บทที่ 77: นางหิวมากหรือไง?
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น หลงโม่ก้าวเข้ามาในกระท่อมไม้แล้วย่อตัวลงสัมผัสพื้น
ทำไมพื้นนิ่มขนาดนี้?
สัมผัสที่เขารู้สึกไม่เหมือนกับพื้นที่ถูกปูด้วยหญ้าแห้งหรือหนังสัตว์ หูเจียวเจียวใส่อะไรไว้ใต้พื้นกันแน่?
ครู่ถัดมา เขาก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวและเดินเข้าไปอย่างระแวดระวัง หลังจากยืนยันว่าบนพื้นเป็นเพียงขนนุ่ม ๆ ที่ไม่มีอันตรายอะไร เขาก็ผ่อนคลายลงก่อนจะเอนตัวนอนบนพื้นที่ปูด้วยหนังสัตว์
กระท่อมไม้หลังนี้อบอุ่นสบาย ซึ่งไม่หนาวอับชื้นเหมือนกับการอาศัยอยู่ในถ้ำ อีกทั้งในนี้ยังมีแสงจันทร์นวลอ่อนส่องผ่านประตูเข้ามา
ยามนี้มังกรหนุ่มนอนราบกับพื้นนุ่ม ดวงตาสีทองของเขาเปล่งประกายในความมืดขณะจับจ้องไปที่หลังคาพลางใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง
หูเจียวเจียวต้องการทำอะไรกันแน่?
เป็นไปได้ไหมว่านางต้องการรอให้เขาปรับตัวเข้ากับชีวิตในเผ่าจนตายใจ แล้วฉุดเขาลงมาจากก้อนเมฆที่นุ่มสบายโดยการขับไล่เขาออกจากเผ่าเหมือนครั้งที่แล้ว?
นัยน์ตาสีทองของหลงโม่มืดลงและเขาคิดว่า
หูเจียวเจียว ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าได้มีโอกาสทำอย่างนั้นแน่!
ไม่นานเขาก็หลับตาลงเตรียมนอนพักผ่อน
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ดังมาจากนอกประตู
ชายหนุ่มที่กำลังนอนอยู่ลืมตาขึ้นทันที แล้วเขาก็สังเกตความเคลื่อนไหวนอกประตูอย่างเงียบเชียบ
หูเจียวเจียว? นางมาทำอะไรที่นี่?
นางไม่ได้ไปนอนกับลูก ๆ หรอกหรือ?
เสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีคนเข้ามาในห้อง ตอนนั้นหลงโม่กำลังจะลุกขึ้น ทว่าเขารู้สึกเจ็บตึงที่แผลจึงชะงักไปครู่หนึ่ง และก่อนที่เขาจะทันได้ขยับตัวอีกครั้ง เขาก็เห็นเงาดำกดทับลงมาบนตัวเขาแล้ว
หลังจากนั้นเสียงตกใจปนหวาดกลัวของหูเจียวเจียวก็ดังขึ้น
ในเวลาเดียวกัน มังกรหนุ่มเอามือข้างหนึ่งกุมหน้าอกแล้วใช้มืออีกข้างยันพื้นไว้ จากนั้นเสียงพูดลอดไรฟันเย็นยะเยือกราวกับเพิ่งออกมาจากห้องเก็บน้ำแข็งใต้ดินก็ดังขึ้น
“ซี๊ด... หูเจียวเจียว! เจ้ากำลังทำอะไร!?”
เขาไม่ได้เจอนางมาหลายปีแล้ว นางหิวมากหรือไง?
“หลง...หลงโม่ ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
ทันทีที่จิ้งจอกสาวได้ยินเสียงของชายหนุ่ม เธอก็ผงะไปชั่วขณะก่อนจะลุกออกไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างเพื่อคลำหาตำแหน่งของอีกคน
“เจ้าเป็นอะไรไหม เมื่อกี้ข้าทับแผลเจ้าหรือเปล่า? ขอข้าดูหน่อย...”
