ตอนที่ 163: สามพี่น้องตระกูลหลิง
ตอนที่ 163: สามพี่น้องตระกูลหลิง
คนที่ทูรามส่งมาช่วยเซี่ยเฟยมีเพียงแค่สามคนเท่านั้นและสามคนนี้ยังดูเหมือนกันทุกซอกทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหรือรูปร่างราวกับว่าพวกเขาถูกแกะสลักออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันจนทำให้คนนอกยากที่จะแยกแยะว่าใครเป็นใครกันแน่
เซี่ยเฟยได้พบกับ 3 พี่น้องตระกูลหลิงในห้องประชุมเล็ก ๆ ของโรงพยาบาล โดยคนเหล่านี้มีอายุประมาณ 30 ปี, มีผิวคล้ำ, ยืนหน้านิ่ง ๆ เหมือนกับไม่มีอารมณ์และยืนอยู่เฉย ๆ โดยไม่พูดอะไร
“เชิญนั่งครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเผยมือไปทางเก้าอี้ทั้งสามตัว
ทั้งสามพยักหน้าพร้อมกันและนั่งลงอย่างเป็นระเบียบตามลำดับอาวุโส โดย ‘หลิงเซียว’ ซึ่งเป็นพี่คนโตนั่งใกล้กับเซี่ยเฟยที่สุด ‘หลิงหยุน’ ซึ่งเป็นพี่คนรองนั่งตามมาติด ๆ และ ‘หลิงเฟิง’ ซึ่งเป็นน้องคนสุดท้องนั่งอยู่ลำดับท้ายสุด
แม้แต่การกระทำของพวกเขาก็เหมือนกันจนเซี่ยเฟยแอบคิดว่าฝาแฝดทั้งสามคนนี้สามารถเชื่อมโยงความคิดเข้าด้วยกันได้
“พวกพี่อยากดื่มชาไหม? ผมมีชาดี ๆ จากบ้านเกิดติดตัวมาด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสุภาพ
ทั้งสามคนโบกมือพร้อมกันก่อนที่พี่ใหญ่อย่างหลิงเซียวจะพูดขึ้นมาว่า
“อาจารย์ทูรามอธิบายสถานการณ์ให้พวกเราฟังแล้ว คุณไม่จำเป็นจะต้องสุภาพกับพวกเราก็ได้ ถ้ามีอะไรที่ต้องการก็สั่งการมาได้เลย พวกเราสามพี่น้องจะทำตามคำสั่งของคุณ”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
บุคลิกของพี่น้องทั้งสามคนนี้มีความเป็นระเบียบมากจนชายหนุ่มไม่ต้องใช้ความพยายามในการอธิบายสถานการณ์เลย
“ผมเซี่ยเฟยขอขอบคุณพวกพี่ทั้งสามคนที่ยอมมาให้ความช่วยเหลือผมในวันนี้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นโค้งคำนับทั้งสามอย่างสุภาพ จนทำให้แฝดสามต้องรีบลุกขึ้นมาพยุงตัวชายหนุ่มเอาไว้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่พูดอะไรออกมาแต่จากสิ่งที่แสดงออกทางใบหน้านั้นก็ถือว่าการกระทำของเซี่ยเฟยดูเหมือนจะทำให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
นักรบที่ดีจะให้ความเคารพซึ่งกันและกันทันทีที่พวกเขาได้พบกัน ในขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็เริ่มแสดงความเคารพให้พวกเขาในทันที มันจึงทำให้ภาพที่พวกเขามองชายหนุ่มดูแตกต่างไปจากเดิม
“น้องชายอาจารย์ทูรามได้อธิบายสถานการณ์ของนายให้พวกเราฟังแล้ว พวกเราทั้งสามคนไม่มีพ่อแม่ตั้งแต่เด็กต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดตามท้องถนน อาจารย์เป็นคนที่ช่วยเหลือพวกเราไว้และทำให้พวกเรามีทุกอย่างอย่างในวันนี้ มันจึงเป็นเหตุผลที่พวกเราไม่กล้าขัดคำสั่งอาจารย์และนายก็ไม่ต้องสุภาพแบบนั้นกับพวกเราก็ได้” หลิงเซียวพูดอย่างจริงจัง
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับสามพี่น้องคือการตัดสินใจของอาจารย์ ถึงแม้ว่าพี่น้องอีกสองคนจะไม่พูดอะไรออกมาแต่พวกเขาก็สบตาอย่างรู้กัน
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับ
