ตอนที่ 731 ไพ่ตายของสกายวิง

-A A +A

ตอนที่ 731 ไพ่ตายของสกายวิง

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 731 ไพ่ตายของสกายวิง

เซียงไป๋เสียชีวิตท่ามกลางสนามรบเรียบร้อยแล้วโดยยุทธการเด็ดปีกสังหารของพวกสกายวิง

เหล่าบรรดาสมาชิกของตระกูลมูนวอร์ดต่างก็อ้าปากค้างขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพราะมันไม่มีใครคาดคิดว่าพวกสกายวิงจะสามารถสังหารผู้นำตระกูลของพวกเขาได้ ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที

อย่าลืมว่าเซียงไป๋เป็นจักรพรรดิกฎขั้นที่ 2 ที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกันกับเซี่ยบูหยุน ผูัซึ่งเป็นนักรบที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลสกายวิง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงเสียชีวิตด้วยความรวดเร็ว

ตำนานเคยเล่าขานกันว่าตระกูลสกายวิงได้เพาะเลี้ยงฝูงหมาป่าขึ้นมาอย่างน่าหวาดกลัว และข้อเท็จจริงในวันนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วว่านักรบของสกายวิงไม่เพียงแต่จะเก่งกาจในการจู่โจมเพียงลำพังเท่านั้น แต่พวกเขายังสามารถประสานงานกันจู่โจมได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

เซี่ยเฟยพยายามศึกษาวิธีการจู่โจมของพวกสกายวิงอย่างหนัก แต่น่าเสียดายที่เวลาที่เขาอยู่ร่วมกับพวกสกายวิงมีน้อยมากเกินไป มันจึงทำให้เขาไม่สามารถที่จะหาช่องว่างบุกเข้าไปเพื่อร่วมมือกับพวกสกายวิงได้เลย

ฟุบ!

ทันใดนั้นเองชายหนุ่มก็ได้เห็นชายร่างอ้วนที่มีน้ำหนักมากกว่า 300 กิโลกรัมพุ่งตัวเข้ามาเข้าร่วมการต่อสู้อีกครั้ง และเขาคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลยนอกเสียจากเซี่ยจื่อหยวน ผู้ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการบุกสังหารเซียงไป๋เมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว

หากพิจารณาเพียงรูปลักษณ์ภายนอกมันก็เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการได้ว่า ชายคนนี้สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วหลายแสนเมตรต่อวินาที ซึ่งในตอนนี้ทั่วทั้งร่างของเขาถูกพันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผลและใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวลงกว่าเดิม แต่เขาก็ยังคงกลับมายืนอยู่เคียงข้างพี่น้องคนอื่น ๆ ด้วยแววตาอันแน่วแน่เช่นเคย

ไม่มีสหายร่วมรบคนไหนเอ่ยคำพูดใดหรือไม่มีใครมองมาที่เซี่ยจื่อหยวนเลยแม้แต่คนเดียว คล้ายกับว่าขั้นตอนเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของนักรบสกายวิงอยู่แล้ว และทุกคนก็พร้อมที่จะเสียสละตัวเองเพื่อกำจัดศัตรูได้ตลอดเวลา

เซี่ยจื่อหยวนไม่ได้พูดบ่นอะไรออกมาด้วยเช่นกัน เหมือนกับแค่เขากลับมาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเงียบ ๆ ซึ่งความสามัคคีและความเสียสละแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่สามารถหาเจอได้ง่าย ๆ และมันก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้สกายวิงสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้

หากการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป นักรบของสกายวิงก็พร้อมที่จะกลับมายืนเคียงข้างพี่น้องของพวกเขาได้ทุกเวลา และพวกเขาก็ถือคติประจำใจว่าหากพวกเขาจะตายก็ขอให้พวกเขาได้ตายในสนามรบ!!

ฟุบ!

