บทที่ 9 ยังคงต้องหลงกล
บทที่ 9 ยังคงต้องหลงกล
ยามต้นเพิ่งผ่านพ้นรัตติกาลย่างกรายมาแล้ว ลมภูเขาต้นฤดูใบไม้ผริหนาวสะท้านมิน้อย กระโชกเสื้อผ้าอาภรณ์พลิ้วไสว ดรุณีชุดดำสายตาหาคลาดเคลื่อนจากเซี่ยเคอแม้แต่น้อย กลอกกลิ้งดวงตาขยับเขยื้อนริมฝีปากเอ่ยถามย้อนกลับ
"ท่านเล่าสอดมือยุ่งเกี่ยวหรือมีจุดประสงค์อื่นเคลือบแฝง"
เซี่ยเคองงงันวูบส่ายศีรษะปฏิเสธพลางกล่าว
"ไม่มี...เพียงประสบเหตุโดยบังเอิญเท่านั้น"
"อธิบายให้ชัดเจนกว่านี้บ้าง"
"ไฉนทราบแต่แกล้งถาม พฤติการณ์พวกท่านคล้ายต้องการกวาดต้อนยอดฝีมือเข้าสังกัดให้หมดสิ้น"
ดรุณีชุดดำยืนชดช้อยลดกระบี่สอดคืนฝัก แสร้งถลึงตาใส่ปากกลับหัวร่อคิกคัก
"ชั่งปะติดปะต่อเรื่องราวยอดเยี่ยมนัก ความแค้นสำนักอาจารย์ท่านยังสามารถล่วงรู้อันใด"
"อ้อ!"
ส่งเสียงยืนตะลึงลานทันที นี่นับว่าเป็นปริศนาสำหรับตนแต่แรกบัดนี้ใกล้กระจ่างทีละปมปัญหาแล้ว กระแอมไอกลบเกลื่อนรักษาสีหน้าเป็นปรกติเลียบเคียงถาม
"บุญคุณมีหนี้แค้นมีเป้า ประดาหลวงจีนเส้าหลินคงมิใช่ผูกเวรกับสำนักอาจารย์กูเหนียงทุกรูปกระมัง"
ดรุณีชุดดำทำท่าครุ่นคิดก้มศีรษะ ชั่วครู่จึงเงยหน้าเบือนสายตากราดมองเหล่าสตรีเยาว์วัยรอบข้างตลบหนึ่งกล่าวเสียงอ้อยอิ่ง
"กงจื่อสามารถรับปากเงื่อนไขข้าพเจ้าหรือไม่"
"ลองบอกมาฟังดู"
สอดมือซ้ายเข้ากระเป๋าอกเสื้อพริ้มเปลือกตาลงเล็กน้อย สภาวะเขม็งเกร็งผ่อนคลายลงสามส่วน เขาคล้ายรู้สึกปรารถนาดีต่ออีกฝ่าย ยินดรุณีชุดดำทอดถอนใจกล่าวว่า
"หยิบยืมขลุ่ยแก่ข้าพเจ้าชมดู"
เซี่ยเคอขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย
"เพียงขลุ่ยเลาเดียวมีอันใดวิเศษนักหรือ"
ดรุณีชุดดำแค่นเสียงเฮอะตัดพ้อ
"ท่านผู้นี้จิตใจคับแคบนัก ทำร้ายบ่าวใกล้ชิดพี่สาวข้าพเจ้าเรามิกล่าวถึงพอทำเนา กระทั่งเอ่ยปากขอดูสิ่งของยังมิได้อีก"
เซี่ยเคอคล้ายถูกต่อยใส่ทรวงอกหมัดหนึ่ง หน้าแดงฉานกระดากอายถูมือไม่หยุดยั้ง รีบผงกศีรษะตอบรับว่า
"ตกลง"
ดรุณีชุดดำเพียงแย้มยิ้มหลิ่วตาล้อเลียน โบกมือวูบให้สัญญาณต่อเหล่าสตรีเยาว์วัยพากันกระจายโอบล้อมเฝ้าตรวจตรา ชั่วครู่จึงปรายตาแก่ชายหนุ่มหันกายนำหน้าเร่งรัดว่า
