บทที่ 152: ในที่สุดก็พบพวกหูชิงซาน
หูเจียวเจียวเช็ดน้ำลายของคนตัวเล็กที่ยังคงหลับใหลไม่ตื่น ก่อนจะลุกขึ้นไปที่ลานบ้านเพื่อตัดเย็บเสื้อผ้าให้อีกฝ่าย
เธอจินตนาการถึงภาพที่แขนขาป้อมสั้นเวลาสวมใส่กางเกง ซึ่งมันคงยากลำบากสำหรับหลงเหยา ดังนั้นเธอจึงตัดเย็บกระโปรงหนังสัตว์ขึ้นมา 2 ตัว
ถ้าเด็กชายตัวน้อยได้สวมผ้ากันเปื้อนคงจะดูน่ารักมาก แม่จิ้งจอกเลยตัดสินใจทำผ้ากันเปื้อนเพิ่มอีก 2 ผืน ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้เย็บง่ายมาก แล้วทุกอย่างก็เสร็จสรรพภายในเวลา 1 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังมีลายมังกรดำปักอยู่ที่มุมเสื้อด้านซ้ายบน
เนื่องจากอากาศในโลกของภูตจะเย็นลงมากยามฤดูหนาวมาถึง แต่อุณหภูมิในฤดูใบไม้ร่วงไม่ได้ต่ำมากนัก ถ้าได้สวมผ้ากันเปื้อนผืนเล็กมันคงจะช่วยบรรเทาความหนาวลงได้บ้าง
หลังจากที่หูเจียวเจียวตัดเย็บเสื้อผ้าและเอาเข้าไปเก็บไว้ในบ้าน เธอก็เห็นว่าครั้งนี้หลงเหยากำลังพลิกตัวนอนคว่ำหน้าอยู่
ขณะที่หางรูปสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ยกขึ้นส่ายไปมาเบา ๆ
นั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าร่างกายกับหางของภูตเหมือนไม่ใช่ส่วนเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวยังคงหลับอยู่ แต่หางกลับส่ายไปส่ายมาเสียอย่างนั้น
ทันทีที่คนตัวเล็กได้ยินเสียงบางอย่างเคลื่อนไหว ในที่สุดเขาก็ตื่นขึ้น ต่อมา เขายกบั้นท้ายด้วยความยากลำบาก ก่อนจะพลิกตัวตะแคงไปด้านข้าง แล้วตาข้างหนึ่งก็หรี่มองผู้เป็นแม่อย่างงัวเงีย
“ท่านแม่~”
เสียงแหลมเล็กบ่งบอกได้เลยว่าเจ้าของเสียงกำลังง่วงนอน
แถมยังมีคราบน้ำลายแห้งติดบนใบหน้าสีชมพูเนียนใสอีกด้วย
“เหยาเอ๋อตื่นแล้วหรือ? มาเร็ว เดี๋ยวแม่จะเปลี่ยนชุดใหม่ให้เจ้า”
หูเจียวเจียวแทบละลายกับความน่ารักของหลงเหยา เธอก้าวไปบีบแก้มอ้วน ๆ ของเด็กน้อย และช่วยเขาสวมกระโปรงหนังสัตว์
เนื่องจากคนตัวเล็กยังไม่ยอมลุกขึ้นจากที่นอนเพราะง่วงนอนมาก ดังนั้นแม่จิ้งจอกจึงยังไม่ได้สวมผ้ากันเปื้อนให้อีกคน ดังนั้นเขาจะไม่เปลี่ยนผ้ากันเปื้อนในตอนนี้
ระหว่างนั้นเด็กหนุ่มยกมือขึ้นลูบมือของคนเป็นแม่เบา ๆ ก่อนจะพลิกตัวแล้วหลับต่อไปบนเบาะนุ่ม
อาจเป็นเพราะเมื่อวานเขาเหนื่อยเกินไป หูเจียวเจียวจึงไม่รบกวนเขา เมื่อเธอจัดการสวมชุดกระโปรงหนังสัตว์ให้ลูกชายเสร็จแล้ว เธอก็ออกไปทำอาหารเช้า
อาหารมื้อนี้หญิงสาวตั้งใจทำโจ๊กมันเทศหม้อใหญ่ แต่ถ้าไม่มีเนื้อเด็ก ๆ จะรู้สึกไม่ชอบใจ จิ้งจอกสาวจึงหั่นเนื้อใส่ลงไปครึ่งหม้อ แล้วต้มจนมันเทศเละกลายเป็นโจ๊กข้น เพียงเท่านี้อาหารเช้าก็พร้อมทานแล้ว
