ตอนที่ 746 ตายอย่างค้างคา

-A A +A

ตอนที่ 746 ตายอย่างค้างคา

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 746 ตายอย่างค้างคา

“สมาชิกทุกคนของมูนวอร์ดเดินทางมาแบบปกติ แต่เซียงอู๋เฉิงถูกขังเอาไว้ในกล่องโลหะหนาคล้ายกับว่ามันเป็นกล่องสำหรับการขังสัตว์ร้าย” เซี่ยอู๋เย่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด

“จับคนขังเอาไว้ในกล่อง? นี่มันไม่แปลกเกินไปหน่อยงั้นเหรอ?” เซี่ยบูหยุนถามขึ้นมาด้วยความตกใจ

“ที่แปลกกว่านั้นคือเสียงที่หลุดออกมาจากกล่องน่ากลัวมากครับ เหมือนกับว่าเซียงอู๋เฉิงได้กลายเป็นคนบ้าไปแล้ว” เซี่ยอู๋เย่กล่าว

ทุกคนต่างก็คาดเดาเอาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าตระกูลมูนวอร์ดคงจะต้องพยายามทำทุกวิถีทางให้พวกเขาได้รับชัยชนะในการประลองครั้งนี้ แต่มันก็ไม่มีใครคิดว่ามันจะมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นกับเซียงอู๋เฉิง แน่นอนว่ามันไม่มีใครสามารถคาดเดาเรื่องในคราวนี้ได้ และต้องรอจนกว่าการต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นทุกสิ่งทุกอย่างจึงจะเฉลยออกมา

เมื่อได้ฟังรายงานเซี่ยบูหยุนก็ส่งสัญญาณมือให้เซี่ยอู๋เย่ออกไปจากห้อง

บรรยากาศภายในห้องเริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เซี่ยเทียนผู้ซึ่งต้องเผชิญหน้ากับเซียงอู๋เฉิงก็ยังคงนั่งสมาธิหลับตานิ่ง ราวกับว่าความแปลกประหลาดนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขาเลย

เซี่ยบูหยุนกับเซี่ยเฟยต่างก็หันมามองหน้ากันและกันโดยไม่พูดอะไร แต่ภายในจิตใจของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความกังวล

ผู้ชมเริ่มมารวมตัวกันบนยานอวกาศมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยแต่ละตระกูลก็ส่งตัวแทนมารับชมการประลองในจำนวนที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ตระกูลเกลเชอร์และสโนว์ดริฟท์ ซึ่งเป็นตระกูลที่ไม่ค่อยชอบเข้าสังคมมากนักก็ส่งตัวแทนมารับชมการประลองเพียงแค่ไม่กี่คน แต่ตระกูลที่มีความสัมพันธ์อันดีกับประกูลมูนวอร์ดอย่างตระกูลแอจจิเททก็ส่งตัวแทนมาชมการประลองมากกว่า 20 คน

บนยานมีห้องต่าง ๆ ถูกเตรียมเอาไว้อย่างมากมาย เพื่อให้แต่ละตระกูลสามารถรับชมการประลองได้เป็นการส่วนตัว

บริเวณท้ายยานมีหญิงสาว 2 คนกำลังนั่งเคียงข้างกัน โดยคนหนึ่งคือเซียวรั่วหยูและอีกคนคือจักจั่นขาว ซึ่งทั้งคู่ก็กำลังมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความกังวล

“เธอกำลังกังวลเรื่องเซี่ยเฟยงั้นเหรอ?” จักจั่นขาวกล่าวถามด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย

“ใช่ค่ะ คู่ประลองของเซี่ยเฟยคือเซียงจินเฉิงที่เป็นจักรพรรดิกฎขั้นที่ 5  ความห่างชั้นระหว่างพวกเขามากเกินไป บางที…” เซียวรั่วหยูกล่าวอย่างกังวล

“ถึงจะกังวลไปก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันได้ยินมาจากท่านแม่ว่าคราวนี้ตระกูลมูนวอร์ดจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ทั้งเซี่ยบูหยุนและเซี่ยเทียนต่างก็เป็นนักรบที่ทรงพลังมาก บางทีการประลองครั้งนี้เซี่ยเฟยอาจไม่จำเป็นจะต้องปรากฏตัวขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ” จักจั่นขาวกล่าวขึ้นมาเบา ๆ

“ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นพี่ชายก็คงจะตกอยู่ในอันตราย ฉันไม่คิดเลยว่าแท้ที่จริงแล้วเขาจะเป็นสมาชิกของตระกูลสกายวิงแบบนี้” เซียวรั่วหยูกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับ

“การที่เขาเป็นสมาชิกของตระกูลสกายวิงมันก็ดีอยู่แล้วนี่ ตระกูลสกายวิงเป็นตระกูลที่มีอำนาจมาก อย่างน้อยตอนนี้เซี่ยเฟยก็จะได้มีผู้สนับสนุนในดินแดนกฎแล้ว” จักจั่นขาวกล่าว