"มาเถอะหากชักช้าเกรงว่าคงเกิดเหตุแปรเปลี่ยน"
แม้นงุนงงสงสัยเต็มอกกระนั้นยังสาวเท้าโลดแล่นติดตามกระชั้นชิด อย่าได้เห็นนางอายุยังน้อยตัวเบากระโดดโลดลิ่วปราดเปรียวยิ่ง ชั่วพริบตารุดถึงอารามส่วนหน้า ชุมนุมด้วยดรุณีอาภรณ์เขียวสิบสองนาง ยืนห้อมล้อมสตรีชุดขาวไว้กึ่งกลาง ด้านหลังนางยังมีผู้คนสองคน คือดรุณีชุดเขียวนามซินอี๋และบ่าวใช้ประจำตัวนามฮุ่ยชิวห้อยมือสำรวมรอรับคำสั่ง โฉมหน้าภายใต้แพรปักลายผีเสื้อ เซี่ยเคอย่อมเคยพบเห็นถนัดชัด อดนึกเปรียบเทียบกับดรุณีชุดดำข้างกาย หนึ่งบริสุทธิ์สูงส่งดื้อรั้นเจ้าอารมณ์บันดาลให้รู้สึกลี้ลับหนาวเย็นอย่างประหลาดราวเคลือบคลุมหิมะน้ำแข็ง หนึ่งผุดผาดไร้เดียงสาเปี่ยมไหวพริบทั้งเปิดเผยซุกซน แฝงเสน่ห์น่าสนิทสนมชิดใกล้
ดูท่าพี่สาวนางคงเชี่ยวชาญชำนาญอาวุธลับและการใช้พิษ น้องสาวกลับฝึกปรือเพลงกระบี่ฝ่ามือ อุปนิสัยผิดแผกแตกต่างสองขั้วโดยแท้ ขณะจะเหลียวหน้าถามไถ่ดรุณีชุดดำรีบใช้นิ้วแตะริมฝีปาก พลางฉุดแขนเสื้อชายหนุ่มเร้นกายซุกซ่อนร่องรอยหลังพุทธรูปใหญ่ข้างเสาหินซ้ายมือ หลังหมอบฟุบเคียงคู่นางพลันยื่นหน้ากระซิบริมโสตอย่างแผ่วเบา
"ท่านคอยดูไปเถอะ"
เซี่ยเคอใจเต้นระทึกลอบหลั่งเหงื่อชุ่มฝ่ามือเล็กน้อย นี่เป็นครั้งที่สองที่ใกล้ชิดสตรี รีบปลุกปลอบสมาธิเพ่งมองลอดช่องว่างอันน้อยนิดออกไป พุทธรูปสูงตระหง่านมิหนำซ้ำจัดตั้งชิดติดข้างเสาขนาดสองคนโอบ หากมิสนใจสังเกตุหรืออ้อมมาด้านหลัง พิรุธคนทั้งสองไหนเลยสามารถถูกพบง่ายดาย
แลเห็นเจ้าอาวาสอวี้เสียงยืนเผชิญหน้าห่างสองวา คิ้วขาวโพลงสั่นระริกกราดตาสำรวจทั่วบริเวณ เอื้อนเอ่ยเสียงแช่มช้าเนิบนาบ
"ประสกหญิงรุกล้ำสถาบันสงฆ์เยี่ยงนี้ เข่นฆ่าหลวงจีนวัดเราบาดเจ็บล้มตาย พวกอาตมาเคยล่วงเกินเพาะความแค้นกับท่านหรือ"
สตรีชุดขาวแค่นหัวร่อตัดบทย้อนถามทันที
"มีเหตุย่อมมีผล หลวงจีนเล่อไห่อยู่ที่ใด เรียกออกมาพบเราด่วน"
"กูเหนียงเป็นใครไฉนรู้จักศิษย์พี่อาตมาด้วย"
