บทที่ 447: หยินชางแอบไปเยี่ยมหลิงเอ๋อ
“วิศวกรระดับปรมาจารย์? มันคืออะไรหรือ?” โหวเสี่ยวเตียวเกาหัวถามด้วยความงุนงง
“มันหมายถึงปรมาจารย์ในการสร้างบ้านน่ะ ซึ่งแปลว่าเก่งมาก” หูเจียวเจียวอธิบายแบบรวบรัด
ดูจากรูปการณ์แล้ว ไม่ใช่ภูตทุกคนที่ชอบเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ
ดังนั้นการตัดสินใจเลือกคนที่จะมารับผิดชอบงานต่าง ๆ เธอต้องคำนึงถึงความถนัดของคนคนนั้นเป็นอย่างแรก
เมื่อหูชิงหลู่ได้ยินเช่นนี้ เขาก็ดึงแขนของน้องสาวให้หันมาสบตาเขา ก่อนที่เขาจะกะพริบตาปริบ ๆ แล้วถามว่า
“น้องเล็ก แล้วพี่เป็นปรมาจารย์ด้านไหน?”
“พี่สาม ท่านเป็น...” หูเจียวเจียวลูบคางตัวเองพลางคิดทบทวน “ปรมาจารย์หลู่ปัน*”
*หลู่ปัน (鲁班) เป็นสถาปนิกชาวจีนหรือช่างไม้ วิศวกรโครงสร้าง และนักประดิษฐ์ในสมัยราชวงศ์โจว เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพแห่งผู้สร้างของจีน
เนื่องจากพี่ชายคนที่ 3 ของเธอค้นพบศักยภาพของตัวเอง ราวกับว่าเขาได้เปิดเส้นลมปราณ ‘เริ่น’ และ ‘ตู’* ในการศึกษาพิมพ์เขียวทั้งหมดที่เธอมอบให้ และสร้างหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอไม่คาดคิดมาก่อน
*เริ่นและตู เป็น 1 ในเส้นลมปราณของร่างกาย
หากไม่ใช่เพราะขาดแคลนวัสดุ หูเจียวเจียวรู้สึกว่าถ้าหูชิงหลู่ได้รับพิมพ์เขียวไปศึกษา เขาก็คงสามารถสร้างปืนใหญ่ได้เหมือนกัน
“ปรมาจารย์หลู่ปัน?” จิ้งจอกหนุ่มทวนซ้ำอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่แค่มันมีคำว่าปรมาจารย์ มันต้องเป็นคำที่ดีแน่!
นั่นทำให้ผู้เป็นพี่ชายยิ้มโชว์ฟันขาวอย่างมีความสุข
“ว่าแต่พี่สาม ท่านอยากทำอะไรใหม่ ๆ ไหม ช่วงนี้ท่านจะมีเวลาศึกษามันหรือเปล่า?”
จู่ ๆ หูเจียวเจียวก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เธอจึงหยิบภาพวาดออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้หูชิงหลู่
“มีสิ พี่สามยังมีเวลาเหลืออีกมาก” ชายหนุ่มรับมันมาโดยไม่ลังเลพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คราวนี้มีของอะไรแปลก ๆ ให้พี่ทำอีกหรือ?”
