STARCIN ภาคที่ 6 OverThrow ตอนที่ 30 ซุกซ่อน

-A A +A

STARCIN ภาคที่ 6 OverThrow ตอนที่ 30 ซุกซ่อน

“ผมก็คิดไว้แล้วแหละว่าท่านจอมพลไม่มีทางตายง่าย ๆ แบบนั้น ผมก็เลยตามมาสมทบด้วยอีกคนยังไงล่ะ” อารามิสฉีกยิ้มกวนประสาทพยายามปั่นหัวแคทเทอรีนที่กำลังโดนกำแพงหินประกบไว้

“พวกแกนี่มัน...น่าสนุกกว่าที่คิดอีก” แคทเทอรีนสลัดกำแพงหินจนแตกกระเด็นไปทั่ว

ถึงมานาใกล้จะหมดแล้วแต่ถ้าไม่ใช่เวทเพลิงก็ไม่น่ามีปัญหา แคทเทอรีนกระโจนเข้าใส่ด้วยหมัดที่เสริมมานาเพียงเท่านั้น

“ไม่ใช้เวทมนตร์ที่ใช้ประจำแสดงว่ามานาจะหมดแล้วสินะครับ” อารามิสสร้างกำแพงหินป้องกันการจู่โจมของแคทเทอรีนได้สบาย ๆ แต่ก็ต้านไว้ได้ไม่นานนัก

“พูดมากทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ” ขณะที่กำลังจะเข้าถึงตัวก็มีเสาหินพุ่งเข้าหาและเธอก็ยกมือตั้งการ์ดป้องกันไว้ แม้จะไม่รุนแรงนักแต่มันก็ทำให้เธอถอยออกไปได้

ไม่ดีแน่ พลังทางกายเราค่อนข้างใกล้เคียงกัน ถ้ายังฝืนใช้เสริมกำลังต่อไปมีหวังหมดสติแน่

“อา ! มังกร” แคทเทอรีนตกใจตะโกนลั่นและชี้ไปด้านหลังอารามิส

“หา ! มังกรเนี่ยนะ” เขามองตามทันทีด้วยความตกใจแต่พอหันกลับมาแคทเทอรีนก็หายไปเสียแล้ว

อารามิสหัวเราะลั่นอย่างกับคนบ้า “ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้เห็นท่านจอมพลหนีแบบนี้...แต่ก็ช่างเถอะ เพราะถ้าโดนเวทมนตร์ของเราไปแล้วจะหนีไปไหนมันก็เปล่าประโยชน์”

เหอะ คิดว่าไม่รู้หรือยังไงว่ามีพลังเดอะนั่นอยู่ ก็แค่หาจังหวะที่แกเผลอเท่านั้นแหละ

แคทเทอรีนกระโดดขึ้นมาจากใต้เศษขี้เถ้าชกหมัดขวาเข้าที่หน้าของอารามิสเต็ม ๆ แรงของเธอส่งร่างของอารามิสกระเด็นไปไกลมากถึงยี่สิบเมตรก่อนจะใช้จังหวะนี้วิ่งหนี

รัศมีของเดอะทาเก็ตอยู่ที่หนึ่งกิโลเมตร เราต้องใช้เวลาที่มันกำลังสับสนหนีไปให้ไกลที่สุด แคทเทอรีนวิ่งหนีสุดฝีเท้าและยังใช้มานาเพื่อเร่งความเร็วให้ไวที่สุด

อารามิสลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลหลังจากโดนหมัดของแคทเทอรีนเข้าไป ความหนักอึ้งที่เหมือนโดนรถบรรทุกชนด้วยความเร็วสูงถ้าไม่มีเสริมกำลังกรามคงหลุดออกมาแล้ว

“เจ็บชะมัดเลยเว้ย ! หลอกกันได้ลงคอนะท่านจอมพล [ล็อกเป้า - รับรู้]

เหอะ ๆ ยังช้าเกินไปนะท่านจอมพล อารามมิสแสยะยิ้มอย่างมีความสุขที่สัมผัสได้ถึงตัวตนของแคทเทอรีนในรัศมีใกล้ ๆ

[ล็อกเป้า - จู่โจม]” อารามิสขว้างหอกสีทองพุ่งออกไปด้วยความเร็วเทียบเท่าปืนสไนเปอร์และแทงเข้าที่หลังของแคทเทอรีนทันที

