ตอนที่ 448 ต้นไม้ปีศาจ

-A A +A

ตอนที่ 448 ต้นไม้ปีศาจ

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 448 ต้นไม้ปีศาจ

ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันมันจึงทำให้ป้อมแนวรับทางทิศตะวันตกกลายเป็นปราการด่านสุดท้ายของมนุษยชาติ โดยในแนวรับนี้ประกอบไปด้วยดาวเคราะห์เทียมหลายพันดวงที่ได้ประกอบไปด้วยปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยาน พวกมันจึงเป็นเสมือนกับป้อมปราการที่คอยป้องกันมนุษย์จากการรุกรานของศัตรู

เมื่อนานมาแล้วเผ่าพันธ์ุนาวีได้ย้ายดินแดนมาอยู่ชิดกับดินแดนของมนุษย์ ทางพันธมิตรจึงได้สร้างแนวรับนี้ขึ้นมาเพื่อปกป้องการรุกรานจากพวกนาวี และถึงแม้ว่าเวลาจะได้ผ่านพ้นมานานหลายร้อยปี แต่นาวีก็ไม่เคยรุกรานดินแดนมนุษย์เลยแม้แต่ครั้งเดียว

แต่เมื่อสถานการณ์ได้ดำเนินมาถึงปัจจุบันใครจะไปคิดว่าแนวรับที่เคยสร้างเพื่อกั้นเผ่านาวีเอาไว้ จะกลายเป็นแนวรับด่านสุดท้ายที่ป้องกันมนุษย์จากการรุนรานของเผ่าพันธุ์เซิร์ก

ปัจจุบันกองยานทั้ง 600 กองของพันธมิตรรวมถึงกองยานขององค์กรนักสู้ต่าง ๆ ต่างก็ล้วนแล้วแต่ได้เคลื่อนที่มารวมกำลังกันพยายามสร้างแนวรับให้แข็งแกร่งมากที่สุด และถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องตายแต่พวกเขาก็ต้องพยายามถ่วงเวลาให้ประชาชนได้อพยพเข้าไปในดินแดนของพวกนาวีให้ได้

เหล่าบรรดาทหารและนักรบได้ใช้ช่วงเวลาครั้งสุดท้ายเพื่อโทรหาครอบครัวและคนรัก ทำให้บรรยากาศทั่วทุกทิศต่างก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า

ณ ศูนย์บัญชาการ

ข้อมูลจากยานรบทั่วทุกแห่งจะถูกส่งเข้ามาในศูนย์บัญชาการแห่งนี้ ซึ่งมันก็ทำให้ใบหน้าของทั้งสามจอมพลเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

“สถานการณ์เลวร้ายมาก ตอนนี้พวกเซิร์กไม่ได้พุ่งเข้าใส่พวกเราในทันที แต่กำลังรวบรวมกองกำลังห่างจากแนวรับไป 6 วาร์ป ดูเหมือนว่าพวกเขาคงจะเตรียมแผนรวบรวมกองกำลังให้ได้มากที่สุดแล้วบุกจู่โจมเข้าทำลายพวกเราด้วยกองยานเต็มรูปแบบมากกว่า 1,000 กอง” วิลเลียมกล่าวขึ้นมาเบา ๆ อย่างหมดหนทาง เพราะท้ายที่สุดกองยานเต็มรูปแบบของเซิร์กจำนวน 1,000 กองก็มีความแข็งแกร่งมากกว่ากองยานมนุษย์ 2,000 กอง

ในสงครามขนาดใหญ่เช่นนี้อำนาจการทำลายล้างของยานบัญชาการคือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ชัยชนะ และถ้าหากเปรียบเทียบเรื่องจำนวนของยานบัญชาการแล้ว ทางฝ่ายพันธมิตรก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบชนิดที่ไม่มีทางพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย

ยิ่งไปกว่านั้นตัวเลข 1,000 กองยานก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่พวกเขาสันนิษฐาน และถ้าหากพวกเซิร์กเริ่มเปิดการโจมตีจริง ๆ พวกเขาก็อาจจะมีกองยานเข้าร่วมจู่โจมมากกว่า 1,500 กอง

“ไม่ว่าจะยังไงพวกเราก็ไม่สามารถละทิ้งแนวป้องกันนี้ไปได้ สั่งการไปยังทหารทุกคนให้ร่วมสู้รบไปกับป้อมปราการ พยายามแสดงประสิทธิภาพของป้อมปราการออกมาให้ได้มากที่สุด!!”

