9

-A A +A

9

ตอนที่ 9

 

หลังจากที่ผู้คุ้มกันจากไปแล้ว เต๋าซุนและเจ้าปลาน้อยก็เริ่มเตรียมตัว  

 

  พวกเขาต้มน้ำให้เดือด เชือดไก่ ถอนขน และเตรียมเครื่องปรุง 

 

เมื่อผู้คุ้มกันแอบกลับมาพร้อมกันกิ่งต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก พวกเต๋าซุนก็เตรียมการเสร็จสิ้นพอดี 

 

“ทำไมเจ้าถึงได้ไปนานนัก” เต๋าซุนก็ถามอย่างสงสัย

 

“พอดีข้าน้อยไปดูเหตุการณ์น่าสนุกมาเล็กน้อยหนะขอรับ” ผู้คุ้มกันก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม   “เมื่อวานนี้ ผู้อาวุโสสองได้ไปแอบดูศิษย์หญิงอาบน้ำจริงๆ และเขาก็ถูกจับได้ขอรับ  

 

แต่ทว่าในตอนนั้นเอง ผู้อาวุโสสองก็ได้เปลี่ยนร่างเป็นศิษย์คนโตของตนเอง คังชิงเหอ

 

 ตอนนี้คังเชอเหอกำลังถูกศิษย์หญิงทุกคนในนิกายไล่ตามอยู่ขอรับ  "

 

“ศิษย์พี่คังช่างโชคร้ายนักที่มีอาจารย์เช่นนี้  ” เจ้าปลาน้อยก็พูดด้วยรอยยิ้ม 

 

 เต๋าซุนก็จุดไฟลงบนกิ่งต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็จัดวางกันเป็นชั้นและนำไก่ศักดิ์สิทธิ์ที่หมักด้วยสมุนไพรไว้มานึ่ง 

 

 หม้ออีกใบนึ่ง นอกจากไก่ศักดิ์สิทธิ์ที่หมักสมุนไพรแล้ว ยังมีส่วนผสมเสริมอื่นๆ เช่น หญ้าวิญญาณมังกร ดอกสงบจิต และใบมิ้นหอมสดชื่น 

 

 กิ่งของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็สว่างขึ้น และกลิ่นหอมจางๆก็โชยมาจากภายในขณะที่น้ำเริ่มเดือด  

 

แต่ในเวลานี้ สาวใช้ก็เดินเข้ามาและพูดว่า  "นายน้อยคะ หลานสาวของผู้อาวุโสหลิวยู่หยานมารอพบท่านอยู่ที่ข้างนอกค่ะ  "

 

ที่ยอดเขาเดียวดายแห่งนี้ นอกจากเขากับผู้คุ้มกันส่วนตัวแล้ว ยังมีสาวใช้อีกสองคนที่คอยดูแลชีวิตประจำวันของเขา   

 

 พวกนางชื่อ เหมิงซูกับเซี่ยหยิน  

 

 “ให้นางเข้ามา” เต๋าซุน กล่าว

 

 หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็เห็นหลิวเหมยเดินเข้ามาพร้อมกับลูกเสือฟ้ามืดในมือทั้งสองข้าง  

 

มือทั้งสองของนางหิ้วคอของลูกเสือฟ้ามืดทั้งสองตัวไว้ และพูดอย่างไม่เต็มใจพร้อมกับดวงตาที่ทำอะไรไม่ถูก  

 

“ข้าเอาของเดิมพันตามที่สัญญามาให้แล้ว จากนี้ถือว่าเราหายกัน  ”หลิวเหมย กล่าว

 

ดวงตาของนางแดงเล็กน้อยราวกับว่าเพิ่งร้องไห้มา และดูหดหู่เล็กน้อย

 

 “เจ้าโดนใครรังแกมารึ?” เจ้าปลาน้อยถามอย่างสงสัย

 

“ลูกไก่สองตัวที่เกิดจากไก่ศักดิ์สิทธิ์ของข้าหายไป  ”หลิวเหมยกล่าวอย่างเสียใจ “ข้าเพิ่งเล่นกับพวกมันเมื่อวานนี้แท้ๆ”

 

เจ้าปลาน้อยก็มองไปยังกองไฟข้างๆที่มีหม้อต้มน้ำกำลังเดือด เขาเงียบไปสักพักและเริ่มแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า 

 

เมื่อเห็นว่าหลิวเหมยกำลังร้องไห้ เต๋าซุนก็ถอนหายใจออกมาและพูดว่า "หลิวเหมย ที่ผ่านมาข้าคิดว่าเจ้าเป็นหญิงสาวที่ฉลาดเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะโง่เขลาเช่นนี้  "

 

“เจ้าหมายความว่าไง” หลิวเหมยก็ถามด้วยความสงสัยพร้อมกับเบิกตากว้าง  

 

“สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนมีเส้นทางของตัวเอง ” เต๋าซุน ส่ายหัวและพูดว่า “วันหนึ่งยังไงไก่ของเจ้าก็ต้องตาย ไม่โดนตุ๋นตายก็ทางใดทางหนึ่ง  

 

แต่ไม่ว่าสาเหตุการตายของมันจะเป็นอย่างไร ตราบใดที่มันตายได้ดีและตายอย่างมีคุณค่านั่นก็เท่ากับว่าชีวิตของมันมีความหมายแล้ว เจ้าเข้าใจหรือ  ? "

 

“โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว” หลิวเหมยพยักหน้าอย่างสับสน และพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่ต้องตามหามันแล้วใช่หรือไม่?”