เว้ยเอ๊ย มันฟื้นตัวไวเกินไป แม้จะลดความเสียหายได้ด้วยเวทเสริมกำลังแต่ก็ยังเป็นแผลลึกเกินไปอยู่ดี เธอพยายามใช้เวทมนตร์รักษาเพื่อหยุดเลือดไว้แต่นั่นก็เป็นมานาเฮือกสุดท้ายที่ใช้ได้

“ต้องขอบคุณทหารทั้งกองนั่นจริง ๆ ถ้าเป็นสภาพสมบูรณ์ผมก็นึกไม่ออกเลยว่าจะสู้กับท่านจอมพลยังไง” ไม่นานนักอารามิสก็ตามแคทเทอรีนทันและวินาทีที่กำลังจะปิดฉากด้วยเวทมนตร์หอกเช่นเดิมก็ดันมีเปลวเพลิงพุ่งเข้าหาอารามิส

“ดูเหมือนจะมาทันเวลาสินะ” เสียงชายวัยกลางคนเดินเข้ามาขวางทางระหว่างอารามิสและแคทเทอรีน

“แกมัน...มาธอนหัวหน้ากิลด์เมืองยองยอง นายมาทำอะไรที่นี่?” แคทเทอรีนเค้นเสียงอันน้อยนิดถาม

“บังเอิญว่ามีคนขอผมให้มาช่วยสมทบน่ะ เธอคนนั้นบอกว่าไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องคนอื่นโดยตรงก็เลยเป็นอย่างที่เห็นเนี่ยแหละครับ”

“เธอ? บอกได้ไหมว่าเป็นใคร” แคทเทอรีนลากสังขารที่ไม่สู้ดีค่อย ๆ เดินถอยห่างออกไป

“ท่านจักรพรรดินีก็น่าจะรู้จักนะครับ หญิงสาวที่เคยชวนท่านให้ออกเดินทางด้วยกัน”

แคทเทอรีนยิ้มอ่อนเมื่อนึกถึงใบหน้าตอนกำลังเอ่ยปากชวนของหญิงสาวผู้นั้น

“จะยังไงก็ช่าง ท่านจักรพรรดินีรีบหนีไปเถอะครับ” หอกสีทองพุ่งทะลวงกำแพงเพลิงได้ไม่ยากแถมยังมีแรงพุ่งต่อเนื่องปะทะกับเสริมกำลังของมาธอน

“เป็นแค่นักผจญภัยริอ่านเข้ามาสอดกับกองทัพเหรอ” อารามิสโกรธคิ้วขมวด สร้างเสาหินหลายแท่งและขว้างมันไม่หยุดหย่อน

“ฝากด้วยแล้วกัน” แคทเทอรีนวิ่งหนีไม่หันกลับมามองอีกทิ้งมาธอนไว้กับหนึ่งในนายพลแห่งกองทัพ

“ทีนี้ก็เหลือแค่เราสองคนแล้วนะครับ นายพลอารามิส...หอกแห่งคำพิพากษา”

“โห่ เราเองก็ดังใช่ย่อยนะเนี่ย” ขณะที่พูดเช่นนั้นเขาก็ขว้างหอกสีทองใส่ทันทีแต่มาธอนก็ป้องกันไว้ได้เพราะร่ายเวทโล่มานาไว้ล่วงหน้าแล้ว

“ชื่อเสียงของคุณค่อนข้างเยอะเลยนะครับ โดยเฉพาะในเรื่องความเล่ห์เหลี่ยมและชอบเล่นสนุกกับเหยื่อ...” พูดไม่ทันขาดคำก็มีกำแพงหินพุ่งประกบจากทั้งสองด้านพยายามบีบร่างของมาธอนให้แหลกเละ

“แหม ๆ รู้เยอะจังนะเรา”

ทันใดนั้นก็มีบอลเพลิงขว้างสวนมาและระเบิดตรงหน้าพอดี เวทเสริมกำลังลดความเสียหายได้แต่ผมก็ยังดันโดนเผาไปบางส่วน

“ดีจริง ๆ ที่ศึกษาข้อมูลมาก่อน” มาธอนใช้ช่วงเวลาที่อารามิสกำลังยุ่งกับทรงผมของตัวเองเข้าประชิดตัวและเหวี่ยงดาบเพลิงฟันเฉือนทะลุเสริมกำลังเข้าไปได้ถึงผิวหนัง แต่ก็ต้องถอยออกมาก่อนเพราะอารามิสสร้างหินแหลมพุ่งออกมาจากร่างกายอย่างกับเม่น

