ฝากรักไว้ในหัวใจ (รวมเรื่องสั้น) 2: ไร่ชื่นรัก

-A A +A

ฝากรักไว้ในหัวใจ (รวมเรื่องสั้น) 2: ไร่ชื่นรัก

            บริเวณห้องรับแขกบนเรือนไม้หลังใหญ่ เด็กสาวเจ้าของบ้านเพิ่งคุยสายกับพี่สาวเสร็จ มือบางวางหูโทรศัพท์ลงกับที่ เสียงทุ้มเท่ของใครอีกคนก็ทักขึ้นมา

  “พี่ทิว่าไงบ้างพิรัชย์ เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ด ซึ่งเป็นลูกชายคนรองของบ้าน และเป็นน้องชายฝาแฝดของเด็กสาว เดินเข้ามาถามหลังจากพึ่งไปคุยกับเพื่อนๆมา

  “พี่ทิบอกว่าใกล้จะถึงแล้วล่ะ พวกนั้นเป็นไงบ้างพริสรตอบก่อนจะถามกลับ

  “นั่งซัดของกินอยู่ด้านล่างนั่นแหละ จะลงไปพร้อมกันเลยไหมล่ะ?” พิรัชย์ถามอีกครั้ง

  “อื้อ” พริสรพยักหน้ารับ ก่อนเดินตามน้องชายฝาแฝดของตนลงมาจากบ้านไม้ทรงไทยหลังใหญ่ที่สร้างติดริมแม่น้ำ เสียงแจ้วๆจากกลุ่มวัยรุ่นหลายคนดังมาจากสนามหญ้าหน้าบ้าน ทุกคนกำลังคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน เมื่อเห็นเจ้าภาพของงานเดินลงมา เด็กสาวคนหนึ่งก็เอ่ยทัก

  “ว้าว! วันนี้เพื่อนเราดูดีสุดๆ”

  “แหม ยังไงก็จะไม่ยอมชมกันว่าสวยเลยสินะยัยเกมส์” พริสรยิ้มให้ ก่อนเสียงเด็กหนุ่มอีกคนจะดังขึ้นจากอีกทาง

  “เฮ้ยเร็วๆพวกเรา ไอ้พิธกับริมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วโว้ย!”

            ทุกคนจึงเริ่มหันมาให้ความสนใจกับทั้งสองคน

  “เป็นไงกันบ้างของกินกับเครื่องดื่ม” พริสรเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน ส่วนพิรัชย์ขอเป็นฝ่ายเงียบเพราะปกติจะเป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว

  “อร่อยจ้า” เด็กสาวอ้วนคนหนึ่งตอบ

  “สำหรับแกมันก็อร่อยทุกงานแหละ ไม่ใช่หรือไงฮะ” เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งในกลุ่มมิวายหันมาล้อ

  “หรือแกว่ามันไม่อร่อยฮะ” เด็กสาวอ้วนคนเดิมสวนกลับไม่ยอมแพ้

  “พอๆเลย วันนี้วันเกิดฉันนะ จะมาทะเลาะกันในงานไม่ได้” พริสรปรามไม่จริงจังนัก พูดไปก็ขำเพื่อนไปพลาง จากนั้นเจ้าภาพสาวก็เข้าไปร่วมวงสนทนากับพวกเพื่อนสาว ส่วนพิรัชย์ก็ไปนั่งรวมอยู่กับกลุ่มเพื่อนชาย แต่โดยนิสัยที่เป็นคนไม่ค่อยชอบพูดเท่าไหร่จึงจะเป็นฝ่ายนั่งฟังมากกว่า

  “แล้วไหนพี่สาวคนสวยสองคนของแกน่ะ พวกฉันอยากเห็นว่ะ” เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งเปิดประเด็นขึ้น ตั้งแต่รู้จักพริสรและพิรัชย์มาสองปียังไม่มีใครเคยเห็นพี่สาวทั้งสองคนของทั้งคู่มาก่อน อาจเป็นเพราะพอหนุ่มสาวฝาแฝดย้ายโรงเรียนมัธยมปลาย พี่สาวทั้งสองคนก็ย้ายไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯพอดี ซึ่งทั้งหมดที่มาร่วมงานวันนี้ก็มีแต่เพื่อนมัธยมปลาย และเพิ่งเคยพามาที่ไร่ครั้งแรก

 “เดี๋ยวก็คงถึง ทำไม พวกแกมีอะไรกับพี่สาวฉัน” พิรัชย์ถาม

  “ถ้าสวยจริง แกหวงมั้ยวะ พวกฉันจะขอจีบ” เด็กหนุ่มจอมกะล่อนของกลุ่มถามแหย่อีกฝ่ายเล่น

  “หึ” พิรัชย์ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนเสียงหนึ่งจะดังสนั่นไปทั่วไร่โดยไม่มีใครทันคาดคิด

            ปัง!

