ตอนที่ 616 ภาพแฟร็กทัล
ตอนที่ 616 ภาพแฟร็กทัล
ปัจจุบันเซี่ยเฟย, เฝิงซินเหนียน, หลางซุนเย่ต่างก็เดินทางเข้าไปร่วมงานประจำเดือนของทางสมาคม ซึ่งมีการนำสินค้าออกมาแลกเปลี่ยนกันภายในงาน
หลังจากก้าวเท้าผ่านอาคาร 9 ชั้นไปยังด้านหลัง เซี่ยเฟยก็ได้พบกับสวนไผ่ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานของสมาคม
เมื่อพนักงานรักษาความปลอดภัยได้เห็นนายน้อยของตระกูลเฝิงและตระกูลเชฟชิฟเตอร์ พวกเขาก็ทำความเคารพและปล่อยกลุ่มชายหนุ่มกลุ่มนี้เข้าไปภายในงานโดยไม่ได้คิดจะขัดขวางเอาไว้แม้แต่นิดเดียว
แม้ว่าพวกเขาทั้งสามคนจะไม่ใช่สมาชิกของสมาคมทั้งหมด แต่เฝิงซินเหนียนก็เป็นทายาทคนสำคัญของตระกูลเฝิงแห่งกลุ่มมังกรฟ้า ขณะที่หลางซุนเย่ก็อยู่ภายในกลุ่มทั้งสามคนนี้ด้วย เซี่ยเฟยจึงถูกนับว่าเป็นผู้ติดตามทำให้พวกเขาทั้งสามสามารถเดินทางเข้าไปภายในงานได้โดยไม่มีปัญหา
ภายในสวนไผ่มีแท่นหินตั้งเอาไว้จำนวนหลายร้อยแท่น โดยแต่ละแท่นจะมีสินค้าและกระดาษติดเอาไว้ยังด้านข้าง ซึ่งถ้าหากว่าใครสามารถทำตามข้อกำหนดที่ถูกเขียนไว้ในกระดาษได้ พวกเขาก็สามารถนำสินค้าบนแท่นหินออกไปได้ทันที
นอกจากนี้มันยังมีผู้อาวุโสบางคนรวมกลุ่มกันเพื่อทำการเจรจา โดยคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่อยากจะเจรจามากกว่าจะใส่ข้อเสนอเข้าไปในกระดาษ ซึ่งเป็นเพียงแค่ตัวหนังสือที่ไม่สามารถต่อรองได้
ทันทีที่เฝิงซินเหนียนและหลางซุนเย่ปรากฏตัวขึ้นภายในงาน พวกเขาก็ถูกเรียกตัวเข้าไปคุยกับแขกคนอื่น ๆ ในทันที แต่เซี่ยเฟยไม่รู้จักใครเขาจึงเดินไปเดินมาเพื่อสำรวจงานแห่งนี้อย่างเงียบ ๆ
“นั่นมันคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 6!” อันธอุทานด้วยความตื่นเต้น
ภาพที่เซี่ยเฟยเห็นคือคริสตัลต้นกำเนิดสีน้ำเงินถูกวางเอาไว้บนแผ่นหินแท่นหนึ่ง ซึ่งถ้าหากเขาต้องการที่จะแลกเปลี่ยนด้วยอัตราปกติ คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 6 ก็ควรจะมีมูลค่าเท่ากับ 10,000 คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 ดังนั้นถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะเอาสินทรัพย์ทุกอย่างของเขาออกมาขาย แต่เขาก็จะมีเงินเพียงแค่ 1 ใน 10 ของมูลค่าคริสตัลสีน้ำเงินชิ้นนี้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 6 ถือว่าเป็นสกุลเงินสากลของเผ่าเทพ มันจึงทำให้คริสตัลระดับนี้ปรากฏตัวในตลาดให้เห็นน้อยมาก เพราะในตระกูลขนาดเล็กอย่างตระกูลลหลิวก็ใช้คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 เป็นอย่างมากเท่านั้น ส่วนในกลุ่มดาวม้าขาวก็ใช้คริสตัลระดับ 5 เป็นอย่างมากเท่านั้นด้วยเช่นกัน มูลค่าที่แท้จริงของคริสตัลระดับ 6 จึงไม่ใช่ 10,000 คริสตัลระดับ 4 อย่างที่ควรจะเป็น
ท้ายที่สุดมันก็จำเป็นจะต้องใช้ปรมาจารย์การกลั่นพลังงานระดับ 6 ถึงจะสามารถสร้างคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 6 ขึ้นมาได้ และเซี่ยเฟยก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภายในกลุ่มดาวม้าขาวจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับนั้นได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ไฮแลนด์แห่งนี้หรือเปล่า