อีกด้านหนึ่งในเมืองเอเธนที่มีการจัดงานยิ่งใหญ่และทหารอ้อมล้อมเหมือนมาเพื่อคุ้มกันคนในงาน

“พวกเขาเรียกรวมพลทั้งกองทัพมาเลยหรือยังไงเนี่ย” สมพงและพรรคพวกเดินฝ่าฝูงคนมากมายเพื่อหาตำแหน่งของอาเธอร์

“นั่นสิแถมยังมีมาเพิ่มเรื่อย ๆ ซะด้วย พวกเขาจะทำสงครามเต็มรูปแบบที่เมืองนี้เลยเหรอ?”

พวกเขาใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อเดินลัดเลาะหาทางเข้าไปยังปราสาทของแคทเทอรีนที่พวกอาเธอร์ใช้เป็นศูนย์บัญชาการ

ทหารคุ้มกันมีน้อยเกินไปแถมออร่ามานาของอาเธอร์ก็เลือนรางเหมือนออกไปนานแล้ว หรือเขาจะมีแผนอะไรแปลก ๆ อีก

“น่าเบื่อจริง ๆ ทำไมคุณอาเธอร์ถึงให้เรามาเฝ้าที่นี่ด้วย”

“เอาเถอะน่าได้เงินสบาย ๆ ไม่ชอบเหรอวะ”

เสียงของเหล่าทหารยามกำลังสนทนาสนุกปากไม่ได้สนใจการเฝ้าหรือคุ้มกันนัก

“เธอจัดการคนซ้ายนะ” สมพงกระซิบคุยกับจี้ จากนั้นก็ลอบเข้าจู่โจมจากด้านหลังและรัดคอลากลงพื้นทำให้สลบทันที

สัญญาณมือจากสมพงบ่งบอกว่าเปิดประตูเข้าไปได้ไม่มีปัญหา ความเงียบสงัดภายในนั้นทำให้พวกเขารู้ตัวว่าอาเธอร์ไม่ได้อยู่ที่นี่

“หาจนทั่วเมืองแล้วก็ไม่อยู่ที่นี่หรือว่าเขาจะอยู่ที่บ้านของตระกูล”

“อ้าว ๆ จะรีบไปไหนกันเล่าเหล่านักดมกลิ่น ฉันได้ยินชื่อเสียงเรื่องการตามล่ามานานแล้วแต่ก็พึ่งเคยเห็นหน้าจริงนะเนี่ย” น้ำเสียงกวนประสาทจะชายหนุ่มเอ่ยขึ้น

“แกมัน...หนึ่งในอัศวิน” ขณะที่กำลังจะรีบเผ่นหนีก็มีหนุ่มสาวอีกสองคนเข้ามาขวางทางออกเสียก่อน

“คุณอาเธอร์บอกให้มาดักรอที่นี่แล้วจะเจอนักดมกลิ่น และมันก็เป็นไปตามที่เขาพูดจริง ๆ” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กล่าวขณะที่เดินออกมาจากมุมมืดกอดอกมองหน้าสมพงตาไม่กะพริบ

ทำไมอัศวินทั้งสี่ถึงมาอยู่ที่นี่ พวกเขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งนายพลเพราะฉะนั้นฝีมือคงไม่ต้องพูดถึง

“หลบ !” จี้ผลักตัวสมพงออกไปก่อนที่คลื่นวารีจะซัดผ่าน

“พลังมองเห็นอนาคตนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ” ชายร่างหนาเดาะลิ้นหงุดหงิด

“แหม ๆ เรามีตั้งสี่คนพวกเขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก” ชายหนุ่มสร้างคลื่นวายุก่อรวมกันเป็นดาบและควบคุมให้มันล้อมรอบนักดมกลิ่นไว้

“อย่าพึ่งวางใจไปเจส ถ้าเราทำงานพลาดพวกลูกพี่คงซ้อมเราตายแน่” หญิงสาวหน้าหวานแต่มานาเหล่านั้นกลับดุดันเสียยิ่งกว่าของเจส เสาเพลิงฟาดลงตรงหน้าขณะที่ดาบวายุยังขวางกั้นทางหนีไว้ทำให้นักดมกลิ่นไม่มีทางหลบได้