ทุกคนต่างตกใจรีบพากันหลบเข้าใต้โต๊ะทันที

  “ตะกี้ใครว่าจะจีบพี่นะ!” เสียงใสของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัว เธอเดินเข้ามาบริเวณงานเลี้ยงพร้อมกับหญิงสาวอีกคนที่หน้าตาคล้ายกัน ไม่มีใครรู้จักสองคนที่มาใหม่ ยกเว้นทั้งสองเจ้าภาพซึ่งคุ้นเคยกันดี

  “พี่ทิ!” พริสรเป็นฝ่ายวิ่งออกมาก่อน

  “ไงจ๊าน้องสาวสุดสวย” พรทิพากอดน้องสาวที่วิ่งเข้ามาหาตนแน่นพรางถามด้วยน้ำเสียงเอ็นดู

  “คิดถึงสิคะ ริคิดถึงพี่ๆมากกกกก” พริสรพูดขณะยังกอดพี่สาวไม่ปล่อย

  “อ่าว แล้วนี่ไม่มีใครสนใจอยากจะเข้ามากอดพี่บ้างหรือไงนะ” พรชิตาเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นพิรัชย์ยังยืนอยู่ที่เดิม

  “โอ๋พี่ชิ เดี๋ยวริจะกอดพี่ชิแทนพิให้ เพราะตาพิน่ะมันโตแล้ว ไม่มายืนกอดผู้หญิงหรอกค่ะ ฮึๆ” พริสรพูดพรางคลายกอดจากพรทิพาแล้วเปลี่ยนมากอดพรชิตาบ้าง

  “อื้มมมมชื่นใจแล้วจ้ะ”

  “ว่าแต่..ตะกี้เสียงปืนของใครคะ?” พริสรเห็นได้ทีก็ถาม

  “เปล่านะไม่ใช่ปืนของพี่” พรทิพาปฏิเสธ

  “พี่ก็เปล่า” พรชิตาก็เช่นกัน

  “แต่ของพี่เอง” เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น ก่อนจะเห็นร่างสูงกำยำมาดเท่เดินตรงเข้ามาด้วยรอยยิ้มแหย

  “แหะๆพอดีปืนพี่มันลั่นน่ะ” เขาบอกต่อให้ทุกคนหายตกใจ พวกวัยรุ่นในงานได้ยินอย่างนั้นต่างพากันโห่ใส่อย่างสนุกสนาน

  “อะไร..พี่ขอโทษ พอดีพี่ไม่ทันระวังน่ะ” พาทิศบอกด้วยความอาย โดยมีพริสร พรชิตา และพรทิพายืนมองมาด้วยความระอา

  “เอาล่ะๆ ไปสนุกกันต่อได้แล้ว” พาทิศไล่ทุกคนให้กลับเข้าไปสนุกในงานต่อ แล้วจึงหันมาพูดกับน้องสาวสองคนที่เพิ่งมาถึงบ้าง

  “พี่ไม่ใช่เด็กหนุ่มเนื้อหอมเหมือนตาพิ พี่ขอกอดน้องสาวสุดที่รักสองคนได้ไหมครับ” พาทิศพูดเสียงนุ่มอย่างจะออดอ้อน

  “ชิจะให้พี่พากอดดีไหมนะ เพราะตอนนี้ชิก็กำลังอยู่ในวัยสาวอยู่ด้วยสิ จะให้หนุ่มมากอดง่ายๆมันคงไม่ดีหรอก” พรชิตาได้ทีก็แกล้งอำอีกฝ่าย

  “ทิก็คงให้พี่กอดไม่ได้สิ เพราะทิกับชิก็เป็นสาวเท่ากัน” พรทิพาเสริมด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างชอบใจ

  “ฮึๆๆ เป็นสาวเท่ากัน แล้วพอแก่นะก็แก่เท่ากันด้วยล่ะพี่พา” พริสรได้ทีแซว ก่อนโดนกำปั้นทุบเข้าให้ที่กลางหัวสองที

  “โอ๊ยอะไรอะ!

  “เดี๋ยวของขวัญจะถูกริบซะเลยนี่ยัยตัวป่วน” พรทิพาพูดด้วยน้ำเสียงดุ ทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยความเอ็นดูเด็กสาวไม่น้อย

  “โถๆอย่าพึ่งสิคะ ทำไมตัดสินกันไวจังอะศาลบ้าอะไรเนี่ย” พริสรยังมิวายแหย่ต่อด้วยความสนุก

  “เอาล่ะๆ พี่ไม่กอดทิกับชิก็ได้” พาทิศพูดพรางทำหน้าน้อยใจ พรทิพาและพรชิตาเห็นอย่างนั้นก็อดที่จะหัวเราะกับมุกเก่าๆของพี่ชายคนนี้ไม่ได้ แต่ถึงจะเป็นมุกเดิมยังไง มันก็ใช้ได้ผลทุกทีสิน่า

  “ก็ได้ค่ะชิยอมพี่พาแล้วก็ได้ อ๊ะ” พรชิตาอ้าแขนเตรียมให้พี่ชายขี้น้อยใจเข้ามากอด พาทิศเห็นท่าทางของน้องสาวตนเองก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะเดินเข้าไปกอดอีกฝ่ายสุดแรงหมายจะแกล้งด้วยความหมั่นไส้