ดูเหมือนคนที่ทูรามส่งมาจะเป็นคนที่เขาไว้ใจและสิ่งที่ทูรามบอกก็คงจะไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ไม่แน่สามพี่น้องฝาแฝดนี้อาจจะเป็นกลุ่มคนที่มีพลังมากที่สุดภายใต้คำสั่งของเขาก็ได้
“พวกพี่ช่วยอธิบายพลังพิเศษกับระดับพลังให้ผมฟังหน่อยได้ไหม ผมจะได้วางแผนการได้อย่างถูกต้อง” เซี่ยเฟยถาม
เซี่ยเฟยเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ มาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องถามพลังพิเศษของทุกคนก่อนแล้วเขาค่อยเริ่มวางแผนการที่เหมาะสมในภายหลัง
“พลังพิเศษของฉันคือมิติซ่อนเร้น ฉันสามารถเปิดพื้นที่มิติเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครสามารถตรวจจับได้ ส่วนระดับพลังของฉันได้มาถึงระดับลีเจนด์ขั้นกลางแล้ว”
“พลังพิเศษของหลิงหยุนคือพลังแสงที่สามารถใช้พลังงานแสงเพื่อจู่โจมศัตรูทั้งในระยะใกล้หรือระยะไกล ส่วนระดับพลังของเขาอยู่ที่ระดับลีเจนด์ขั้นต้น”
“หลิงเฟิงเป็นคนที่มีพลังพิเศษสายความเร็ว แต่ระดับพลังของเขาค่อนข้างต่ำอยู่เพียงแค่ระดับสตาร์ฟิลด์ขั้นสูง”
หลิงเซียวแนะนำพลังพิเศษและระดับพลังของพวกเขาสั้น ๆ ซึ่งมันก็ทำให้เซี่ยเฟยอดที่จะรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้
นอกเหนือจากพลังพิเศษสายความเร็วของหลิงเฟิงที่ค่อนข้างธรรมดาแล้ว ทั้งพลังพิเศษมิติซ่อนเร้นและพลังแสงต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นพลังพิเศษที่โดดเด่นในระดับจักรวาล…
นอกจากนี้พลังพิเศษสายความเร็วยังเป็นที่รู้จักกันในนามพลังพิเศษที่ฝึกฝนยากมากที่สุด ด้วยเหตุนี้การที่หลิงเฟิงมีระดับพลังถึงสตาร์ฟิลด์ขั้นสูงจึงเป็นระดับพลังที่ไม่เลวเลย หากมองในหลาย ๆ สถานการณ์เขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าพี่ชายทั้งสองคนของเขาด้วยซ้ำ ซึ่งเซี่ยเฟยที่มีพลังพิเศษสายความเร็วเหมือนกันรู้ถึงเรื่องนั้นเป็นอย่างดี
มิติ, ควบคุมแสง, ความเร็ว … ดูเหมือนทูรามจะได้ส่งทีมปฏิบัติการชั้นยอดมาให้กับเขาแล้ว เพราะการประสานงานของพลังพิเศษทั้งสามชนิดนี้เทียบได้กับส่วนผสมของทีม 13 ซึ่งมันเรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมของพลังพิเศษที่มีความโดดเด่นไม่แพ้ใคร
“คือว่า... ผมเคยได้ยินมาว่าพวกพี่สามารถสื่อสารภายในใจกันได้…” เซี่ยเฟยถามออกไปอย่างลังเล
สามพี่น้องเผยรอยยิ้มขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ก่อนที่หลิงหยุนจะพูดออกไปด้วยความภาคภูมิใจ
“เรื่องนั้นเป็นแค่ข่าวลือที่ออกจะเกินจริงไปเล็กน้อย จริง ๆ แล้วพวกเราแค่เข้าใจความคิดของกันและกัน แต่เหตุผลเกิดขึ้นมาจากอะไรอันนั้นพวกเราก็ไม่รู้”
คำอธิบายของหลิงหยุนทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น เพราะด้วยส่วนผสมของพลังพิเศษที่ลงตัวประกอบกับความเข้าใจซึ่งกันและกัน มันจึงทำให้พลังของทีมสามพี่น้องเกินกว่าความคาดหมายของเซี่ยเฟยไปไกล
ส่วนผสมของพลังพิเศษเป็นสิ่งที่ทีมไหนก็ทำได้หากพวกเขามีเวลาในการเตรียมทีมที่มากพอ แต่ความเข้าใจในสมาชิกคนอื่นภายในทีมเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก แล้วมันก็คงจะไม่มีใครเข้าใจสมาชิกภายในทีมคนอื่นได้ดีกว่าแฝดสามที่เติบโตขึ้นมาด้วยกันแบบนี้