วาจาแม้ราบเรียบทว่าประกายตากลับสั่นระริก รอบบริเวณเงียบสงัดวังเวง กระทั่งลมหายใจยังสดับชัดเจน สตรีชุดขาวล้วงวัตถุสิ่งหนึ่งจากอกเสื้อ ยกขึ้นกวัดแกว่งเบื้องบนศีรษะ ภายใต้จันทร์สาดส่องดวงดาวพราวพร่าง วัตถุสะท้อนประกายนวลตาเป็นผีเสื้อหยกทำท่ากางปีกตัวหนึ่ง ส่วนศรีษะแหลมคมยิ่งดูท่าคงใช่อาวุธลับและสัญลักษณ์ประจำสังกัดพวกนาง ลวดลายแกะสลักราวมีชีวิต อัญมณีสองเม็ดที่ดวงตาเปล่งประกายเขียวปัดราวไฟปีศาจ
หลวงจีนอวี้เสียงและหยูอี้ต้าซือพลุ่งพล่านหวั่นไหว แววตระหนกหวนรำลึกปรากฏเด่นชัด หลวงจีนหญูอี้ถดถอยครึ่งก้าวเผลอพึมพำเสียงสั่นสะท้าน
"โอมมณีตัสสะ หนี้บาปเก่าเพิ่งชำระ ไฉนคิดก่อมหันตภัยใหม่อีก"
สตรีชุดขาวดูออกว่าหลวงจีนทั้งสองคงต้องบังเกิดปฏิกิริยาตอบสนองเยี่ยงนี้ ดังนั้นแย้มยิ้มมุมปากน้อยๆ ขับเน้นความลี้ลับและเย็นชาบนใบหน้าเข้มข้นกว่าเดิม ลดมือลงวูบค้างคาวหยกยังกำกระชับ ประกายดุจฟอสฟอรัสสองจุดในดวงตาพลอยอ่อนจาง เหลียวหน้ากลับคล้ายจงใจและคล้ายดั่งมิเจตนา ขมวดคิ้วเพ่งมองยังพุทธรูปที่ซึ่งเซี่ยเคอและดรุณีชุดดำแอบซ่อนกายอยู่ แค่นเสียงทางจมูกค่อยหันกลับไปกล่าวต่อหลวงจีนอวี้เสียง
"คราก่อนเส้าหลินรวมทั้งทำเนียบสำนักห้ากระบี่คุณธรรมล้วนพ่ายแพ้ต่อเพลงกระบี่อาจารย์ ทว่ายังไว้ชีวิตพวกท่านยืนยาวจวบปัจจุบันเพื่อวันนี้ในอีกยี่สิบปีถัดมา ต้องการให้โอกาสสำหรับแก้มือ ทดสอบความรุดหน้าเป็นครั้งสุดท้าย"
"อดีตผ่านพ้นดั่งปุยเมฆเลือนรางดั่งหมอกควัน จิตใจทะเยอทะยานของนงคราญชังฟ้าไฉนยิ่งแกร่งกร้าว เด็กหญิงท่านหากเป็นศิษย์นางโปรดประกาศนามให้เหล่าอาตมาได้ทราบไว้บ้าง"
"ไยไม่เรียกหลวงจีนเล่อไห่ออกมาตอบวาจา สำหรับชื่อแซ่ข้าพเจ้ามิจำเป็นต้องบ่งบอกแต่ประการใด"
หลวงจีนหยูอี้เงียบงันก้มศีรษะต่ำตลอดเวลา เมื่อพบว่าหญิงสาวเยาว์วัยข้างหน้าไร้มารยาท หถือดีจนหยิ่งทะนงถึงกับมิเห็นเจ้าอาวาสรุ่นปัจจุบันอยู่ในสายตา ทั้งยังกล้าเรียกชื่อเล่อไห่ซึ่งคือเจ้าอาวาสรุ่นก่อนตรงๆ จึงเริ่มมีโทสะกรุ่นขึ้นบ้างแล้ว ส่งเสียงกระแอมไอตาสาดประกายแวววับเหลือบมองเอ่ยเสียงเนิบนาบ