“นี่เรียกว่าเครื่องทอผ้า มันเอาไว้สำหรับทอผ้า พอถึงหน้าร้อนอากาศจะร้อนขึ้น ข้าเลยอยากใช้พืชมาทำเป็นผ้าชนิดหนึ่งแทนหนังสัตว์ เราจะได้ไม่ร้อนกันมากนัก” จิ้งจอกสาวอธิบายคำเรียกขานของมัน
เนื่องจากหญิงสาวนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อวานตอนที่เธอกำลังวัดตัวลูกเพื่อตัดเย็บเสื้อผ้าชุดใหม่
จากนั้นเธอก็วางแผนไว้ว่าจะมาหาพี่สามในวันนี้ โดยที่เธอไปค้นพิมพ์เขียวในมิติออกมาก่อนแล้ว
ฤดูกาลแต่ละฤดูในโลกภูตยาวนานถึง 6 เดือน พี่สามจะต้องมีเวลาในการศึกษาและผลิตจนกว่าจะสามารถนำมาใช้ได้จริง อีกทั้งเธอยังต้องใช้เวลาในการหาวัสดุ ถ้าเธอเริ่มทำตอนนี้ เธอก็อาจจะทอผ้าได้ทันก่อนที่ฤดูร้อนจะมาถึง
เพียงแต่ว่าการจัดตั้งโรงเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ ดังนั้นเธอควรจะวางแผนล่วงหน้าไว้ทีละขั้นตอน
“ตกลง ไม่มีปัญหา! ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่สามเอง!” หูชิงหลู่ตบหน้าอกตัวเองพลางยืนยันว่าภาพวาดที่หูเจียวเจียวนำออกมาไม่เหนือบ่ากว่าแรงของเขาเลย
ส่วนโหวเสี่ยวเตียวที่ได้รับมอบหมายงานใหม่ก็รู้สึกมีพลังเปี่ยมล้นหลังจากรู้ว่าหูเจียวเจียวยังไม่มีตัวเลือกอื่นที่เหมาะสมไปกว่าตัวเขา
จิ้งจอกสาวเองก็โล่งใจเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงฝากเรื่องการสร้างโรงเรียนไว้กับลิงหนุ่ม
วันต่อมา โหวเสี่ยวเตียวได้รวบรวมภูตไปช่วยงานก่อสร้าง
คนงานมีทั้งหมด 20 คน โดยที่ส่วนใหญ่เป็นผู้มาใหม่จากฝั่งเซี่ยหมานและเหล่าคนชำนาญงานที่เคยไปสร้างบ้านหินให้ภูตหญิง ด้วยเหตุนี้ หูเจียวเจียวจึงวางใจไม่ต้องไปคุมงานเอง
หญิงสาวรู้สึกโชคดีที่มีโหวเสี่ยวเตียวอยู่ใกล้ ๆ มันทำให้เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการสร้างโรงเรียนอีก
หลังจากที่จิ้งจอกสาวมอบแบบแปลนให้ลิงหนุ่มและอธิบายโครงสร้างของโรงเรียนให้พวกเขาฟัง เธอก็ไม่ต้องทำอะไรอีก ซึ่งเธอแค่ต้องมาดูความคืบหน้าในแต่ละวันเท่านั้น
ในเวลากลางคืน เมื่อหูเจียวเจียวเย็บเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ลูก ๆ เสร็จเรียบร้อย เธอก็ยืดเส้นยืดสายเนื่องจากปวดเมื่อยก่อนจะตระหนักว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว
หญิงสาวไม่รู้ว่าเป็นเพราะช่วงนี้เธอเครียดหรือเปล่า เธอสังเกตตัวเองว่าพอมีอะไรอยู่ในใจตลอดเวลา มันทำให้เธอไม่รู้สึกง่วงมาสักพักหนึ่ง
หลังจากหูเจียวเจียวเก็บเสื้อผ้าและหนังสัตว์ที่ถูกตัด เธอก็วางแผนที่จะขึ้นไปหาหลงหลิงเอ๋อ
ในตอนกลางวันพวกหลงอวี้ออกไปทำกิจกรรมต่าง ๆ จนเหนื่อยมาก ดังนั้นพวกเขาจึงกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนหลังกินข้าวเย็นเสร็จ
เวลานี้บ้านเงียบสงบมีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องลงมาตามทางเดินทำให้บ้านดูวังเวงเล็กน้อย
ไม่นานหูเจียวเจียวก็เดินมาที่ห้องของหลงหลิงเอ๋ออย่างแผ่วเบา บนเตียงที่ปูด้วยสำลีหนามีคนตัวเล็กหน้าซีดนอนอยู่บนเตียงราวกับว่านางกำลังนอนอยู่ในสายไหมนุ่ม ๆ