การที่มันได้มีคริสตัลระดับ 6 ที่โดยปกติใช้แต่ในเผ่าเทพได้มาปรากฏในงานแลกเปลี่ยนสินค้าครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่หลางซุนเย่พูดคือความจริง โดยชายหนุ่มเคราดกได้บอกว่าภายในงานมีสินค้าไม่มากนัก แต่สินค้าทุกชิ้นต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสินค้าระดับสูงด้วยกันทั้งหมด
ข้อความข้าง ๆ คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 6 ได้ระบุว่าหากใครต้องการคริสตัลชิ้นนี้ พวกเขาจำเป็นจะต้องใช้วิชาที่ชื่อว่าคลื่นวิญญาณอัมพาตมาทำการแลกเปลี่ยน ซึ่งมันเป็นวิชาของกฎแห่งจิตวิญญาณที่สามารถทำให้สมองของศัตรูเป็นอัมพาตในระยะการจู่โจมของวิชา
เซี่ยเฟยทำได้เพียงแค่ยักไหล่ เพราะเขาไม่เคยได้ยินชื่อวิชานี้มาก่อนด้วยซ้ำ เขาจึงเดินไปสำรวจสินค้าชิ้นต่อไป
นาน ๆ ทีเขาจะมีโอกาสได้เห็นสินค้าระดับสูงมารวมตัวกันอย่างมากมาย เซี่ยเฟยจึงหยุดพิจารณาสินค้าแต่ละชิ้นเป็นเวลานาน เพราะถึงแม้เขาจะไม่สามารถแลกเปลี่ยนสินค้าพวกนี้กลับไปได้ แต่มันก็ยังเป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ทำความรู้จักกับสินค้าระดับสูงของจักรวาล
เฝิงซินเหนียนกำลังตกอยู่ในสภาพที่ลำบากใจ เพราะคนจากตระกูลเฝิงไม่ค่อยมาปรากฏตัวในสมาคมผู้คุมกฎมากนัก ดังนั้นเขาจึงถูกรายล้อมด้วยผู้อาวุโสของตระกูลต่าง ๆ เพื่อพยายามผูกมิตรกับตระกูลผู้ครองบัลลังก์ของกลุ่มมังกรฟ้าเอาไว้
ท้ายที่สุดมันก็ไม่มีตระกูลไหนที่ไม่อยากจะส่งลูกหลานของตัวเองเข้าไปภายในกลุ่มนักสู้ที่แข็งแรงที่สุดในจักรวาล ผู้อาวุโสเหล่านี้จึงถือโอกาสสอบถามรายละเอียดของการประเมินในรอบที่ 2 เพื่อที่จะให้เด็กรุ่นใหม่ในตระกูลมีโอกาสเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ
เฝิงซินเหนียนเป็นเพียงแค่เด็กรุ่นใหม่ ขณะที่ผู้คุมกฎเหล่านี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้อาวุโสคนสำคัญของแต่ละตระกูล ยิ่งไปกว่านั้นผู้อาวุโสหลาย ๆ คนยังเคยเป็นสมาชิกของกลุ่มมังกรฟ้ามาก่อนด้วย มันจึงทำให้นายน้อยตระกูลเฝิงรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก และเขาก็เริ่มรู้สึกเสียใจที่เขาได้เดินเข้ามาภายในสมาคมผู้คุมกฎพร้อมกับเซี่ยเฟย
แต่เดิมแผนการของเขาคือการแสดงภาพลักษณ์ออกไปว่าเขากับเซี่ยเฟยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและกัน จนทำให้เขายอมพาเซี่ยเฟยเข้ามาภายในพื้นที่ที่คนทั่วไปไม่สามารถเดินทางเข้าถึงได้ ซึ่งมันก็จะทำให้เซี่ยเฟยที่พึ่งได้ครอบครองชุดเกราะชาร์ปเลสมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าความจริงเซี่ยเฟยจะเป็นสมาชิกของตระกูลสกายวิงหรือไม่ แต่ในการประเมินชายหนุ่มคนนี้ก็ได้แสดงพลังที่น่าทึ่งของเขาออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังเป็นนักสู้คนแรกที่เฝิงซินเหนียนได้เสนอชื่อในฐานะที่เขาดำรงตำแหน่งตาเหยี่ยว มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เฝิงซินเหนียนอยากจะช่วยปกป้องความปลอดภัยของเซี่ยเฟยไว้
