บทที่ 208: คู่ของหลงหลิงเอ๋อ
ทันทีที่จอบอันเล็กถูกเหยียบ มันก็เด้งขึ้นมากระแทกด้านหลังศีรษะของหลงเหยาดังผลั่ก
“โอ๊ย!”
เจ้าตัวเล็กร้องด้วยความเจ็บปวด พร้อมกับที่เขาโยนผลไม้ดินออกจากมือ แล้วยกมือขึ้นกุมด้านหลังศีรษะของตัวเอง
ในเวลาเดียวกัน ผลไม้ดินที่ลอยไปในอากาศกำลังจะตกลงใส่หัวของหลงหลิงเอ๋อซึ่งนางยังคงจดจ่อกับการขุดผลไม้ดินอยู่ไม่ไกล
“หลิงเอ๋อ ระวัง!”
หลงอวี้เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นผลไม้ดินที่กำลังลอยมา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีก่อนที่เขาจะรีบเตือนน้องสาว แต่มันก็สายไปเสียแล้ว
ในตอนนั้นเอง เด็กหนุ่มคนหนึ่งรีบพุ่งเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าหลงหลิงเอ๋อโดยใช้หลังบังผลไม้ดินที่ตกลงมา
ปึก!
ผลไม้ดินที่ทั้งแข็งและหนักกระแทกหลังของหยินชาง ทำให้ใบหน้าของเขาซีดลง
สาวน้อยเองก็เห็นฉากที่ผลไม้ดินลูกใหญ่ตกใส่เด็กหนุ่มที่เข้ามาช่วยปกป้องตน ดวงหน้าน่ารักจึงแสดงความกังวลใจออกมา
“หยินชาง เจ้าเป็นไรไหม!?” เด็กสาวรีบเข้าไปพยุงคนตัวโตกว่า
หยินชางส่ายหัวก่อนจะค่อย ๆ ยืดหลังให้ตรง
ก่อนหน้านี้เขาเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่านี้มาก และเขาก็ไม่ใช่คนที่อ่อนแอขนาดนั้น
ในขณะเดียวกัน เด็กตระกูลหลงที่เหลือไปยืนรวมตัวกันอยู่รอบตัวหลงเซียว จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่หยินชางด้วยสายตาแปลก ๆ ราวกับว่าสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
ส่วนหลงอวี้รู้สึกเป็นกังวลจึงเข้าไปช่วยตรวจสอบอาการบาดเจ็บของอีกฝ่าย “โชคดีที่เป็นแค่ผลไม้ดิน หยินชาง ขอบใจเจ้าที่ช่วยรับแทนหลิงเอ๋อ”
“ผลไม้ดินนี้หนักมาก หากโดนหัวหลิงเอ๋อ นางคงจะหัวแตก”
ยามนี้หลงจงทำหน้ามุ่ยพลางเหลือบมองเจ้าน้องชายตัวแสบที่กำลังแอบย่องไปทางหูเจียวเจียว
จู่ ๆ หลังของหลงเหยาก็รู้สึกเย็นวาบ เขาจึงชะงักเท้ายืนตัวแข็งทื่อ ก่อนจะหันกลับไปมองทางด้านหลังช้า ๆ
แล้วเจ้าเด็กน้อยก็ยิ้มขอโทษ
“เสี่ยวเหยาผิดเอง! ท่านพี่ พี่สี่ เสี่ยวเหยาขอโทษ เสี่ยวเหยาไม่ได้ตั้งใจ…”
หัวของเสี่ยวเหยาก็เจ็บเหมือนกัน แต่เสี่ยวเหยาไม่กล้าพูด ฮือ ๆๆ…
หยินชางโบกมือแสดงว่าเขาไม่ได้ติดใจเอาความอีกคน
เดิมทีหลงอวี้กับหลงจงรู้สึกรังเกียจเจ้าเด็กใหม่ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ จะเห็นได้ว่าสายตาของพวกเขาดูอ่อนลง
“ไม่เป็นไรเสี่ยวเหยา คราวหน้าเจ้าต้องระวังด้วย หลังจากนี้เจ้าไม่ต้องขุดผลไม้ดินแล้ว เจ้าไปช่วยท่านแม่เก็บมันใส่ตะกร้าดีกว่า” คนเป็นพี่ใหญ่พูดปลอบน้องชายคนเล็ก
“ตกลง!”
หลงเหยาพยักหน้ารับทันทีและวิ่งไปเก็บผลไม้ดินที่แม่จิ้งจอกขุดกองเอาไว้
ยามที่เด็ก ๆ มาช่วยงานอยู่ที่นี่ในช่วงแรกก็ไม่มีใครหันมาสนใจพวกเขากันสักเท่าไหร่
แต่พอถึงตอนที่ทุกคนเห็นหลงเหยาเดินโซเซถือผลไม้ดินเก็บใส่ตะกร้า มันก็ดึงดูดความสนใจของเหล่าภูตให้หันมามอง
“เจียวเจียว ลูกเจ้าฉลาดจริง ๆ แถมยังมาช่วยทำงานด้วย”
“หลงเหยาของเจ้าขยันตั้งแต่อายุยังน้อย น่าอิจฉาจริงเชียว!”
