20

-A A +A

20

ตอนที่ 20

 

“ข้าไม่มีนิสัยชอบเป็นก้างขวางคอคนอื่น” ชิลีชางกงนั่งเฉยๆ ดื่มชาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “มันจะไม่เป็นการหยาบคายรึที่ไปรบกวนเรื่องของหญิงงาม  ”

 

“ หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่หญิงสาวธรรมดา เราต้องระวังนางไว้ให้ดี  ” เต๋าซุนเตือนโดยไม่พูดอะไรมาก

 

  …………

 

ประมาณสามนาทีต่อมา นายหญิงก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม และพูดกับเต๋าซุนอย่างยิ้มแย้ม "คุณชายผู้นี้ สตรีหยกขาวแจ้งว่า หากท่านไม่รังเกียจ รบกวนท่านช่วยไปพบนางที่ห้องส่วนตัวด้วย  "

 

 “ไปกันเถอะ” เต๋าซุนก็หันไปพูดกับชิลีชางคงด้วยรอยยิ้ม

 

แล้วทั้งสองก็เดินไปจนถึงชั้นสองท่ามกลางสายตาอิจฉาของทุกคน

 

ชิลิชางคงไม่ได้ติดตามเต๋าซุนเข้าไปในห้อง แต่เขายืนเฝ้าอยู่หน้าประตูแทน 

 

เต๋าซุนก็เปิดประตู และกลิ่นหอมจาง ๆ มาจากภายใน ซึ่งค่อนข้างคล้ายกับกลิ่นหอมของดอกกุหลาบและกลิ่นของดอกโบตั๋นก็ลอยออกมาเบาบาง

 

ห้องนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน: ห้องด้านในและห้องด้านนอก เต๋าซุนเดินเข้ามาอย่างสบายๆ

 

 การตกแต่งของห้องด้านนอกนักเรียบง่าย ผนังเป็นสีชมพูและมีเครื่องประดับสำหรับสตรีแขวนอยู่บนผนัง  

 

บริเวณโดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยผ้าสีสันสดใสและดนตรีอันไพเราะก็ดังมาจากห้องด้านใน เสียงดนตรีนี้ราวกับแม่น้ำสายเล็กที่ไหลอยู่ใต้สะพาน เมื่อผู้คนได้ยินก็จะรู้สึกสงบเป็นธรรมชาติ  

 

ประตูเล็กๆ ที่นำไปสู่ห้องด้านในจากห้องด้านนอกถูกปกคลุมด้วยผ้าโปร่งสีชมพูบางๆ เต๋าซุนสามารถมองด้านหลังผ้าโปร่งได้อย่างชัดเจน ตรงนั้นมีร่างผอมเพรียวนั่งอยู่ข้างในและกำลังเล่นเปียโนอยู่  

 

  …………

 

 “หญิงสาวผู้นี้ดูแลรักษารูปร่างได้ดีทีเดียว” เต๋าซุนเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม

 

 เขาเลื่อนผ้าโปร่งออกแล้วเดินเข้าไปยังห้องชั้นใน  

 

 เห็นได้ชัดว่านี่เป็นห้องส่วนตัวของหญิงสาว มีเตียงสีชมพูนุ่ม และโต๊ะเครื่องแป้งตั้งอยู่ทางด้านซ้ายริมหน้าต่าง

 

ด้านหน้าของ เต๋าซุน มีโต๊ะที่ทำจากไม้จันทน์  หญิงคนนั้นนั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ กำลังเล่นเปียโนด้วยมืออันเรียวยาว และเฝ้าดูการมาถึงของ เต๋าซุน ด้วยรอยยิ้มจากหางตาของนาง

 

เมื่อเสียงเปียโนหยุดลง  หญิงคนนั้นก็ปิดปากของนางแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: "คุณชายช่างน่าสนใจจริงๆ ตอนที่ข้าพบกับผู้อื่น พวกเขามักจะถูกดึงดูดด้วยความงามของข้าเสมอ   

 

 แต่สำหรับคุณชายแล้ว สิ่งแรกที่ถูกดึงดูดกลับเป็นห้องของข้าเสียอย่างนั้น  "

 

“ ข้าสามารถรู้จักสิ่งของได้ด้วยการมองเห็น แต่กับผู้คนนั้นข้าจำเป็นต้องสัมผัสด้วยจิตใจ  ” เต๋าซุน ยิ้มแล้วมองผู้หญิงตรงหน้าเขา

 

นางสวมกระโปรงปักสีขาว ด้านบนของกระโปรงถูกพันรอบหน้าอกอย่างแน่นหนา และมีแจ็กเกตผ้าก๊อซสีขาวอยู่ด้านนอก