กำแพงวารีของจี้ผุดขึ้นบดบังการมองเห็นและป้องกันเวทเพลิงได้ไม่ยากแต่อีกด้านหนึ่งก็มีมานากำลังก่อรวมเป็นกระสุนหินยิงทะลุทะลวงผ่านกำแพงวารีเข้ามา

“ดูเหมือนพวกแกจะดูถูกเราไปหน่อยมั้ง” ขณะที่เหล่าอัศวินกำลังสงสัยในคำพูดของสมพงเขาก็สร้างเสาหินเหวี่ยงไปรอบ ๆ กระแทกเจสที่หลบไม่ทันกระเด็นออกไปส่วนคนอื่น ๆ ยังหลบได้ทัน

“โอย ๆ ทำกันได้ลงคอนะ” เจสหัวเราะอย่างมีเลศนัยและลุกขึ้นยืนแต่ก็พบว่านักดมกลิ่นหนีไปแล้ว

“พวกเวรนั่นมันหนีไปแล้ว ! ทำไมมัวแต่ยืนนิ่งล่ะ?” ชินหนึ่งในอัศวินตะโกนลั่น

“ใจเย็นก่อนชิน ดูจากที่ข้างนอกไม่ได้วุ่นวายอะไรแสดงว่าพวกมันค่อย ๆ หนีไปกับฝูงชนไม่ก็ยังอยู่ในนี้” ชายร่างหนาผู้มีความสุขุมตอบกลับ

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบหามันให้เจอสิ" ชินวิ่งไปทั่วคฤหาสน์โดยไม่รอคำสั่งจากพรรคพวกของเขา ขณะที่กำลังตามหาอยู่คนเดียวก็โดนจี้และสมพงดักลากเข้าห้องมืดไปแล้ว

“อารมณ์ร้อนจริง ๆ ฝากตรวจจับด้วยล่ะพลอย” เจสและชายร่างหนาตัวใหญ่นั่งคอยใกล้ ๆ

“อืม...เหมือนเจ้าโง่นั่นกำลังสู้กับนักดมกลิ่นอยู่ พวกเรารีบไปกันเถอะ” พลอยวิ่งนำทางให้กับเพื่อน ๆ ไปยังห้องโถงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางคฤหาสน์

ขณะเดียวกันอาเธอร์ก็กำลังเอาปืนทำลายล้างมาที่เอเธน แทนที่จะเป็นเช่นนั้นเขากลับหยุดอยู่ในป่าใกล้ ๆ ราวกับไม่อยากให้ใครเห็นและปักหลักอยู่ที่นั่นแทน

“ไม่เหนื่อยใช่ไหมมอร์เดร็ด?”

“สบายน่าพี่อาเธอร์ ถึงผมจะอยู่แต่ในคุกแต่ก็ไม่ได้นั่ง ๆ นอน ๆ อย่างเดียวหรอกนะ” สองหนุ่มพี่น้องยืนอยู่ตรงหน้าปืนทำลายล้างที่มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับบ้านหลังหนึ่งแถมกระบอกปืนยังสูงถึงสิบเมตรอีกด้วย

อาเธอร์หัวเราะอย่างมีความสุข “พี่ก็ไม่น่าถามแบบนั้นเลย เอาล่ะถึงเวลามาเตรียมขั้นตอนสุดท้ายกันแล้ว”

กลุ่มคนมากมายที่ได้รับเกณฑ์ให้มาทำงานกับอาเธอร์กำลังยืนเรียงกันเป็นแถวด้วยจำนวนมากถึงหนึ่งพันคน

คูเปอร์เรียกซึฮากิด่วนเลย คาร์เตอร์แอบปะปนเข้ามากับกลุ่มคนเหล่านั้นและสามารถติดต่อไปหาคูเปอร์ได้โดยไม่มีใครจับสังเกต

ได้เลยพี่ ตอนนี้พี่ซึฮากิกำลังรอข้อมูลจากพี่คาร์เตอร์อยู่พอดีเลย

การรายงานอย่างละเอียดยิบเล่าถึงสถานการณ์แปลก ๆ ที่อาเธอร์กำลังทำอยู่ การรวมกลุ่มของคนมากหน้าหลายตาไม่สนชนชาติหรือเผ่าพันธุ์ทั้งสิ้น อาวุธอันใหญ่โตกำลังปรับองศาการยิงหามุมที่ดีที่สุดแต่ก็ยังยืนนิ่งรอโอกาสบางอย่างอยู่