  “พี่พา! อย่า กอด แน่น เซ มันๆ หาย ใจ ไม่ออก” พรชิตาพยายามใช้มือสองข้างดันคนร่างสูงออกห่าง อีกฝายรั้งเวลาไว้นิดหนึ่งก็ยอมคลายวงแขนพลางส่งยิ้มกว้างมาให้

  “แค่กๆ คนแทบตายอยู่แล้วยังจะมีหน้ามายืนยิ้มร่านะไอ้พี่บ้านี่” พรชิตาว่าพรางปิดปากไอไปด้วย

  “ทิพา มาตาน้องละ” คราวนี้พาทิศเปลี่ยนเป้าหมายหันไปส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับน้องสาวอีกคนบ้าง

  “หึๆ” พรทิพายิ้มที่มุมปาก หัวเราะในลำคออย่างรู้ทัน

  “เข้ามาสิคะ” เธอแกล้งยิ้มประจบพร้อมกับอ้าแขนออก

  “เอ..พี่จะกอดน้องดีไหมเนี่ย?” พาทิศเห็นท่าทางไม่ชอบมาพากลนั้นก็หยุดคิดครู่หนึ่ง

  อ้าว ก็คิดถึงน้องไม่ใช่หรือ ก็เข้ามาสิคะ” พรทิพาหัวเราะกับท่าทางระแวงของพี่ชาย

  “อ่า..พี่รู้ละ...มาๆ มากอดหน่อย” พาทิศตัดสินใจดึงคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอดในที่สุด และมิวายแกล้งน้องสาวไม่ต่างจากอีกคนแม้แต่น้อย พรทิพาเห็นพี่ชายทำแบบนั้นก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ทว่าคงประเมินฝ่ายตรงข้ามน้อยไปนิด ขณะกำลังจะแกล้งเอาคืน แก้มนวลเนียนก็ถูกจมูกเป็นสันขโมยหอมแก้มไปฟอดใหญ่

  “ว้าว! ชื่นใจจัง” พาทิศรีบกระโดดหนีห่างทันทีหลังแผนของเขาสำเร็จ ปากก็พูดออกมาอย่างหน้าชื่นตาบาน

  “ไอ้พี่พา!” พรทิพาถลึงตาเขียวใส่

  “ฮ่าๆๆ ช่วยไม่ได้ เธออยากมาเจ้าเล่ห์กับพี่ก่อนทำไม” คนเป็นพี่ไม่นึกเกรงกลัว

  “ฮื่ม” พรทิพาได้แต่ครางออกมาอย่างเข็ดเขี้ยว ดูแล้วถ้าจะเอาคืนตอนนี้พาทิศคงเตรียมรับมือเธอไว้เรียบร้อย ก็ได้! รอไว้สบโอกาสเหมาะกว่านี้ก่อนเถอะ

 

  “ไหน? ตะกี้ใครว่าจะจีบพวกพี่สองคนนะ โชว์ตัวหน่อย หล่อป่าวพรชิตาเอ่ยปากถามขึ้นหลังจากเข้ามาในงานเรียบร้อย

  “ผมครับ” เด็กหนุ่มต้นความคิดยกมือขึ้นพรางส่งยิ้มกว้างมาให้

  “คิดว่าไงพรชิตาหันไปขอความเห็นกับพรทิพา

  “อื้ม ก็หล่อนะ แต่ไม่ใช่สเปกน่ะสิ ฮึๆๆ” พรทิพาบอกพรางขำในความแก่แดดเกินตัวของเด็กสมัยนี้

  “จะลองเอาไปพิจารณาดูก่อนก็ได้หนิครับ” เด็กหนุ่มคนเดิมยังยิ้มประจบ

  “เรียนให้จบก่อนเถอะเราน่ะ พวกพี่อายุเยอะแล้ว” พรทิพาตอบยิ้มๆ ก่อนเสียงใครอีกคนจะแทรกขึ้น

  “ก็หมายความว่าแก่แล้วนั่นแหละนะพี่ทิ” เสียงพริสรนั่นเอง เด็กสาวกำลังเดินถือถาดผลไม้ตรงเข้ามาหาทุกคนที่โต๊ะ

  “อะนี่ผลไม้ กินของคาวไปแล้วต้องเอาผลไม้ล้างปากด้วยถึงจะดี” เธอวางถาดลงบนโต๊ะตัวยาวพร้อมกับบอกเพื่อนๆ

  “พี่ทิกับพี่ชินี่เป็นฝาแฝดกันหรือคะ?” จู่ๆ เด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย เธอเคยรู้มาว่าพี่สาวทั้งสองของพริสรและพิรัชย์เกิดปีเดียวกัน

  “อ๋อ เปล่าหรอกจ้ะ พวกพี่แค่อายุเท่ากันเฉยๆน่ะ” พรชิตาเป็นคนตอบ ทว่าคนรอคำตอบเหมือนจะยังทำหน้าไม่เข้าใจ

  “เอ่อ..อายุเท่ากันเฉยๆยังไงคะ?” เด็กสาวคนเดิมถามต่อ

  “พี่เกิดท้ายปีส่วนพี่ทิพาเขาน่ะเกิดหัวปีจ้ะ” พรชิตาอธิบายเพิ่มเติม ถึงตรงนี้ทุกคนที่นั่งฟังอยู่ก็เริ่มมีสีหน้าเข้าใจอะไรมากขึ้น โอว!...มีลูกหัวปีท้ายปีเลยสินะ!