ขณะที่หูเจียวเจียวกำลังปรุงโจ๊ก เธอหยิบไข่ 1 ถาด นมหลายขวด และน้ำตาล 1 ถุงออกจากมิติ
เธอยังจำได้ว่าเมื่อวานนี้ตนสัญญากับหลงเหยาว่าจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้เขา
ครั้งนี้จิ้งจอกสาวกำลังจะทำซวงผีหน่าย* แต่เนื่องจากหลงโม่ไม่อยู่บ้าน อีกทั้งเด็ก ๆ ไม่เคยสงสัยเรื่องที่เธอทำเลยสักครั้ง ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องพยายามอธิบายว่าของพวกนี้ได้มาจากไหน
*ซวงผีหน่าย (双皮奶) เป็นขนมที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย มีต้นกำเนิดในมณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีน ลักษณะขนมเหมือนพุดดิ้งนม
ต่อมา เธอจัดการแยกไข่ขาวออกมาใส่น้ำตาล จากนั้นเธอนึ่งนมเป็นเวลา 10 นาที หลังจากที่นมเย็นลง เธอก็ใส่ไข่ขาวลงไปแล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน ก่อนจะนำไปนึ่งต่ออีก 15 นาที พอนำออกมาพักให้มันหายร้อนแล้ว เธอก็เติมแยม ลูกเกดกับมะม่วงไว้ด้านบน
เพียงแค่นี้ซวงผีหน่ายก็พร้อมเสิร์ฟ
ด้วยความเป็นห่วงว่าเด็ก ๆ อาจกินไม่อิ่ม หูเจียวเจียวจึงหยิบห่อเนื้อวัวอีก 2 ห่อออกมาจากมิติ ก่อนจะแกะมันออกแล้วนำไปย่างแบ่งให้เด็กทั้ง 5 คน
แม้ว่าอาหารพวกนี้จะถูกเตรียมไว้สำหรับหลงเหยา แต่ลูกทุกคนจะต้องได้กินเหมือนกันโดยไม่มีการให้เด็กคนใดคนหนึ่งได้มากกว่าคนอื่น
“โชคดีที่มีเสบียงพวกนี้ ไม่อย่างนั้น ท่ามกลางโลกภูตที่กันดาร ฉันคงได้กินดินแทนข้าวจริง ๆ” หูเจียวเจียวพูดกับตัวเองพลางโยนเนื้อในมือเล่นด้วยความพึงพอใจ
แต่ถ้าเธอต้องการให้เผ่าพัฒนาก้าวหน้าไปอีกขั้น เธอจะพึ่งพาวัตถุดิบในมิติอย่างเดียวไม่ได้
ทันทีที่หญิงสาวทำอาหารเสร็จ เด็ก 4 คนก็ขยี้ตาเดินออกมาจากบ้านไม้
“ท่านแม่~”
ก่อนที่เธอจะทันได้ทักทายเด็กพวกนั้น เธอก็เห็นเด็กน้อยตัวจ้ำม่ำวิ่งออกจากกระท่อมอีกหลังและพุ่งเข้าหาตนด้วยความเร็วปานจรวด
“หอมจัง! อาหารอร่อย ๆ ของเสี่ยวเหยาอยู่ที่ไหน~”
คนตัวเล็กกอดขาของแม่จิ้งจอกพลางยืดคอเพื่อดูชามในมือของผู้เป็นแม่
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นท่าทางตื่นเต้นของหลงเหยา เธอก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเด็กคนอื่น ๆ เติบโตสมวัยแล้ว ทว่าทำไมเจ้าตัวน้อยคนนี้จึงคิดถึงแต่อาหาร
ในเวลาเดียวกัน เด็กตระกูลหลงทั้ง 4 ยืนหน้าแดงด้วยความอับอายอยู่พักหนึ่ง
เนื่องจากเจ้าน้องเล็กคนนี้กระปรี้กระเปร่ากว่าใครเพราะเขาคิดถึงแต่เรื่องของกิน