“ไอ้เด็กเหลือขอของข้าก็เหมือนกับวัว ถ้าไม่ถูกเฆี่ยนก็จะเอาแต่กินนอน มันต้องถูกเฆี่ยนตีถึงจะยอมขยับตัวทำงาน พวกข้าไม่รู้จะทำยังไงกันแล้ว…”
ผู้หญิงที่เก็บผลไม้ดินอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างอิจฉา
พ่อแม่คนไหนไม่ชอบลูกที่น่ารักและรู้ความแบบนี้บ้าง!
หูเจียวเจียวได้ยินเช่นนั้นก็แย้มยิ้ม แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร เธอก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงที่ภาคภูมิใจของหูหมิน
“ถูกต้อง! เจ้าดูสิว่าใครคลอดเด็กพวกนี้ออกมา ลูกของเจียวเจียวของข้าได้ข้อดีของเจียวเจียวมาทั้งนั้น นางเองก็เป็นคนรู้ความและเชื่อฟังตั้งแต่เด็ก แถมยังทำงานหนักอีก”
แม่จิ้งจอกวัยกลางคนที่เมื่อครู่กำลังก้มลงไปขุดผลไม้ดินบัดนี้ลุกขึ้นยืนเท้าสะเอว แล้วยืดอกพูดโอ้อวดลูกสาวของตัวเอง
ขณะที่หูเจียวเจียวยืนฟัง เธอบังเอิญเห็นหลงเหยาแอบคุ้ยหามันฝรั่งผลเล็ก ๆ จากตะกร้า ก่อนจะมองไปรอบ ๆ แล้วแอบยัดใส่อกเสื้อตัวเอง…
“...”
หญิงสาวมั่นใจว่านิสัยนี้ไม่ได้สืบทอดมาจากเธอแน่ ๆ!
“เจียวเจียว ข้าไม่นึกเลยว่าลูกบุญธรรมของเจ้าพอถูกขัดเนื้อขัดตัวแล้วจะหน้าตาดีมาก!”
ตอนนี้โหวเซียงเป็นคนพูดในขณะที่บนไหล่นางมีลูกลิง 2 ตัวนอนอยู่ พวกเขาเกาะติดแม่ลิงตลอดเวลา นั่นทำให้ผู้เป็นแม่ต้องทำงานไปด้วยแบกลูกไปด้วย บางครั้งนางต้องยืดตัวขึ้นทุบเอวแก้ปวดเป็นครั้งคราว
ถ้าจิ้งจอกสาวต้องทำงานไปพร้อมกับแบกลูกทั้ง 2 ตลอดเวลา เธอคงเหนื่อยหอบหรือเป็นอัมพาตไปแล้ว
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โหวเซียงทำตามวิธีการที่หูเจียวเจียวสอน น้ำหนักของนางจึงลดลงเยอะมาก และปัจจุบันนางถือได้ว่าเป็นคนอวบอ้วนเหมือนเดิม ทว่านางดูแตกต่างจากรูปร่างที่เคยอ้วนใหญ่อย่างสิ้นเชิง
ด้วยเหตุนี้ ลิงสาวจึงมอบหนังสัตว์ผืนหนาหลายผืนให้กับแม่จิ้งจอกเป็นการตอบแทน
เมื่อภูตหญิงคนอื่นได้ยินคำพูดของโหวเซียง พวกนางก็หันมาให้ความสนใจหยินชาง
แล้วทุกคนก็แสดงท่าทางประหลาดใจ
“หูเจียวเจียว นี่คือเด็กที่เจ้ารับมาเลี้ยงหรือ?”
“ดูไม่ออกเลยว่าเขาเป็นเด็กเนื้อตัวสกปรกซูบผอมในวันนั้น ตอนแรกข้านึกว่าเขาเป็นภูตเร่ร่อนเสียอีก…”
“เด็กคนนี้หน้าตาดีจริง ๆ ข้าเห็นว่าเขาแข็งแรงมากด้วยนะ ในอนาคตเขาจะต้องพัฒนาตัวเองไปได้ไกลกว่านี้อย่างแน่นอน!”
เหล่าผู้หญิงในเผ่าเริ่มรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย
ตอนแรกพวกนางคิดว่าเขาเป็นแค่เจ้าลูกหมาอ่อนแอตัวหนึ่ง แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าทันทีที่หูเจียวเจียวรับเขาไปเลี้ยงดู เขาจะดูดีมากขนาดนี้ มิหนำซ้ำเขายังมาช่วยนางทำงานอีกด้วย
เด็กหนุ่มคนนี้เชื่อฟังยิ่งกว่าลูกของพวกนางเสียอีก!