 

“ต่อให้ไก่พวกนั้นเจ้าจะไม่อาจพบได้อีกทั้งชีวิต   แต่เมื่อมองย้อนกลับไป เจ้าไก่เหล่านั้นก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของเจ้าเสมอ   ” เต๋าซุนกล่าว “บางอย่างต่อให้เจ้าจะตามหามันเท่าไหร่เจ้าก็ไม่อาจพบเจอ  แต่เมื่อใดที่เจ้าหยุดตามหา บางทีมันอาจปรากฏอยู่ตรงหน้าเจ้าอย่างไม่คาดคิด  "

 

 หลิวเหมยก็พยักหน้าอย่างจริงจัง "ข้าเข้าใจแล้ว"

 

  …………

 

“เจ้าปลาน้อย เราแบ่งลูกเสือฟ้ามืดทั้งสองคนละตัวก็แล้วกัน  ” เต๋าซุนก็หันไปพูดกับเจ้าปลาน้อย

 

ตอนนี้เสือฟ้ามืดยังมีอายุน้อยนัก ขนาดของมันเท่ากับแมวบ้านเท่านั้น และดูไม่ต่างจากแมวน้อยทั่วไปแม้แต่น้อย มีเพียงแค่ปีกคู่หนึ่งที่เหมือนกับปีกจักจั่นของมันเท่านั้นที่ทำให้มันดูแตกต่างออกไป 

 

ทั้งตัวของพวกมันมีสีเข้มและมีลวดลายเหมือนเสือทั่วไป ทำให้ดูน่ารักน่าชังเป็นพิเศษ

 

ในเวลานี้ มีเสือฟ้ามืดอยู่สองตัว ตัวหนึ่งนอนกลิ้งอยู่บนพื้นดูน่ารัก ส่วนอีกตัวกำลังกัดเชือกรองเท้าของเต๋าซุนอย่างเมามัน  

 

ว่ากันว่าการแสดงออกของสิ่งมีชีวิตในช่วงวัยเยาว์นั้นบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยสันดานของมันเมื่อโตขึ้น  

 

เสือฟ้ามืดตัวหนึ่งที่แสดงออกท่าทางน่ารักตั้งแต่แรกเห็นซึ่งดูยังไงก็ไร้อนาคตอย่างแน่นอน  ส่วนอีกตัวที่กำลังขบเคี้ยวเชือกรองเท้านั้นสมควรโตไปดุร้ายแน่นอน และมันก็เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นสัตว์พาหนะที่แข็งแกร่ง

 

 ดังนั้น เต๋าซุน จึงตัดสินใจ เลือกเจ้าตัวที่นอนกลิ้งไปมาทำตัวน่ารักไร้อนาคต 

 

  ในใจของเสือฟ้ามืด “.........”

 

  …………

 

“พี่ซุน เหตุใดท่านไม่ตั้งชื่อให้เจ้าลูกเสือสองตัวนี้ล่ะ  ” เจ้าปลาน้อยก็แนะนำ

 

“ในฐานะผู้สืบเชื้อสายสัตว์อสูรจักรวรรดิแล้ว พวกมันย่อมเต็มไปด้วยเกียรติแห่งบรรพบุรุษ  วันหนึ่งชื่อของพวกมันต้องขจรไปทั่วโลก สั่นสะเทือนจักรวาล และกวาดล้างไปทั่วยุทธภพ ดังนั้นชื่อของพวกมันจึงสำคัญเป็นอย่างมาก  ” เต๋าซุน มองท้องฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชื่อของเจ้าทั้งสองก็คือ...

 

  ราชันไข่หมา กับ สมองหมาจักรพรรดิ!

 

 เจ้าปลาน้อย :…………

 

 หลิวเหมย:…………

 

 เสือฟ้ามืดสองตัว:? ? ? ? ?

