บทที่ 12: ท่านไม่ใช่นาง
หลังจากที่ทุกคนทานอาหารกันเสร็จแล้ว หูเจียวเจียวก็เก็บถ้วยชามไปล้าง แล้วปล่อยให้ลูก ๆ เล่นกันตามลำพัง
จากนั้นเธอก็เข้าไปหยิบมีดพร้ามาจากมิติ ก่อนจะเดินไปที่ป่าหลังบ้านเพื่อฟันต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่นักมาซ่อมแซมรั้ว
เนื่องจากบ้านหลังนี้ทรุดโทรมมากพออยู่แล้ว นี่รั้วยังจะมาถูกสงฮวาพังจนเสียหายยับเยินอีก เธอจึงมาดหมายในใจว่าจะต้องหาเวลาซ่อมแซมมันสักหน่อย ไม่อย่างนั้นเธอคงทนอยู่สภาพแบบนี้ไม่ไหวจริง ๆ
ขณะนี้ในโลกปีศาจเพิ่งเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง แสงอาทิตย์ในยามเที่ยงจึงยังร้อนแรงดั่งอยู่กลางกองเพลิง
ทว่าหูเจียวเจียวมุมานะในการสร้างรั้วใหม่อย่างไม่ลดละ เธอเสียบแท่งไม้ใหม่เข้าไปแทนที่ของเก่าก่อนจะยึดพวกมันไว้ด้วยเถาวัลย์
เจ้าของร่างเดิมนั้นเป็นคนขี้เกียจมากไปเสียหน่อย ซึ่งงานที่ต้องใช้แรงอะไรแบบนี้นางไม่เคยแตะต้องเลยสักครั้ง วัน ๆ หนึ่งนางคงจะกินแล้วก็นอนจนเคยตัว เพราะแค่เธอขยับตัวซ่อมรั้วไม่ถึง 3 เมตรยังเหงื่อไหลพรากไม่ต่างจากน้ำจนเสื้อผ้าชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้ว
เมื่อหญิงสาวมองไปที่บ้านซอมซ่อในรั้วตรงหน้าตัวเอง เธอก็แอบสาบานในใจว่าถ้ามีโอกาสเธอจะสร้างบ้านหลังใหม่ที่ดีกว่านี้แน่นอน!
มิฉะนั้น หากพ่อของเด็ก ๆ กลับมา ครอบครัวทั้ง 7 คนของพวกเขาจะเบียดเสียดกันเข้าไปนอนในนั้นได้อย่างไร?
ขณะที่ภูตจิ้งจอกยกมือขึ้นปาดเหงื่อ เธอก็ได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวโชยมา แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานนี้ตัวเองไม่ได้อาบน้ำ เธอจึงคิดว่าจะไปตักน้ำมาล้างตัวที่บ้านให้เนื้อตัวสะอาดเสียหน่อย ไหน ๆ เจ้าพวกเด็กน้อยทั้งหลายก็ไม่อยู่บ้านพอดีด้วย
แต่ทันทีที่เธอหันกลับมา เธอเห็นหลงเซียวกำลังยืนมองเธอด้วยแววตาว่างเปล่าอยู่ที่ประตู
นั่นทำให้คนที่ถูกมองผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเด็กคนนี้มองไม่เห็น
“เซียวเซียว ทำไมเจ้าไม่ออกไปเล่นกับพวกหลิงเอ๋อล่ะ?” ผู้เป็นแม่ทำได้เพียงวางถังน้ำลงแล้วเดินไปถามเด็กหนุ่ม
ใบหน้าซีดเซียวของหลงเซียวยังคงนิ่งเฉย ในขณะที่ทั้งร่างถูกปกคลุมด้วยเงามืดภายในห้อง
“ข้ามองไม่เห็น” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่สงบ
หูเจียวเจียวจำได้ว่าหลงเซียวที่เป็นลูกชายคนที่ 2 ตาบอด ทำให้เขากลายเป็นคนปลีกตัวออกจากคนอื่น แม้กระทั่งกับพี่น้องตัวเองบางครั้งเขาก็แยกตัวออกมาอยู่คนเดียว นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่รู้สึกว่าตนต่ำต้อยที่สุด
ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเขาไม่ค่อยสุงสิงกับพี่น้องคนอื่นสักเท่าไหร่
หูเจียวเจียวรู้สึกว่าเธอละเลยลูกชายคนรองไป ดังนั้นเธอจึงลูบหัวของเขาพลางพูดเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “จากนี้ไปไม่ว่าเจ้าอยากจะไปไหน แม่จะพาไปทุกที่เลยดีไหม?”