“บอกคาร์เตอร์ให้จับตาดูไว้ แม้ตอนนี้สามนายพลจะกำลังจู่โจมพวกแคทเทอรีนแต่ก็ใช่ว่าจะทำสำเร็จ”

“รับทราบครับ !” คูเปอร์ตอบรับเสียงแข็งท่าทางตึงเครียด

กองกำลังสำรองก็เตรียมไว้แล้ว แผนการที่วางไว้ก็กำลังเป็นไปได้ด้วยดี

“ฮั่นแน่ท่าทางอย่างนั้นแสดงว่าเป็นไปตามแผนสินะ” ฟรานยิ้มเล็กยิ้มน้อยแซวซึฮากิทันทีที่เห็น

“ก็ใช่ อาเธอร์มีอาวุธใหม่ที่จะใช้สู้กับแคทเทอรีนและยังเตรียมกำลังพลไว้เป็นพันคน เจ้านั่นคงจะมีแผนที่จะใช้กำจัดผู้มีเลเวลเก้าแล้วแน่ ๆ”

“อืม แล้วทำไมนายถึงเลือกทางนี้ล่ะ? ตอนแรกฉันก็คิดว่านายจะเลือกฝั่งเลรอซองอย่างที่วิเคราะห์ไว้แต่ทำไมถึงเปลี่ยนซะแล้วล่ะ”

“ไม่รู้สิ...พอได้คิดถึงวันวานมันก็ค่อย ๆ จำเรื่องเมื่อก่อนได้ขึ้นมา ความรู้สึกที่กำลังสั่นพลองว่าฉันสามารถทำมันได้ค่อย ๆ ดังขึ้นในหัว เราจะเลือกทำไมในเมื่อเราสามารถยึดทั้งอาณาจักรนอดมาได้เลย”

ฟรานถอนหายใจตบบ่าซึฮากิและนั่งลงข้าง ๆ

“ถ้านายมั่นใจฉันก็จะไม่ขัดอะไร แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างมันไม่แน่ไม่นอนต่อให้คำนวณมาดีแค่ไหนแต่ก็อาจจะมีตัวแปรอื่นเพิ่มมาก็ได้”

“นั่นเป็นสาเหตุที่เราต้องมาเตรียมพร้อมใกล้ ๆ ชายแดน ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิดเราจะได้รับมือได้ทันเวลา”

เบื้องหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมข้าวของไม่ว่าจะอาวุธ ที่พักและอาหาร พอไม่มียูกิอยู่ด้วยก็เลยไม่มีอาหารอัน">ดี ๆ ที่สามารถเพิ่มพลังให้กับผู้กินได้

ให้ข้อมูลทั้งสองฝั่งเพื่อทำให้พวกเขาเดินไปตามเกมของเราแทน เมื่อทั้งสองฝั่งอ่อนแอลงจนไม่อาจต่อต้านได้เราก็จะใช้จังหวะนั้นเข้าฮุบตำแหน่งผู้ปกครองแทน แต่ก็ยังมีสิ่งที่ไม่รู้อีกหลายเรื่องอย่างเช่น อาวุธลับของอาเธอร์ การจัดงานเลี้ยงที่ใหญ่และต่อเนื่องเกินไปจนคนมากระจุกอยู่ที่เมืองเอเธน การใช้กองกำลังมากกว่าครึ่งประจำอยู่ที่เมืองแทนที่จะทุ่มทุกอย่างเพื่อจัดการแคทเทอรีน

“ฮัลโหล คิดมากอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย? อย่าไปคิดแบบนี้ตอนอยู่ในสนามรบก็แล้วกัน” ฟรานเขกหัวซึฮากิเรียกสติ

“ขอโทษได้ไหมล่ะ เพื่อลดโอกาสสูญเสียให้มากที่สุดเราก็ต้องคิดให้รอบคอบที่สุด ถ้าเกิดแผนทุกอย่างพังเราก็แค่ถอยออกมาเพราะยังไงพวกนั้นก็ไม่รู้ว่าเอลโฟเรียเป็นคนสนับสนุนอยู่”

