บทที่ 185: ช่วยหูหมินสร้างบ้านหิน
ขณะที่หลงโม่กำลังจัดเก็บเนื้อสับคั่วพริกแบบไม่เผ็ดลงไหหิน หูเจียวเจียวก็เริ่มตั้งกระทะอีกใบเพื่อทำเนื้อสับคั่วพริกเพิ่ม
จากนั้นทั้งคู่ก็ทำแบบเดิมวนซ้ำ 3 ครั้งโดยที่คนหนึ่งมีหน้าที่ประกอบอาหาร ส่วนอีกคนมีหน้าที่เก็บอาหาร
การทำเนื้อสับคั่วพริกกระทะใหญ่ 3 ใบสามารถเก็บใส่ไหได้ 30 ใบ แม้ว่าครึ่งหนึ่งจิ้งจอกสาวตั้งใจจะเอาไปให้พ่อแม่ของตน แต่ที่เหลือก็น่าจะเพียงพอสำหรับฤดูหนาวนี้
แล้วยังมีบางส่วนเหลืออยู่ในกระทะ แม่จิ้งจอกจึงตักใส่ชามเตรียมไว้ให้ลูก ๆ ได้ลองชิมในมื้อเย็น
พอเธอหันกลับไปทางเข้าห้องครัว เธอก็เห็นหางคล้ายเชือกสีดำซ่อนตัวอยู่นอกประตูห้อง โดยที่มันกำลังแกว่งไปมาเป็นระยะ ๆ เผยให้เห็นสามเหลี่ยมขนาดเล็กที่ปลายหาง
“...”
หญิงสาวก็คิดอยู่ว่าวันนี้มีบางอย่างขาดหายไป
ที่แท้เป็นเพราะว่าหลงเหยาไม่ได้พุ่งเข้ามาหาตนอย่างหิวโหย เขาเอาแต่ซ่อนตัวอยู่หลังประตูนี่เอง
อาจเป็นเพราะในวันนี้พ่อมังกรอยู่ที่นี่ เจ้าเด็กน้อยจอมตะกละจึงไม่กล้าเข้ามาขอชิมอาหารอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
ถัดมา หูเจียวเจียวใช้จานเล็ก ๆ ตักเนื้อสับคั่วมาไม่กี่ช้อน แล้วนำไปให้ลูกชายคนเล็กที่ประตู ทันทีที่เธอออกมา เธอเห็นเด็กน้อยซ่อนตัวอยู่นอกประตูกำลังนั่งหลับตาพึมพำไม่หยุด
“เสี่ยวเหยาไม่หิว เสี่ยวเหยาไม่หิว... ไม่อยากกินเลย...”
พอพูดไปพูดมาก็กลายเป็นว่า “แต่ก็อยากกิน…”
ขณะที่หลงเหยาพูด น้ำลายตรงมุมปากก็ไหลไปด้วย ซึ่งคำพูดพวกนั้นเป็นเหมือนการสะกดจิตตัวเองเสียมากกว่า
แม่จิ้งจอกที่เห็นเช่นนั้นจึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เหยาเอ๋อ เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
เจ้าตัวเล็กผุดลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาหันไปทางต้นเสียง เขาเห็นว่าเป็นหูเจียวเจียวที่ถือเนื้อสับคั่วพริแบบไม่เผ็ดหอม ๆ อยู่ในมือ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น และการสะกดจิตตัวเองเมื่อกี้นี้ก็เลือนหายไปในอากาศ
“งือ ฟืดดด… ขอดมหน่อย~” ถึงแม้ว่าปากของเด็กน้อยจะบอกว่าไม่หิว แต่ร่างกายกลับโน้มไปข้างหน้าในขณะที่เขาพยายามเขย่งเท้าขึ้นเพื่อขยับเข้าไปใกล้มือของผู้เป็นแม่ให้มากที่สุด
“เอานี่ไปชิมดูสิ ส่วนที่เหลือยังกินไม่ได้จนกว่าจะถึงเวลาอาหารนะ” จิ้งจอกสาวส่งจานใบเล็กให้ลูกชายคนสุดท้องด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ขอบคุณท่านแม่!”