เซียวรั่วหยูเม้มริมฝีปากขึ้นมาเล็กน้อยแต่เธอก็ไม่เลือกที่จะพูดอะไรต่อ หญิงสาวที่อ่อนต่อโลกอย่างจักจั่นขาวจึงไม่รู้ว่าสาวใช้ของเธอกำลังคิดอะไร

ตอนนี้เซียวรั่วหยูไม่ใช่เด็กสาวตัวน้อยเหมือนกับตอนที่เธอเพิ่งได้พบกับเซี่ยเฟยอีกต่อไปแล้ว แต่เธอได้เติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวแรกแย้มที่พร้อมจะเริ่มต้นมีความรัก

อย่างไรก็ตามปัจจุบันเซียวรั่วหยูก็เป็นเพียงแค่สาวใช้ของตระกูลสโนว์ดริฟท์เท่านั้น มันจึงทำให้สถานะของเธอกับเซี่ยเฟยที่เป็นสมาชิกของตระกูลสกายวิงแตกต่างกันมากจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลสโนว์ดริฟท์ยังเป็นตระกูลที่สมาชิกทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิง และกฎของตระกูลยังไม่อนุญาตให้สมาชิกภายในตระกูลแต่งงานตลอดชีวิต

“ตระกูลสกายวิงก็อยู่บนยานลำนี้ด้วยเหมือนกันนะ ถ้าเธออยากจะไปเจอกับเซี่ยเฟยก็ไปได้เลย” จักจั่นขาวกล่าวแนะนำ

“ยังดีกว่าค่ะ เขากำลังจะต้องลงไปในสนามรบครั้งสำคัญ มีอะไรพวกเราค่อยมาคุยกันทีหลัง หลังจากที่การประลองครั้งนี้จบลงแล้วดีกว่า” เซียวรั่วหยูกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“นั่นสินะ อย่างน้อยตอนกำลังจะไปสู้ก็ควรจะต้องสงบสติอารมณ์เอาไว้ คราวนี้เธอตัดสินใจได้ดีจริง ๆ” จักจั่นขาวกล่าว

“ดูนั่น! การประลองกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว”

ใครคนหนึ่งส่งเสียงตะโกนขึ้นมาผู้ชมทุกคนจึงรีบเดินไปที่ช่องหน้าต่างในทันที ท่านใดนั้นมันก็มีแสงสว่างวาบ 2 สายปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนที่ร่างของเซี่ยบูหยุนและหยูฮัวจะปรากฏตัวบนดาวเคราะห์อันแห้งแล้งที่อยู่ด้านล่างของยานอวกาศ

เมื่อผู้เข้าประลองทั้งสองปรากฏตัว ทุกคนต่างก็ส่ายหัวขึ้นมาพร้อม ๆ กัน เพราะในการประลองรอบแรกนี้ไม่มีอะไรให้พวกเขาลุ้นเลย และทั่วทั้งกลุ่มดาวม้าขาวก็คงจะมีเพียงแต่เฝิงคูชานเพียงคนเดียวที่มีความสามารถในการออกมาท้าทายเซี่ยบูหยุนได้

ทั่วทั้งกลุ่มดาวม้าขาวมีเฝิงคูชานเป็นจักรพรรดิกฎขั้นที่ 7 เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เขาจึงมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะท้าทายผู้นำของตระกูลสกายวิงคนนี้ได้ และเนื่องมาจากว่าเขาได้ทำงานให้กับเบื้องบน เขาจึงไม่ถูกจำกัดด้วยกฎเกณฑ์โดยทั่วไป แล้วมันก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงแม้เขาจะเป็นจักรพรรดิกฎระดับสูงแต่เขาก็ยังไม่ขึ้นไปอยู่บนเผ่าเทพ

ขณะเดียวกันแม้ว่าเซียงจินเฉิงจะมีพลังอยู่ในระดับจักรพรรดิกฎขั้นที่ 5 แต่มันก็ไม่มีใครกล้ารับประกันว่าชายชราคนนี้จะสามารถต่อต้านความเร็วของเซี่ยบูหยุนได้ ท้ายที่สุดทุกคนก็รู้ดีว่าความเร็วของสกายวิงเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากเพียงใด และมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากนักรบของสกายวิงจะท้าทายนักรบที่มีระดับสูงกว่าตัวเอง

ถ้าหากว่าแม้แต่จักรพรรดิกฎขั้นที่ 5 อย่างเซียงจินเฉิงก็ยังไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะเซี่ยบูหยุนได้ มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอธิบายว่าราชากฎอย่างหยูฮัวก็ย่อมไม่มีทางที่จะต่อต้านผู้นำสกายวิงคนนี้ได้เหมือนกัน การประลองระหว่างพวกเขาจึงไม่ต่างไปจากการพยายามเอาไข่ไปกระทบกับหิน