“อ้อ นั่นคงเป็นเหตุผลที่ให้คุณวิกตอเรียเป็นคนแจ้งข่าวใช่ไหม ต่อให้ทั้งหมดจะมุ่งเป้าไปที่เธอคนนั้นก็คงไม่เป็นอะไร เพราะพลังอำนาจของเธอยิ่งใหญ่กว่าอาณาจักรอาฟทั้งอาณาจักรเสียอีก”

“ถูกต้อง ตอนนี้พวกเราอยู่ในจุดที่ไม่เสียอะไรทั้งนั้นไม่ว่าจะฝ่ายไหนชนะหรือไม่มีใครชนะเลย”

“แล้วนายทำยังไงคุณวิกตอเรียถึงยอมช่วยล่ะ? เธอก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษกับนาย...ใช่ไหม?” ฟรานจ้องตาเขม็งพลางฝืนยิ้มทำให้ซึฮากิขนลุก

“พวกเราให้คำสัญญาเล็ก ๆ ไว้ คำสัญญาที่ถ้าใครพบเจอวิธีก้าวข้ามเลเวลเก้าจะต้องบอกอีกฝ่ายทันที”

“ทำไมคนที่อยู่เลเวลเก้าถึงต้องมาสัญญากับนายที่อยู่เลเวลหกด้วยล่ะ? มองยังไงเธอก็น่าจะหาทางได้ไวกว่าอยู่แล้ว”

ซึฮากิยิ้มเยาะมองหน้าฟราน “เพราะสิ่งที่คุณวิกตอเรียตามหามันอยู่ที่เราแล้วส่วนหนึ่ง”

เหล่าผู้คนที่ติดอยู่ในดันเจี้ยนหรือที่คุณวิกตอเรียเรียกว่าดาวฤกษ์มฆาและสามคนก็อยู่กับเรา ลิงเมฆา เคานต์แล้วก็เฮรา ดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญยังไงก็ไม่รู้แต่ถึงจะถามพวกเขามากเท่าไรก็ไม่ยอมตอบกันสักคน

ขณะที่กำลังนั่งคุยเพลิดเพลินกันอยู่สองคนจู่ ๆ ก็มีสายเรียกเข้าจากหินสื่อสาร

“คุณวิกตอเรียเหรอครับ?”

“อืม ๆ เราทำตามที่บอกหมดแล้วนะเจ้าลูกชาย หวังว่าแผนของนายจะได้ผลนะเพราะสัญญาณชีพและออร่ามานาของแคทเทอรีนอ่อนแรงลงมากจนนายก็ยังจัดการเธอได้ด้วยซ้ำ”

“ไม่ต้องห่วงครับ ตอนนี้พวกนั้นก็คงจะไปรวมกันที่นั่นแล้ว”

“มันจะเป็นอย่างนั้นแน่ใช่ไหม? ถึงเราจะไม่ค่อยถูกกับแคทเทอรีนแต่เราก็เคยกินข้าวด้วยกันนะ”

“วางใจได้เลยครับแล้วก็...ขอบคุณที่ช่วยนะครับ” ซึฮากิยิ้มอ่อนพูดคุยอย่างสุภาพแต่ก็เห็นถึงความสนิทสนม

“อืม ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยอย่าไปทำอะไรที่มันเกินตัวล่ะ”

“ครับ ๆ ผมจะพยายาม”

“ครับ ๆ ผมจะพยายาม” หลังจากวางสายฟรานก็ล้อเลียนซึฮากิไม่หยุดแต่ทั้งคู่ก็ยังยิ้มสนุกไม่แพ้กัน

สถานการณ์กำลังเป็นไปได้ด้วยดีหลังจากที่แคทเทอรีนถอยออกไปได้ก็พบกับกลุ่มนักผจญภัยจากทั่วอาณาจักรนอดที่ตัดสินใจเข้าร่วมฝั่งจักรพรรดินี พวกเขาต่างก็มาด้วยความหวังที่จะได้เห็นของตอบแทนไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ลาภยศหรือเส้นสาย

“พวกทหารมากันเต็มเลยเว้ย !” กลุ่มคนพุ่งเข้าจู่โจมกองทัพฉีกยิ้มเริงร่าสนุกกับการฆ่าฟัน ในกลุ่มนักผจญภัยก็มีพวกที่ชอบความรุนแรงจนถึงขนาดเข้าร่วมฝั่งจักรพรรดินีเพราะจะได้สู้กับกองทหาร