            ขณะทุกคนกำลังคุยกันอยู่ในงานอย่างสนุกสนาน รถหรูคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาในลานจอด ซึ่งอยู่ห่างจากบริเวณงานเลี้ยงออกไประยะหนึ่ง คนเห็นก่อนคือพรทิพา จึงเอ่ยทัก

  “รถใครกันพี่พา?” พรทิพาถามพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ สายตาจับอยู่ที่รถนิรนามคันนั้นไม่วาง ทุกคนในงานยังไม่มีใครรู้ว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญมาเพิ่ม คนที่รู้ตอนนี้มีเพียงพาทิศและพรทิพาเท่านั้น

  “เดี๋ยวพี่ไปดูเอง” พาทิศบอกพรางขยับลุกขึ้น มือข้างหนึ่งของเขาถือแตงโมเดินกินไปด้วยตลอดทาง

            หลังจากรถจอดสนิท ประตูด้านฝั่งคนขับจึงค่อยเปิดออก ก่อนจะมีขายาวๆของชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวลงมา ในมือของเขามีช่อดอกไม้ช่อใหญ่และถุงกระดาษใบใหญ่ถือติดมือมาด้วย

  “มาหาใครหรือเปล่าครับ?” เมื่อเข้ามาถึงพาทิศก็ถามขึ้นทันที

  “ผมมาหาพี่พาครับ” ชายหนุ่มบอกก่อนจะเหลือบมองเข้าไปในงาน เขาและพาทิศถูกจับตามองอยู่จากพรทิพา

  “พี่พาอยู่ไหมครับ ผมเดย์ พุทธิสวัสดิ์ ผมเอาของขวัญมาให้ริกับพิครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวด้วยความสุภาพ พาทิศได้ยินคำกล่าวของอีกฝ่ายก็ชักเอะใจ จึงถามเพื่อความกระจ่าง

  “เราหมายถึงครอบครัวพุทธิสวัสดิ์ใช่ไหม” สังเกตจากลักษณะอีกฝ่าย พาทิศจึงคาดว่าเขาคงอายุน้อยกว่าเป็นแน่

  “ครับ..เอ่อ พี่พี่พาหรือเปล่าครับ” คนมาใหม่พิจารณาหน้าตาคู่สนทนาดีๆ ก็รู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามช่างคุ้นตาเหลือเกิน

  “นึกว่าใคร! เดย์เองหรือ กลับจากนอกเมื่อไหร่ล่ะเนี่ย” พอรู้ว่าเป็นคนคุ้นเคยกันเองพาทิศก็ยิ้มรับทันที

ทางพรทิพาเมื่อเห็นท่าทางของทั้งคู่เป็นไปในทางที่ดีก็ค่อยสบายใจ โชคดีที่ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เธอทราบจากพี่ชายว่า เขากำลังเดินหน้าขัดขวางอิทธิพลมืดของผู้มีอำนาจคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาขยายกิจการในตำบลอยู่ จึงอดวิตกไปบ้างไม่ได้

  “ที่นั่นอากาศหนาวมากครับ ชีวิตส่วนใหญ่ต้องช่วยตัวเอง ผมคิดถึงที่นี่มาก” เดย์เล่าให้คนเป็นเหมือนพี่ชายฟังขณะเดินตามกันเข้ามาในบริเวณงานเลี้ยง

  “กลับมาคราวนี้จะอยู่กี่วันล่ะพาทิศถามชวนคุย

  “คงไม่ได้อยู่นานหรอกครับ แต่ผมคิดว่าปิดเทอมจะมาช่วยงานพี่พาที่นี่”

  “มาช่วยงานให้จริงนะ ไม่ใช่จะมาทำอะไรที่นี่หรอกหรือ” คนแก่ปีกว่าดักคออย่างรู้ทัน ชายหนุ่มโดนจับไต๋ได้อย่างนั้นก็ออกอาการเขินเล็กน้อย สองหนุ่มต่างวัยเดินเข้ามาในงาน พอพรทิพาเห็นใบหน้านั้นใกล้ๆก็ยิ่งรู้สึกคุ้น ความทรงจำในอดีตเมื่อสามปีที่แล้วหวนคืนมาอีกครั้ง

  “เฮ้! นี่เดย์หรอกหรือเนี่ย” พรทิพาเดินเข้าไปทักด้วยใบหน้ายินดี

  “ครับ..” ชายหนุ่มหันมาตอบอย่างสุภาพ เขามีรูปร่างสูงสมส่วน ใบหน้าเรียวหล่อเหลา รอยยิ้มสวยอ่อนน้อมมีเสน่ห์ ผมตัดสั้นเข้าทรง ความหล่อมากเสน่ห์ของเขาใครเห็นเป็นต้องเหลียวหลังทุกราย