ปัจจุบันหยูฮัวกำลังยืนอยู่บนดาวเคราะห์อันแห้งแล้งด้วยเนื้อตัวที่กำลังสั่นอย่างรุนแรง เพราะคู่ต่อสู้ของเขาคือเซี่ยบูหยุนนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของสกายวิง แม้แต่คนที่มองโลกในแง่ดีที่สุดก็ไม่คิดว่าหยูฮัวจะมีโอกาสพลิกกลับมาได้รับชัยชนะ 

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังถูกตระกูลมูนวอร์ดทอดทิ้งมาตั้งนานแล้ว โอกาสรอดชีวิตจากการประลองในครั้งนี้จึงมีเหลืออยู่น้อยกว่า 1% ด้วยซ้ำ

“เซี่ยเฟยฝากฉันมาส่งข้อความให้กับนาย” เซี่ยบูหยุนกล่าว

หยูฮัวชะงักค้างไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะจ้องมองไปยังชายชราตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

“เซี่ยเฟยบอกว่าเขาไม่ได้มีโอกาสฆ่านายด้วยตัวเอง แต่เขาจะช่วยดูแลหยูเสี่ยวเป่ยเป็นอย่างดี”

ข้อความจากเซี่ยเฟยทำให้สีหน้าของหยูฮัวเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด ก่อนที่ร่างของเขาจะสั่นขึ้นมาอย่างรุนแรง

ทุกคนต่างก็รู้ว่าหยูฮัวยังไม่ได้แต่งงาน มันจึงทำให้แม้แต่ผู้ร่วมอุดมการณ์กับเขาอย่างหยูเผิงและหยูจินก็ยังไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วหยูเสี่ยวเป่ยคือลูกชายของเขา

อิทธิพลของสกายวิงเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก เพราะเมื่อเซี่ยเทียนเริ่มขุดคุ้ยเรื่องราวของหยูฮัว มันก็ทำให้พวกเขาสามารถขุดคุ้ยความลับที่ชายคนนี้พยายามปกปิดมาโดยตลอดได้

สถานการณ์ในปัจจุบันเริ่มทำให้หยูฮัวรู้สึกหมดหวังอย่างแท้จริง ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นไปมองยานรบระดับสูงบนท้องฟ้าด้วยแววตาที่มืดมน และเมื่อเขาได้เห็นเซี่ยเฟยที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นกว่าเดิม

มีบุญคุณต้องทดแทนมีแค้นต้องชำระ!

ศัตรูทุกคนต้องถูกกำจัด!!

สิ่งเหล่านี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นคติประจำใจที่เซี่ยเฟยได้ใช้ในการดำรงชีวิตมาโดยตลอด

“โหดร้าย โหดร้ายมาก” หยูฮัวพึมพำด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว

“มีอะไรอยากจะพูดอีกไหม?” เซี่ยบูหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ผมขอ…” ในระหว่างที่หยูฮัวกำลังจะบอกความปรารถนาสุดท้ายก่อนตาย เซี่ยบูหยุนก็ลงมือจนทำให้ชายหนุ่มคนนี้ไม่มีโอกาสที่จะพูดอะไรออกมา

ร่างของเซี่ยบูหยุนหายไปราวกับสายฟ้า ก่อนที่มันจะมีคมมีดมาปรากฏขึ้นที่ลำคอของหยูฮัวอย่างรวดเร็ว

“เซี่ยเฟยยังฝากบอกอีกเรื่องหนึ่งว่า ไม่ว่านายจะหวังอะไรไว้แต่มันก็ไม่มีทางสมหวังทั้งนั้น” เซี่ยบูหยุนกล่าวทิ้งท้าย ก่อนที่คมมีดในมือขวาของเขาจะถูกตัดออกไปอย่างรวดเร็ว

สิ้นหวัง!

โคตรสิ้นหวัง!

ถ้าไม่อยากฟังแล้วจะถามทำไม?

แท้ที่จริงคือเซี่ยเฟยขอให้เซี่ยบูหยุนถามความปรารถนาของหยูฮัวก่อนตาย เพื่อให้เขามองเห็นความหวังสุดท้ายก่อนที่จะถูกสังหารลงไปอย่างสิ้นหวัง

หยูฮัวไม่เคยคาดคิดเลยว่าเซี่ยเฟยจะโหดเหี้ยมมากถึงขนาดนี้ และถึงแม้ว่าเขาจะต้องตายอยู่แล้วแต่อีกฝ่ายก็ยังพยายามทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังจนถึงขีดสุด

ฉัวะ!