พอเธอคิดว่าเมื่อกี้นี้น้ำเสียงของหลงโม่ฟังดูเจ็บปวดมาก เธอจึงตำหนิตัวเองในใจ
มังกรหนุ่มยังคงเป็นคนอ่อนแอที่แผลหายยาก มันอาจจะยิ่งแย่เข้าไปอีกถ้าเธอเผลอไปทำเขาแผลปริ
ตอนนี้หลงโม่ที่กำลังทนกับความเจ็บปวดจู่ ๆ ก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสเย็น ๆ ที่คอของตัวเอง และมือที่นุ่มนวลก็ลูบคลำตัวเขาไปมาสะเปะสะปะ ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“หยุดนะ อย่าขยับ!” เสียงเข้มพูดเหมือนคนที่กำลังพยายามระงับความโกรธ
หูเจียวเจียวที่ถูกตะคอกชะงักไปโดยที่ไม่กล้าขยับตัวอีก ต่อมา เธอรีบดึงมือของตัวเองออกแล้วไปยืนกุมมือเหมือนลูกศิษย์ที่กำลังถูกอาจารย์ดุ
“ถ้าเจ้าไม่สบายใจ เราจะออกไปดูแผลข้างนอกก็ได้ ถ้าเจ้าตกลง งั้น…”
“ข้าไม่เป็นไร… ข้าไม่เป็นไรแล้ว” เส้นเลือดบนขมับของชายหนุ่มปูดขึ้น พร้อมกับที่เขากัดฟันตอบอีกฝ่าย
ทำไมนางถึงทำท่าทางแบบนั้น?
นางอยากใช้วิธีนี้แกล้งเขางั้นหรือ?
ทางด้านจิ้งจอกสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยเธอก็ได้รู้ว่ามังกรหนุ่มไม่เป็นอะไรมาก เขาคงไม่อยากให้เธอช่วยจริง ๆ
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไปนอนกับลูก ๆ สิ นี่เป็นห้องของข้า”
จากนั้นเธอก็เอ่ยปากขับไล่แขกไม่ได้รับเชิญทันที
“...”
ให้เขาไปนอนกับลูก ๆ?
นี่นางไม่ได้ตั้งใจล่อลวงเขามาที่นี่หรอกหรือ?
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นว่าอีกคนยังไม่ขยับ เธอก็เกาแก้มตัวเองและถามอย่างลังเลว่า “มีอะไรหรือเปล่า? เจ้าเป็นอะไรไป ลุกไม่ได้หรือ?”
“เปล่า” หลงโม่ยืนขึ้นพลางกุมหน้าอกตัวเอง แล้วเดินออกจากกระท่อมหลังเล็กไป
หลังจากที่หญิงสาวเห็นแผ่นหลังกว้างของชายร่างสูงหายไปในแสงจันทร์ เธอก็ทิ้งตัวลงนอนลงบนพรมนุ่ม
“เขาทำให้ฉันกลัวแทบตาย โชคดีที่เจ้าจอมวายร้ายยังไม่เข้าสู่ด้านมืด เขาดูเป็นคนที่คุยง่ายกว่าที่คิดแฮะ ขนาดว่าฉันทับเขา ๆ ยังไม่โกรธเลย เขาแค่มีอารมณ์แปลก ๆ...”
หูเจียวเจียวตบหน้าอกเบา ๆ พร้อมพึมพำกับตัวเองด้วยความกลัวที่ยังไม่หายไปจากใจ
เนื่องจากบ้านไม้หลังเดิมที่ลูกนอนนั้นค่อนข้างใหญ่ อีกทั้งเธอได้จัดเตียงใหม่ขึ้นมาเป็นพิเศษ ดังนั้นมันจึงไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับหลงโม่
เขาไม่ได้เจอเด็ก ๆ มานานแล้ว เขาน่าจะอยากอยู่กับลูกตัวเอง!