ที่โต๊ะอาหาร หูเจียวเจียวแจกจ่ายซวงผีหน่ายและเนื้อให้กับลูกทั้ง 5 คน ปรากฏว่าเด็ก ๆ ชอบกินของหวานที่เธอทำให้มาก
หูเจียวเจียวเองก็ลองชิมขนมหวานเช่นกัน สัมผัสของมันนุ่มละมุน แถมยังมีกลิ่นหอมของนมจาง ๆ ในปาก แล้วรสชาติก็เหมือนกับตอนที่เธอทำกินเองที่บ้าน
หลังจากที่แม่ลูกทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย โหวเสี่ยวเตียวกับกลุ่มภูตที่สร้างบ้านหินกลุ่มเดิมก็มาทำงานต่อ
ทางด้านจิ้งจอกสาวลูบหัวเล็ก ๆ ของหลงเหยาพลางมองดูผมที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงของเขา ก่อนจะจับอีกฝ่ายมาผูกผมเป็นเปียเล็ก ๆ แล้วพูดกับเขาว่า
“แม่จะออกไปทำงานก่อน พวกเจ้าก็เที่ยวเล่นอยู่ใกล้ ๆ บ้านนะ อย่าเถลไถลไปไหนไกลล่ะ”
แม้ว่าปัจจุบันภูตในเผ่าจะปฏิบัติกับหญิงสาวดีมากขึ้น แต่กับเด็กคนอื่นในเผ่าและเด็กตระกูลหลงทั้ง 5 ยังเข้ากันได้ไม่ดีนัก
เหล่าลูกน้อยพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง
“ท่านแม่ เสี่ยวเหยาเป็นเด็กดีเชื่อฟังท่าน” ลูกชายคนเล็กทำหน้าว่านอนสอนง่าย พร้อมกับหางสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างหลังเขากำลังขยับเบา ๆ
เมื่อหูเจียวเจียวลูบหัวลูกทีละคน เธอก็เดินไปที่บ้านหิน
พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็จัดการสร้างส่วนฐานรากเสร็จ
เดิมทีภูตทุกคนเก่งในการสร้างบ้านอยู่แล้ว ยกเว้นโครงสร้างของบ้านหินและการใช้วัสดุต่าง ๆ ที่แปลกใหม่ จิ้งจอกสาวจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับกระบวนการสร้างบ้านเลย
หลังจากที่หูเจียวเจียวสอนวิธีใช้วัสดุให้กลุ่มคนงานไประยะหนึ่ง เธอก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซงอะไรอีก
พอหญิงสาวเห็นว่าไม่มีอะไรต้องทำแล้ว เธอจึงตัดสินใจไปหาหัวหน้าเผ่าทันที
ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ท่านผู้เฒ่าให้คนไปเก็บไม้มามากมาย และเธอก็ได้ศึกษาวิธีการทำถ่านมาอย่างละเอียดแล้ว ระหว่างที่กำลังสร้างบ้านหิน เธอจึงคิดว่าจะหาเวลาไปทำถ่านพร้อมกันด้วย
ทางด้านผู้นำสูงสุดของเผ่าเมื่อเห็นหูเจียวเจียวกำลังเดินมา ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของเขาก็แสดงรอยยิ้มอบอุ่น
“เจียวเจียว เจ้ามาแล้วหรือ?”
ชายสูงวัยเอ่ยถามพร้อมกับถูมือเข้าด้วยกันอย่างประหม่า
“วันนี้... จะไม่มีข่าวร้ายอีกใช่ไหม?” เป็นเพราะเขาทั้งกลัวและชื่นชมจิ้งจอกสาวในเวลาเดียวกัน
“วันนี้ไม่มีข่าวร้าย” หูเจียวเจียวอดหัวเราะออกมาไม่ได้ แล้วอธิบายว่า “ท่านผู้เฒ่าเคยบอกว่าอยากจะลองเผาถ่านดูสักครั้งไม่ใช่หรือ วันนี้เป็นโอกาสที่ดี ท่านจะลองทำดูเลยไหม?”