"ประสกหญิงมีสัมมาคารวะรู้จักนบนอบผู้คนกว่านี้บ้าง ชื่อของเจ้าอาวาสรุ่นก่อนเรา ไยมิใช่ถูกท่านเหยียบย่ำดูแคลนโดยง่ายดายเพียงวาจาไม่กี่คำ"
"เฮอะ!ขุนพลที่พ่ายแพ้ ข้าพเจ้าไม่ลงมือด้วยอำมหิตตั้งแต่ต้น ยินยอมให้ทั้งสองท่านกล่าววาจาสักหลายคำจวบจนบัดนี้นับว่าให้เกียรติมากแล้ว"
กล่าวแล้วยกมือเสยเรือนผมรุ่ยสยายประบ่า ท่าทีปลอดโปร่งเฉื่อยชาคล้ายชมดูอยู่ด้านข้างก็ปาน สร้างความไม่สบายใจแก่หลวงจีนทั้งสองจนลอบระมัดระวังตัวขึ้นถึงขีดสุด กระทั่งเซี่ยเคอยังตะลึงลานลอบขบคิดอย่างว่องไว สถานการณ์ในวันนี้นับว่าตนถูกม้วนสู่วังวนบู๊ลิ้มโดยแท้ จากคำโต้ตอบสองฝ่ายยี่สิบปีก่อนหรือจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังใดกัน หวนประวัติถึงคำบอกเล่าของอาจารย์ผู้มีพระคุณ ทันใดพลันตากระจ่างวูบ
นงคราญชังฟ้าชื่อนี้นับว่าคุ้นหูอย่างยิ่ง หนำซ้ำคราใดที่กล่าวขวัญถึง อาจารย์มักกลบเกลื่อนผ่านพ้น ทั้งยังยกเอาเพลงกระบี่ประจำตัวนางมาวิจารเปลี่ยนหัวข้อสนทนา สร้างความเคลือบแคลงสงสัยแก่ชายหนุ่มจนหมกมุ่นเคร่งเครียด
ดรุณีชุดดำข้างกายชำเลืองหางตาลอบสังเกตุแวบ พลันระบายลมอบอุ่นจากปากเป่าใส่ใบหน้าอีกฝ่ายแผ่วเบา รู้สึกมีกลิ่นหอมรวยรินซาบซ่านดั่งกล้วยไม้กระทบนาสิก มอมจิตใจสั่นสะท้านห้วงสมองเบาหวิวทันที ตอนนั้นจิตสำนึกล่องลอยสุดแสนไกล ตลอดกายอ่อนเปลี้ยสูญเสียปฏิกิริยาที่เคยมีมา เปลือกตาหนักอึ้งทีละนิดสติสัมปชัญญะสุดท้ายทราบแน่ในบัดดล ตนเสียท่าหลงกลต่อขบวนการสตรีลึกลับคำรบสองแล้ว
ว่องไวยิ่งกว่ากระพริบตาดรุณีชุดดำตะปบมือขวาล้วงเข้ากระเป๋าอกเสื้อ ขลุ่ยทองถูกช่วงชิงไปอย่างง่ายดาย ตาคู่งามกลอกกลิ้งพลางเผยรอยยิ้มอ่อนหวาน กระโดดขวับพลิกกายออกจากหลังพุทธรูป หันกวักมือร้องเรียกเสียงแหลมเล็ก
"ตามเรามา"
เซี่ยเคอเซื่องซึมตายด้านดุจหุ่นศิลา ผงกศีรษะเนิบนาบผุดลุกสาวเท้าตามหลังทันที เวลาเดียวกันนั้นเอง ลานกว้างซึ่งสตรีชุดขาวยืนประจันหน้าเหล่าหลวงจีนเส้าหลิน ก็ใกล้มีผลสรุปออกมาแล้ว ยินหลวงจีนอวี้เสียงแค่นเสียงหนักๆ ประนมมือกล่าวสรรเสริญพุทธคุณดังกังวาน
