บทที่ 7...2/3
วีดาขับรถออกมาจากบ้านด้วยความเร่งรีบเมื่อได้รับ ‘รูป’ ที่ทำให้โมโหมา ปลายทางของเธอไม่ใช่บริษัทออกแบบเครื่องประดับที่พ่อเปิดให้เพื่อที่จะนำไปอวดได้ว่าลูกสาวทำงานเป็นชิ้นเป็นอัน ทว่าเบื้องหลังวีดามีผู้ช่วยมาทำงานแทน โดยที่ในทุกครั้งจะต้องแสดงผลงานออกมาเป็นชื่อของวีดาเสมอ แม้เธอจะมั่นใจว่าเก่งในเรื่องของการออกแบบ แต่การต้องสนองความต้องการของลูกค้าที่มีระดับ ทำให้เธออยากจะตะโกนออกมาดังๆ ว่าหยุดเสียที การมีผู้ช่วยที่รับหน้าที่แทนย่อมง่ายกว่า
นลินยืนรอเมื่อได้ยินเสียงรถ พอวีดาเห็นนลินก็เดินแกมวิ่งมาหาก่อนจะเปิดโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายดู ยิ่งพี่ภามยากสำหรับเธอ วีดาก็ยิ่งรู้สึกว่าแพ้ไม่ได้ หากไม่ได้รู้จักคู่แข่งเสียก่อน
“วีได้รับรูปพวกนี้มา ไม่รู้ใครที่เป็นคนส่ง คุณป้าลินเป็นคนส่งให้วีหรือเปล่าคะ”
“ป้าไม่ได้ส่งรูปอะไรไปให้หนูวีนะ ไหนดูสิว่ารูปอะไร” นลินเห็นผู้ชายในรูปก็จำได้ทันที “นี่ตาภามนี่นา แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าตายังไง เห็นไม่เต็มๆหน้าเลยสักรูป”
นี่แหละที่มันน่าหงุดหงิดจนวีดาต้องมาหาป้านลิน เธอคิดว่าป้านลินเป็นคนที่ส่งนักสืบไปตามพี่ภาม ถึงได้ส่งรูปพวกนี้มา ถ้าอย่างนั้นใครกันที่ทำแบบนี้ แต่เอาไว้ก่อนได้ เธออยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครมากกว่า
“แต่ว่าเห็นชื่อร้านอยู่นะคะ ไม่รู้ว่าพี่ภามไปร้านนี้ทำไม พาผู้หญิงคนนั้นไปทานขนมหรือเปล่า”
“ร้านเม... เมอะไร ตัวอักษรข้างหลังป้าเห็นไม่ชัดเลย กิ่งไม้บัง” นลินพยายามขยายรูป
วีดามองแล้วมองอีก คนที่ส่งรูปมาก็ทำเหมือนแกล้ง ทำไมไม่ให้เธอเห็นชื่อร้านให้ครบนะ “ร้านเมยา เมนา เมษา เมรา วีไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะว่าชื่อไหน”
“เดี๋ยวป้าจัดการเอง ถ้ารู้ชื่อร้านจะได้ไปหาสักหน่อย บางทีแฟนของภามอาจจะอยู่แถวๆ นั้น หนูวีอย่าเพิ่งทำอะไรนะ ภามไม่ชอบให้ใครก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว”
วีดายอมรับปาก แต่ไม่แน่ใจว่าจะทำตามได้ไหม เธอไม่ชอบเป็นสองรองใคร การที่พี่ภามบอกว่าเธอไม่ใช่คนที่เขาเลือก ทำให้วีดาอยากรู้ว่าคนที่เขาเลือกดีกว่าเธอแค่ไหนกันเชียว เธอเติบโตมาพร้อมกับมีพี่สาวอีกสองคน ทำให้มักถูกเปรียบเทียบทุกอย่าง การเรียน เพื่อน งาน และคู่ครอง เธอไม่อยากถูกพ่อมองว่าเป็นลูกคนเล็กที่ไม่ได้เรื่องเทียบกับพี่สาวไม่ได้สักอย่าง