ดูเหมือนว่าต่อจากนี้ไปเธอต้องใส่ใจเด็กหนุ่มคนนี้ให้มากขึ้นเสียแล้ว
พอร่างกายผอมบางของหลงเซียวรู้สึกถึงความอบอุ่นจากด้านบนศีรษะของตน เขาก็ยืนตัวแข็งและทำอะไรไม่ถูก
ต่อมา เขากัดริมฝีปากสีซีดก่อนจะพูดอย่างหนักแน่นว่า “ท่านไม่ใช่นาง”
คำพูดนั้นทำให้รอยยิ้มของหูเจียวเจียวกระตุก แต่เธอก็แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจคำพูดของอีกฝ่าย “เซียวเซียว เจ้ากำลังพูดอะไร แม่ก็คือแม่ เจ้าแค่ปฏิเสธแม่เพราะแม่ทำไม่ดีกับเจ้ามาตลอดใช่ไหม?”
หลงเซียวเป็นเด็กที่อ่อนไหวที่สุด เขามองเธอออกได้ภายในเวลาเพียงวันเดียว!
แต่ตอนนี้หญิงสาวกำลังใช้ร่างของหูเจียวเจียวคนเดิม แม้ว่าหลงเซียวจะจับได้ว่าเธอไม่ใช่แม่ของเขาจริง ๆ ทว่าเขาก็ไม่มีอะไรมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้อยู่ดี
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้จิ้งจอกสาวก็สงบลงมาก
ไม่ว่าเจ้าวายร้ายตัวน้อยพวกนี้จะทรงพลังเพียงใด พวกเขาก็ทำได้เพียงทรมานร่างกายนี้ พวกเขาไม่สามารถขับไล่วิญญาณของเธอออกไปได้!
“ท่านหลอกพวกเขาได้ แต่ท่านหลอกข้าไม่ได้” หลงเซียวมองหูเจียวเจียวอย่างเฉยเมย ราวกับเขารู้ว่าอีกคนกำลังคิดอะไรอยู่
ถึงแม้เขาจะมองไม่เห็น แต่เขาก็ยังสามารถสบตาของผู้เป็นแม่ได้อย่างแม่นยำเสียจนเธอเผลอคิดไปชั่ววูบหนึ่งว่าเขาสามารถมองเห็นเธอได้จริง ๆ
“เซียวเซียว แม่...”
“ท่านแม่! พี่เสี่ยวเตียวมาแล้ว!”