“เมื่อมีป้อมปราการคอยสนับสนุน พวกเราย่อมมีพลังป้องกันเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง แล้วด้วยปืนใหญ่จากป้อมปราการพวกเราย่อมเสริมพลังทำลายได้มากกว่าเดิมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งด้วยเหมือนกัน และด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันพวกเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องคอยตั้งรับให้ได้นานมากที่สุด” ไทสันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“นายพูดถูก จุดประสงค์หลักของเราในครั้งนี้คือการพยายามถ่วงเวลาให้ประชาชนอพยพไปให้ได้มากที่สุด พวกเราต้องปกป้องเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นเอาไว้เพื่อในอนาคตพวกเขาจะเป็นกองกำลังที่ฟื้นฟูพันธมิตรขึ้นมาอีกครั้ง” วิลเลียมกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับหยิบลูกอมเมเปิ้ลเชื่อมโยนเข้าไปภายในปาก

พื้นที่ส่วนสุดท้ายของไซเรนฮิลล์ชั้นแรกเป็นแท่นทรงกลมที่ถูกสร้างขึ้นมาจากหินโบราณ ซึ่งแท่นนี้ก็ถูกออกแบบมาคล้าย ๆ กับประตูแห่งความว่างเปล่าที่มีด้านหนึ่งเป็นสีขาวและอีกด้านหนึ่งเป็นสีดำ

“ตรงนี้มันน่าจะเป็นทางขึ้นไปยังชั้นที่ 2 แล้วทำไมมันถึงไม่มีบันไดหรือไม่มีประตูเลย?” อันธอุทานขึ้นมาอย่างสงสัย

“เดี๋ยวเราเดินขึ้นไปบนนั้นเราก็รู้เองนั่นแหละ” เซี่ยเฟยกล่าว

แท่นนี้มีความกว้างมากพอให้คนหลายพันคนขึ้นไปยืนบนแท่นพร้อม ๆ กันได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหลังจากที่ชายหนุ่มได้ขึ้นไปยืนบนแท่นเพียงแค่ไม่กี่วินาที มันก็มีแสงสีขาวพุ่งลงมาจากท้องฟ้าปกคลุมทั่วทั้งร่างเขาเอาไว้ ไม่นานหลังจากนั้นชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและร่างกายที่กำลังสั่นสะท้าน คล้ายกับว่าร่างของเขากำลังบินออกไปจากตำแหน่งเดิมอย่างรวดเร็ว

เมื่อลำแสงหายไปวิวทิวทัศน์รอบ ๆ ตัวก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาน่าจะเดินทางมาถึงไซเรนฮิลล์ชั้นที่ 2 แล้ว

“มันเป็นอุปกรณ์เปิดประตูมิติใช่ไหม? มันสามารถที่จะทำให้นายเคลื่อนที่ข้ามมิติจากมิติหนึ่งมาอีกมิติหนึ่งได้ในทันที” อันธอุทานด้วยความประหลาดใจ

ระหว่างการย้ายข้ามมิติชายหนุ่มแทบที่จะไม่รู้สึกอะไรเลย เว้นแต่ตอนที่เขารู้สึกเหมือนร่างลอยขึ้นไปในอากาศเพียงชั่วครู่ ซึ่งมันเป็นนวัตกรรมที่ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงมาก

หรือว่านี่อาจจะเป็นพลังของกฎแห่งมิติ?