“หยินชางเป็นเด็กดี”
จิ้งจอกสาวตอบด้วยรอยยิ้ม
ห่างออกไปไม่ไกล หยินชางอดเม้มปากไม่ได้เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่หญิงสาวที่รับตนมาเลี้ยงพูด
นี่เป็นครั้งแรกที่มีภูตพูดถึงเขาดีแบบนี้…
เมื่อก่อนพวกภูตในเผ่ามักจะตีหรือไม่ก็ดุด่าว่าเขาเป็นภาระของพี่ชาย ถ้าหยินกู่ไม่ต้องคอยดูแลเขา อีกฝ่ายคงหาคู่ได้ไปนานแล้ว
ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มได้ยินคำพูดของคนอื่นพูดถึงตนเองโดยไม่มีเจตนาร้าย
แถมผู้หญิงคนนั้นยังยกย่องเขาต่อหน้าคนนอกอีกด้วย
มันทำให้หยินชางเพ้อฝันไปชั่วขณะว่าเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งของเผ่านี้เช่นกัน
“ข้าเห็นว่าหลงหลิงเอ๋อดูเหมือนจะสนิทกับเขามาก แล้วทั้ง 2 คนก็อายุไม่ต่างกันมากนัก หูเจียวเจียว เจ้าไม่คิดจะยกเขาให้เป็นคู่ของหลงหลิงเอ๋อบ้างหรือ?”
ในเวลานี้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งถามจิ้งจอกสาวขึ้นมาด้วยหน้าตาเจ้าเล่ห์
ทางด้านหยินชางที่ไม่ทันได้ตั้งตัว หูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ พร้อมกับที่จอบเล็ก ๆ ในมือของตนบังเอิญเหวี่ยงพลาดไปผ่าครึ่งผลไม้ดิน
“ท่านพี่ ท่านทำผลไม้ดินเละแล้ว!”
หลงเหยาที่คอยมองดูผลไม้ดินรีบวิ่งไปหยิบผลไม้ดินที่ถูกผ่าเป็น 2 ซีก โดยที่เขาไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเด็กตัวโตกว่าเลย จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เสี่ยวเหยาจะช่วยท่านพี่เก็บผลไม้ดินที่ไม่ดีไปเอง”
ในเวลาเดียวกัน หยินชางยืนกระวนกระวายไม่กล้าขยับตัวทำอะไร แต่มันกลับกลายเป็นว่าเขาตอบตกลงไปโดยปริยาย
ส่วนพวกหลงอวี้ตวัดสายตามองหน้าหยินชาง จากนั้นกำแพงที่เคยลดลงแล้วกลับถูกก่อตัวสูงยิ่งขึ้นไปอีก
เจ้าหมอนี่คงไม่ได้ชอบพอหลิงเอ๋ออยู่ใช่ไหม?
ทันทีที่ชาวบ้านคนนั้นพูดจบ นางก็โดนผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตีแขน “จุ๊ ๆ! เจ้ามันปากพล่อย อย่าพูดไร้สาระ…”
“ทำไมถึงพูดไม่ได้? พวกเขาเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจะตาย” ภูตหญิงคนเดิมทำหน้าสงสัย
เผ่าผสมแห่งนี้ไม่มีข้อกำหนดเรื่องสายเลือด การมองหาคู่ครองของคนในเผ่าจึงขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งเท่านั้น
“หุบปาก! เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเด็กคนนั้นเป็นใบ้ เขาพูดไม่ได้... หูเจียวเจียวจะยกหลงหลิงเอ๋อให้เขาดูแลได้ยังไง…”
ช่างน่าเศร้าที่ภูตพิการในโลกนี้เป็นเรื่องที่น่าละอายมาก
เมื่อภูตหญิงปากเปราะได้ยินเช่นนี้ก็นึกขึ้นได้และรีบปิดปากตัวเอง
คำพูดของพวกนางส่งผลให้ความสุขที่เพิ่งเพิ่มขึ้นในใจของหยินชางถูกดับลงทันทีซึ่งมันไม่ต่างจากน้ำเย็นจัดที่สาดเข้าใส่หน้าเขา
ประหนึ่งว่าเด็กหนุ่มถูกโยนเข้าไปในถ้ำน้ำแข็งใต้ดินที่มืดมิดแล้วปิดทางออกไว้ทั้งหมด มันขังเขาให้อยู่ในสภาพแวดล้อมอันเย็นยะเยือกแห่งนี้ตลอดไป
ประโยคสุดท้ายที่ภูตหญิงคนนั้นพูดว่า ‘หูเจียวเจียวจะยกหลงหลิงเอ๋อให้เขาดูแลได้ยังไง’ ยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขา ราวกับมันเตือนให้เขารู้ว่าตนจะไม่มีวันได้รับการยอมรับจากภูตอย่างแท้จริง
หยินชางหลุบตาลงต่ำพร้อมกำหมัดแน่น
ทว่าพอเขาปลงตกก็คลายมือออกแบบคนอ่อนแรง
ใช่
ข้ามันเป็นแค่คนพิการ...
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: สงสารหยินชางมาก เด็กบ้านเจียวเจียวมีปมทุกคน T_T
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 241
แสดงความคิดเห็น