"ประสกหญิงไยต้องบีบคั้นผู้คนทำเรื่องฝืนมโนธรรม ศิษย์พี่เจ้าอาวาสสำเร็จมรรคผล มิถามไถ่ยุ่งเกี่ยวทางโลกอีก ภาระทั้งมวลอาตมาขอรับไว้เพียงผู้เดียว"
เบือนศีรษะมาทางหยูอี้ต้าซืออธิบายสืบต่อ
"เรื่องนี้คิดว่าท่านย่อมทราบดี ภายหน้ายังหวังให้คัดเลือกเจ้าอาวาสคนใหม่ เพื่อจรรโลงเกียรติภูมิสำนัก และพยุงเสาหลักยุทธจักรให้ดำรงสืบไป"
ใบหน้าชราภาพสงบราบเรียบ เพ่งตาอันเปี่ยมประกายเด็ดเดี่ยวโชติช่วงเหลือบผ่านหญิงสาวชุดขาว เอ่ยวาจาคล้ายขอร้องคล้ายถามไถ่
"อาตมาก่อนรับคำชี้แนะยังมีเงื่อนไขบางประการใคร่บังอาจร้องขอต่อนงคราญชังฟ้าประการหนึ่ง กูเหนียงสามารถรับปากหรือไม่"
หญิงสาวชุดขาวเลิกคิ้วเรียวงามสอดคำเสียงเย็นชา
"โปรดบอกมาหากมิเหนือบ่ากว่าแรง อาจารย์ท่านผู้เฒ่าย่อมยินยอมรับฟังแน่นอน"
"ข้อตกลงระหว่างอาจารย์ท่านกับสำนักกระบี่คุณธรรม เกี่ยวพันถึงศักดิ์ศรีและชื่อเสียงบู๊ลิ้มจงหยวนเรา ล่มสลายหรือดำรงคงอยู่ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุชัด"
ทอดถอนใจยาวๆคำหนึ่ง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นพลุ่งพล่านเน้นเสียงดังกังวานกว่าเดิม
"เส้าหลินในฐานะเสาหลักฝ่ายธรรมะขอใช้เกียรติภูมิตลอดหลายร้อยปี ยื่นข้อเสนอยุติสองฝ่าย กูเหนียงหลังประสบชัยสยบทำเนียบกระบี่คุณธรรมสำเร็จ อย่าได้คุกคามบู๊ลิ้มส่วนรวมให้ด่างพร้อยทรุดโทรมอีกเลย"
ซุ่มเสียงแม้แกร่งกร้าวเข้มแข็ง แต่ยังสั่นสะท้านยากข่มกลั้น ประดาหลวงจีนรอบบริเวณส่วนใหญ่ ล่วงรู้ประวัติการณ์บู๊ลิ้มจากปากผู้อาวุโส จึงมีความสะทกสะท้อนกดทับจิตใจหนักอึ้ง คุกคามบรรยากาศเงียบงันตึงเครียดเขม็งเกร็ง มิมีผู้ใดกล้าคัดค้านปราศจากท่าทีต่อต้านแข็งขืน
หญิงสาวชุดขาวผงกศีรษะช้าๆ แพรลายปักผีเสื้อกระพือพลิ้วเบาๆ เหล่าดรุณีชุดเขียวยกมือแตะด้ามอาวุธหว่างเอว เพ่งตาหยาดเยิ้มปราศจากจุดหมาย หญิงรับใช้ซินอี๋และฮุ่ยชิวก้มศีรษะต่ำตลอดเวลา ไม่ทราบรันทดหดหู่หรือเซื่องซึมเหม่อลอย...
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 361
- 👍 ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น