มีนาได้ยินเสียงจานที่กำลังวางลงบนโต๊ะ กลิ่นหอมๆ ของอาหารเย็นที่กลายเป็นอาหารค่ำเพราะเธอเพิ่งกลับถึงบ้านพร้อมกับเขมินท์ที่ตอนนี้กำลังเลี้ยวรถเข้าบ้านของเขา วันนี้เราสองคนตกลงกันว่าจะดูแลครอบครัวของตัวเอง แล้วก่อนนอนค่อยโทรหากัน น้องสาวยิ้มให้พี่สาวแล้วจัดโต๊ะพลางชวนคุยไปด้วย ในวันที่เธอไปนอนค้างคอนโด เราสองคนจะโทรคุยกันในตอนเย็นตลอด แม้จะแค่ไม่กี่นาที แต่ก็ทำให้รู้ว่ายังอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหน
“ได้ข่าวว่ามีชายหนุ่มรูปงามมาพบนางซินแล้วหรือไงนะ พี่เมเคยได้ยินเรื่องนี้ไหม” มีนาแซวเมษา พอดีว่าเธอคุยโทรศัพท์กับป้าพิสมัยเมื่อวันก่อนเผื่อว่ามีลูกค้าไม่น่ารัก แล้วเมษาไม่อยากเล่าเพราะจะทำให้เธอไม่สบายใจ
“ใครเป็นสายข่าวให้ล่ะ ป้าพิสล่ะสิ” เมษาถามพลางวางถ้วยแกงจืดแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างกัน
มีนาตักข้าวใส่จานให้เมษา แต่ไม่วายถามต่อ “แล้ว...ผู้ชายคนนั้นมาจีบพี่เมหรือเปล่าล่ะ เห็นไหมคำขอพรในวันเกิดของมีนน่าจะกำลังได้ผลแล้วละมั้ง”
“คุณภามไม่ได้มาจีบพี่หรอกนะมีน พอดีว่าเขากับพี่มีเรื่องบางอย่างที่ต้องช่วยกันทำ”
เรื่องบางอย่างที่ต้องช่วยกันทำ...มีนาฟังแล้วยิ่งน่าสนใจ ถ้าผู้ชายคนนั้นมาไม่ดีมีหรือเมษาจะยอมให้เข้าใกล้
“เล่ามาเลยพี่เม พูดมาขนาดนี้ ถ้าพี่เมไม่เล่าให้มีนฟัง รับรองว่าคืนนี้มีนจะไปนอนกอดพี่เมจนนอนไม่หลับไปด้วยกันเลย”
เมษาหัวเราะชอบสีหน้าจริงจังของมีนา มันไม่ได้มีอะไรที่หวานซึ้งชวนฝันอย่างที่น้องสาวคิดหรอก แต่อย่างไรเสียเธอก็คิดว่าต้องเล่าให้น้องสาวได้ฟังอยู่แล้ว เราสองคนไม่มีความลับต่อกันมาตลอด
“ก็ได้ พี่จะเล่าให้มีนฟัง มันไม่ได้มีอะไรเหมือนพระเอกมาตกหลุมรักนางเอกอย่างที่มีนชอบพบในนิยายหรอกนะ”
มีนาเคี้ยวข้าวไปยิ้มไป “ไม่แน่หรอก อ่ะ ไหนเล่ามา”
เมษามองน้องสาวแล้วก็เป็นสุขอยู่ในใจ บนโลกนี้หากถามว่าเธอรักใครมากที่สุด คำตอบง่ายมาก...มีนาไงล่ะ หญิงสาวเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบกับป้าเนตราจนกระทั่งได้พบกับภาม เหตุการณ์นัดบอดที่เธอดันไปอยู่ผิดที่ทำให้ถูกภามเข้าใจผิด การถูกใครบางคนชนจนตกสระน้ำไปพร้อมๆ กับภาม เรื่องบังเอิญที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นระหว่างเธอกับผู้ชายคนนั้น การเห็นวิญญาณของคุณภูมิทำให้ชีวิตเรียบเรื่อยของเธอมีสีสันมากขึ้นเพราะต้องเข้าไปรู้เรื่องการวางแผนฆ่า การได้รู้ว่าภาพสวยงามของครอบครัวที่ดูร่ำรวยสมบูรณ์พร้อม แท้จริงแล้วมีบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่
