บทที่ 200: พี่ชาย! ท่านเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเสี่ยวเหยา!
ตอนนี้หลงเหยากำลังโกรธมากที่ถูกพี่ ๆ ห้ามไม่ให้กินอาหารเพิ่ม พอเขาเห็นมือที่ยื่นมาตรงหน้ามีไข่ใบหนึ่ง ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น พร้อมกับที่ความขุ่นเคืองพลันหายไป เขาพยุงตัวเองลุกขึ้นจากพื้นและเอื้อมมือไปคว้าไข่ใบโต
จากนั้นเด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองหยินชาง
“เจ้าให้สิ่งนี้กับข้าหรือ?” คนตัวเล็กกะพริบตาถามปริบ ๆ นัยน์ตาสีแดงทับทิมเต็มไปด้วยความคาดหวังปนตื่นเต้น
เด็กที่ตัวโตกว่าพยักหน้าตอบ
อาหารตอนเช้าวันนี้คือข้าวต้มกับไข่ เขาไม่อยากกินไข่ก็เลยซ่อนมันเอาไว้
“พี่ชาย! ท่านเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเสี่ยวเหยา!” หลงเหยากระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข ก่อนที่เขาจะหยิบไข่ไปเคาะกับผนัง 2-3 ครั้งเพื่อปอกไข่กิน
เนื่องจากพี่ใหญ่คนนี้มาอาศัยอยู่ในบ้านของตนและเป็นสมาชิกในครอบครัวของเขาเอง ไม่ใช่คนนอก อาหารที่อีกฝ่ายมอบให้จึงสามารถกินได้!
เมื่อหยินชางมองไปที่รอยยิ้มอันไร้เดียงสาของเจ้าตัวเล็ก สีหน้าตึงเครียดของเขาก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
ยามนี้มืออวบอ้วนของหลงเหยาเคลื่อนไหวได้ว่องไวมาก เขาปอกไข่ไม่กี่อึดใจก็เสร็จ แล้วยัดเข้าไปในปากทั้งหมดด้วยการกัดแค่ 2 ครั้ง ไม่นานเขาก็เคี้ยวไข่แก้มตุ่ย
ไข่ในมือของเด็กน้อยหายไปในพริบตา ถัดมา เขาหันไปมองหยินชางด้วยดวงตาสดใสที่ฉายประกายคาดหวัง
“ท่านมีอีกไหม...”
เด็กหนุ่มถอยหลังไป 2 ก้าว โดยจิตใต้สำนึกอยากที่จะยกมือไปแตะกระเป๋า แต่เขาพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ขยับ พลางส่ายหัวให้อีกฝ่ายเพื่อบอกว่าไม่มีแล้ว
คำตอบที่ได้รับทำให้แสงในดวงตาของหลงเหยาหรี่ลงด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ชัดเจน
ในไม่ช้า เจ้าตัวเล็กก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อีกครั้ง จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปกอดขาของคนตัวโต พร้อมกับยิ้มให้อีกคนอย่างประจบประแจง “ท่านพี่ ท่านพาเสี่ยวเหยาไปเก็บผลไม้ได้ไหม? เสี่ยวเหยาอยากกินผลไม้...”
