ตอนที่ 652 ระเบิดรังอีกาดำ
ตอนที่ 652 ระเบิดรังอีกาดำ
เหตุการณ์นี้ทำให้โดรอนรู้สึกตกตะลึงมาก เพราะในโดมทองคำก็มีเซี่ยเฟยที่กำลังใช้พลังน้ำแข็งทำลายร่างแยกของมันเป็นจำนวนมาก แต่ที่นี่ก็มีเซี่ยเฟยปรากฏขึ้นอีกคนเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยคนนี้ยังหาร่างหลักของมันพบอีกด้วย
อสูรเงาแตกต่างจากอสูรประเภทอื่น โดยมันมีความสามารถในการพึ่งพาอาศัยผู้อื่นเพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของตัวเอง ขณะเดียวกันร่างจริงของมันก็เป็นเพียงร่างที่ค่อนข้างอ่อนแอ แล้วมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงว่าเซี่ยเฟยมีอาวุธที่ทรงพลังอยู่ในมืออย่างมากมาย และโอกาสที่เขาจะสามารถทำลายร่างจริงของโดรอนได้มันก็ถือว่ามีโอกาสที่สูงมาก
โดรอนพยายามวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก โดยร่างกายที่เหมือนกับปลาหมึกของมันนั้นสามารถเคลื่อนไหวภายในน้ำได้รวดเร็วเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ในคราวนี้ผู้ที่กำลังตามล่ามันอยู่คือผู้ที่มีพลังสายความเร็ว
“จับมันซะ!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับปล่อยหงส์ครามในแขนขวาของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
โดรอนเริ่มวิตกกังวลมากยิ่งขึ้น มันจึงพ่นกระแสน้ำอันรุนแรงออกมาจากปากเพื่อเร่งความเร็วให้กับตัวเองอย่างกะทันหัน และทำให้ร่างของมันพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ที่ถูกยิงออกไปไกลหลายกิโลเมตร
มนตราอสูร!
ชายหนุ่มเริ่มรวบรวมพลังที่ใช้ในการจัดการกับสัตว์อสูรในทันที และในทันใดนั้นคลื่นพลังจิตเป็นจำนวนมากก็พยายามหาวิธีสอดแทรกเข้าไปภายในสมองของโดรอนโดยตรง
โดรอนพยายามแบ่งพลังงานบางส่วนมาเพื่อปิดกั้นพลังของวิชามนตราอสูรเอาไว้ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ถนัดทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กัน การเคลื่อนไหวของมันจึงเริ่มหยุดชะงักและถูกหนึ่งในใบหญ้าสีฟ้าม้วนจับไปได้สำเร็จ
ตูม!
เซี่ยเฟยกระโดดขึ้นไปในอากาศมากกว่า 10 เมตรและใช้หงส์ครามที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับแขนของเขาในการจับทุ่มอสูรเงาลงไปบนพื้น
ร่างกายที่เหมือนของเหลวของโดรอนแตกกระจายออกไปตามพื้นในทันที หลงเหลือเพียงลูกกะตาของมันที่ยังคงสภาพเอาไว้ได้
ในเวลาเดียวกันเซี่ยเฟยที่กำลังทิ้งตัวลงมาจากกลางอากาศก็นำบลัดบิวเทียสออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ใช้มือทั้งสองข้างจับดาบสีแดงแทงเข้าไปในดวงตาสีเขียว
“หายไปซะ!”
