

อาณาจักรที่เคยงดงามได้มลายหายไปแล้ว ศพของทหารก็ถูกเผาทิ้งไปพร้อมกับอาณาจักรที่ล่มสลาย อินทวงศ์มหาราชตามสังหารคนที่หนีไปอย่างอำมหิต พระองค์ไม่ต้องการให้ชนเผ่าสุริยะเหลืออยู่แม้แต่ชีวิตเดียว

ราชรถวิ่งไปในความมืดยามราตรี ท้องฟ้าคืนนี้ไร้แสงรัชนีกร เพราะมีเมฆสีนิลการปกคลุมนพดลเอาไว้ ทหารรักษาพระองค์ที่เหลืออยู่คุ้มกันอย่างแน่นหนา เสียงอสุนิบาทคำรามลั่น วิสูตรปลิวไสวด้วยแรงวารุธ เพียงไม่นานฝนก็ลงเม็ดอย่างหนัก ฟ้าแลบเป็นประกายดูน่ากลัว

พระมเหสีอุ้มพระโอรสมากอดไว้ในอ้อมพาหา “ลูกแม่ เราจะหนีไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่หนอ พวกเจ้าเพิ่งลืมตามาดูโลกได้ไม่นาน ยังไม่สมควรตายไปตอนนี้”

เสียงโห่ร้องดังกึกก้องไล่หลังมา เพียงไม่นานเสียงศาสตราวุธประสานกันก็ดังสนั่นขึ้น บัดนี้พวกอินทระตามมาทันเสียแล้ว ทหารรักษาพระองค์ที่เหลืออยู่ล้อมราชรถไว้เต็มความสามารถ โอรสน้อยกันแสงจ้าอย่างตกใจสุดขีด

ธนูเพลิงยิงมาโดนวิสูจน์จนลุกไหม้ พระมเหสีก็โดนลูกธนูเข้าไปที่อุระ นางตัดสินพระทัยเรียกทหารที่อยู่ใกล้ที่สุดเข้ามา ก่อนสั่งเสียว่า

“เราคงไม่รอดแล้ว ฝากพวกท่านดูแลลูกน้อยของเราด้วย” พระมเหสีมีโอกาสพูดเพียงเท่านั้น ลูกธนูของชาวอินทระก็ปักเข้าที่พระส นางล้มฟุบลงไปทันใด ดวงพระวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง

โอรสน้อยส่งเสียงร้องจ้าอีกครั้ง ทหารสุริยะสองคนจึงมาอุ้มเอาไปคนละองค์ จึงเหลือองค์โตอยู่บนราชรถกับมารดา

ขุนพลวชิรกระโดดขึ้นมาบนราชรถ ทหารอินทระคนหนึ่งติดตามขึ้นมา แล้วเนื้อดาบฟันลงไปยังพระโอรส รัศมีสีขาวจากสังวาลย์เปล่งประกายจ้า ดาบของทหารผู้นั้นหักสะบั้น ขุนพลวชิระจึงใช้หอกแทงมันจนตาย ก่อนก้มลงไปอุ้มโอรสน้อยมาไว้ในอ้อมพาหา

“ไปกับข้าพระบาทเถิดพระเจ้าค่ะ ยามนี้อาณาจักรของพระองค์ได้ล่มสลายแล้ว วันหนึ่งข้าพระบาทจะพากลับมาทวงคืน” สิ้นคำของขุนพล โอรสน้อยหยุดกันแสง เหมือนจะรับรู้คำที่ขุนพลพูด

วชิระกระโดดขึ้นหลังม้า หัตข้างหนึ่งใช้ศาสตราวุธฝ่าวงล้อมออกไป อีกข้างหนึ่งโอบกอดโอรสไว้อย่างทะนุถนอม ทหารอินทระล้อมเอาไว้ทุกทิศทุกทาง ขุนพลสู้รบอย่างทรหด ทั่วตัวของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล แต่กระนั้นก็ยังไม่ละความพยายามที่จะฝ่าวงล้อมออกไป

โอรสน้อยเกิดอาการดิ้นรนจนตกลงจากหลังม้า ขุนพลใจหายวาบ ทำท่าจะเผ่นลงไปช่วย ดาบของอินทระคนหนึ่งก็ฟาดลงมากางกฤษฎางค์ ขุนพลแห่งสุริยะจึงล่วงลงจากหลังม้า นอนก้มหน้าแน่นิ่งไปบนพื้นพสุธา

อินทวงศ์มหาราชขับม้ามาอยู่ด้านหน้าทหารทุกคน ก่อนมีกระแสรับสั่งว่า “เฮ้ย โอรสของสุริยะราชามันลงไปเล่นดินโคลนอยู่นั่นแล้ว ฆ่ามัน อย่าให้มันมาเป็นเสี้ยนหนามแก่เราได้”

ม้าของทหารอินทระวิ่งมายังพระโอรส หมายจะย่ำให้ดับดิ้นไป ด้วยเดชะโอรสยังไม่ถึงฆาต สังวาลย์ที่ติดตัวจึงทอรัศมีอำไพ เป็นเกราะเพชรคุ้มกันกายาเอาไว้ ม้าจึงไม่สามารถทำอันตรายแก่พระองค์ได้ ทหารผู้หนึ่งจึงกระโดดลงจากหลังม้า อุ้มโอรสน้อยโยนลงไปในแม่น้ำ ร่างนั้นจึงจมหายไป

โอรสวีระเทพถูกพาหนีมาทางหนึ่ง ทหารอินทระไล่ติดตามหมายชีวิต ฤาษีตนหนึ่งจึงเข้ามาขัดขวาง แลเอ่ยปากขอชีวิตโอรสน้อยกับทหารเอาไว้ คนเหล่านั้นเห็นแก่ฤาษี จึงยอมล่าถอยไป ไม่คิดจะเอาชีวิตโอรสน้อยกับทหารอีก

ทหารสุริยะอีกคนอุ้มโอรสศรุตเทพฝ่าวงล้อมออกมาอีกด้าน พวกอินทระติดตามมา ทหารผู้นั้นก็สู้รบเต็มความสามารถ แต่ในที่สุดก็สิ้นแรง ในขณะที่ทหารอินทระกำลังจะสังหารทหารผู้นั้นทิ้ง แสงสีม่วงก็เปล่งประกายออกจากสังวาลย์ของโอรสน้อย ก่อนกลายเป็นไฟพุ่งกระจายไปรอบทิศ ไพรีเหล่านั้นก็กระจัดพัดพรายไป

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ โอมคนเดิม

เป็นยังไงกันบ้างครับ นิยายตอนนี้สนุกไหม อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง มาคุยกันได้นะครับ

รูปภาพของ tor

สนุกมากครับ

 

ยังดีที่เด็กรอดไปทุกคน

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Right Reserved.