พื้นที่ในชั้นที่ 2 นี้เต็มไปด้วยหนองน้ำขนาดใหญ่ ต้นไม้คล้ายต้นโกงกางที่คดเคี้ยว ซึ่งมีบางส่วนของต้นเติบโตภายในน้ำและบางส่วนของต้นที่เติบโตในอากาศ

ต้นไม้ทุกต้นมีกิ่งก้านสีดำไม่มีเปลือกและใบทำให้พวกมันมีรูปร่างที่น่าเกลียด ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีฝูงนกสีดำคล้ายอีกาเกาะอยู่ตามกิ่งของต้นไม้และจับจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยเป็นตาเดียว

อย่างไรก็ตามหลังจากที่นกพวกนี้สังเกตเห็นขนอุย พวกมันก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างหวาดกลัว ซึ่งนกบางตัวก็ถึงกับช็อกตาตั้งจนร่วงหล่นลงไปในน้ำ ขณะที่นกบางตัวก็พยายามกระพือปีกหนีออกไปอย่างสิ้นหวัง

ทันใดนั้นอุปกรณ์ให้คะแนนบนข้อมือของเขาก็สั่นขึ้นมาชั่วขณะ และเมื่อเซี่ยเฟยเหลือบตาไปมองหน้าจอของอุปกรณ์นั้น เขาก็ได้พบว่าคะแนนบนหน้าจอกำลังเพิ่มขึ้นจนจะเกินกว่า 100,000 คะแนนแล้ว

การแจ้งเตือนในครั้งนี้น่าจะเป็นการแจ้งเตือนว่าเขาได้เดินทางมาจนถึงพื้นที่ชั้นที่ 2 แล้ว ซึ่งเมื่อเขาเหลือบสายตามองดูแผนที่เขาก็ได้พบว่าพื้นที่ชั้นที่ 2 นี้มีพื้นที่เล็กกว่าพื้นที่ชั้นแรกมาก และมันก็แทบที่จะไม่มีสัตว์อสูรอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้เลย โดยทั่วทั้งพื้นที่เต็มไปด้วยต้นไม้และหนองน้ำ ซึ่งการจะพยายามเดินผ่านไปยังพื้นที่ชั้นที่ 3 เขาก็คงจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องเดินผ่านหนองน้ำที่มีความยาวประมาณ 1,000 กิโลเมตร

“น่าเสียดายจริง ๆ ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีสัตว์อสูรที่ใช้งานได้อยู่ในพื้นที่ชั้นนี้เลย” อันธกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

“ถึงแม้ว่าฉันจะใช้แผนเดิมแต่แผนนั้นก็คงจะไม่ได้ผลเป็นครั้งที่ 2 หรอก สิ่งที่เราจำเป็นจะต้องทำคือการคิดหาแผนการใหม่ ๆ กำจัดทหารที่อยู่รอบ ๆ อูดี้ไปเรื่อย ๆ และเมื่อพวกเราเดินทางไปจนถึงพื้นที่ชั้นที่ 4 หรือชั้นที่ 5 ในเวลานั้นอูดี้ก็คงจะเหลือคนคอยปกป้องเขาไม่เท่าไหร่แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าว

“แต่พื้นที่ชั้นที่ 2 มันสงบมากเกินไป ฉันว่ามันคงจะไม่มีอะไรให้เราใช้การได้” อันธกล่าวพร้อมกับมองไปรอบ ๆ อย่างไม่พอใจ

“สิ่งที่นายเห็นมันอาจจะไม่ใช่ทั้งหมดก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เมื่ออันธจ้องมองไปยังทิศทางเดียวกับเซี่ยเฟย เขาก็ได้พบกับเถาวัลย์ที่กำลังม้วนรัดร่างของซากนกตัวสีดำที่ช็อกตายอยู่ในน้ำและลากร่างนั้นไปหาลำต้น

ทันใดนั้นลำต้นของต้นไม้สีดำก็เปิดออกเผยให้เห็นฟันอันแหลมคมที่ซ่อนอยู่ด้านใน

“นั่นมันต้นไม้บ้าอะไรกันวะ?!” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ

เซี่ยเฟยได้สังเกตอย่างระมัดระวังและพบว่าต้นไม้ทุกต้นต่างก็มีรอยแยกที่เป็นเหมือนกับปากของพวกมัน ซึ่งบางต้นที่มีลำต้นหนาก็มีปากอยู่บนต้น 2-3 แห่งด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของต้นไม้พวกนี้ก็ช้ามาก และพวกมันต้องใช้เวลาในการหยิบอีกาเข้าปาก 2-3 นาที ทั้ง ๆ ที่อีกาตัวนั้นอยู่ห่างออกไปในระยะเพียงแค่ครึ่งเมตร

งั่ม!

ฟันอันแหลมคมกัดลงไปบนนกตัวสีดำและทำให้เลือดทะลักออกมาจากศพนั้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อมีกลิ่นเลือดมันก็ทำให้ต้นไม้พวกนี้เหมือนกับกลับมามีชีวิต และพวกมันก็เริ่มโบกสะบัดกิ่งก้านคล้ายกับหนวดของปลาหมึกพร้อม ๆ กับที่พวกมันเริ่มส่งเสียงร้องคำรามราวกับสัตว์อสูรที่กำลังหิวโหย

หลังจากนั้นไม่นานต้นไม้ที่อยู่รอบ ๆ ก็เหมือนถูกปลุกขึ้นมาจากการหลับใหลเช่นเดียวกัน และมันก็ทำให้การเคลื่อนไหวของพวกมันเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วกว่าเดิม ต้นไม้ทุกต้นพยายามใช้กิ่งควานหาซากศพตามหนองน้ำ และต้นไม้หลาย ๆ ต้นก็พยายามต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงซากศพของนกที่รู้สึกหวาดกลัวขนอุยจนตกลงไปในน้ำ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ตอนแรกพวกมันเชื่องช้าอย่างกับหอยทาก แต่จู่ ๆ พวกมันกลับเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่ามันมีอะไรไปกระตุ้นพวกมันจนทำให้พวกมันคลั่งขึ้นมาแบบนี้?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง

“พวกมันถูกกระตุ้นด้วยเลือด!! ตอนแรกพวกมันเคลื่อนที่เชื่องช้ามากและทำให้พวกเราแทบไม่สังเกตเห็นอันตรายจากพวกมันด้วยซ้ำ แต่หลังจากที่พวกมันได้กลิ่นเลือดที่ลอยโชยมา พวกมันก็เริ่มระเบิดความบ้าคลั่งที่แท้จริงของพวกมันออกมา” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตื่นเต้น

“แล้วทำไมพวกมันถึงไม่โจมตีเข้าใส่นายล่ะ?”

“ฉันสามารถใช้วิชาพรางจิตเพื่อลบตัวตนของตัวเองได้ แต่พวกอูดี้ก็ไม่ได้มีวิชาที่คล้าย ๆ กับวิชาลบตัวตนของเรานี่” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ทันทีที่พูดจบชายหนุ่มก็พุ่งออกไปราวกับสายฟ้า พร้อมกับปล่อยใบมีดของเซเลสเชียลมูนออกไปสังหารพวกนกตัวสีดำที่บินอยู่ไม่ไกล

เมื่อมีซากศพของนกตกลงไปในหนองน้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ เหล่าบรรดาต้นไม้ก็เริ่มคลุ้มคลั่งมากกว่าเดิมเช่นเดียวกัน จนพวกมันถึงขนาดทำร้ายต้นไม้ด้วยกันเองเพื่อพยายามแย่งชิงซากศพอีกา

ในหนองน้ำมีสิ่งมีชีวิตอยู่ไม่มากนัก เช่น นกตัวสีดำ, กิ้งก่าและจระเข้หน้าตาประหลาด