หลงเหยารับจานใบเล็กมาแล้ววิ่งหนีไปไวปานสายฟ้าแลบ เหตุผลที่เขาทำแบบนี้เป็นเพราะหลงโม่อยู่ที่นี่ เขาจึงเลือกที่จะไปที่อื่นโดยอยากจะใช้เวลาในการลิ้มรสอาหารเพียงลำพัง
ภูตยึดถือในเรื่องอาณาเขตคล้ายกับสัตว์บางประเภท เมื่อมีภูตที่แข็งแกร่งกว่าอยู่ในพื้นที่นั้น ๆ ภูตคนอื่นจะนำอาหารไปกินให้ห่างจากอีกฝ่ายที่ทรงพลังกว่า
เหตุการณ์ดังกล่าวบ่งบอกได้ว่าสัญชาตญาณของสัตว์และภูตยังคงเชื่อมโยงกัน
สมาชิกในครอบครัวทั้ง 7 คนสามารถรับประทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกันได้ ทั้งหมดเป็นเพราะมีหูเจียวเจียวเป็นตัวเชื่อมตรงกลาง
มื้อค่ำของวันนี้ ลูกทั้ง 5 เอ่ยปากชมเนื้อสับคั่วพริกแบบไม่เผ็ดฝีมือของผู้เป็นแม่ไม่ขาดปาก
ทางด้านหลงโม่ยังคงรักษาท่าทางเย็นชาและเฉยเมยเช่นเคย ในขณะที่เขาตักข้าวเข้าปากช้า ๆ
ความจริงแล้ว มังกรหนุ่มยังไม่ชำนาญในการใช้ตะเกียบ ดังนั้นตอนนี้ใบหน้าของเขาจึงเกร็งไปหมด
เมื่อถึงเวลากลางคืน ทั้งคู่ก็นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน
หูเจียวเจียวพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ เธอพยายามจะเปลี่ยนท่านอนเพื่อหาท่าทางสบายที่สุด แต่เพื่อไม่ให้รบกวนหลงโม่ เธอจึงพยายามเคลื่อนไหวให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
มันเป็นตามที่ทุกคนคาด แม้แต่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของหญิงสาวก็ยังดังมากสำหรับหลงโม่
ดวงตาลึกล้ำของมังกรหนุ่มหรี่ลง ก่อนที่เขาจะตัดสินใจใช้แขนที่ยาวกว่าอีกฝ่ายดึงร่างเล็กให้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“เจ้านอนไม่หลับหรือ?” ชายหนุ่มถามเสียงกระซิบ
“ปะ-เปล่า… นอนกันเถอะ”
บัดนี้หูเจียวเจียวรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่มาจากด้านหลัง ทำให้เธอไม่กล้าที่จะขยับตัว
แขนของหลงโม่เต็มไปด้วยพละกำลัง มันเป็นเหมือนโซ่เหล็กกักขังเธอไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนไปไหน
การนอนกับผู้ชายคนนี้ตอนที่เธอสร่างเมานั้นแตกต่างจากยามที่เธอเมาอย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าเธอจะได้กลิ่นฮอร์โมนเพศชายบนร่างกายของเขาชัดเจนมาก
ไม่กี่อึดใจถัดมา จิ้งจอกสาวหลับตาแสร้งทำเป็นหลับ ปัจจุบันเธอยังคงเจ็บอยู่ เธอเลยกลัวว่ามังกรหนุ่มจะทำอะไรตนเองอีกครั้ง
หูเจียวเจียวไม่รู้ว่าการสะกดจิตตัวเองจะได้ผลหรือไม่ หากแต่การนอนในอ้อมแขนของหลงโม่กลับให้ความรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เธอจึงผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ชายหนุ่มกลับเป็นฝ่ายที่ไม่ค่อยพอใจมากนัก