  “พี่คือพี่ทิหรือเปล่าครับ” เขาคาดเดา

  “ฮึๆๆ ดีใจจังที่หนุ่มนอกสุดหล่อจำพี่ได้ด้วย” พรทิพาหัวเราะชอบใจ

  “อุ๊ย! หนุ่มหล่อคนนี้ใครกันพี่พา สงสัยจะเป็นหนุ่มนอก” พรชิตาเดินเข้ามาพอดี เดย์ได้แต่ยืนยิ้มให้

  “เอ๊ะหน้าแบบนี้ ดวงตาแบบนี้ ริมฝีปากแบบนี้...” พรชิตากวาดตาพิจารณาใบหน้าคนมาใหม่อย่างละเอียด

  “พอเลยยัยชิ แกทำหน้าตาน่ากลัวมากนะยะ” พรทิพาเห็นท่าทางคนเป็นน้องก็ว่าให้

  “ก็หน้ามันคุ้นมากหนิ”

  “เดย์ให้อภัยยัยแก่ขี้ลืมคนนี้ด้วยนะ มันสมองเริ่มเลอะเลือนแล้วล่ะ ฮึๆ” พรทิพาหันไปพูดล้อเล่นกับชายหนุ่มรุ่นน้อง แต่พอพรชิตาได้ยินชื่อที่คนเป็นเหมือนพี่สาวเรียกชายหนุ่มตรงหน้าก็ถึงกับร้องอ๋อทันที

  “นี่เดย์เองหรือเนี่ย! โตเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์จนพี่แทบจำไม่ได้เชียว” พรชิตาชมด้วยอาการตื่นเต้นยินดี

  “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” คนโดนชมทำเพียงยิ้มรับและกล่าวถ่อมตัว

  “แล้วพวกเดียร์ ดรีม และลุงเอื้อป้าอุ่นเป็นไงบ้าง” พรชิตาถามถึงครอบครัวของอีกฝ่ายที่ไม่ได้เจอกันบ่อยเช่นกัน

  “ทุกคนสบายดีครับ ยังฝากความคิดถึงมาให้พวกพี่ๆ ด้วย แต่พ่อแม่บอกว่างานนี้เป็นงานวัยรุ่นเลยขออยู่บ้านกันดีกว่า ส่วนพี่เดียร์พี่ดรีมอยู่ต่างจังหวัดกันหมด เลยส่งผมมาเป็นตัวแทนคนเดียวครับ แต่พวกท่านก็ยังฝากของมาให้ในรถครับ”

  “แหม จริงๆ มาแค่ตัวกับหัวใจพวกเราก็ปลื้มแล้วล่ะ ว่าแต่มาวันนี้จะมาเจอใครใช่ไหมนะ พวกพี่ก็รั้งเราไว้นานเลย”

  “นู่นแหนะ ยัยริน่ะกำลังคุยสนุกเลย ขี้โวด้วยนะยัยนี่น่ะ” พรทิพาชี้นิ้วไปยังเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีซึ่งกำลังนั่งคุยเฮฮากับเพื่อนๆที่โต๊ะยาวตัวหนึ่งห่างออกไป

  “ไปซิ ยื่นของขวัญให้ตอนมันกำลังนั่งเม้าอยู่เลยนะ มันจะได้แปลกใจเล่น” พรชิตาเสริม

  “พี่พา แตงโมของทิที่อยู่ในจานตะกีหายไปไหนแล้ว” พรทิพาเอ่ยขึ้นเมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะ ก่อนหน้านี้มัวแต่สนใจแต่เรื่องเดย์จึงไม่ทันได้สนใจผลไม้ในจาน

  “พี่ไม่รู้” พาทิศทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

  “เดี๋ยวนะ ที่หยิบไปตะกี้แตงโมทิหรือ” พรทิพาเพิ่งนึกอะไรออก ก่อนพี่ชายของเธอจะเดินออกไปเขาหยิบแตงโมชิ้นหนึ่งติดมือไปด้วย

  “อะไร ไม่มี้”พาทิศตอบขณะยังเคี้ยวแตงโมอยู่ในปาก และในมือข้างหนึ่งก็ยังถือแตงโมอันเดิมที่หยิบไปกินในตอนแรกอยู่ พรชิตาหัวเราะกับสองพี่น้องที่ชอบแกล้งกันประจำ ก่อนหันไปหยิบผลไม้ในจานที่ตนเดินถือมาบ้าง

  “อ่าวเฮ้ย! องุ่น สัปปะรด กับแตงไทยชิหายไปไหนแล้ว” พรชิตาโวยขึ้นบ้างเมื่อเห็นว่าผลไม้ในจานของเธอก็หายไปเหมือนกัน ต้องเป็นตอนยืนคุยกับเดย์เมื่อครู่แน่ แล้วเธอก็หันไปจ้องพี่ชายตัวแสบเขม็ง

 

ชายหนุ่มจากเมืองนอกเดินตรงเข้าไปหากลุ่มเด็กสาวที่กำลังนั่งคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน สายตาของเขาจับอยู่ที่ใบหน้าคุ้นตาซึ่งไม่ได้พบกันหลายปีพลางอมยิ้ม ฝ่ายนั้นมัวแต่คุยกับเพื่อนๆ อย่างออกรสแทบไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง แต่เขาก็ดีใจที่เห็นเธอมีความสุขไม่เสื่อมคลาย