“แย่แล้วครับหัวหน้า ! มีพวกนักผจญภัยเข้ามาโจมตีเราไม่หยุดเลยทำให้ตอนนี้แคทเทอรีนกำลังถอยหนีไปเรื่อย ๆ แล้วครับ”

“อย่าถอยเด็ดขาด ตอนนี้เป็นโอกาสที่จะได้จัดการกับเธอแล้ว ดังนั้นทุ่มกำลังทั้งหมดและส่งสัญญาณขอทัพเสริมให้มากที่สุด”

“รับทราบครับ !”

สงครามยังคงดำเนินต่อไปหลายชั่วโมงจนแคทเทอรีนหนีไปตั้งหลักได้สำเร็จ แม้เธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมนักผจญภัยถึงเข้าร่วมฝั่งเธอแต่เพราะเรี่ยวแรงอันน้อยนิดทำให้ไม่มีทางเลือกมากนัก

น่าสมเพชจริง ๆ ผู้เคยเป็นถึงจอมพลกลับต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้

แคทเทอรีนมองดูเรือนร่างที่เต็มไปด้วยแผลเล็กใหญ่หากไม่ได้เวทรักษาเธอก็คงเสียเลือดจนตายไปแล้ว

“แล้วทำไมพวกแกถึงเลือกฝั่งฉันล่ะ?” แคทเทอรีนส่งสายตาสงสัยมองเหล่านักผจญภัยที่พักอยู่ในแคมป์ชั่วคราว

“แหม ๆ ท่านจักรพรรดินีก็ไม่น่าถามเลย ตอนนี้ท่านก็เหมือนคนทรยศที่เป็นปรปักษ์กับกองทัพ ถ้าเราเลือกฝั่งกองทัพก็คงต้องทำตามกฎระเบียบอะไรของมันนั่นแหละแต่ไม่ใช่กับฝั่งนี้ พวกเราเหล่านักผจญภัยไม่ชอบการโดนตีกรอบดังนั้นจึงเลือกฝั่งที่จะทำอะไรก็ได้” สายตาเยาะเย้ยมองดูสภาพไม่สู้ดีของแคทเทอรีนแต่ก็ไม่ทำอันตรายใด ๆ

“ได้ฟังแล้วก็สบายใจขึ้นเยอะ แต่พวกนายรู้ใช่ไหมว่ากองทัพยังมีกำลังพลอีกหลายแสนคน”

“ทำไมจะไม่รู้ล่ะ การได้ต่อสู้รากเลือดอย่างนี้ไม่ได้มีโอกาสบ่อย ๆ นักหรอก มันช่วยให้เราเพิ่มเลเวลได้ไวกว่าล่ามอนสเตอร์เสียอีก” นักผจญภัยหนุ่มยิ้มเริงร่าเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ

“เหอะ นักผจญภัยมีแต่พวกบ้าหรือยังไงเนี่ย? แต่ก็ขอบใจสำหรับการช่วยเหลือ ตอนนี้ก็รอให้มานาสำรองมาถึงก่อนและฉันจะได้โต้กลับบ้าง”

เมื่อตกเย็นทางด้านของยาซากะก็ได้หลบหนีจากนายพลเอธอสได้สำเร็จหลังจากปะทะกันอย่างดุเดือดจนป่าหายไปทั้งแถบ ทั้งกองทัพและกลุ่มนักโทษต่างก็สูญเสียกำลังพลไปเกินครึ่งทำให้ต้องล่าถอยกันไป

“เพราะไอ้ยักษ์เวรนั่นแท้ ๆ ไม่อย่างนั้นฉันคงกวาดพวกมันเรียบไปแล้ว” เอธอสนึกถึงวินาทีที่เกิดการปะทะรุนแรงมันยิ่งทำให้เขาเจ็บปวดใจ

เวทวายุหมุนวนดั่งเฮอร์ริเคนกำลังพัดเอาเหล่านักโทษขึ้นไปข้างบนแต่ยาซากะกลับเดินฝ่ามันเข้าไปหาเอธอสโดยการเจาะมือลงพื้นเพื่อยึดตัวไว้ การกระทำบ้าบิ่นเช่นนั้นทำให้เอธอสต้องหยุดร่ายและถอยออกห่างไม่เช่นนั้นเขาก็จะโดนหมัดมานาซัดเข้าเต็ม ๆ