“หือ?” จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็ได้พบกับภาพแฟร็กทัลอันแปลกประหลาด โดยมีข้อความเขียนอยู่ข้าง ๆ ว่าใครก็ตามที่สามารถถอดรหัสจากภาพแฟร็กทัลภาพนี้ได้ ก็จะได้รับกล่องโลหะที่ถูกวางเอาไว้บนแท่นหินไปเป็นของรางวัลได้เลย แต่ในกระดาษก็ไม่ได้มีการระบุเอาไว้ว่าของรางวัลที่อยู่ในกล่องโลหะมันคืออะไรกันแน่
ภาพแฟร็กทัลมักจะเป็นภาพที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจำลองปรากฏการณ์ผิดปกติต่าง ๆ ในธรรมชาติ และภาพแฟร็กทัลที่อยู่ตรงหน้าของเซี่ยเฟยนี้ก็มีความซับซ้อนมากจนอาจจะทำให้ผู้ชมรู้สึกเวียนหัวหลังจากที่ได้มองภาพเป็นเวลานาน
สิ่งที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายในกล่องไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจของเซี่ยเฟยได้มากที่สุดคือของชิ้นนี้เป็นเพียงของชิ้นเดียวที่ไม่ต้องการของสิ่งอื่นในการแลกเปลี่ยน แต่จำเป็นจะต้องใช้ความรู้เพื่อถอดรหัสภาพแฟร็กทัลให้สำเร็จ ซึ่งมันก็หมายความว่าเซี่ยเฟยพอจะมีโอกาสในการได้รับของชิ้นนี้กลับไปอยู่บ้าง
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังมีนิสัยอยากรู้อยากเห็นมาโดยตลอด และยิ่งเจ้าของไม่บอกว่าของอะไรถูกซ่อนอยู่ในกล่อง มันยิ่งทำให้ชายหนุ่มยิ่งอยากรู้ว่ามันมีสมบัติล้ำค่าอะไรถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายในกล่องกันแน่
บริเวณตรงหน้าภาพแฟร็กทัลนี้มีเก้าอี้วางอยู่ทั้งสิ้น 4 ตัวเพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถที่จะนั่งพิจารณาภาพวาดได้ตลอดเวลาจนกว่าจะยอมแพ้และลุกหนีไป
เซี่ยเฟยเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนที่จะจ้องมองไปยังภาพแฟร็กทัลที่ซับซ้อนและพยายามประมวลผลทุกอย่างภายในสมองอย่างรวดเร็ว
การพยายามแก้ไขปริศนาอันแปลกประหลาดคล้ายกับทำให้จิตสำนึกของเซี่ยเฟยถูกดูดลงไปในหลุมลึก จนทำให้เขาตัดขาดจากสภาพแวดล้อมโดยรอบทั้งหมด
หลังจากเวลาผ่านไปเฝิงซินเหนียนก็ได้พบว่าปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังนั่งอยู่หน้ารูปภาพเหมือนรูปปั้นหิน โดยมีผู้อาวุโสหลายคนล้อมรอบเซี่ยเฟยอยู่และยืนมองชายหนุ่มคนนี้ด้วยความสับสน
“ภาพแฟร็กทัลงั้นเหรอ?” เฝิงซินเหนียนอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจหลังจากที่เขาได้เห็นภาพแฟร็กทัลที่เซี่ยเฟยกำลังนั่งพิจารณา
“นี่มัน…” หลางซุนเย่อุทานด้วยใบหน้าที่แปลกไปราวกับว่าเขาเคยเห็นภาพนี้มาก่อน
“มันคือภาพอะไร?” เฝิงซินเหนียนกล่าวถามเบา ๆ
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เจ้าของมันนำภาพมาที่งานนี้ทุกเดือนติดต่อกัน 6 เดือนแล้ว” หลางซุนเย่กล่าว
“6 เดือนแล้ว?! แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถถอดรหัสภาพนี้ได้เลยงั้นเหรอ?”