“นี่มันจังหวะตกหลุมรักชัดๆ เลยนะพี่เม” มีนายิ้มกริ่มยามมองพี่สาว “พี่เมกับคุณภามตกไปในสระน้ำด้วยกัน คุณภามตามหาพี่เมจนมาพบกันที่ร้าน แล้วเพราะพี่เมทำให้คุณภามได้พบกับวิญญาณของพี่ชาย การหาคำตอบของฆาตกรรมอำพรางจึงเริ่มขึ้น”
เมษาพยักหน้าอดยิ้มกันไม่ได้กับดวงตาที่เป็นประกายของมีนา “เรื่องมันก็เท่านี้แหละ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น คำขอของมีนในวันเกิดยังไม่ได้ผลตอนนี้หรอก”
“แต่ถึงขนาดอีตาคุณภามซื้อตึกข้างๆ เมว่าก็น่าคิดอยู่นะ”
ทายาทสายตรงเพียงคนเดียวของโรงแรมพริ๊นท์ตันและในเครือเชียวนะ เผลอๆ ซื้อตึกทั้งซอยยังขนหน้าแข้งไม่ร่วงด้วยซ้ำ แต่เขาจงใจมาซื้อตึกข้างๆ ร้านเมนา มันน่าคิดจะตาย
อดีตที่เคยเจ็บเพราะความรักทำให้เมษาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง หากไม่ใช่เพราะเธอช่วยให้ภามเห็นวิญญาณของพี่ชาย ตอนนี้เขากับเธอคงไม่มีวันได้มาพบกันอีกหรอก
“คุณภามก็แค่กลัวพี่ไม่ช่วย เลยมาอยู่ใกล้ๆ กันพี่หนีแค่นั้นแหละ”
“ส่งคนมาเฝ้าประหยัดเงินกว่ามั้ง” มีนาแย้ง “แต่เอาเถอะ ไม่ว่าคุณภามมาเพื่ออะไร ขอแค่เขาอย่าทำให้พี่เมเดือดร้อนไปด้วยก็พอ”
มีนาพูดเรื่องนี้ทำให้เมษานึกขึ้นได้ว่านัดกับภามไว้
“วันเสาร์นี้พี่จะไปปราณบุรีกับคุณภามนะ เรื่องพี่ชายของคุณภามน่ะ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
“แหม รีบพูดดักคอแบบนี้ มีนก็อดจินตนาการเลยน่ะสิ” มีนาแกล้งทำหน้าเสียดาย ก่อนจะหัวเราะเพราะเมษาดูออก “โอเค เดี๋ยวเสาร์นี้ มีนไปดูแลร้านให้พี่เมเอง”
“ขอบใจมากนะมีน”
จู่ๆ มีนาก็ยื่นมือมาจับมือของเมษาแล้วมองไปรอบตัว เมษาก็มองตามไปด้วยเผื่อว่าการจับมือจะทำให้เห็นบางอย่าง
“ไม่เห็นอะไรเลยแฮะ คลื่นคงไม่ตรงกัน”
เมษายิ่งสงสัย ที่ผ่านมาเธอจับมือคนอื่นก็ไม่เห็นวิญญาณเหมือนกับที่จับมือของภาม ทำไมกันนะ
“พี่อยากรู้เหมือนกันนะว่าทำไมพี่ถึงเห็นวิญญาณพี่ชายของคุณภามแค่คนเดียว พี่ไม่เห็นอะไรหรือใครเวลาจับมือกันคนอื่นเลย”
มีนานิ่วหน้าพยายามคิด “ทุกอย่างบนโลกนี้มันมีเหตุผลตลอดนั่นแหละ เพียงแต่ตอนนี้พี่เมยังหาไม่เจอ”
เมษาคิดว่าโลกนี้มีความบังเอิญเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่เมื่อคิดให้ถี่ถ้วนย่อมเห็นว่ามันมีเหตุผลของสิ่งใดๆ ที่เกิดขึ้นเสมอ แล้วเหตุผลที่ภามจับมือเธอแล้วเห็นวิญญาณของพี่ชายคืออะไร ไม่ว่าวัยเด็ก ตอนที่เรียนหนังสือ จนกระทั่งทำงานเลี้ยงตัวเอง หญิงสาวมั่นใจว่าไม่เคยพบคุณภูมิ ภามหรือคุณป้าเนตรามาก่อน จนกระทั่ง 2 เดือนก่อน เอาเถอะ สักวันเธอคงได้พบคำตอบในที่สุด