เขาจำได้ว่ามีต้นผลไม้หลายต้นอยู่ในเผ่า เพื่อรักษาผลไม้ของเผ่าไว้จนถึงฤดูหนาว ผู้คนเลยมักจะเก็บผลไม้ของเผ่าเป็นลำดับสุดท้าย
ที่ผ่านมาหลงเหยาคิดอยากจะไปเด็ดมันกินมานานแล้ว โดยปกติจะมีพี่ 4 คนที่คอยคุมไม่ให้ตนมีโอกาสไปขโมยอาหาร แต่ตอนนี้หยินชางเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในบ้านและเขาไม่รู้กฎของเผ่า ดังนั้นเจ้าตัวแสบจึงลากอีกฝ่ายไปแหกกฎด้วยกัน
ทางด้านเด็กหนุ่มยังไม่รู้ความคิดของคนตัวเล็ก เนื่องจากเขาไม่เคยถูกกอดหรือถูกอ้อนแบบนี้มาก่อน เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธคำขอได้ ดังนั้นเขาเลยพยักหน้าตกลงเหมือนคนโดนสะกดจิต
จนกระทั่งเขาถูกหลงเหยาลากไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีผลไม้ห้อยอยู่ เขาจึงคิดถึงสิ่งที่ตนสัญญาไว้ก่อนหน้านี้
แต่พอหยินชางเงยมองดูต้นผลไม้ตรงหน้าที่สูงกว่าบ้านหินของหูเจียวเจียว เขาก็เกิดความรู้สึกเสียใจที่รับปากเจ้าเด็กน้อยไป
“ท่านพี่ปีนขึ้นไปเก็บมันมาได้ไหม? เสี่ยวเหยาอยากกินผลไม้บนนั้น” หลงเหยาคว้ากระโปรงหนังสัตว์ของคนตัวโตกว่าแล้วเขย่ามือไปมาพลางถามด้วยรอยยิ้มกว้าง
“...”
ฝ่ายที่ถูกร้องขอเงียบไปครู่หนึ่ง แต่เขายังคงผงกหัวตอบรับ
ขณะที่เด็กหนุ่มสบตาเด็กน้อยคนนี้ เขาก็นึกถึงช่วงเวลาที่เขาอยู่กับพี่ชายของตน
ยิ่งไปกว่านั้น หูเจียวเจียวยังใจดีกับเขามาก เขาจะกล้าปฏิเสธลูกชายของนางกับอีแค่ช่วยเก็บผลไม้ได้อย่างไร?
ไม่นานหยินชางก็เริ่มปีนต้นไม้ขึ้นไปภายใต้สายตาคาดหวังของหลงเหยา
แม้ว่าร่างของเด็กหนุ่มจะผอมบาง แต่การเคลื่อนไหวของเขาแข็งแรงมีพลังกว่าที่เห็นภายนอก ในพริบตาเขาก็สามารถปีนขึ้นไปได้ครึ่งทางแล้ว อันที่จริงการปีนต้นไม้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
ระหว่างที่หยินชางปีนต้นไม้ขึ้นไปเรื่อย ๆ เด็กหลายคนก็ร้องอุทานอยู่ไม่ไกล
“ใครเก็บผลไม้ตรงนั้นน่ะ!?”
“ลงมาเร็วเข้า เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เก็บผลไม้ของเผ่า!”
ทันใดนั้นเด็กกลุ่มหนึ่งก็วิ่งออกมาจากหลังโพรงหญ้า แล้วพากันตะโกนเสียงดัง
“แย่แล้ว มีคนพบเรา...”
หลงเหยาตกตะลึงที่ตนถูกคนอื่นพบเห็น เขากุมศีรษะพร้อมกับมีความคิดอยากจะวิ่งหนี แต่เขาจำได้ว่าหยินชางยังอยู่บนต้นไม้ พอวิ่งไปได้ 2 ก้าว เขาก็ถอยกลับมาตะโกนใส่คนที่อยู่ข้างบน
“ท่านพี่ หนีเร็ว!”