อีกด้านหนึ่งของนอกประตู ชายหนุ่มเดินกลับไปที่ห้องของพวกเด็กแสบด้วยใบหน้าที่หม่นหมอง
หลังจากที่เขายืนลังเลอยู่ตรงหน้าประตูสักพัก สุดท้ายเขาก็ถอยกลับไปที่ลานบ้านและใช้เวลาทั้งคืนนอนบนฟางที่กองอยู่บนฟืน
ในบ้านไม้ เมื่อลูกน้อยทั้ง 5 คนเห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวจากพ่อกับแม่เป็นเวลานาน ทุกคนจึงคิดว่าพวกเขากำลังนอนด้วยกันและทั้งคู่ก็นอนหลับไปแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ความจริงว่าพ่อมังกรนอนอยู่ตรงลานบ้านทั้งคืน
…
วันถัดมา
เมื่อหูเจียวเจียวตื่นขึ้น เธอเห็นหลงโม่กำลังสับฟืนอยู่บริเวณลานบ้านภายใต้แสงยามเช้า ด้วยแรงที่ถูกส่งจากแขนอันแข็งแกร่งส่งผลให้ไม้แยกออกเป็น 2 ส่วน และใบหน้าที่หล่อเหลาของชายคนนั้นก็สะดุดตามาก
“หลงโม่ตื่นเช้าจัง เมื่อคืนเจ้าหลับสบายไหม?”
เธอเดินตรงไปที่ลานบ้านพลางยกมือขึ้นทักทายอีกฝ่ายแบบแกน ๆ
หลังจากใช้ชีวิตมานานกว่า 20 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวเห็นผู้ชายคนหนึ่งในตอนที่เธอตื่นขึ้นมา และเขาก็เป็นชายหนุ่มที่น่าดึงดูดมาก เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่น่าอายเมื่อคืนนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกเขินมากขึ้นไปอีก
ทางด้านหลงโม่มองไปที่จิ้งจอกสาวด้วยสายตาเย็นชาเช่นเคย
เขาลงแรงเหวี่ยงไปที่ท่อนฟืนตามความโกรธของตัวเอง ถัดมาเศษไม้ก็กระเด็นผ่านหน้าของหูเจียวเจียวไปแบบเฉียดฉิว
แม่จิ้งจอกหดคอตัวเกร็งแข็งค้างไปทันที เธอยิ้มแหย ๆ และพึมพำกับตัวเองว่า “ดูเหมือนว่าเขาจะนอนหลับไม่สนิท ตื่นเช้ามาเลยอารมณ์บูดขนาดนี้...”
จากนั้นหูเจียวเจียวก็เริ่มไปเตรียมอาหารเช้าโดยไม่ได้คุยกับหลงโม่อีก
วันนี้เธอทำต้มถั่วเขียวใส่เม็ดบัว 1 หม้อใหญ่ มะระผัดและไข่เป็ดต้มใบใหญ่ไว้ให้คนละ 3 ฟอง อาหารทั้งหมดนี้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีสรรพคุณดับร้อนและล้างพิษ
ในเวลานี้เด็กทุกคนมานั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะพลางมองอาหารที่แม่จิ้งจอกเตรียมไว้อย่างพิถีพิถันด้วยสีหน้าแปลก ๆ
“ท่านแม่ ทำไมน้ำแกงวันนี้ถึงเป็นสีเขียว? ข้าไม่เคยเห็นใครกินของที่มีสีเขียวเลย” หลงหลิงเอ๋อเอ่ยถามขึ้นก่อนใคร
“นี่ไม่ใช่น้ำแกง แต่เป็นต้มถั่วเขียวที่แม่ไปเก็บมาจากในป่า นี่เป็นของที่กินแล้วดีต่อสุขภาพของเจ้า รีบกินข้าวกันเถอะ”