ระหว่างที่หูเจียวเจียวกำลังกังวลว่าจะอธิบายให้เจ้าตัวเล็กฟังอย่างไรดี แต่จู่ ๆ เสียงสดใสของหลงหลิงเอ๋อก็ตะโกนเรียกมาจากนอกลานบ้าน
เมื่อหลงเซียวได้ยินว่ามีคนนอกเข้ามา เขาก็ก้มหน้าเม้มปากแน่นแล้วหันหลังคลำทางกลับเข้าไปในห้อง
ผู้หญิงเลวทรามคนนี้คือแม่ของเขา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาควรจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง เขาไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามาแทรกแซงเรื่องในบ้าน
ทางด้านหูเจียวเจียวมองดูแผ่นหลังผอมบางของลูกชายคนรองพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะหันไปมองนอกลานบ้าน
ตอนนี้หลงหลิงเอ๋อกำลังวิ่งกระโดดโลดเต้นนำหน้าชายรูปร่างผอมสูงเข้ามาในบ้าน
ผู้ชายคนนั้นแบกสัตว์ป่าที่ตายแล้ว 2-3 ตัวพร้อมกับเดินหอบเหนื่อยมาตรงหน้าเธอ
หลงอวี้กับหลงจงเดินรั้งท้ายตามมาเป็นคนสุดท้าย โดยที่แต่ละคนอุ้มฟืนที่ถูกมัดเป็นกองไว้ในอ้อมแขน
ส่วนหลงเหยาอาจเหนื่อยจากการบิน เขาจึงนอนอยู่บนหัวของพี่ใหญ่ในขณะที่ม่านตาสีแดงคู่หนึ่งจ้องไปยังเหยื่อในมือของผู้ชายตัวใหญ่ไม่วางตา
“หลิงเอ๋อ นี่คือ…”
หูเจียวเจียวรีบทักทายเจ้าตัวเล็กด้วยความงุนงง
เธอเคยอ่านนิยายเรื่องนี้และรู้โครงเรื่องคร่าว ๆ แต่เธอไม่รู้จักหน้าตาของตัวละครในเรื่อง
“ท่านแม่ ท่านพ่อวานให้พี่เสี่ยวเตียวนำเหยื่อกลับมาให้ ตอนที่เรากำลังเก็บฟืนอยู่ข้างนอก เราบังเอิญเจอพี่เสี่ยวเตียวก็เลยกลับบ้านมาพร้อมกับเขา”
สาวน้อยเป็นเด็กที่สดใสร่าเริง และนางยังเป็นคนเดียวที่เต็มใจพูดคุยกับแม่ใจมาร
เมื่อหญิงสาวได้ยินคำพูดของหลงหลิงเอ๋อ เธอก็นึกขึ้นมาได้ในทันที
แม้ว่าหลงโม่จอมวายร้ายจะอาศัยอยู่ในป่า แต่เขาจะส่งเหยื่อกลับมาให้ครอบครัวทุก ๆ 10 วันหรือครึ่งเดือน
ด้วยเหตุผลที่ว่าเจ้าของร่างเดิมไม่ชอบสามีของนาง เขาจึงมักไหว้วานคนในเผ่านำสัตว์ที่ตนล่ามาได้นำมาส่งให้ที่บ้านแทน
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอน่าจะเป็นโหวเสี่ยวเตียวที่คอยช่วยหลงโม่ส่งมอบเหยื่อบ่อย ๆ ดังนั้นเด็ก ๆ จึงรู้จักเขา
ทำไมมีเหยื่อแค่นี้…
หูเจียวเจียวคิดพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองชายที่นำเหยื่อมาส่งซึ่งมีเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผาก
ถัดมา โหวเสี่ยวเตียววางเหยื่อบนไหล่ลงพื้น “ฮู่ว ถึงที่หมายสักที” เขาเช็ดเหงื่อพร้อมพูดกับเจ้าบ้านว่า “หูเจียวเจียว นี่คือสัตว์ที่หลงโม่ฝากให้ข้าเอามาให้เจ้า ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้ากลับก่อนนะ”
“เดี๋ยวก่อน”
“เจ้ามีอะไรจะพูดกับข้าอีกหรือ?”
ฝ่ายที่ถูกรั้งไว้ชะงักชั่วครู่แล้วหันไปมองหญิงสาวด้วยสายตาลอกแลก
“เจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า?” จิ้งจอกสาวก้าวไปข้างหน้าก่อนจะชำเลืองมองเหยื่อบนพื้น
เหยื่อที่ชายหนุ่มส่งมาตัวไม่ใหญ่นัก นอกจากแกะแล้ว มีสัตว์ขนาดกลางอีก 2 ตัว และนกตัวผอมน่าสมเพชอีก 1 ตัว
“ลืม...ลืมอะไร ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงอะไร” โหวเสี่ยวเตียวพูดตะกุกตะกัก เขาพยายามหลบเลี่ยงสายตาของเธอโดยการก้มหน้าลงคล้ายกับคนที่กำลังรู้สึกผิด
ในเวลาเดียวกัน เหล่าเด็กซนทั้งหลายต่างหันไปมองพี่เสี่ยวเตียวเหมือนกำลังคาดคั้นเอาคำตอบจากเขา
พวกเขาไม่เพียงเป็นศัตรูกับหูเจียวเจียวเท่านั้น แต่ทุกคนที่เอาเปรียบพวกเขาล้วนเป็นศัตรูทุกคน
ภูตจิ้งจอกชี้ไปยังแกะที่บาดเจ็บตัวหนึ่ง “นี่ไม่เหมือนสัตว์ที่หลงโม่ล่ามาได้เลย เจ้าขโมยเหยื่อของหลงโม่ แล้วมาหลอกข้า คิดว่าข้าโง่มากงั้นหรือ?”