 

 รูปร่างหน้าตาของนางค่อนข้างคล้ายกับผู้หญิงสาวจากภูมิภาคตะวันตก และใบหน้าของนางก็สวยงามเป็นพิเศษ

 

นางมีคิ้วเรียวงาม จมูกโด่ง ดวงตาสีดำโต และปากเชอร์รี่เล็กๆ

 

 ผมสยายไปด้านหลัง และมัดเล็กน้อยด้วยโบริบบิ้นสีชมพู

 

  …………

 

“คุณชาย ท่านคิดอย่างไรกับการเล่นเปียโนของข้า   ” จื่อไป๋หยู่ถามด้วยรอยยิ้ม

 

“ดูเหมือนมารยาทของเจ้าจะแย่สักเล็กน้อย แม้แต่น้ำชาก็ยังไม่รินให้แขก   ” เต๋าซุนนั่งลงบนพื้นและเทชาหนึ่งถ้วยด้วยตัวเอง จากนั้นเขาก็ถามช้าๆ: “เจ้าช่วยเล่นบทเพลงเกี่ยวกับสงครามได้หรือไม่ ?"  

 

ข้าไม่ค่อยชื่นชมบทเพลงที่เกี่ยวกับความหลงใหลนัก ดนตรีนุ่มนวลไพเราะที่เจ้าเล่นอยู่นั้นช่างระคายหูข้า "

 

จื่อไป๋หยู่มองเต๋าซุนอย่างจริงจัง นางเม้มริมฝีปากสีแดงของนางแล้วพูดว่า "คุณชายช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ "

 

“แตกต่างอย่างไร ? ข้าก็มีปาก และตาสองดวงเหมือนกับพวกเขาไม่ใช่รึ ? หรือว่าเจ้าเห็นว่าข้ามีสามหัวหกแขน ” เต๋าซุนตอบด้วยรอยยิ้ม

 

“ คุณชายช่างมีนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ยิ่ง แม้ไม่อาจเรียกได้ว่ามีเสน่ห์ แต่ก็รู้สึกพิเศษมากนัก” จื่อไป๋หยู่คิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูด

 

“อย่าพูดถึงมันเลย ข้าก็แค่ไม่อยากเหมือนคนอื่น   ” เต๋าซุน ส่ายหัวพร้อมรอยยิ้ม

 

 “ท่านคิดอย่างไรบ้างคุณชาย” จื่อไป๋หยู่ถาม

 

 “เจ้าหมายถึงอะไร” เต๋าซุนถามกลับ

 

“ข้าเป็นแค่นางคณิกา ในสายตาของผู้คนแล้วข้าคือหญิงสำส่อนเท่านั้น ท่านคิดว่าข้าเป็นเช่นนั้นหรือไม่?” จื่อไป๋หยู่พูดด้วยสีหน้าสงบ

 

น้ำเสียงของนางนุ่มนวลและบอบบาง เมื่อประกอบกับสีหน้าและท่าทางที่ดูตัดพ้อเล็กน้อยแล้ว นี่ทำให้ผู้คนที่พบเห็นอยากจะกอดนางไว้ในอ้อมแขนและปกป้องอย่างจริงจัง   

 

“เหตุใดต้องเป็นเช่นนั้น?” เต๋าซุนวางถ้วยชาในมือของเขา มองที่จื่อไป๋หยู่ด้วยรอยยิ้ม และพูดว่า "ถ้าข้ากระทั่งดูถูกผู้ก่อตั้งศาลาหยุนหยานอันเป็น 1 ใน 24 นักดาบอมตะแล้วล่ะก็ โลกใบนี้คงไม่มีสิ่งใดที่อาจดึงดูดสายตาของข้าได้อีกแล้ว  ”

 

การแสดงออกของจื่อไป๋หยู่สะดุ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็พูดด้วยรอยยิ้ม: "ปรากฏว่าคุณชายรู้อยู่แล้ว!"

 

 นางนั่งตัวตรง และไม่แสดงท่าทีน่าสงสารและตัดพ้อเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป และดูเป็นธรรมชาติขึ้นเล็กน้อย  

 

 “ข้าก็ไม่ได้รังเกียจการแสดงเล็กๆน้อยๆของเจ้าหรอกนะ” เต๋าซุนยิ้ม

 

“ข้าขอทราบได้ไหมว่าคุณชายมาพบข้าด้วยเรื่องอะไร  ” จื่อไป๋หยู่ถาม: “หากศาลาหยุนหยานของเราทำอะไรไม่ดีต่อคุณชาย ได้โปรดแจ้งให้เราทราบ  ”

 