โลหิตพุ่งออกมาจากลำคอของหยูฮัวราวกับน้ำพุพร้อม ๆ กับชีวิตของชายคนนี้ที่ค่อย ๆ ดับสิ้นลงไป ด้วยความอาฆาตแค้นที่ไม่อาจปล่อยวางได้แม้แต่ในช่วงลมหายใจสุดท้ายของเขาก็ตาม

ในเวลาเดียวกันเซี่ยเฟยที่ยืนมองการประลองอยู่ริมหน้าต่างก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย เพราะอย่างน้อยเขาก็พอจะแก้แค้นให้กับเหล่าบรรดาผู้บริสุทธิ์ในตระกูลหยูที่ถูกหยูฮัวสังหารทั้ง ๆ ที่คนพวกนั้นแค่มีความสัมพันธ์กับเขาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

การประลองในคู่นี้ต่างก็ทำให้เหล่าบรรดาผู้ชมรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก แม้แต่เหล่าบรรดานักรบของสกายวิงก็ยังเฝ้าดูการประลองอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ส่งเสียงเชียร์อะไรออกมา

“เอาล่ะถึงตาของฉันแล้ว” เซี่ยเทียนกล่าวขณะถอดแว่นออกมาเช็ดและใส่แว่นกลับไปอีกครั้ง

“ดูแลตัวเองด้วยครับ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเป็นห่วง

“ไม่ต้องห่วง นักรบสกายวิงทุกคนต่างก็ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้อยู่แล้ว และฉันก็มีความคิดที่ไม่แตกต่างจากคนอื่น” เซี่ยเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลังจากพูดจบเซี่ยเทียนก็เงยหน้าและเตรียมตัวเข้าสู่สนามรบ

ในที่สุดการต่อสู้คู่เอกของวันนี้ก็มาถึง โดยคู่ต่อสู้ฝั่งหนึ่งคือเซียงอู๋เฉิงจักรพรรดิกฎขั้นที่ 3 จากตระกูลมูนวอร์ด ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งคือเซี่ยเทียนจักรพรรดิกฎขั้นที่ 1 จากตระกูลสกายวิง

พริบตาต่อมามันก็ได้มีเงา 2 เงาเคลื่อนที่ผ่านฟากฟ้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เซี่ยเทียนจะปรากฏตัวขึ้นบนดวงดาวพร้อมกับกล่องโลหะขนาดใหญ่ที่แต่ละด้านมีพื้นที่มากกว่า 3 เมตร

“นั่นมันอะไร? ตระกูลมูนวอร์ดส่งกล่องออกมาสู้งั้นเหรอ?”

ใครสักคนพยายามเล่นตลกออกมา แต่มันกลับไม่มีใครส่งเสียงหัวเราะตามมุกตลกของเขาเลยแม้แต่คนเดียว

ท้ายที่สุดผู้มีประสบการณ์ทุกคนต่างก็สัมผัสถึงกลิ่นอายอันรุนแรงภายในกล่องได้อย่างชัดเจน และการที่ตระกูลมูนวอร์ดเก็บนักรบเอาไว้ในกล่องแบบนี้ มันก็หมายความว่ามันจะต้องมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นกับเซียงอู๋เฉิงจนทำให้เขาต้องถูกจับขังเอาไว้แน่ ๆ

เซี่ยเทียนจ้องมองไปยังกล่องตรงหน้าด้วยแววตาอันเย็นชา ขณะที่เขาค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปรอบกล่องอย่างระมัดระวัง

ภายในกล่องมีเสียงหอบหายใจคล้ายสัตว์ร้ายดังขึ้นมาตลอดเวลา แล้วมันก็ให้ความรู้สึกราวกับว่ามันกำลังมีสัตว์ร้ายมองมายังเซี่ยเทียนด้วยแววตาสีแดงเลือด

ทันใดนั้นเองเซี่ยเทียนก็ยกนิ้วชี้กระดิกไปทางกล่อง และถึงแม้ว่าเขาจะกำลังเผชิญหน้ากับจิตสังหารอันรุนแรงแต่เขาก็ยังสามารถยั่วยุอีกฝ่ายได้อย่างเย็นชา

ตูม!

เซียงอู๋เฉิงที่อยู่ภายในกล่องไม่สามารถที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป ในที่สุดเขาก็ทำลายกล่องที่กักขังตัวเขาออกและเผยให้เห็นสัตว์ประหลาดที่ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าของทุกคน

ผู้ชมทุกคนต่างก็อ้าปากค้างขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะมันไม่เคยมีใครคาดคิดว่าจักรพรรดิกฎผู้สง่างามจะถูกเปลี่ยนให้เป็นสัตว์ประหลาด หลังจากที่พวกเขาไม่ได้พบชายชราคนนี้เพียงแค่เดือนเดียว

***************

อื้อหือต้องน่ากลัวขนาดไหนกันถึงเรียกว่าสัตว์ประหลาดขนาดนี้

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.