ตอนนี้มีเสียงลมหายใจสม่ำเสมอดังมาจากหน้าอกของเขา พร้อมกับสัมผัสที่แผ่วเบาทำให้หัวใจเจ้ากรรมเต้นแรงขึ้น แต่เขาก็ทำได้เพียงระงับร่างกายที่ถูกกระตุ้นให้ตื่นตัวเอาไว้ อีกทั้งเขาไม่อยากปล่อยผู้หญิงคนนี้ออกจากอ้อมแขน กว่าที่เขาจะหลับได้ก็ใช้เวลาอยู่เกือบครึ่งค่อนคืน
…
เช้าวันถัดมา
เมื่อหูเจียวเจียวตื่นขึ้น เธอก็ไม่พบคนที่นอนเคียงข้างกันเมื่อคืน
ข้างเตียงยังคงมีความอบอุ่นหลงเหลืออยู่ ซึ่งบ่งบอกว่าหลงโม่เพิ่งลุกจากเตียงไปได้ไม่นาน
“ทำไมฉันถึงหลับลึกขนาดนี้ ฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหลงโม่ตื่นแล้ว” หญิงสาวตบแก้มเพื่อปลุกตัวเอง และพึมพำเบา ๆ
ทันทีที่เธอลงไปข้างล่าง เธอก็พบว่ามังกรหนุ่มยังไม่ได้ออกไปล่าสัตว์ ตอนนี้เขากำลังทำความสะอาดสวนอยู่ที่สวนหลังบ้าน
“วันนี้ข้าจะไปบ้านพ่อแม่ของข้า พ่อกับพี่ชายกำลังจะสร้างบ้านหินเหมือนกัน แล้วข้าจะเอาเนื้อสับคั่วพริกไปให้พวกเขาด้วย”
หูเจียวเจียวบอกคู่ครองเกี่ยวกับสิ่งที่ตนจะทำในวันนี้
ปัจจุบันเหลือเวลาอีก 1 เดือน ภูตในเผ่าเริ่มสร้างบ้านหินให้คู่ของตัวเองตั้งแต่เมื่อวานนี้ และเธอต้องไปช่วยครอบครัวตระกูลหูสร้างบ้านหินตั้งแต่เนิ่น ๆ
หูเฉียงกับหูหมินวางแผนที่จะสร้างบ้านหินที่อาศัยได้ประมาณ 2 คนเท่านั้น ทางด้านพี่ชายทั้ง 4 คนจะไปอาศัยอยู่ในถ้ำกับผู้ชายที่ยังไม่มีคู่ครองตลอดฤดูหนาว แล้วพวกเขาก็ตั้งใจว่าจะสร้างบ้านหินของตัวเองในปีหน้าหลังจากที่ทุกอย่างลงตัวแล้ว
เมื่อบ้านหินมีขนาดเล็กลง ระยะเวลาในการก่อสร้างจึงสั้นลงกว่าของหูเจียวเจียวมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น
“อืม ข้าจะไปกับเจ้า” หลงโม่พยักหน้ารับ
“วันนี้เจ้าไม่ไปล่าสัตว์หรือ?” หูเจียวเจียวได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ
“ข้าจะไปส่งเจ้าที่นั่นก่อน แล้วค่อยไปล่าสัตว์” ชายหนุ่มได้วางแผนการเดินทางไว้ในใจแล้ว
เขาเหลือบมองไหหิน 12 ใบที่เต็มไปด้วยเนื้อสับคั่วพริกที่จิ้งจอกสาวหยิบออกมาเตรียมไว้เมื่อวานนี้ “มีของที่จะต้องขนไปตั้งเยอะแยะ เจ้าคนเดียวคงจะขนไปไม่หมด ข้าจะไปส่งเจ้าก่อนแล้วกัน”
นางเป็นผู้หญิง นางจะแบกของหนักขนาดนี้คนเดียวได้อย่างไร
หูเจียวเจียวเปิดปากจะปฏิเสธเขา แต่เดิมเธอต้องการจะบอกว่าเธอทำเกวียนขนาดเล็กจากไม้เอาไว้แล้ว ของสิ่งนั้นสามารถใช้เป็นเครื่องทุ่นแรงในการขนของหนัก ๆ ได้สบายเลย
แต่คำพูดกลับติดอยู่ตรงริมฝีปาก จนในที่สุดเธอก็กลืนมันลงท้องไปและพยักหน้าเห็นด้วย
“ได้”
หลังจากที่พ่อแม่ลูกรับประทานอาหารเช้าเสร็จ หลงโม่ก็บิดหวายเป็นเชือกเพื่อมัดไหหินเข้าด้วยกัน แล้วถือของทั้งหมดออกไปพร้อมกับหูเจียวเจียว
เมื่อทั้งคู่มาถึงบ้านของพวกหูหมิน พ่อแม่ของจิ้งจอกสาวก็เพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จเช่นกัน
“เจียวเจียว เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” เมื่อหญิงวัยกลางคนเห็นลูกสาวเดินใกล้เข้ามา นางก็ออกไปทักทายผู้มาเยือนด้วยความประหลาดใจ