เมื่อเด็ก ๆ เห็นว่าหลงเหยาอยู่ที่นี่ พวกเขาก็นึกหวาดกลัวแม่จิ้งจอกดั่งฝันร้ายที่ฝังลึกอยู่ในใจ ทันใดนั้นทุกคนก็เงียบเสียงลง โดยคิดว่าคนที่อยู่บนต้นไม้ก็คือลูกของหูเจียวเจียวเช่นกัน
แต่พอพวกเขาเงยหน้าขึ้นกลับเห็นเด็กแปลกหน้าคนหนึ่ง
“นั่นใครน่ะ?” เด็กในกลุ่มถามขึ้นมา
“ข้าได้ยินมาว่าเขาเพิ่งมาอยู่ที่เผ่า พี่ชายของเขาตายไปแล้ว ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ที่บ้านของพวกหลงเหยา...” เด็กที่อยู่ถัดจากคนถามอธิบาย
“เขาก็คือเด็กต่างถิ่นที่ว่าน่ะหรือ...” เด็กหลายคนมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะอย่างมีเลศนัย แล้วจู่ ๆ ทุกคนก็เดินผ่านคนตัวเล็กไปล้อมต้นไม้ไว้
ถ้าคนบนนั้นเป็นลูกของหูเจียวเจียว เด็กกลุ่มนี้คงไม่กล้าเข้าไปหาเรื่อง แต่กับคนนอกพวกเขาไม่เกรงกลัว!
“นี่! เจ้าหนู เจ้ารู้ไหมว่านี่คือผลไม้ของเผ่าเรา ผลไม้นี้เจ้ากินไม่ได้ และเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้มาที่นี่อีก ได้ยินที่ข้าพูดไหม?”
“ผลไม้พวกนี้เรายังไม่เคยได้กินเลย แล้วเจ้าเป็นใครถึงบังอาจมาแอบเก็บผลไม้ของเผ่าเรา?”
ทันทีที่หยินชางลงมาจากต้นไม้ เขาก็ถูกเด็ก 4-5 คนเข้ามาขวางเอาไว้
ในกลุ่มนั้นมีเด็กหลายคนที่อายุไล่เลี่ยกับเขา โดยที่ทุกคนตัวอ้วนท้วนสมบูรณ์ อีกทั้งแต่ละคนดูแข็งแรงกว่าเด็กหนุ่ม ซึ่งเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายสามารถทุบเขาให้แหลกได้ด้วยกำปั้นเดียว
เมื่อเหล่าเด็กเกเรเห็นว่าหยินชางนิ่งเงียบไม่โต้เถียงอะไร เด็กคนหนึ่งจึงพูดอย่างไม่พอใจ
“นี่! เรากำลังคุยกับเจ้าอยู่นะ! เจ้าเป็นใบ้หรือไง?”
เด็กอันธพาลที่อยู่ใกล้ ๆ ดึงแขนคนถามก่อนจะโน้มศีรษะเข้าไปใกล้เพื่ออธิบายให้อีกคนฟัง “ดูเหมือนว่ามันจะเป็นใบ้จริง ๆ มันพูดไม่ได้...”
พอสมาชิกคนอื่นได้ยินเช่นนี้ พวกเขาต่างก็มองหยินชางตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็ชี้หน้าเขาพร้อมส่งเสียงเยาะเย้ย
“ที่แท้เจ้าก็เป็นใบ้นี่เอง! ฮ่า ๆๆๆ!”
“เจ้าพูดไม่ได้งั้นรึ เจ้านี่มันไร้ประโยชน์จริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าจะอาศัยอยู่ในบ้านของพวกมันได้ เจ้าก็เหมือนเด็กพวกนั้นนั่นแหละ”
กลุ่มเด็กเกเรพูดเสียดสีพลางมองหยินชางอย่างเย้ยหยัน
ฝ่ายที่ถูกรังแกขมวดคิ้วมุ่น เขาเคยชินกับคำพูดแบบนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้คือประโยคหลัง
เหมือนเด็กพวกนั้น? มันหมายความว่าอย่างไร?
เด็กพวกนั้นที่ว่าหมายถึงลูกของหูเจียวเจียวหรือเปล่า?
“นี่พวกเจ้า! ไอ้พวกคนชั่ว!” ขณะนี้หลงเหยาถูกรั้งไว้ด้านนอกวงล้อม เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เด็กอันธพาลพูด เขาก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ
จากนั้นเจ้าตัวเล็กก็ควงกำปั้นตั้งท่าจะเข้าไปช่วยหยินชาง “ท่านพี่ ไม่ต้องกลัวนะ เสี่ยวเหยามาช่วยท่านแล้ว!”