ทันทีที่บลัดบิวเทียสเสือกแทงเข้าไปภายในลูกตาของโดรอนได้สำเร็จ มันก็เริ่มดูดกลืนพลังงานจากร่างของสัตว์อสูรอย่างรวดเร็ว ทำให้ในเวลาเพียงแค่ไม่นานลูกตาสีเขียวนี้ก็แห้งเหี่ยวและกลายเป็นฝุ่นผงที่ปลิวไปตามสายลมในที่สุด
เมื่อร่างจริงของโดรอนถูกทำลาย ร่างแยกของมันที่กำลังเผชิญหน้ากับเฉินตงอยู่ก็เหี่ยวเฉาลงไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มผู้มีพลังน้ำแข็งจึงถอนหายใจพร้อมกับทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างโล่งอก เพราะถ้าหากว่าเซี่ยเฟยจัดการศัตรูช้ากว่านี้อีกไม่กี่นาที ไม่แน่เขาก็คงจะไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้ได้อีกแล้ว
—
ในเวลาต่อมาเฉินตงก็กลับสู่รูปลักษณ์เดิมของเขา ขณะที่เซี่ยเฟยก็นำชุดเกราะชาร์ปเลสกลับไปสวมใส่เหมือนเดิมด้วยเช่นกัน
ท้ายที่สุดเฉินตงก็มีเกราะน้ำแข็งปกป้องร่างกายของเขาอยู่แล้ว เขาจึงไม่ค่อยพกพาชุดต่อสู้ในระหว่างเดินทางไปไหนมาไหน แต่ถ้าจะพูดให้ถูกมันก็ต้องบอกว่าชายคนนี้ไม่ชอบสวมใส่เสื้อผ้าในระหว่างการต่อสู้มากกว่า และถ้ามันไม่มีกฎหมายเรื่องอนาจาร ไม่แน่บางทีเฉินตงอาจจะแก้ผ้าเดินไปเดินมาตามท้องถนนเลยด้วยซ้ำ
“ในที่สุดมันก็จบลงซะที” เซี่ยเฟยพึมพำออกมาเบา ๆ ขณะกวาดสายตามองไปยังซากศพที่เหี่ยวเฉาที่ยังคงอยู่บนพื้น
“อสูรพวกนั้นพยายามเปิดประตูนี้เพื่อเอาอะไรสักอย่างออกไป ถ้าหากนายช้ากว่านี้แม้แต่นิดเดียว อสูรพวกนั้นก็คงจะเอาสมบัติหนีไปได้แล้ว” เฉินตงกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังประตูเล็ก ๆ ที่ถูกเปิดออกมาเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง
“เอาล่ะ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ฉันขอรบกวนนายเฝ้าฉันในระหว่างการเลื่อนระดับอีกครั้งหนึ่งก่อนก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างกระตือรือร้น
“อะไรนะ?! นี่นายกำลังจะเลื่อนระดับพลังอีกแล้วงั้นเหรอ? ครั้งที่แล้วที่นายเลื่อนระดับพลังมันแค่ประมาณชั่วโมงเดียวเองนะ นี่นายยังเป็นมนุษย์อยู่จริง ๆ ใช่ไหม?” เฉินตงอุทานออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ในความเป็นจริงเซี่ยเฟยก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะสามารถเลื่อนระดับพลังได้อย่างรวดเร็วแบบนี้เหมือนกัน หลังจากที่เขาดูดซับพลังงานมาจากราชากฎแล้วเขาก็ได้รับพลังงานมาจากอสูรเทวะอย่างต่อเนื่อง มันจึงทำให้ลูกบอลพลังงานในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาเริ่มไม่เสถียรอีกครั้งหนึ่ง
แม้ว่าโดรอนจะอ่อนแอกว่าอสูรเทวะโดยทั่วไป แต่ท้ายที่สุดมันก็เป็นอสูรเทวะที่มีชีวิตอยู่มาหลายหมื่นปี พลังงานที่ถูกเก็บสะสมเอาไว้ภายในร่างของมันจึงไม่ได้ด้อยกว่าเหล่าบรรดาราชากฎขั้นสูงอย่างนักฆ่า ผู้ซึ่งเป็นอาจารย์ของเฉินตงในก่อนหน้านี้เลย
เซี่ยเฟยไม่อยากจะอธิบายเหตุผลมากนัก และเฉินตงก็รู้ดีว่าเขาไม่ควรถามคำถามอะไรมากเกินไป สิ่งที่ชายหนุ่มพลังน้ำแข็งคนนี้พอจะทำได้คือการเฝ้าให้สหายสามารถเลื่อนระดับพลังของตัวเองไปได้อย่างปลอดภัยเท่านั้น
—
ประตูลับที่ถูกเปิดออกเป็นประตูที่ซ่อนอยู่ในจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งถ้าหากว่าโดรอนไม่ได้เป็นคนเปิดมันขึ้นมา พวกเขาก็คงจะต้องใช้เวลามากพอสมควรกว่าจะหาประตูลับบานนี้จนเจอ
เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปในประตูพวกเขาก็ได้พบกับคลังสมบัติที่เต็มไปด้วยทองคำอย่างมากมาย คล้ายกับว่าพวกเขาได้หลงเข้าไปในคลังสมบัติของปราสาทที่เคยปรากฏในภาพยนตร์
“ใครมันจะไปต้องการของพวกนี้ ที่นี่มันมีแต่ขยะชัด ๆ” เฉินตงบ่นออกมาอย่างผิดหวัง
ท้ายที่สุดนักรบคนนี้ก็ไม่ใช่ประชากรที่เกิดขึ้นบนดาวโลก เครื่องประดับที่สร้างขึ้นมาจากทองคำจึงไม่ใช่สิ่งมีค่าในสายตาของเขาเลย ไม่ว่ายังไงจักรวาลแห่งนี้ก็ยิ่งใหญ่มากจนมีแม้กระทั่งดาวเคราะห์บางดวงที่เป็นดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยทองคำด้วยซ้ำ ในระดับจักรวาลเครื่องประดับที่ถูกสร้างขึ้นมาจากทองคำจึงไม่ต่างไปจากเศษขยะสำหรับพวกเขา
“ลองดูนั่นสิ! ตรงนั้น! เตียงไม้นี่ดูธรรมดามาก ถึงแม้ว่ามันจะมีอัญมณีประดับอยู่บ้างแต่มันก็ไม่ได้ดูเด่นสะดุดตาเหมือนกับเครื่องประดับพวกนั้น ฉันคิดว่าเหตุผลที่ชาวแอตแลนติสเก็บของพวกนี้ไว้ไม่ใช่เพราะพวกเขาคิดว่ามันมีค่า แต่มันเป็นเพราะว่าของพวกนี้เป็นสิ่งที่มีความทรงจำของพวกเขาหลงเหลืออยู่ต่างหาก”
“ดูเหมือนว่าราชาของชาวแอตแลนติสจะชอบเก็บสะสมของที่มีความทรงจำมากกว่าของที่มีค่านะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้ไปยังอุปกรณ์หลาย ๆ ชิ้นที่ไม่ดูเด่นสะดุดตาเหมือนกับเครื่องประดับที่ถูกเก็บเอาไว้ภายในห้อง
“นั่นสินะ ว่าแต่คนพวกนี้เคยอยู่ที่ดาวบ้านเกิดของนายใช่ไหม? นายพอจะรู้จักคนพวกนี้บ้างหรือเปล่า?” เฉินตงกล่าวถาม
“ฉันไม่รู้จักพวกเขาหรอก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
ห่างออกไปมีประตูลับถูกเปิดออกอยู่เล็กน้อยด้วยเช่นกัน โดยประตูบานนี้มีความหนามากกว่าประตูบานแรกมาก เซี่ยเฟยกับเฉินตงจึงค่อย ๆ เดินเข้าไปสำรวจพื้นที่ด้านใน
“คริสตัลต้นกำเนิด!” เฉินตงอุทานขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
แม้ว่าห้องสมบัติห้องนี้จะมีขนาดเล็กกว่าห้องสมบัติในก่อนหน้า และมีกล่องสมบัติอยู่เพียงแค่ 3 กล่อง แต่หนึ่งในกล่องสมบัตินั้นเต็มไปด้วยคริสตัลต้นกำเนิดที่ส่องแสงสว่างให้พวกเขามองเห็นชัดได้ตั้งแต่ไกล
คริสตัลต้นกำเนิดส่วนใหญ่ที่ถูกเก็บเอาไว้ภายในกล่องเป็นคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 และมีคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 ให้เห็นบ้างอยู่ประปราย แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเซี่ยเฟยเลย เพราะหลังจากเขาได้ขายอาวุธดาร์คเมทัลของหยูฮัว มันก็ทำให้เขาได้รับคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 มาถึง 1 ล้านชิ้น
กล่องสมบัติอีกสองกล่องมีขนาดเล็กกว่ามาก และมันก็มีร่างแยกของอสูรเงาที่แห้งเหี่ยวหลายสิบร่างร่วงหล่นอยู่ใกล้ ๆ กล่องสมบัตินั้น ซึ่งมันก็หมายความว่าสมบัติที่มันบอกกับเซี่ยเฟยตั้งแต่แรกน่าจะหมายถึงกล่องสมบัติขนาดเล็กทั้งสองกล่องนี้นี่เอง
เฉินตงกำลังจะเดินเข้าไปเพื่อตรวจสอบ แต่จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็คว้าร่างของเขาให้หยุดเอาไว้ก่อน
“ลองฟังดูดี ๆ”
ตีดี้ ตีดี้ ตีดี้ …
“นั่นมันเสียงอะไร?” เฉินตงถามอย่างสงสัย
“สมมุติว่านายเป็นอสูรเงาแล้วนายจะทำอะไรหลังจากที่นายได้รับสิ่งที่นายต้องการแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
“ทำลายที่นี่ทิ้งงั้นเหรอ?” เฉินตงสะดุ้งพร้อมกับอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
—
ตูม!