  “เฮ้ผู้ชาย!” ขณะนั้นเอง เด็กสาวคนหนึ่งในกลุ่มก็เหลือบมาเห็นเขาเข้าพอดี เธอร้องทักด้วยดวงตาแพรวพราว เพื่อนสาวทุกคนได้ยินจึงพากันหันไปมอง ก่อนเสียงตื่นเต้นกรี๊ดกร๊าดจะดังขึ้น

  “หล่อระเบิดเลย! ใครวะ ใครวะ!” เด็กสาวอ้วนที่สุดในกลุ่มหันไปถามเพื่อนๆ ด้วยอาการสนอกสนใจออกนอกหน้า

  “อุ๊ย! เดินตรงมาทางนี้ด้วยแก กรี๊ด!” เด็กสาวอีกคนกล่าวพร้อมออกอาการสุดตัว ชายหนุ่มได้แต่ส่งยิ้มทักทายให้พวกเธอ ก่อนจะหันไปสบตากับเด็กสาวที่เขาต้องการเอาของมาให้ พริสร

  “ริ..” เขาเรียกชื่อเล่นของพริสร

  “กรี๊ดดดด!” พวกสาวๆ พากันกรี๊ดเมื่อเห็นหนุ่มหล่อเดินเข้ามาหาพริสร และส่งช่อดอกไม้ช่อใหญ่ให้

  “ริๆ เขากำลังจะบอกรักแกง่า!” เพื่อนสาวข้างกันบอกด้วยท่าทางเขินเต็มที่ ชายหนุ่มได้ยินสิ่งที่เพื่อนของพริสรพูดก็ถึงกับหน้าแดงออกมา

  “อุ๊ยเขาหน้าแดงแล้ว!” เด็กสาวอีกคนร้องทักก่อนตามมาด้วยเสียงกรี๊ดกร๊าดดังสนั่นไปทั่วลานบริเวณนั้น

  “พอได้แล้ว! พวกแกนี่ก็” พริสรเห็นเพื่อนๆ ส่งเสียงดังกันมาได้ครู่จึงปราม ก่อนจะหันหน้ามาคุยกับชายหนุ่มที่มาใหม่ด้วยความเคอะเขิน เพราะจำได้นั่นใคร

  “เอาของขวัญมาให้ริหรือคะ?” เด็กสาวเป็นคนสระสวยน่ารัก ดวงตากลมโตสดใส ผมยาวมัดรวบไว้ข้างหลังเรียบร้อย หุ่นปราดเปรียวคล่องแคล่ว ดีกรีของเธอเป็นถึงดรัมเมเยอร์โรงเรียนทีเดียว

  “ครับ” เขาส่งยิ้มอ่อนโยนให้ ไฟสว่างบริเวณลานทำให้มองเห็นว่าใบหน้าสวยกำลังขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างน่ารัก

  “ขอบคุณค่ะ” พริสรรับช่อดอกไม้และของขวัญที่เขาส่งให้มาถือไว้ ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของเหล่าเพื่อนสาว

  “กลิ่นตัวฮ้อมหอม” เพื่อนสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะยื่นจมูกเข้าไปสูดกลิ่นน้ำหอมจากตัวเดย์ใกล้ๆ

  “กรี๊ดดด!” และสาวๆ ก็กรี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง

  “เอ่อ..พี่กินอะไรมาหรือยังคะพริสรถามเขาอย่างใส่ใจ

  “ถ้ายังไม่มีโต๊ะนั่งกับพวกเราได้นะค้า” เด็กสาวข้างๆ พริสรรีบเสนอ

  “ยังครับ” เดย์ตอบสั้นๆ พอสิ้นสุดคำตอบนั้นพวกสาวๆ ก็รีบเคลียร์ที่เคลียร์ทางให้เดย์ทันทีโดยเลือกที่นั่งให้ข้างกันกับพริสรอย่างรู้งาน

  “งั้นเดี๋ยวริไปเอาอะไรมาให้ค่ะ” สิ้นคำเธอก็ลุกออกไป หลังจากนั้นเหล่าเพื่อนสาวของพริสรก็พากันยิงคำถามใส่เดย์รัวๆ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ทันที

  “คุณเป็นอะไรกับยัยริของพวกเราหรือคะ?” เด็กสาวคนหนึ่งเปิดฉากขึ้นก่อนใคร คำถามนั้นชวนให้สายตาหลายคู่จับมาที่เขาอย่างรอฟัง

  “เอ่อ...” แรกทีเดียวชายหนุ่มไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

  “แล้วพี่ชื่ออะไรคะ?” เด็กสาวอีกคนถามต่อ

  “พี่ชื่อ เดย์ ครับ” เขาตอบพร้อมยิ้ม พริสรที่เพิ่งเดินกลับมาได้ยินชื่อนั้นก็ถึงกับหัวใจกระตุก เหลือบตามองใบหน้าเขานิดหนึ่งก็หลบตาด้วยความอาย