“ท่านนายพลครับ มีจดหมายด่วนมาจากเอเธน”

“เออ ! เอามาสิ” เขาคว้าจดหมายไปจากมือของลูกน้องทันที

แคทเทอรีนหนีไปได้แถมยังมีนักผจญภัยเข้าร่วมกับฝั่งศัตรู มีคำสั่งให้เรียกกองทัพทั้งหมดมาโดยด่วน

เอธอสยิ้มอย่างมีเลศนัย “ถึงเวลาใช้กองทัพที่จอมพลสร้างไว้เพื่อจัดการจอมพลซะเอง มันช่างน่าสนุกอะไรถึงเพียงนี้”

ขณะเดียวกันเหล่านักโทษก็พากันเร่งฝีเท้ากลับไปหาแคทเทอรีนโดยที่ไม่รู้เลยว่านักผจญภัยก็อยู่ฝั่งเดียวกันทำให้มีการปะทะกันเล็กน้อยก่อนที่จะพูดคุยเข้าใจกันได้

“คุณแคทเทอรีนอยู่ที่ไหน?” ยาซากะยืนกรานท่ามกลางความวุ่นวาย ต่อให้นักผจญภัยเหล่านั้นบอกว่าอยู่ฝั่งเดียวกันแต่เขาก็ยังไม่เชื่อสนิทใจจนกว่าจะได้เห็นตัวแคทเทอรีนจริง ๆ

“ฉันอยู่นี่ ! ก็คิดไว้แล้วว่านายคงจะทำแบบนี้ก็เลยมารอใกล้ ๆ เส้นทางเมืองราวราล่วงหน้า” แคทเทอรีนเดินออกมาจากมุมมืดเผยให้เห็นสภาพร่างกายอันอ่อนล้าเต็มไปด้วยรอยแผลพร้อมฉีกขาดได้ทุกเมื่อ

“ดูเหมือนคุณก็รับศึกหนักเหมือนกันนะครับ ก่อนมาที่นี่ข้าก็เจอกับหนึ่งในสามนายพลแห่งกองทัพมาแต่ก็โชคดีที่รอดมาได้ และเท่าที่ข้าได้ยินมาเหมือนพวกเขากำลังเตรียมกองทัพหลักในเร็ว ๆ นี้”

“ตอนนี้มันกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบแล้วและสนามรบก็คือเส้นทางไปยังเมืองเอเธน แต่ยังไงฉันก็ไม่อยากฆ่าผู้คนบริสุทธิ์นักหรอกดังนั้นก็เลยส่งสายลับเข้าไปหาตัวอาเธอร์ซะก่อน”

“อืม สายลับที่ว่าคงเป็นคาร์เตอร์สินะครับ เขาให้ข้อมูลเราหลาย ๆ อย่างเหมือนกันน่าจะเป็นคนฉลาดกว่าที่เห็น” หลังจากยืนยันตัวแคทเทอรีนเหล่านักโทษก็พากันเข้ามาพักในค่ายชั่วคราว ในขณะที่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตรก็ยังมีการปะทะกันเป็นช่วง ๆ ของกำลังพลฝั่งแคทเทอรีนและกองทัพ

“เข้ามาก่อนเถอะ เราต้องประชุมวางแผนการรบให้ดีเพราะจำนวนของฝั่งเรามีน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด”

“เอาสิ ข้าก็อยากฟังวิธีที่จะเข้าชนะกองทัพหลายแสนคนเหมือนกัน” ยาซากะกระตุกรอยยิ้มตื่นเต้นที่จะได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยกันกับผู้มีเลเวลเก้า

ภายในคืนนั้นทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วไม่ว่าจะการเรียกทัพเสริมหรือการรวมกลุ่มผู้ที่เป็นปรปักษ์กับกองทัพ บางคนก็เข้าร่วมเพื่อความสนุก บางคนก็เข้าร่วมเพราะหวังผลประโยชน์หลังจากชนะศึก ทุกคนต่างก็มีเป้าหมายของตนเองแต่หารู้ไม่ว่าแผนต่าง ๆ กำลังดำเนินไปตามบุคคลที่สามที่วางหมากไว้ก็คือซึฮากิ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.