ทันทีที่หูเจียวเจียวเห็นผู้เป็นแม่ เธอก็รู้สึกใจดีแล้วเร่งฝีเท้าเดินเข้าหานางอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ข้าจะมาช่วยท่านสร้างบ้านหิน ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการสร้างบ้านหินของตัวเอง บ้านหินของท่านแม่ต้องรีบสร้างให้เสร็จก่อนฤดูหนาว”
“ทำไมแม่จะต้องรบกวนให้เจ้ามาช่วยสร้างบ้านหินด้วยล่ะ?” หูหมินเลิกคิ้วอย่างสับสน “แค่มีพ่อกับพวกพี่ชายของเจ้าก็เพียงพอแล้ว ตอนนี้พวกเขาไปตามโหวเสี่ยวเตียวมาสอนแล้วด้วย”
นางทนไม่ได้ที่จะให้ลูกสาวสุดที่รักทำงานหนักขนาดนี้
จิ้งจอกสาวที่ได้ยินเช่นนั้นเผยรอยยิ้ม แทนที่จะโต้เถียงกับอีกฝ่าย เธอมองไปทางมังกรหนุ่มที่อยู่ข้างหลังแทน
หลงโม่เข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อผ่านสายตา และนำไหหินมาวางข้างหน้า
“ท่านแม่ นี่เป็นอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ข้าทำไว้ ท่านเก็บเอาไว้กินในหน้าหนาวนะ แล้วก็แบ่งให้พวกพี่ ๆ ด้วย”
“ตายจริง ทำไมเจ้ายังเอาอาหารมาให้อีก?” หูหมินขมวดคิ้วมุ่น นางไม่พอใจกับพฤติกรรมของหูเจียวเจียว
น้ำเสียงที่นางเปล่งออกมาอาจจะฟังคล้ายเป็นเชิงตำหนิ แต่บนใบหน้าของนางกลับไม่มีความโกรธ และมีเพียงรอยยิ้มที่มีเสน่ห์เท่านั้น
ทางด้านหญิงสาวไม่พูดอะไร เธอก้มตัวลงไปเปิดฝาไหออกมา ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบเนื้อวัวขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วยื่นไปใกล้ปากของแม่ “ท่านแม่ ลองชิมดูก่อนสิ”
แม่จิ้งจอกวัยกลางคนไม่กล้าปฏิเสธจึงอ้าปากรับอาหารที่คนตรงหน้าป้อนให้
ทันทีที่หูเจียวเจียวเปิดฝาไห นางได้กลิ่นหอมของเครื่องเทศ พอได้ลิ้มรสอาหาร เนื้อสับที่นุ่มและสดใหม่ดึงดูดต่อมรับรสของนางทันที
“อร่อยจัง เจ้าทำได้ยังไง?”
ดวงตาของหูหมินเป็นประกาย และนางก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“วิธีทำง่ายมาก แต่ส่วนผสมหายาก ข้าจะปลูกส่วนผสมในปีหน้า แล้วค่อยสอนท่านแม่ทำอีกที” จิ้งจอกสาวอธิบาย
เพราะถึงแม้ว่าตอนนี้จะรู้วิธีทำไปแต่ก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี
“อืม” หูหมินพยักหน้าพร้อมยิ้มกว้าง
นอกจากเจ้าสิ่งนี้ลูกสาวสุดที่รักของนางจะเป็นคนทำแล้ว แต่มันยังเป็นของที่หายากอีกด้วย คนในเผ่าคงไม่มีใครได้กินมันอย่างแน่นอน!
หญิงวัยกลางคนรู้สึกปลาบปลื้มในใจจนนางไม่ปฏิเสธลูกสาวอีกต่อไป
หลังจากพูดคุยกันพอหอมปากหอมคอ หูเฉียงก็ไปเรียกลูกชายทั้ง 4 ให้มาช่วยสร้างบ้านหิน
แต่เมื่อถึงเวลาจริง ๆ มีลูกชายมาที่นี่เพียงแค่ 3 คนเท่านั้น
“พี่สี่ไปไหน?” หูเจียวเจียวถามอย่างสงสัย หูชิงหยวนคงไม่ได้ขยันออกไปล่าสัตว์เร็วขนาดนี้หรอกใช่ไหม?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 189
แสดงความคิดเห็น