ภูมิเดินไปเรื่อยๆ เพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีใครเห็นเขา การเป็นวิญญาณทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยว แต่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงอยู่ในสภาพนี้ ในทางพุทธศาสนาวิญญาณย่อมเป็นไปตามกรรม แล้วทำไมเขาไม่ได้ไปไหนจะนรกหรือสวรรค์ก็ตามเถอะ แต่ถ้าในทางวิทยาศาสตร์ วิญญาณคือพลังงานอย่างหนึ่ง ซึ่งคงจะใช่ ในระหว่าง 2 ปีนี้ เขาทำได้เพียงรับรู้และหายไปชั่วคราว เป็นอย่างนี้มาตลอด
เพียงแต่ว่าในช่วงแรกๆ ที่เพิ่งรู้ตัวว่าตายไปแล้ว เขารู้สึกเหมือนการหลับสนิทที่เนิ่นนาน พอรับรู้ถึงสิ่งรอบตัวก็ต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นใคร ตายอย่างไร เขาอยากสืบหาการตายของตัวเองก็มีอุปสรรคสองอย่าง หนึ่ง เขาสื่อสารกับใครไม่ได้เลย ไม่มีใครเห็นวิญญาณของเขา สอง เวลาที่ผ่านมาเนิ่นนานทุกคนที่เคยอยู่ในชีวิตของเขาได้ดำเนินชีวิตต่อไปแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าจะหาพิรุธได้อย่างไร
ชายคนหนึ่งเดินผ่านวิญญาณของภูมิไป ด้วยความสงสัยทำให้ภูมิลองกระโจนเข้าใส่ร่างของชายคนนั้นในทันที เขารู้สึกเหมือนถูกแรงหนึ่งพยายามผลักวิญญาณของเขาออกไป ทำให้เขาพยายามยื้อไว้เพราะอยากรู้ว่าหากอยู่ในร่างของมนุษย์นานพอ เขาจะพบกับอะไร
ชายคนนั้นยืนนิ่งเหมือนกับลืมไปชั่วขณะว่ากำลังจะทำอะไร จนกระทั่งวิญญาณของภูมิไม่สามารถยื้ออยู่ในร่างของมนุษย์ได้อีกต่อไปถูกสลัดออกมา
“ทำไมเย็นวูบๆ วะ แถมขนลุกอีก” ชายคนนั้นบ่นพลางมองไปรอบๆ ตัว ก่อนจะเดินแกมวิ่งให้ถึงบ้านโดยเร็ว
ภูมิมองตามเพิ่งได้คำตอบของการเข้าไปสิงร่างของมนุษย์ เมื่อครู่เขาคงอยู่ในร่างนั้นประมาณ 1 นาที แต่ใน 1นาทีนั้น เขาเห็นความทรงจำมากมายจนรับรู้แทบไม่ทัน
“ผู้ชายคนนี้น่าเห็นใจ อกหักมาหลายครั้ง แถมยังฝังใจกับความรักครั้งล่าสุด”
ที่แท้การสิงในร่างของมนุษย์เป็นแบบนี้เอง หากเขาพยายามยื้อเพื่ออยู่ในร่างนั้นให้นานกว่า 1 นาที เขาจะเห็นทุกความทรงจำที่หลบซ่อนในสมองของคนที่อยากหาความจริงได้ไหม
ทว่าหลังจากร่างของเขาถูกสลัดออกมาแล้ว วิญญาณก็อ่อนกำลังลงอย่างช้าๆ แล้วจางหายไปในที่สุด วิธีนี้อาจช่วยให้เขากับภามหาคำตอบได้เร็วขึ้น แต่ภูมิไม่แน่ใจว่าจะสื่อสารกับน้องไปได้อีกนานแค่ไหน
หรือว่านี่จะเป็นอีกวิธีหาความจริง ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ
บรรพตี
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 247
แสดงความคิดเห็น