เต๋าซุนยิ้มและไม่พูดอะไร เขาหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ และถอนหายใจออกยาวออกมา "ชาดี"

 

“ถ้าท่านชอบ ข้าสามารถส่งมอบเป็นของขวัญให้ได้ ชานี้คั่วขึ้นด้วยสูตรลับของข้าเอง และไม่อาจหาได้จากที่อื่นอีกแล้ว  ” จื่อไป๋หยู่ตอบด้วยรอยยิ้ม

 

“จริงรึ?” ดวงตาของ เต๋าซุน เต็มไปด้วยความทรงจำและเขาพูดช้าๆ: “ข้าจำได้ว่าเคยดื่มชาเช่นนี้มาก่อน…..เมื่อนานมาแล้ว  

 

 ดูเหมือนว่าที่ทวีปทางตอนเหนือจะที่สถานที่ที่ชื่อว่าหลินหยวนเฉินอยู่  

 

 บังเอิญ มีครอบครัวเล็กๆ อาศัยอยู่ที่นั่นซึ่งมีนามสกุลเดียวกับของเจ้า ข้าได้ยินมาว่าครอบครัวนั้นเป็นลูกหลานของจักรพรรดิเฟยหยู่   แต่พวกเขาไม่ยอมรับ "

 

เต๋าซุนคลิ้กลิ้นของเขา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ

 

อย่างไรก็ตาม การแสดงออกของจื่อไป๋หยูกลับเปลี่ยนไปอย่างมาก และนางก็จ้องไปที่เต๋าซุนอย่างจริงจังด้วยร่างที่สั่นเล็กน้อย  

 

ใบหน้าของนางซีดเล็กน้อย และนางก็ฝืนยิ้มพูดว่า "คุณชายอยากจะพูดอะไรกันแน่"

 

“ไม่มีอะไร ข้าก็แค่คิดว่ามันช่างบังเอิญ ข้าได้ยินมาว่าจู่ๆตระกูลนั้นก็ถูกกวาดล้างเมื่อหลายสิบปีก่อน และหลายร้อยคนในตระกูลก็เสียชีวิตในการต่อสู้  ” เต๋าซุน กล่าวอย่างเสียดาย: “ต่อมา ก็มีข่าวลืออีกว่า หัวหน้าตระกูลจื่อได้พาลูกสาวของเขาหลบหนีไปพร้อมกับมรดกของอดีตจักรพรรดิเฟยหยู่ 

 

 แล้วเรื่องบังเอิญเช่นนี้ก็เกิดขึ้นในโลกจริงๆ กลับกลายเป็นว่าชื่อของเด็กสาวที่หนีออกมาได้นั้นมีนามว่า จื่อไป๋หยู่ เหมือนเจ้าไม่มีผิด   "

 

ทันทีที่ เต๋าซุน พูดจบ สีหน้าของ จื่อไป๋หยู่ ก็เปลี่ยนไปทันที

 

“ปัง ปัง ปัง ปัง” เส้นชีพจรทั้งสี่ในร่างของนางก็เปิดออก และพลังการบ่มเพาะอันล้นหลามของระดับ 4 ก็ระเบิดออกมา และกลิ่นอายของนางก็ราวกับมีมังกรยาวขดรายล้อมอยู่  

 

"เจ้าเป็นอะไร? ข้าก็แค่เล่าเรื่องบางอย่างให้ฟังเฉยๆ เหตุใดถึงได้กังวลเช่นนั้นกัน  ?" เต๋าซุน กล่าวด้วยรอยยิ้มสงบ

 

"เจ้าเป็นใคร" เสียงของ จื่อไป๋หยู่ สั่นเทาและนางก็มองไปที่ เต๋าซุน

 

“พ่อของข้าคือรองหัวหน้านิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ ในแง่หนึ่งแล้ว ข้าก็ถูกพิจารณาว่าเป็นผู้สืบทอดของเขา” เต๋าซุนตอบด้วยรอยยิ้มจางๆ

 

“นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์?” ทันใดนั้นเสียงชราก็ดังขึ้นด้านหลัง เต๋าซุน

 

เขาเห็นชายชราคนหนึ่งในชุดคลุมสีดำปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเต๋าซุนอย่างเงียบๆ  

 

"เจ้าหนู เจ้ามีจุดประสงค์อะไรถึงมาที่นี่" ชายชราคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมองไปที่ เต๋าซุน และกลิ่นอายของเขาก็ค่อยๆเคลื่อนไปทางเต๋าซุน  

 

“ ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่” เต๋าซุนก็มองกลับไปยังชายชราอย่างไม่สนใจกลิ่นอายพลังที่ชายชราปลดปล่อยออกมา 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.