เซี่ยเฟยเริ่มสังหารไปเรื่อย ๆ และทำให้กลิ่นเลือดกระจายไปทั่วทั้งผืนป่า พร้อม ๆ กับหนองน้ำที่เริ่มถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดงและเหล่าต้นไม้ปีศาจที่ถูกปลุกขึ้นมาจากการจำศีล

กว่าที่พวกอูดี้จะจัดการกับฝูงสัตว์อสูรได้สำเร็จเวลาก็ได้ล่วงเลยมาจนถึงตอนเย็นแล้ว และเพียงแค่พื้นที่ชั้นแรกของไซเรนฮิลล์มันก็ทำให้นักสู้ในกองทัพเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกันหลี่โม่ก็กำลังนั่งอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่และหยิบชิ้นเนื้อจากซากศพที่ไม่รู้ว่าเป็นซากศพของใครขึ้นมากินอย่างมูมมาม

วินดี้ยกขวดเหล้าขึ้นมาเทให้อูดี้ดื่มเพื่อให้ท่านราชาพยายามรักษาสภาพจิตใจให้ปลอดโปร่ง ซึ่งโดยปกติอูดี้จะไม่แตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ในวันนี้เขาก็รู้สึกเครียดจนอดไม่ได้ที่จะต้องดื่มเหล้าเข้าไปจริง ๆ

“ได้ตัวเลขสรุปผู้เสียชีวิตแล้วหรือยัง?” อูดี้ถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด

“เราเสียคนไปเกือบ ๆ 50,000 คนครับ ส่วนใหญ่เป็นนักสู้ที่มีระดับพลังค่อนข้างต่ำและไม่มีประสบการณ์ต่อสู้เป็นทีม แต่กองกำลังหลักของเรายังคงปลอดภัยครับ” วินดี้กล่าวรายงานอย่างเคร่งขรึม

“ดูเหมือนจำนวนคนของเราจะลดน้อยลงใช่ไหม?” อูดี้กล่าวถามหลังจากมองไปยังกองกำลังที่เหลือรอดอยู่

“ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม? แต่ชานี่กับนักสู้อีกประมาณ 5,000 คน ได้หายตัวไปในระหว่างการต่อสู้” วินดี้กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย

“หายตัวไป?” อูดี้อุทานขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด เพราะท้ายที่สุดระดับพลังของชานี่ก็สูงมาก แล้วถ้าหากว่าเขาเสียชีวิตมันก็หมายความว่าปัญหาที่เขาจะต้องพบเจอเป็นปัญหาที่ร้ายแรงเกินกว่าที่เขาได้จินตนาการเอาไว้

“ท่านราชาไม่จำเป็นจะต้องกังวล มันไม่สำคัญว่าจำนวนนักสู้ในกองกำลังจะมีเท่าไหร่ เพราะคนส่วนใหญ่ก็มีหน้าที่เป็นโล่เนื้อให้กับพวกเราอยู่แล้ว แต่กองกำลังหลักของพวกเรายังคงอยู่ ดังนั้นท่านราชาโปรดไว้ใจว่าการเดินทางครั้งนี้จะปลอดภัยไร้กังวล”

“พื้นที่ชั้นที่ 2 ก็ไม่ได้มีอันตรายมากเท่าไหร่แล้ว เพราะตามบันทึกในประวัติศาสตร์ตราบใดก็ตามที่ร่างของพวกเราปราศจากกลิ่นเลือด พวกเราก็สามารถเดินผ่านพื้นที่ชั้นที่ 2 ไปได้อย่างปลอดภัย” วินดี้พยายามกล่าวปลอบใจอูดี้

ง่าย?

ระหว่างที่วินดี้กำลังพูดปลอบใจอูดี้อยู่นี้ เขาก็ไม่รู้เลยว่าเซี่ยเฟยได้วางแผนการเอาไว้ในพื้นที่ชั้นที่ 2 แล้ว และการเดินทางผ่านต้นไม้ปีศาจพวกนั้นมันก็ไม่มีทางเป็นเรื่องง่ายเหมือนกับที่เขาได้พูดเอาไว้

***************

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.