เมื่อนักรบของตระกูลมูนวอร์ดเริ่มเผยช่องว่างขึ้นมาแม้แต่เพียงนิดเดียว นักรบจากตระกูลสกายวิงก็พุ่งตัวออกไปโจมตีในทันที ก่อนที่ฝูงหมาป่าเหล่านี้จะฉีกกระชากร่างของเหยื่อออกเป็นชิ้น ๆ

ตั้งแต่เริ่มต้นการจู่โจมไปถึงการปลิดชีวิต นักรบสกายวิงก็ได้ใช้เวลาไปเพียงแค่วินาทีเดียวเท่านั้น การลงมือของพวกเขาทั้งเต็มไปด้วยความเด็ดขาดและโหดเหี้ยม เมื่อไหร่ก็ตามที่มีใครพลาดเปิดโอกาสแม้แต่เพียงนิดเดียวพวกเขาก็จะถูกจบชีวิตลงในฉับพลัน

ตั้งแต่การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นสถานการณ์ของทางฝั่งตระกูลมูนวอร์ดก็ตกอยู่ในความเสียเปรียบตลอดเวลา ซึ่งไม่เพียงแต่สกายวิงจะสามารถเผาทำลายสวนดอกท้อของพวกเขาได้เท่านั้น ในตอนนี้แม้แต่ตำหนักจันทร์สว่างของตระกูลก็ยังถูกพวกสกายวิงปิดล้อมเอาไว้อีกด้วย

ที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้ 1 ใน 3 จักรพรรดิกฎของทางฝั่งพวกเขาได้ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

1 นาทีผ่านไปในระหว่างนั้นสกายวิงได้ทำการจู่โจม 3 ครั้งและสามารถสังหารราชากฎของตระกูลมูนวอร์ดได้ 3 คนเช่นเดียวกัน โดยไม่มีการสูญเสียสมาชิกจากทีมตัวเองเลยแม้แต่คนเดียว

เซียงจินเฉิงมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยแววตาอันมืดมน แต่เขาก็ยังคงเอามือไพล่หลังทำอะไรสักอย่างกับเครื่องจักรขนาดเล็กที่อยู่บนนิ้ว ราวกับว่าเขากำลังติดต่อไปหาใครบางคนในระหว่างที่ศัตรูยังคงหาโอกาสจู่โจมสังหารอยู่ตลอดเวลา

“เดี๋ยวก่อนนะ! ทำไมเหตุการณ์นี้มันดูแปลก ๆ ถึงแม้ว่าประสิทธิภาพของนักรบสกายวิงจะดูโดดเด่นมากกว่านักรบของมูนวอร์ดก็จริง แต่จำนวนนักรบของทั้งฝั่งมูนวอร์ดก็มีมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยปกติพวกมูนวอร์ดสมควรที่จะเอาจำนวนเข้าสู้ความเร็วของสกายวิง แล้วทำไมพวกเขาถึงยังอยู่เฉย ๆ ไม่เริ่มตอบโต้กลับมาแบบนี้?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติของสถานการณ์ตรงหน้า

“นายพูดถูก ตอนนี้สถานการณ์ของทั้งฝั่งมูนวอร์ดเสียเปรียบกว่าอย่างเห็นได้ชัด และความหวังเดียวที่พวกเขาจะได้รับชัยชนะมันก็อาจจะเป็นการขยายขอบเขตของสงครามออกไป เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาสามารถดึงตระกูลชั้นยอดตระกูลอื่นมาเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ได้ ในเวลานั้นสกายวิงก็ไม่มีทางที่จะต่อต้านนักรบของตระกูลอื่นพร้อม ๆ กันหลายตระกูลได้แน่ ๆ” โอโร่กล่าวพร้อมกับพยักหน้า

ปัจจุบันเซี่ยบูหยุนยังคงยืนอยู่ใกล้ ๆ เซี่ยเฟยและบางทีมันก็อาจจะเป็นเพราะชายชราคนนี้เห็นเซี่ยเฟยเคลื่อนไหวเชื่องช้ามากจนเกินไป เขาจึงดึงคอเสื้อชายหนุ่มให้มายืนอยู่ใกล้ ๆ กับตัวเขา

เซี่ยเฟยตัดสินใจเล่าความคิดเห็นของตัวเองออกไปให้ชายชราฟัง มันจึงทำให้เซี่ยบูหยุนมองกลับมาทางชายหนุ่มด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ

“ฉันรู้อยู่แล้วว่าพวกมันกำลังรอกำลังเสริม” เซี่ยบูหยุนกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้นมาที่มุมปาก

‘กำลังเสริม!? กองกำลังนี้ยังไม่ใช่กองกำลังทั้งหมดของพวกมูนวอร์ดอีกงั้นเหรอ? พวกตระกูลชั้นยอดมันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจอย่างตกตะลึง ซึ่งในขณะเดียวกันเขาก็ชื่นชมความมุ่งมั่นของตระกูลสกายวิง ที่ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าอีกฝ่ายมีกำลังมากกว่าตัวเอง แต่สกายวิงก็ยังคงสั่งบุกโจมตีโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว

“ทักษะการวิเคราะห์และการตัดสินใจของนายค่อนข้างดี แต่น่าเสียดายที่นายยังดูถูกพวกเราสกายวิงมากเกินไป แต่มันก็อาจจะเป็นเพราะว่านายเพิ่งจะได้กลับมาที่ตระกูล มันจึงไม่ใช่ความผิดของนายไปซะทีเดียว ในอนาคตนายยังต้องมีเรื่องอื่น ๆ ให้ต้องเรียนรู้อีกมาก หลังจากนี้ฉันจะคอยดูการเติบโตของนายไปก็แล้วกัน”

จู่ ๆ คำพูดที่เต็มไปด้วยความเอาใจใส่ของเซี่ยบูหยุนก็ทำให้ดวงตาของเซี่ยเฟยเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของครอบครัวที่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน 

ยิ่งไปกว่านั้นการที่นักรบสกายวิงทุกคนเต็มใจที่จะออกมาทำสงครามกับตระกูลมูนวอร์ดเนื่องมาจากเขาเป็นต้นเหตุ มันก็พิสูจน์ให้เห็นเป็นอย่างดีแล้วว่าสมาชิกของตระกูลนี้ให้ความสำคัญกับสมาชิกในตระกูลของตัวเองมากแค่ไหน

แม้ว่าคนจากตระกูลสกายวิงจะไม่ใช่คนประเภทที่พูดจาอ่อนโยนนัก แต่การกระทำที่พวกเขาแสดงออกมาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าคำสัญญาของตระกูลมันไม่ใช่คำพูดลอย ๆ

ในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังคิดถึงเรื่องสกายวิงอยู่นั้น เขาก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเซียงจินเฉิง โดยในตอนแรกชายชราคนนี้ยังคงยืนอยู่อย่างเงียบสงบ แต่ในปัจจุบันอารมณ์ของเขาเต็มไปด้วยความโกรธจนทำให้ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรง

มันไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับชายชราคนนี้กันแน่ เพราะในตอนที่เซียงไป๋เสียชีวิตในสนามรบเซียงจินเฉิงก็ไม่เห็นจะมีปฏิกิริยาเหมือนกับในตอนนี้เลย แม้ว่าราชากฎในกองกำลังของเขาจะถูกนักรบจากสกายวิงฉีกร่างออกเป็นชิ้น ๆ แต่เขาก็ยังคงสงบนิ่งราวกับว่าเรื่องพวกนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเขา

อย่างไรก็ตามในตอนนี้เซียงจินเฉิงกลับยกมือขวาขึ้นมาอย่างสั่นเทา พร้อมกับชี้ไปยังเซี่ยบูหยุนด้วยอาการโกรธจนแทบจะไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

“ท่านพี่! เป็นอะไรไป?” เซียงอู๋เฉิงกล่าวถามขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก เพราะเขาก็ไม่รู้ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นกับพี่ชายของเขาเหมือนกัน

“พวกเราตกหลุมพราง! ไอ้พวกที่สกายวิงมันจะเจ้าเล่ห์มากจนเกินไปแล้ว!!” เซียงจินเฉิงร้องคำรามขึ้นมาด้วยความโกรธ

“อย่าคิดว่าแกเป็นคนเดียวที่คิดแผนการแบบนั้นได้ พวกเราก็คิดแผนการเตรียมรับมือจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์แบบแกเอาไว้ด้วยเหมือนกัน”

“สกายวิงฟังคำสั่ง!”