หลงเหยาใช้ขาสั้น ๆ กระทืบลงบนพื้น ก่อนจะแยกเขี้ยวแสดงท่าทางน่ากลัวเหมือนมังกรตัวน้อยที่ ‘ดุร้าย’
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าหลังจากที่เขาวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็สะดุดเท้าตัวเองล้มลงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ทางด้านเด็กเกเรที่ได้ยินเสียงเอะอะจึงหันกลับมามอง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่พวกเขาได้เห็นคนตัวเล็กวิ่งพุ่งเข้ามา
เด็กกลุ่มนี้ไม่กล้าทำร้ายหลงเหยา พวกเขาจึงทำเพียงยื่นมือออกไปจับอีกฝ่ายไว้ แต่จังหวะนั้นเด็กน้อยส่งกรงเล็บไปที่เป้ากางเกงของเด็กคนหนึ่ง ก่อนจะเสียหลักโซเซไป 2-3 ก้าวและเหยียบเท้าของเด็กอีกคนอย่างแรง
“อุ่ก!”
“โอ๊ย!”
มีเสียงร้องดังขึ้น 2 ครั้ง
เด็กที่ถูกโจมตีแบบกะทันหันล้มลงกุมเป้าตัวเอง ส่วนเด็กอีกคนยกเท้ามาจับไว้แล้วกระโดดเหยง ๆ ด้วยสีหน้าเจ็บปวดเช่นเดียวกัน
ยามนี้หลงเหยาหันมองทั้ง 2 คนสลับไปมาอย่างงุนงง ก่อนจะมองหน้าเด็กคนอื่น ๆ
ไม่นาน เหล่าเด็กเกเรก็โดนเจ้าตัวเล็กจัดการทีละคนจนไปนอนกองอยู่บนพื้น
ในเวลาเดียวกัน หยินชางตกตะลึงกับภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้น
หลงเหยาทรงพลังมากเลยหรือ!?
เขาคาดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กตัวอ้วนที่ดูอ่อนแอคนนี้จะลุกขึ้นมาปกป้องตนในตอนที่ถูกศัตรูรุมล้อม
นั่นทำให้หยินชางรู้สึกซาบซึ้งใจ ครอบครัวนี้เป็นภูตที่มีจิตใจดีจริง ๆ!
ในอนาคตเขาจะต้องตอบแทนพวกเขาเป็นอย่างดี!
“หือ ทำไมเสี่ยวเหยาไม่เจ็บเลย?” หลงเหยาถูก้นตัวเองพร้อมกับทำหน้าประหลาดใจ
ทั้งที่พื้นเต็มไปด้วยหินก้อนเล็ก ๆ ถ้าเขาล้มลงไปคงจะเจ็บตัวแน่นอน
“โอ๊ย! เจ็บ...” เด็กอันธพาลที่เป็นฐานรองรับเขาอยู่ด้านล่างร้องโอดครวญพลางยกมือขึ้น “รีบ ๆ ลุกไป…”
หลงเหยาที่รู้ตัวทีหลังเกาหัวด้วยความลำบากใจ ก่อนที่เขาจะพยุงตัวเองลุกขึ้น และมองไปทางหยินชางอย่างนึกเป็นห่วง
พอเด็กน้อยเห็นว่าคนตัวโตกว่าสบายดี ในที่สุดเขาก็ผ่อนคลายลง
โชคดีที่หยินชางไม่เป็นไร ถ้าเขาถูกเด็กคนอื่นทำร้าย ท่านแม่จะต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแน่นอน และความจริงที่ว่าเขาพาอีกคนมาเก็บผลไม้ก็จะถูกเปิดเผย
“หึ!” จากนั้นมือเจ้าเนื้อก็ตบหน้าอกตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: เกือบทำให้พี่ชายเจ็บตัวแล้วไง น่าจับมาตีก้นจริง ๆ เจ้าเด็กคนนี้!
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 260
แสดงความคิดเห็น