หูเจียวเจียวยิ้มอย่างอ่อนโยน และเสิร์ฟต้มถั่วเขียวให้ลูกทีละคน
เมื่อเจ้าตัวเล็กทั้งหลายได้ยินว่ามันดีต่อสุขภาพจึงหยุดพูด
ถัดมา พวกเขาก้มหน้าก้มตากินอาหารที่มีหน้าตาสีเขียวนี้อย่างจริงจัง
ตอนนี้ในใจของเด็กทุกคนคิดอยากจะโตให้เร็วกว่านี้เพราะจะได้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะไม่ถูกคนอื่นมองว่าเป็นสวะไร้ประโยชน์อีก
ต่อไปหากผู้หญิงใจมารคนนี้ถูกใครรังแก พวกเขาก็จะมีแรงมากพอในการช่วยเหลือนาง
หลงจงเป็นคนที่กินหมดเร็วที่สุด เขาสามารถกินข้าวหมดชามภายใน 2-3 คำเท่านั้น
ไม่นานเขาก็ใช้ช้อนตักมะระขึ้นมา 1 ชิ้นแล้วยัดเข้าปาก ทันใดนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
“ถุยๆๆๆ! นี่มันบ้าอะไรเนี่ย ขมชะมัด...”
เด็กหนุ่มพ่นมะระออกมาจากปากจนหมด ในขณะที่เขาย่นหน้าแลบลิ้นอย่างรังเกียจเพราะในปากของเขาเต็มไปด้วยรสเฝื่อนของมะระ
“จงเอ๋อ อย่ากินทิ้งกินขว้าง”
หลังจากที่หลงโม่เห็นการกระทำของลูกชายคนที่ 3 เขาก็ขมวดคิ้วพูดตำหนิอีกฝ่าย
“แต่มันขมมาก...” หลงจงหดคอตอบเสียงอุบอิบ
ใบหน้าของพ่อมังกรเย็นชาและจริงจัง “เจ้าเป็นลูกผู้ชาย ทำไมเจ้าทนความยากลำบากแค่นี้ไม่ได้ นี่เจ้ายังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า?”
“โทษที ข้าผิดเองที่ไม่ได้บอกให้เด็ก ๆ รู้ก่อนว่ามันขม”
เมื่อหูเจียวเจียวสัมผัสได้ว่าบรรยากาศบนโต๊ะกินข้าวเริ่มตึงเครียด ราวกับว่าพวกเขากำลังสนทนาเรื่องสำคัญเกี่ยวกับชีวิตและความตาย เธอจึงรีบพูดไกล่เกลี่ย
จากนั้นเธอก็เดินไปหยิบหม้อที่ใส่มะระผัดมาวางลงตรงหน้าหลงโม่
“มันมีรสขม ข้าจึงเรียกมันว่าแตงขม ถ้าไม่อยากกินก็ไม่ต้องกินก็ได้” หลังจากพูดจบ เธอก็ยิ้มให้มังกรหนุ่ม “ข้าเตรียมสิ่งนี้มาให้เจ้าโดยเฉพาะ มันจะช่วยดับร้อน”
แล้วเธอก็พูดทิ้งท้ายไว้ว่า
“เจ้าเองก็อย่ากินทิ้งกินขวางนะ”
หลงโม่ขมวดคิ้วจนใบหน้าคมคายของเขาเกิดรอยย่นในขณะที่มองหูเจียวเจียวที่มีหน้าตายิ้มแย้ม ก่อนที่เขาจะตอบอย่างเย็นชาว่า “ข้าจะกินทิ้งกินขว้างได้ยังไง มีเพียงผู้หญิงและเด็กเท่านั้นที่ชอบทิ้งขว้างอาหารให้สูญเปล่า”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ลูกงง แม่งง พ่อก็งง สรุปพ่อมังกรต้องไปนอนตรงไหนนะ…
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 272
แสดงความคิดเห็น