“ครับ”

“ภายใน 1 นาทีจงทำลายสวนซากุระให้ราบเป็นหน้ากลอง” เซี่ยบูหยุนตะโกนออกคำสั่งอย่างเย่อหยิ่ง

ตระกูลมูนวอร์ดคือ 1 ใน 9 ตระกูลชั้นยอดเชียวนะ ตระกูลสกายวิงต้องการเวลาเพียงแค่ 1 นาทีเพื่อกำจัดศัตรูพวกนี้จริง ๆ เหรอ?

ฟุบ!

ทันทีที่คำสั่งจบลงการเคลื่อนไหวของนักรบสกายวิงก็เปลี่ยนไปในทันที โดยในตอนแรกพวกเขาเป็นเหมือนหมาป่าที่ค่อย ๆ เล่นกับเหยื่อไปทีละน้อย แต่ในตอนนี้พวกเขาได้เปลี่ยนนิสัยกลายเป็นหมาป่าที่ดุร้าย

ณ สวนสายลมสถานที่พำนักของตระกูลสกายวิงภายในกลุ่มดาวม้าขาว

เลือด!

ปัจจุบันทะเลเลือดได้ปกคลุมทั่วทั้งสวนสายลมจนทำให้พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นสีแดงฉาน

ศพ!

ศพจำนวนนับไม่ถ้วนเรียงซ้อนกันราวกับกองภูเขา

ในขณะที่เซี่ยบูหยุนนำทีมบุกโจมตีตระกูลมูนวอร์ด ชายชราคนหนึ่งก็ยืนเฝ้าประตูพร้อมกับมีดสามแฉกภายในมือ เพื่อปกป้องไม่ให้ใครเข้ามาภายในสวนแห่งนี้ได้

ร่างกายของชายชราคนนี้ชุ่มโชกไปด้วยเลือด แววตาของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและจิตสังหารของเขาก็ปกคลุมไปทั่วทั้งสวนสายลม

แน่นอนว่าชายชราคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนอื่นนอกเสียจากเซี่ยอู๋เย่ ผู้ซึ่งเป็นพ่อบ้านที่คอยดูแลตระกูลสกายวิงอยู่นั่นเอง

ในตอนแรกทุกคนคิดว่าเซี่ยอู๋เย่เป็นเพียงแค่ชายชราธรรมดา เพราะเขาคอยทำความสะอาดสวนแห่งนี้อย่างโดดเดี่ยว และมีอาการไอออกมาเป็นบางครั้งดูไม่ต่างไปจากผู้สูงอายุโดยทั่วไปเลยแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้เองเหล่าบรรดาเพื่อนบ้านของตระกูลสกายวิงจึงมักที่จะเข้ามาพูดจาทักทายเซี่ยอู๋เย่อยู่เป็นประจำ และมันก็มีพวกเด็ก ๆ ชอบเข้ามารับขนมไปจากชายชราคนนี้อยู่เสมอ

หลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปหลายปี เหล่าบรรดาเพื่อนบ้านก็เข้าใจไปเองว่าเซี่ยอู๋เย่คือชายชราที่แสนดี และมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงการให้ชายชราคนนี้ไปฆ่าใครสักคนเลย

แต่ในวันนี้สถานการณ์กลับพลิกกลับตาลปัตรไปจากสิ่งที่ทุกคนคิดอย่างสิ้นเชิง เพราะเซี่ยอู๋เย่สามารถสังหารชีวิตผู้คนนับพันโดยไม่แสดงความเมตตาออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว

เพื่อต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเซี่ยบูหยุน ตระกูลมูนวอร์ดจึงได้วางแผนจู่โจมเข้าใส่ฐานที่มั่นของสกายวิงเพื่อทำลายขวัญกำลังใจ แต่ใครจะไปคิดว่าพ่อบ้านชราคนนี้กลับเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายของตระกูล เพราะท้ายที่สุดชายชราคนนี้ก็คือจักรพรรดิกฎคนที่ 3 ของสกายวิง

***************

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2025 keangun. All Rights Reserved.