“มันไม่ใช่แค่ไม่มีใครสามารถถอดรหัสภาพนี้ได้หรอก คนส่วนใหญ่แค่มองภาพสักพักก็เวียนหัวจนแทบจะเป็นลมแล้ว คล้ายกับว่าภาพนี้เอาไว้ทดสอบสภาวะจิตใจของผู้ที่กำลังจ้องมองมันอยู่ แม้แต่ตัวผมเองก็มองดูภาพนาน ๆ ไม่ได้” หลางซุนเย่กล่าวพร้อมกับกางแขนออกอย่างช่วยไม่ได้
“เฝิงซินเหนียน เพื่อนของนายคนนี้มีสมาธิที่ดีมาก เขาจ้องมองไปที่ภาพมา 27 นาทีเต็ม ๆ แล้วทั้งที่ปกติเด็กรุ่นนี้ไม่ควรที่จะมองภาพนี้ได้นานขนาดนั้น” ชายชราที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เซี่ยเฟยกล่าว
เฝิงซินเหนียนพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร แต่ในความคิดของเขากำลังสับสนวุ่นวายมาก
เมื่อพิจารณาจากท่าทางของเซี่ยเฟย มันก็เห็นได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายเริ่มจะหาร่องรอยของปริศนานี้เจอแล้ว ไม่อย่างนั้นชายหนุ่มคงจะไม่นั่งนิ่งอยู่นานขนาดนี้
ย้อนกลับไปในการประเมินวันแรกเซี่ยเฟยได้ 0 คะแนนในวิชาคณิตศาสตร์ไม่ใช่เหรอ แต่ชายหนุ่มคนเดียวกันกลับจ้องมองไปยังภาพที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเรขาคณิตเป็นเวลานาน คล้ายกับว่าการที่เซี่ยเฟยได้ 0 คะแนนในวิชาคณิตศาสตร์เป็นเพียงแค่การแสดง
ยิ่งเฝิงซินเหนียนคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่เขายิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น เพราะเพียงการพิจารณาเพียงแค่แวบเดียวเขาก็สามารถบอกได้ในทันทีว่าปริศนาจากภาพเรขาคณิตนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถแก้ไขได้ แต่เซี่ยเฟยกลับพิจารณามองภาพเป็นเวลานานอยู่จริง ๆ
ฝูงชนเริ่มเดินเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ เซี่ยเฟยมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงเป็นเหมือนกับรูปปั้นหินที่นั่งอยู่นิ่ง ๆ โดยไม่เสียสมาธิกับคนที่อยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่น้อย
“นั่นมันภาพของตาเฒ่าวูดใช่ไหม? เด็กหนุ่มคนนี้ต้องการจะไขปริศนางั้นเหรอ?”
“เป็นไปไม่ได้หรอก ภาพนี้ถูกนำมาแสดงที่งานเกือบ 2 ปีแล้ว ช่วงแรกก็มีคนอยากลองแก้ไขปริศนาอยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีใครสามารถเห็นร่องรอยของปริศนาภายในภาพได้ แล้วเด็กคนนี้จะสามารถแก้ไขปริศนานั้นได้จริง ๆ เหรอ?”
“ฉันไม่รู้หรอกว่าเขามองเห็นปริศนาหรือเปล่า แต่ฉันเห็นว่าเขานั่งนิ่ง ๆ อยู่ตรงนี้มาเกือบชั่วโมงหนึ่งแล้ว”
“เขามองภาพนานขนาดนั้นโดยไม่เวียนหัวได้ยังไง? เขาเป็นเด็กจากตระกูลไหนกันแน่?”