เนื่องจากอุณหภูมิร่างกายของเด็กหญิงต่ำมาก แม่จิ้งจอกไม่เพียงแค่เพิ่มผ้านวมให้หนาขึ้นเท่านั้น แต่เธอยังจุดเตาถ่านในห้องด้วยเพราะกลัวว่าร่างกายของนางจะแข็งตายไปเสียก่อน
แต่ถึงกระนั้น ใบหน้าของหลงหลิงเอ๋อก็ยังเหมือนตุ๊กตากระเบื้อง ซึ่งมันเรียบเฉยเสียจนไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียเลย
ขณะนี้หูเจียวเจียวไปที่เตียงพร้อมกะละมังน้ำร้อน และเอาผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนเพื่อช่วยเช็ดแก้มและแขนให้ลูกสาวเช่นเคย
“หลิงเอ๋อ แม่กำลังจะสร้างโรงเรียน พอเจ้าตื่นขึ้น เจ้าจะได้ไปโรงเรียนกับทุกคน แล้วก็ร่ำเรียนวิชาความรู้ต่าง ๆ มากมาย”
“นอกจากนี้แม่ยังปลูกของกินอร่อย ๆ ไว้ตั้งเยอะแยะเลย แล้วแม่จะทำให้เจ้ากินเอง ถ้าเจ้านอนตลอดเวลาแบบนี้ เจ้าจะไม่ได้กินมันนะ”
“อีกอย่าง ถ้าแม่หาพืชที่เหมาะสมมาได้ แม่จะทำเสื้อผ้าลินินสวย ๆ ให้เจ้าใส่ เสื้อผ้าแบบนั้นเบาสบายกว่าและระบายอากาศได้ดีกว่าหนังสัตว์ แล้วหลิงเอ๋อของเราก็จะเป็นสาวน้อยที่สวยที่สุด...”
ในขณะที่ผู้เป็นแม่ช่วยเช็ดตัวให้ลูกสาว เธอก็เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเผ่าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะได้ยินหรือไม่ก็ตาม แต่เธอก็ยังจะพูดต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ
เธอทำเหมือนกับว่าการสนทนากับคนที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงเป็นเรื่องปกติ
แล้วบรรยากาศภายในห้องจากเดิมที่เคยเยือกเย็นก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น
หลังจากที่หูเจียวเจียวช่วยหลงหลิงเอ๋อเช็ดตัวเสร็จแล้ว เธอก็ออกไปพร้อมกับกะละมังและเตรียมจะกลับไปพักผ่อน
พอแม่จิ้งจอกเปิดประตูกำลังจะออกจากห้อง เธอก็เห็นเงาดำเล็ก ๆ เคลื่อนอยู่ตรงบริเวณบันไดชั้นล่าง และไม่นานก็หายไปในความมืด
ทีแรกหูเจียวเจียวเกือบจะคิดว่าเธอเจอดีเข้าให้แล้ว
แต่เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าชั้นล่างเป็นห้องของหยินชาง
จากนั้นหญิงสาวก็คิดถึงปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเมื่อเร็ว ๆ นี้ แล้วเผยรอยยิ้มจาง ๆ เห็นได้ชัดว่าหนุ่มน้อยกังวลเกี่ยวกับหลิงเอ๋อมาก ดังนั้นเขาจึงแอบมาดูนางหรือไม่?
เมื่อจิ้งจอกสาวคิดได้ดังนี้ก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น ก่อนจะส่ายหน้าและออกไปจากห้องของลูกสาวพร้อมกับกะละมังในมือ
ระหว่างที่หูเจียวเจียวเดินไปทางห้องนอนของตัวเอง ดวงตาสีดำสนิทคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นในความมืด
ครู่ต่อมา หยินชางเคลื่อนตัวออกจากมุมมืดที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
ปัจจุบันในใจของเขาเต็มไปด้วยการสนทนาที่เขาไปถามเฟิงเฉิงในวันนี้
“ป้าเฟิงเฉิง ร่างกายของหลิงเอ๋อเย็นอยู่ตลอดเวลา มันจะส่งผลเสียต่อร่างกายของนางหรือไม่?”