การระเบิดครั้งใหญ่ส่องแสงสว่างไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว โดยการระเบิดครั้งนี้ได้ทำลายรังอีกาดำลงไปโดยตรง และการระเบิดยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 นาที ก่อนที่มันจะหยุดลงในที่สุด
ปัจจุบันเซี่ยเฟยกับเฉินตงกำลังยืนมองภาพการระเบิดผ่านทางช่องหน้าต่างของยานเผ่ามารขนาดเล็ก และมันก็ต้องขอบคุณประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของเซี่ยเฟยที่ทำให้พวกเขาสามารถหลบหนีออกมาได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็คงจะต้องเสียชีวิตอยู่ภายใต้แรงระเบิดมหาศาลนั้นด้วยเช่นเดียวกัน
เฉินตงถือกล่องสมบัติที่เต็มไปด้วยคริสตัลต้นกำเนิดเอาไว้ในอ้อมแขน และใช้แขนข้างหนึ่งเช็ดเหงื่อออกจากศีรษะอย่างโล่งอก
เรื่องตลกในระหว่างการหลบหนีคือเซี่ยเฟยมุ่งหน้าไปหยิบกล่องสมบัติ 2 กล่องที่ยังไม่ถูกเปิดออก ในขณะที่เฉินตงรีบวิ่งเข้าไปหากล่องสมบัติที่เต็มไปด้วยคริสตัลต้นกำเนิดกล่องนี้
“นี่นายกลายเป็นพวกขี้งกตั้งแต่เมื่อไหร่?” เซี่ยเฟยจ้องไปทางเฉินตงด้วยรอยยิ้ม
เฉินตงเกาศีรษะด้วยความเขินอาย และเนื่องจากยานลำนี้มีขนาดเล็กมาก มันจึงทำให้แขนของเขาแทบที่จะชนเพดานของตัวยานแล้ว
“มันไม่ใช่แค่เงินแต่มันคือคริสตัลที่สามารถให้พลังงานกับพวกเราได้ด้วย” เฉินตงกล่าวด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
เนื่องจากในตอนที่เขาอยู่ในพันธมิตรเขาเคยใช้เงินแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่เมื่อเขาได้มาอยู่ในดินแดนกฎเขาก็ไม่สามารถใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้อีกต่อไป เพราะหน่วยเงินที่ใช้ในดินแดนกฎคือคริสตัลต้นกำเนิดที่สามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มพลังให้กับนักสู้ผู้ใช้กฎได้
“นายเก็บกล่องสมบัติกล่องนั้นไปเถอะ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ไม่! พวกเราควรจะแบ่งกันคนละครึ่งมากกว่า” เฉินตงกล่าวพร้อมกับโบกมืออย่างเร่งรีบ
“ฉันบอกให้เก็บไว้ก็เก็บเอาไว้เถอะ ไม่ต้องมาเกรงใจ” เซี่ยเฟยกล่าว
เมื่อเซี่ยเฟยปฏิเสธอย่างแข็งขันเฉินตงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องเก็บกล่องสมบัตินี้กลับเข้าไปในแหวนมิติของเขาอย่างมีความสุข ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังคงมีนิสัยบ้าการฝึกฝนและการต่อสู้อยู่เช่นเดิม การได้คริสตัลต้นกำเนิดที่เป็นแหล่งพลังงานชั้นยอดมาไว้ฝึกเป็นจำนวนมาก ย่อมทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างไม่ต้องสงสัย
“พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ ซัลลิแวนไม่ใช่นักฆ่าที่ถูกส่งมาเพียงคนเดียว ระเบิดที่รุนแรงแบบนี้ย่อมดึงดูดความสนใจของทุกคนได้แน่นอน ถ้าหากคนพวกนั้นมาถึงนายอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ และในคราวนี้พวกเราก็อาจจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดกลับไปได้ด้วยซ้ำ” เฉินตงกล่าวเตือน
เซี่ยเฟยเริ่มปรับตำแหน่งเข็มทิศมิติอีกครั้งเพื่อนำเฉินตงมุ่งหน้าไปสู่ดินแดนลับ ท้ายที่สุดแม้จะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายที่คุกคามถึงชีวิต แต่เฉินตงก็ยังคงเป็นมิตรที่ดีต่อเขาเสมอมา เขาจึงไม่กลัวที่จะเปิดเผยความลับเรื่องหุ่นยนต์ต่อหน้าของสหาย
“นายรู้ไหมว่ามีคนกี่คนที่ต้องการจะฆ่าฉัน?” เซี่ยเฟยถามด้วยรอยยิ้ม
“ฉันตอบตรง ๆ ไม่ได้หรอก ถ้าจะพูดให้ถูกมันก็ต้องบอกว่านักฆ่าทุกคนต่างก็กำลังหมายหัวของนายอยู่”
“ทุกคนเลยเหรอ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“นายรู้ไหมว่าค่าหัวของนายคือ 1 ล้านคริสตัลเหลืองเลยนะ ส่วนราคาจับเป็นของแอวริลก็มีราคา 1 ล้านคริสตัลเหลืองเหมือนกัน” เฉินตงกล่าวอย่างหนักใจ
“นี่พวกมันคิดจะบีบคั้นฉันให้ถึงที่สุดเลยสินะ” เซี่ยเฟยร้องคำรามพร้อมกับกำหมัดแน่น
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 229
แสดงความคิดเห็น