“เขาชื่อเซี่ยเฟยเพิ่งได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในการประเมินมังกรฟ้ารอบที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเขาจะเดินทางมาจากตระกูลหยูนะ”
“ฉันก็เคยได้ยินเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”
เหล่าบรรดาฝูงชนเริ่มพูดคุยเรื่องเซี่ยเฟยอย่างสนใจ ซึ่งในระหว่างนั้นเฝิงซินเหนียนก็มองไปยังฝูงชนโดยรอบอย่างไม่ค่อยสบายใจมากนัก เพราะเขากลัวว่าฝูงชนกลุ่มนี้จะดึงดูดเซี่ยจงไห่ให้เข้ามาสนใจเซี่ยเฟยด้วย
สิ่งที่ทำให้เฝิงซินเหนียนรู้สึกตกใจมากกว่านั้นคือหลังจากที่เขามองภาพแค่ประมาณ 10 นาที เขาก็ไม่สามารถที่จะควบคุมสมาธิของตัวเองได้ แต่เซี่ยเฟยที่นั่งมองดูภาพมาเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมงแล้วกลับยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง แสดงให้เห็นถึงระดับสมาธิระหว่างเขากับเซี่ยเฟยที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
มีผู้คนให้ความสนใจเซี่ยเฟยมากขึ้นในเรื่อย ๆ แต่บางคนที่รอมานานแล้วก็เริ่มที่จะจากไปเช่นเดียวกัน แต่ทุกคนก็พยายามที่จะพูดคุยกันเบา ๆ เพราะพวกเขากลัวว่าเสียงของตัวเองจะไปรบกวนสมาธิของชายหนุ่ม
ในที่สุดเวลาก็ได้ผ่านพ้นไปนานกว่า 3 ชั่วโมง ฝูงชนที่เคยมารวมตัวกันด้วยความสนใจก็กระจายกันออกไปจนเกือบหมดแล้ว เพราะไม่มีใครเชื่อว่าเซี่ยเฟยจะสามารถแก้ไขปริศนาที่ลึกล้ำนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญในสมาคมเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนก็ยังไม่สามารถที่จะแก้ไขปริศนานี้ได้เช่นกัน แล้วชายหนุ่มคนนี้จะสามารถแก้ไขปริศนาอันลึกลับในภาพนี้ได้ยังไง
“กลับกันเถอะ ถ้าเขาแก้ปริศนาได้เขาคงจะทำไปตั้งนานแล้ว เขาจะมานั่งอยู่ตรงนี้นิ่ง ๆ นานกว่า 3 ชั่วโมงไปทำไม?”
“รออีกหน่อยเถอะ ฉันได้ยินมาว่าตาเฒ่าวูดอยากจะมาพูดคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว”
“หลังจากลูกสาวเสียชีวิตตาเฒ่าวูดคงจะเสียใจมาก เรามาอดทนรอกันอีกสักหน่อยก็ได้ เผื่อจะมีเรื่องอะไรน่าสนใจให้ได้ดู”
ในระหว่างที่ทุกคนเริ่มที่จะหมดความอดทน จู่ ๆ เซี่ยเฟยที่นั่งนิ่งมาเป็นเวลานานก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน
เซี่ยเฟยเปิดไมโครคอมพิวเตอร์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะใช้นิ้วจิ้มบนหน้าจอแล้วเริ่มสร้างรูปของคลื่นขึ้นมาอย่างซับซ้อน
สิ่งที่ชายหนุ่มทำคือการสร้างรูปคลื่นขึ้นมาอย่างซับซ้อน แล้วลบรูปคลื่นที่เขาเพิ่งเขียนมาและจัดเรียงใหม่ ทำแบบนี้วนไปซ้ำ ๆ โดยที่ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“นี่มันคลื่นวิทยุเข้ารหัสงั้นเหรอ? เขาคิดจะใช้รูปคลื่นวิทยุเพื่อแก้ปริศนาภาพแฟร็กทัลเนี่ยนะ?!”
***************
พี่เฟยจะแก้ปริศนาได้ไหม? มาลุ้นกัน…
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 147
แสดงความคิดเห็น