“นี่เป็นเรื่องปกติ หมอผีทุกคนจะต้องผ่านสิ่งนี้ก่อนที่จะตื่นขึ้น และนางจะฟื้นตัวหลังจากตื่น แต่ว่า...”
“แต่อะไร?”
“หากเป็นแบบนี้ไปนาน ๆ อาจทำให้ความจำของนางสับสน และจะทำให้บุคลิกของนางเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับหมอผีในเผ่าของเรา ก่อนที่จะตื่นนางมีนิสัยเหมือนกับหู่จิง แต่หลังจากตื่นขึ้น นางกลายเป็นคนเย็นชาและเงียบขรึม นางเปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยล่ะ”
มันเป็นสัจธรรมของโลก
นอกจากนี้เพื่อความสมดุล หลังจากได้มันมาครอบครองแล้วก็มีอะไรบางอย่างที่ต้องเสียไปเช่นกัน
“ไม่มีทางแก้เลยหรือ?”
“มันไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ การเปลี่ยนแปลงก่อนและหลังการตื่นขึ้นนั้นสัมพันธ์กับร่างกายของหมอผีและระยะเวลาของอาการหมดสติ ข้าได้แต่ภาวนาให้หลิงเอ๋อสามารถรักษามันไว้ได้จนกว่าหลงโม่จะกลับมา”
ทันใดนั้นเสียงปิดประตูของหูเจียวเจียวก็ทำให้ความคิดของหยินชางกลับมายังปัจจุบัน
เมื่อคิดว่าเขาอาจจะไม่ได้เห็นรอยยิ้มที่มีชีวิตชีวาและร่าเริงสดใสของหลงหลิงเอ๋ออีกแล้ว เขาก็กัดฟันแน่น
จิ้งจอกสาวเป็นห่วงลูกน้อยของนางมาก นางจะเสียใจแค่ไหนถ้าหลิงเอ๋อตื่นขึ้นมาเป็นคนละคน
ในความมืด มีประกายแห่งความมุ่งมั่นในดวงตาที่มืดมนคู่นั้น
หูเจียวเจียวและหลิงเอ๋อดูแลเขาเป็นอย่างดี เขาจะปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้!
เมื่อไม่มีเสียงใด ๆ จากห้องของแม่จิ้งจอก หยินชางก็ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างแผ่วเบาเพื่อมุ่งหน้าที่ห้องของหลงหลิงเอ๋อ
ภายในห้อง เด็กหญิงไม่ต่างจากตุ๊กตากระเบื้องที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ
ต่อมา เด็กหนุ่มเดินไปที่เตียงพลางมองดูใบหน้าที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างสงบสุขของนาง
“หลิงเอ๋อ รีบตื่นขึ้นมาเถอะ ข้า... เราทุกคนกำลังรอเจ้าอยู่”
เขาพึมพำบางอย่าง จากนั้นมือขวาของเขาก็กลายเป็นกรงเล็บที่แหลมคม ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ลากมันผ่านบนฝ่ามือข้างซ้าย
แล้วเลือดก็ไหลออกจากบาดแผลทันที
ยามนี้หยินชางขมวดคิ้วโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าขณะบีบริมฝีปากของหลงหลิงเอ๋อด้วยมือขวาอย่างใจเย็น และกำมือซ้ายเล็งไปที่ริมฝีปากของอีกคน
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: หยินชางกำลังจะทำอะไรหนอ กำลังจะช่วยหลิงเอ๋ออยู่หรือเปล่านะ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 205
แสดงความคิดเห็น