หลอนซ่อนรัก /บทนำ
บทนำ
‘ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกจะโทษว่าเป็นเพราะกรรมอย่างเดียวคงไม่ใช่นัก เพราะกรรมนั้นเกิดจากการกระทำ มิใช่ใครหรือสิ่งใดกำหนด แต่เป็นตัวเราเองด้วย ที่กำหนดชะตาของกรรม’
เด็กสาวร่างอวบในชุดสีฟ้าสดใส กางเกงยีนสีเข้มทอดสายตามองก้อนเมฆสีขาวที่ลอยไปมาอย่างไร้ระเบียบบนท้องฟ้าด้วยอาการเหม่อลอย ในมือถือกระดาษวาดรูปและดินสอ นั่งพิงต้นไม้ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
‘เมฆก้อนนั้นน่าจะเป็นรูปกระต่าย วาดกระต่ายละกัน’
เมื่อวาดจนเสร็จแล้ว เธอก็ลุกขึ้นยืน มองภาพที่ตัวเองวาดด้วยความภูมิใจ
“วันนี้จะต้องเป็นวันที่ดีแน่ๆ” เด็กสาวกล่าวกับตัวเอง ยิ้มน้อยๆ รอบตัวของเธออะไรๆ ก็ดูสดใสไปหมด โดยเฉพาะในเวลาได้ทำในสิ่งที่ตนรัก
จนกระทั่งเด็กสาวกลับมาถึง คุณตาของเธอก็มาอยู่ที่บ้านก่อนแล้ว
“สวัสดีค่ะ” อาการร่าเริงดูซึมลงทันที
“นั่งสิ”
เธอเดินไปนั่งโซฟาข้างๆ ตามคำสั่ง
ชายชรามองไปที่กระดาษวาดรูปในมือของหลานสาวก่อนจะถามขึ้น “อะไรน่ะ”
“หนูไปวาดรูปมาค่ะ” เมื่อเห็นคุณตาถาม แม้ท่าทางจะไม่ได้ดูสนใจก็ตาม แต่เธอก็อยากให้ดูมันคือความภาคภูมิใจ มืออวบน้อยนั้นกำลังจะเปิด แต่เสียงแหบๆ นั่นห้ามไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องเปิดๆ ฉันไม่สนใจ”
เด็กสาวจึงหยุดทันที
“เอาเวลาเรียนไปวาดรูปไร้สาระนี่เองน่ะหรือ แล้วแบบนี้ผลการเรียนล่ะ เป็นยังไง ไม่น่าดีใช่ไหม”
เด็กสาวนั่งเกร็งเมื่อเจอคำถามกดดันแบบนั้น
“ไม่ได้ไร้สาระนะคะ คุณตา”
“ให้ตายสิ ไม่ได้ความเหมือนพ่อเลย แบบนี้ต่อไปจะทำอะไรกิน คิดเลขเป็นเปล่า ค้าขายได้ไหม”
“พ่อคะ” เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะ “พ่อคงไม่ได้กดดันฟ้าเขาอยู่ใช่ไหม”
ร่างของบุตรสาวหรือแม่ของคนตรงหน้าปรากฏขึ้นพร้อมจานใส่ขนมและเครื่องดื่ม
“กดดันอะไร ฉันแค่เป็นห่วง กลัวหลานสาวคนนี้จะไม่มีอนาคตแค่นั้น ดูสิ ปล่อยตัวให้อ้วน แล้วยังจะไม่เก่งอีก ต่อไปจะเอาตัวรอดได้อย่างไร คนเก่งบางคนถึงเขาหน้าตาจะไม่ดี แต่ก็มีความเก่งช่วย แต่หลานฉันไม่มีอะไรสักอย่างเลย”
“พ่อ ทำไมพูดแบบนั้นคะ” ผู้เป็นแม่มองไปที่บุตรีที่นั่งนิ่ง แต่สักพักเธอก็ยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณตาก็มีเหตุผล เดี๋ยวหนูไปเก็บของก่อนนะคะ” ว่าจบ เธอก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นข้างบน ทันทีที่เข้าห้องมาได้ เธอก็วางข้าวของบนโต๊ะเขียนหนังสือ รอยยิ้มจางไป น้ำตาไหลออกมาเมื่อนึกถึงคำพูดของคุณตา