 

“มหัศจรรย์ มหัศจรรย์จริงๆ” เจ้าปลาน้อยก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ปรบมือแล้วอุทานออกมา: “แม้ว่าชื่อนี้จะมีเพียงไม่กี่คำ แต่ก็เต็มไปด้วยอักษรที่หนักแน่น ช่างเป็นถ้อยคำที่ประณีตและชาญฉลาดติดหูจริงๆ  

 

เป็นการแสดงออกถึงคำอวยพรและอารมณ์ที่ฝังลึกลงไปในจิตใจของสัตว์ตัวน้อยทั้งสองได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังกระชับและลึกซึ้งอย่างประเมินค่าไม่ได้ ใครได้ยินต่างก็ต้องร้องห่มร้องไห้เอามือกำหัวใจอย่างแน่นอน  

 

นี่แหละชายผู้เป็นแบบอย่างของข้า แม้แต่ชื่อที่คิดค้นยังทรงพลังนัก  ช่างเป็นทักษะที่หาได้ยากอย่างยิ่ง ความสามารถที่ราวกับสวรรค์สร้างเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่ท่านก็คงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ข้าล่ะชื่นชมท่านจริงๆ !

 

 ที่สำคัญ เจ้าลองดูตัวอักษรที่อยู่ในชื่อของพวกมันให้ดีๆ เห็นหรือไม่ว่ามันถูกจัดเรียงกันวิจิตรงดงาม แสดงออกถึงศิลปะอันลึกซึ้ง สะท้อนให้ถึงความยิ่งใหญ่  ดูยังไงก็เป็นชื่อของผู้ที่จะเติบใหญ่กลายเป็นผู้สูงส่งชัดๆ

 

 โลกจะต้องสะเทือน สวรรค์จะต้องร่ำไห้ แม้แต่ภัยพิบัติธรรมชาติก็ยังต้องอันตรธานหายไป ช่างเป็นชื่อที่ยอดเยี่ยมที่สุดและเป็นพรสูงสุดยิ่งนัก   "

 

หลังจากที่เจ้าปลาน้อยพูดจบ เขาก็หันไปมองสีหน้าของทุกคนและอุทานออกมา "ข้าพูดถูกใช่หรือไม่ ?" 

 

  ในที่สุดเต๋าซุนก็ได้เข้าใจแล้วว่า คำว่า "ไร้ยางอายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้" นั้นเป็นเช่นไร

 

“ใช่ๆๆ เจ้าพูดถูกแล้ว” คนอื่นๆก็ตอบอย่างตกตะลึง

 

  …………

 

ในเวลานี้ ไก่ศักดิ์สิทธิ์ก็กลายเป็นสีเหลืองทองและเสียงหม้อเดือดก็ดังออกมา

 

น้ำมันที่อยู่ใต้ชั้นหนังเหลืองอร่ามหยดย้อยลงมาทีละหยด 

 

เต๋าซุนที่เห็นเช่นนั้นก็รีบโรยเครื่องปรุงอย่างรวดเร็ว  

 

กลิ่นหอมเย้ายวนเป็นพิเศษก็ลอยไปทั่ว และทั้งสี่ก็เลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว

 

“โอ้ ว่าแต่พี่สาวหลิวเหมย ตอนนี้เจ้าอารมณ์ดีขึ้นรึยัง  ?” เต๋าซุน ถาม

 

 “ดีขึ้นมากแล้ว” หลิวเหมยก็จ้องมองไปที่ไก่ย่างพร้อมกับเสียงท้องที่คำราม   

 

“ถ้าเจ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็ไปเถอะ พวกเรามีเรื่องต้องทำต่อ” เจ้าปลาน้อยก็หัวเราะออกมา

 

“ข้าไม่ติดธุระอะไร กลับไปก็คงว่างและน่าเบื่อ” หลิวเหมยก็พูดอย่างสบายๆ “ข้ายังไม่ได้กินข้าวเช้าพอดี เช่นนั้นอยู่กินกับพวกเจ้าดีกว่า   ”

 

“เราสนิทกันขนาดนั้นเลยรึ” เจ้าปลาน้อยก็ม้วนริมฝีปากแล้วพูด

 

“ถ้าพวกเจ้าไม่แบ่งอาหารให้ข้า ข้าจะบอกผู้อาวุโสสองแน่ว่าพวกเจ้าทำอะไร  ” หลิวเหมยก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่ากิ่งไม้ที่พวกเจ้าใช้ทำฟืนนั้นมาจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงกิ่งไม้จากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะส่องแสงประกายดวงดาวออกมาเมื่อติดประกายไฟ  ”

 

“โอ้ เจ้าคงลืมไปแล้วสินะว่าข้านั้นร้ายกาจแค่ไหน” เต๋าซุนก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ข้าเป็นคนพูดน้อย และไม่ชอบคำพูดที่ถูกข่มขู่  บางที เจ้าควรเลือกที่จะขอร้องข้าดีๆเสียดีกว่า     ” .

 

 คิดจะขู่ข้ารึ? เจ้าคงลืมเรื่องเจ้าลูกเสือสองตัว ราชันไข่หมา กับ สมองหมาจักรพรรดิ ไปแล้วสินะ  "

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.