  “อ้าว ยัยริมาแล้ว” เด็กสาวอีกคนที่หันมาเห็นเพื่อนยืนอยู่ก็ทัก และทักต่อเมื่อเห็นท่าทางคนเป็นเพื่อนดูแปลกพิลึก

  “เป็นไรน่ะ เขินพี่เดย์หรือไง”

  “แบบนี้ไม่ธรรมดาแล้วนา สองคนนี้เป็นอะไรกันน่ะ?” ยิ่งเห็นอาการของพริสร เด็กสาวหลายคนก็ยิ่งพากันตั้งข้อสงสัยด้วยความอยากรู้อยากเห็นเข้าไปอีก จนในที่สุด เดย์เห็นว่าไม่น่ามีอะไรต้องปิดบังจึงเอ่ย

  “เอ่อ..พี่กับน้องริเป็นคู่หมั้นกันครับ”

  “พี่เดย์!” พริสรหลุดปากเรียกด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะพูดออกมาให้ทุกคนรู้ในเวลารวดเร็วแบบนี้ เธอไม่ได้โกรธ เพียงตั้งตัวไม่ทันเท่านั้นเอง

  “คู่หมั้น!” สาวๆ หูผึ่งทันที

  “ยัยริหมั้นแล้วทำไมพวกเราไม่รู้เรื่องเลย!” เด็กสาวผมเปียถามบ้าง แล้วไม่นานเรื่องในวันวานของทั้งสองคนก็ถูกเล่าออกมาคร่าวๆ ให้ทุกคนที่นั่นฟัง

      ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นเดย์อายุกำลังย่างเข้าสิบแปด ช่วงนั้นแม่เขาไม่ค่อยสบาย ลูกๆ ต่างอยู่คนละที่ แม้ตัวชายหนุ่มในตอนนั้นก็เข้ามาพักที่บ้านในตัวเมืองเพื่อนเรียนหนังสือ ด้วยความที่ครอบครัวฝ่ายพริสรมักไปมาหาสู่บ้านพุทธิสวัสดิ์ประจำจึงส่งลูกสาวสองคน พริสรและพรทิพามาอยู่เป็นเพื่อน ทำให้คนเป็นแม่ยิ่งประทับใจตัวเธอมากไปอีก พอแม่ป่วยเขาก็พยายามกลับบ้านบ่อยขึ้น ก็ได้เจอเด็กสาวประจำ จริงๆ เดย์รู้สึกต้องชะตากับเธออยู่ก่อนแล้ว แต่เห็นตนเองและอีกฝ่ายยังเด็กจึงยังไม่คิดจะพัฒนาความสัมพันธ์ กระทั่นแม่สังเกตเห็นแล้วแนะนำให้ทั้งคู่ลองคบกันดู จนผ่านไปสองปีแม่รักเอ็นดูลูกสาวคนเล็กของอีกบ้านมากจึงตัดสินใจคุยกับครอบครัวเด็กสาวเพื่อขอหมั้นกันแบบไม่เป็นทางการไว้ก่อน

  “แต่เพื่อความก้าวหน้าของอะไรหลายอย่าง พอตอนเรียนต่อมหาวิทยาลัยพี่เดย์จึงตัดสินใจชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันเลย เพราะตั๋วเครื่องบินค่อนข้างแพง เราสองคนจึงติดต่อกันเพียงทางออนไลน์” พริสรเล่าเสริม

  “ไม่ยักบอกพวกเราสักคำเลยนะ” เพื่อนสาวผมสั้นหันมาท้วง

  “ฉันหมั้นกับพี่เดย์ช่วงปิดเทอมม.ต้นนี่ แถมยังไม่ได้เป็นทางการอะไรขนาดนั้นด้วย กับพวกแกส่วนใหญ่ก็มารู้จักตอนขึ้นม.ปลาย หลังหมั้นกับพี่เดย์ซะอีก ขืนจู่ๆ ไปพูดสุ่มสี่สุ่มห้าพวกแกก็หาว่าฉันมโนพอดี” อธิบายถึงตรงนี้ทุกคนก็มีสีหน้ารับรู้และเข้าใจ แต่ยังไม่ทันที่สาวๆ คนไหนจะได้พูดอะไรต่อเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังกลุ่ม

  “โรแมนติกจัง”

            พวกสาวๆได้ยินอย่างนั้นจึงพากันหันไปมอง ก่อนจะเห็นพวกหนุ่มๆมานั่งอยู่ข้างหลังกันหมด

  “นี่พวกนายมากันตอนไหนยะ” เด็กสาวผมสั้นเป็นคนถามขึ้น

  “พวกเธอคงจะรู้ตัวหรอกนะ ก็มัวฟังพี่เดย์เล่ากันอยู่นี่” เด็กหนุ่มคนหนึ่งตอบแทนพวกเพื่อนชาย ทุกคนถามนั่นถามนี่เดย์และพริสรต่อกันอีกไม่ถึงนาทีจู่ๆ ไฟบริเวณลานบ้านก็ดับลงไม่ทราบสาเหตุ แล้วเสียงที่คุยเจื้อยแจ้วเมื่อครู่ก็เงียบลงไปอัตโนมัติ