เมื่อหัวหน้าเผ่าได้ยินเช่นนี้ ความกังวลบนใบหน้าของเขาก็จางหายไป ก่อนจะแทนที่ด้วยแววตาแห่งความสุข
“เจ้ามาหาข้าเพราะเรื่องนี้สินะ ข้าพร้อมตั้งนานแล้ว แค่รอให้เจ้ามาสอนเท่านั้น”
อารมณ์ของชายชราผู้นี้เปลี่ยนเร็วเหมือนกับการนั่งรถไฟเหาะ
ครั้งนี้คนเป็นหัวหน้าเผ่าพาภูตจำนวนหนึ่งมาคอยช่วยงานหูเจียวเจียวด้วย
เมื่อเทียบกับการสร้างบ้านหินหรือการล่าสัตว์แล้ว การเผาถ่านไม่ถือว่าเป็นงานที่ต้องใช้แรงกายเยอะ ผู้อาวุโสของเผ่าจึงเรียกภูต 4 คนที่พอจะทำงานพวกนี้ได้มาช่วย รูปร่างของภูตแต่ละคนจึงผอมเพรียว
1 ในนั้นคือ ‘หูชิงเกา’ พี่ชายคนที่ 2 ของหูเจียวเจียว
“พี่รอง?” หญิงสาวไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมาที่นี่ และตอนที่เธอกำลังอ้าปากค้าง ก็มีของบางอย่างถูกยัดใส่มือตน
พอเธอก้มลงไปมองของในมือก็พบว่ามันคือผลไม้สีแดงสด 2 ลูกที่มีลักษณะคล้ายกับแอปเปิล
!?
ขณะนั้นชายหนุ่มรูปหล่อตรงหน้ายิ้มกว้างและพูดอย่างตรงไปตรงมาเหมือนกำลังมอบสมบัติให้เธอ “พี่เพิ่งเก็บมันมาเมื่อวานนี้ น้องเล็ก เจ้าลองชิมดูสิ”
ปฏิกิริยาของจิ้งจอกสาวตอนนี้เหมือนเด็กที่โดนผู้ใหญ่แอบยัดขนมใส่มือให้
ไม่เพียงแค่นั้น หูชิงเกายังแอบเอามือปิดผลไม้ประหนึ่งว่าตนกลัวคนอื่นมาเห็นเข้าและฉกมันไป
“ขอบคุณ พี่รอง” หูเจียวเจียวรู้สึกอบอุ่นปนขบขันกับท่าทางของเขา ขณะที่เธอถือผลไม้ไว้ในฝ่ามืออย่างหวงแหน
ทางด้านภูตอีก 3 คนที่อยู่ถัดจากชายหนุ่มทำหน้าตาอิจฉาที่จิ้งจอกสาวมีพี่ชายที่ดีขนาดนี้!
ไม่น่าเชื่อว่าหูชิงเกาผู้งดงามดั่งเป็นลูกรักของเทพอสูรกลับชาติมาเกิดเป็นพี่ชายของหูเจียวเจียว
เมื่อจิ้งจอกหนุ่มสัมผัสได้ถึงสายตาของภูตทั้ง 3 คน เขาก็ขยับไปขวางตรงหน้าน้องสาวสุดที่รักพร้อมทำท่าเหมือนกับปกป้องสมบัติ โดยบดบังสายตาของพวกเขาเอาไว้
แม้ว่าหลงโม่คนนั้นจะไร้ประโยชน์ แต่เมื่อใดก็ตามที่เกิดเรื่องอันตรายกับท่านพ่อและพี่น้องของตน เขาก็ยินดีที่จะออกไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่
เขาเองก็จะต้องช่วยหลงโม่ปกป้องหูเจียวเจียวในตอนที่อีกฝ่ายไม่อยู่!
…
อีกด้านหนึ่ง
เป้าเฟิงวิ่งจนขาแทบขวิด และในที่สุดเขาก็พบพวกหูชิงซาน
“รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า หัวหน้าเผ่าบอกว่าพวกเจ้าไม่ควรใช้ทางลัด เพราะจะมี—”
ก่อนที่ชีตาห์หนุ่มจะพูดจบ ภูตทั้ง 9 ก็หันไปมองคนพูดด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
9 คน!?
เป้าเฟิงตกตะลึง พอเขาเห็นหลงโม่อยู่ในนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
“หลงโม่?! เจ้ามาที่นี่ได้ไง?”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 198
แสดงความคิดเห็น