เธอแค่อยากจะให้คุณตามองว่าเธอก็มีความสามารถเหมือนกันแค่นั้นเอง ทำไมต้องพูดจาร้ายๆ มองโลกแคบๆแบบนั้นด้วยนะ
เด็กสาวมองไปที่รูปวาดที่วางไว้ พยายามเรียกกำลังใจตัวเองกลับมา เมื่อเปิดดูรูปวาดที่เธอวาดทุกรูป ความเศร้าก็ค่อยๆ ได้รับการบรรเทาอย่างช้าๆ
แล้วยังไงล่ะ ถ้าเธอต้องการจะทำอะไรซักอย่างให้ดี ก็ไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับคำพูดหรือความคิดใคร ชีวิตของเรา เราต้องเป็นผู้กำหนดเองสิ ไม่งั้นสวรรค์จะประทานอวัยวะและสมองมาให้เราทำไมถ้าท่านไม่คิดให้เราทำอะไรด้วยตัวเอง
เมื่อคิดให้กำลังใจตนเองเช่นนั้น เธอจึงยิ้มออกมาได้ในที่สุด เธอไม่ใช่คนที่จะยอมให้ความเศร้ามาเกาะกุมจิตใจนานๆ
“สู้ๆนะ ฟ้า” คนโลกแคบและมองโลกในแง่ร้ายแบบนี้คงมีไม่กี่คนหรอกบนโลกใบนี้
แต่ในบางครั้งโลกอาจแคบกว่าที่เราคิด
“ตั้งใจแล้วจะหล่นไปอยู่ห้องนั้นน่ะหรือ” เด็กหนุ่มคนหนึ่งว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงตำหนิเมื่อนึกถึงห้องที่เธออยู่ซึ่งเป็นห้องบ๊วยที่สุดของสายวิทย์ เป็นที่รวมกลุ่มของเด็กเกเรทั้งหลาย
“ก็ตอนนี้กำลังจะตั้งใจแล้วไงเล่า นายนี่พูดไม่รู้เรื่องหรือไง”
“ไม่ใช่ไม่รู้เรื่อง แต่ฉันคิดว่าการที่ฉันมาสอนเธอมันเสียเวลา สู้ไปสอนคนอื่นที่ตั้งใจดีกว่า”
“เดี๋ยวนะ นี่นายรู้จักฉันดีแค่ไหนถึงกล้ามาพูดอะไรแบบนี้” เด็กสาวกล่าวอย่างโมโห
“ฉันไม่อยากสอนคนไม่ตั้งใจเรียนเพราะเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เหมือนกับที่ต้องเสียเวลามาเถียงกับเธอในตอนนี้ เปล่าประโยชน์” พูดจบเขาก็เดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน นายน่ะ” เด็กสาวตะโกน ยังไม่อยากทิ้งความหวัง “นายยังไม่เคยลองสอนฉันเลย นายจะรู้ได้ไงว่าฉันไม่ตั้งใจจริงๆ อีกอย่าง ฉันก็ไม่อยากติด 0 ด้วย ฉันจะตั้งใจแล้วจริงๆ ช่วยหน่อยเถอะนะ”
เด็กหนุ่มตรงหน้าหันมามอง รำคาญเต็มทน
“ฉันต้องลงไปกินข้าว อย่าทำฉันเสียเวลาไปมากกว่านี้”
“นิสัยแย่มาก แย่ที่สุด” เธออุตส่าห์ลืมอายเพื่อมาขอความช่วยเหลือจากเขา แล้วดูคำพูดเขาสิ ช่างดูถูกคนอื่นมากเหลือเกิน
เธอเกลียดคนประเภทนี้และไม่อยากเจอเป็นอันดับต้นๆ แต่ในเมื่อทุกอย่างมันไร้ทางออก เหลือเพียงเขาซึ่งเป็นความหวังเดียว เธอก็คงต้องทำ
“นี่นาย...”
--------------------------------------------------------
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 615
แสดงความคิดเห็น