“!!!” โหวเสี่ยวเตียวตกใจกับคำพูดของอีกฝ่ายมาก
นางรู้ได้ยังไง!?
“เจ้าพูดเพ้อเจ้อแล้ว เจ้ามาหาว่าข้าขโมยของงั้นหรือ ข้าลำบากลำบนมาส่งเหยื่อให้เจ้าที่นี่ เจ้ายังกล้าใส่ร้ายข้าอีก ต่อจากนี้ไปเจ้าอย่าหวังเลยว่าข้าจะช่วยเจ้า!”
ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้างและชี้หน้าต่อว่าหูเจียวเจียว
“เจ้าดูสิ กรงเล็บบนเหยื่อตัวนี้มันเล็กเกินไป มันไม่น่าจะใช่รอยเล็บของหลงโม่” หญิงสาวเผชิญหน้ากับเขาด้วยใบหน้าเย็นชา
แม้ว่าหลงโม่ในนิยายจะถูกเรียกว่าเป็นสวะไร้ประโยชน์ แต่ความสามารถในการล่าของเขานั้นแข็งแกร่งมาก ในแต่ละครั้งเขาล่าสัตว์ได้เป็นสิบ ๆ ตัว แต่เมื่อมันถูกส่งผ่านมือของโหวเสี่ยวเตียว เจ้าของร่างเดิมกับลูก ๆ ก็ได้เหยื่อมาประทังชีวิตเพียงแค่ 2-3 ตัวตลอด
ทว่าหูเจียวเจียวคนเก่านั้นโง่เขลานัก นางไม่เคยสงสัยโหวเสี่ยวเตียวเลยสักนิด
ถ้าไม่ใช่เพราะชายคนนี้ซ่อนเหยื่อไว้กินเองทุกครั้งและนำหนังสัตว์ทั้งหมดที่ไม่บุบสลายไป นางและลูกอีก 5 คนคงไม่ต้องหิวโหยหรือหนาวเหน็บขนาดนี้ แม้แต่หนังสัตว์สวย ๆ ก็ไม่มีอยู่ในบ้านสักผืน
พอโหวเสี่ยวเตียวได้ยินคำพูดของแม่จิ้งจอก ใบหน้าของเขาก็ชะงักค้างไปทันที เขาลืมแม้กระทั่งวิธีการเช็ดเหงื่อเม็ดใหญ่ที่หยดลงมาจากหน้าผากของตน
บางทีอาจเป็นเพราะดวงตาของหูเจียวเจียวนั้นเฉียบคมเกินไป เขาจึงโกรธเพราะความอับอายที่ถูกจับได้ “ใช่! ข้าเปลี่ยนเหยื่อแล้วไง เจ้าจะทำอะไรข้าได้!”
“ผู้หญิงอย่างเจ้ามันควรอดตายไปซะ วัน ๆ เจ้าเอาแต่เฆี่ยนตีลูกตัวเอง พวกมันโตขนาดนี้แล้ว ดูสิ เด็กมันยังผอมแห้งไม่มีเนื้อหนัง เจ้าเคยให้พวกมันกินเนื้อบ้างไหม?”
“ข้าว่าเอาเหยื่อพวกนี้ไปโยนให้หมากินดีกว่าให้เจ้ากินซะอีก! ถุย!”
พูดจบเขาก็ถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างไม่ไยดี
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: หลงเซียวเซนส์แรงมาก มาดูกันว่าเจียวเจียวจะโป๊ะแตกต่อหน้าลูกไหม
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 324
แสดงความคิดเห็น