  “เกิดอะไรขึ้น?!” พริสรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มผิดปกติ ทุกสิ่งรอบตัวเธอมีแต่ความมืดแทบมองไม่เห็นอะไร เดย์ที่นั่งใกล้กันเกรงเด็กสาวจะวิตก จึงเอ่ยปลอบ

  “ไม่น่ามีอะไรหรอก สงสัยไฟจะขัดข้องน่ะ เดี๋ยวพี่พาก็ไปแก้ไขให้”

            ต่อจากนั้นไม่กี่นาที เสียงร้องเพลงจากคนกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้นมาไกลๆ ตามด้วยเสียงร้องเพลงของคนที่เหลือที่นั่งรออยู่ในงาน เสียงร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ดังเป็นจังหวะทำนองเบาสบาย เพลงถูกร้องซ้ำไปซ้ำมาสามครั้ง พริสรพยายามมองหาที่มาของเสียงร้องซึ่งอยู่ห่างออกไป แต่ก็ยังไม่เห็นใคร จนเพลงเริ่มร้องครั้งที่สองภาพหนึ่งจึงค่อยปรากฏ ภาพเหล่าเพื่อนๆ ของเธอและพี่ๆ ทั้งสามคนกำลังเดินร้องเพลงเข้ามาหา โดยมีพรชิตาเป็นคนถือเค้กก้อนใหญ่ที่ปักเทียนหลากสีไว้เรียบร้อย ทุกคนหายไปกันตอนไหน พริสรและพิรัชย์ไม่ทันรู้ตัวเลยจริงๆ เพราะทุกคนแบ่งกันทำหน้าที่ เพื่อนกลุ่มหนึ่งจะนั่งคอยอยู่ใกล้ๆ ทั้งสองคนเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุตอนเพื่อนอีกกลุ่มกำลังเคลื่อนย้ายไปทำตามแผน  

            กลุ่มที่เดินนำเค้กมาเดินตรงเข้ามาหาสองพี่น้องฝาแฝด กลุ่มที่อยู่ในงานจึงพาพริสรและพิรัชย์เดินออกมายืนใกล้กัน ทุกคนปรบมือประกอบจังหวะการร้องเพลง จนร้องครบสามรอบเค้กก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าของสองเจ้าของวันเกิดพอดี

  “เป่าเลย เป่าเลย เป่าเลย” เด็กสาวเด็กหนุ่มทุกคนต่างร้องเชียร์อย่างคึกคัก

  “เดี๋ยวสิ พี่ขออวยพรให้พิกับริก่อน..วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบสิบเจ็ดปีของน้องสาวน้องชายทั้งสองคน..พี่ขอให้ชีวิตน้องๆ มีแต่ความสุขศรีทุกวันนับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปจ้า” พอพรทิพาอวยพรจบทุกคนก็ส่งเสียงเฮปรบไม้ปรบมือให้อย่างยินดี

  “ตาพี่บ้างนะ...พี่ขอให้ริกับพิสมปรารถนากับทุกสิ่งที่เป็นกุศลและเป็นที่รักของทุกคนตลอดไปค่ะ” พรชิตากล่าวจบพาทิศก็พูดต่อมา

  “ส่วนพี่ พี่ไม่มีคำอวยพรนะ เพราะพี่สาวสองคนของพวกเธอแย่งพูดไปหมดละ”

            คนในงานได้ยินพี่ชายคนโตของบ้านพูดออกมาอย่างนั้นต่างก็พากันส่งเสียงโห่กับมุกของเขาอย่างสนุกสนาน ก่อนเด็กหนุ่มคนหนึ่งจะเสนอขึ้นมา

  “นี่ๆ ให้พี่เดย์อวยพรบ้างสิครับ”

  “เอ่อ..พี่อวยพรไม่ค่อยเป็นนะ แต่พี่ก็ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายปกป้องคุ้มครองทั้งสองคนให้ได้รับแต่สิ่งดีๆ เป็นที่รักของทุกคนตลอดไปครับ”

            ทุกคนปรบมือเกรียวกราวขึ้นอีกครั้งตอบรับคำอวยพรจากหนุ่มหล่อ ก่อนจะหันมาส่งเสียงเชียร์พิรัชย์และพริสรให้เป่าเค้กในลำดับต่อไป

  “เป่าเลย เป่าเลย เป่าเลย”

พริสรเริ่มก้มเป่าเทียนส่วนหนึ่งก่อนจึงค่อยตามด้วยพิรัชย์ หลังไฟเทียนทุกเล่มดับหมดทุกคนต่างเฮขึ้นอีกครั้งด้วยความยินดี จากนั้นลำโพงใหญ่ก็เริ่มเปิดเพลงจังหวะสนุกสนาน พริสรได้โอกาสก็ฉุดมือคู่หมั้นหนุ่มออกไปเต้นด้วยกันกลางลาน เพื่อนสาวทั้งหลายเห็นอย่างนั้นต่างส่งเสียงกรี๊ดระงม ก่อนพรชิตาจะดึงพิรัชย์ตามออกไปกลางลานด้วย และตามด้วยเด็กหนุ่มเด็กสาวที่เหลือ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.