‘ดูเหมือนคุณตาทูรามจะไม่ได้โกหก แค่พวกเขาสามคนก็เพียงพอต่อแผนการของฉันแล้วจริง ๆ’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็เริ่มวางแผนร่วมกันกับพี่น้องทั้งสามคน ซึ่งสามพี่น้องตระกูลหลิงถือได้ว่าเป็นนักสืบที่มีประสบการณ์ พวกเขาจึงช่วยให้คำแนะนำจนแผนการของชายหนุ่มออกมาในรูปแบบที่ดีที่สุด
เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจเซี่ยเฟยได้ทำการมอบชาและสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ จากดาวโลกให้กับพี่น้องทั้งสามเป็นของขวัญ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นนิสัยประจำตัวที่เซี่ยเฟยติดไปแล้ว
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการเซ้าซี้ของเซี่ยเฟยสามพี่น้องก็จำเป็นจะต้องรับสิ่งของพวกนี้ไปอย่างไม่เต็มใจ แต่มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกเอ็นดูชายหนุ่มมากขึ้นกว่าเดิม กลายเป็นว่าสิ่งของที่ดูไร้ค่าพวกนี้กลับมีประโยชน์มากกว่าเงินทอง
ต่อมาสามพี่น้องก็ออกไปจากโรงพยาบาลและแยกย้ายกันออกไปทำหน้าที่ตามแผนการที่พวกเขาช่วยกันวางเอาไว้ เซี่ยเฟยจึงถอนหายใจก่อนที่จะเดินกลับไปหาแอวริล
เขาพยายามวางแผนการทุกอย่างอย่างรัดกุมที่สุดแล้ว ซึ่งไม่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไงแต่อย่างน้อยมันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่เวลาและโชคอีกเล็กน้อย
แอวริลกำลังยืนพิงขอบหน้าต่างโดยใช้มือทั้งสองข้างดันแก้มราวกับว่าเธอกำลังคิดเรื่องอะไรบางอย่างอยู่
ชายหนุ่มเดินเข้าไปวางมือข้างหนึ่งบนศีรษะของเธอเบา ๆ ก่อนที่จะมองออกไปด้านนอกหน้าต่างพร้อมกับเธอ
“นายคุยธุระเสร็จแล้วใช่ไหม? ฉันอยากจะออกไปซื้อของกับนายแต่พี่ชิงไม่เห็นด้วย” แอวริลกล่าวออกมาพร้อมกับหน้ามุ่ย
แอวริลเป็นเด็กสาวที่ร่าเริง ดังนั้นหลังจากที่เหตุการณ์ลักพาตัวได้ผ่านพ้นไปเธอก็เริ่มกลับมาเป็นคนร่าเริงอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อเธอได้มีเซี่ยเฟยอยู่ข้าง ๆ เธอก็แสดงความแก่นแก้วออกมามากขึ้นกว่าเดิม
“มันจะต้องมีวันที่เราเดินออกไปข้างนอกด้วยกันอย่างสบายใจ ฉันสัญญา” เซี่ยเฟยพูดเบา ๆ พร้อมกับโอบกอดแอวริลเอาไว้ในอ้อมแขน
—
แบ็ตตี้เป็นคนอ่อนโยนร่าเริงชอบใช้เวลาท่องเที่ยวไปตามภูเขา นอกจากนี้หน้าตาของเขายังถือว่าหล่อเหลาจนทำให้มีสาว ๆ มาตกหลุมรักเขาอย่างมากมาย
แต่อุบัติเหตุทางรถยนต์ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาได้กลายเป็นคนพิการในชั่วข้ามคืน นับแต่นั้นมาถึงแม้ว่าพวกสาว ๆ จะพูดคุยกับเขาด้วยเสียงหัวเราะ แต่ภายในแววตาของพวกเธอกลับมีความสงสารซ่อนเอาไว้อยู่เสมอ
แบ็ตตี้ไม่สามารถทำใจยอมรับแววตาแบบนี้ได้ มันจึงเริ่มเกิดช่องว่างขนาดใหญ่ขึ้นมาในหัวใจและทำให้เขาเริ่มรู้สึกถึงความเคียดแค้น
โชคดีที่เมื่ออายุของเขาเพิ่มมากขึ้นความเจ็บปวดภายในจิตใจของเขาก็ค่อย ๆ คลายลง เขาจึงไม่ได้รู้สึกเคียดแค้นทุกคนเหมือนกับวัยหนุ่มอีกต่อไปและเริ่มที่จะมีนิสัยเหมือนผู้ใหญ่ที่มีเหตุผล
นิวแมนได้เห็นการเปลี่ยนแปลงพวกนี้มาโดยตลอด เขาจึงเริ่มปล่อยให้แบ็ตตี้เข้ามาดูแลกิจการของบริษัทไปทีละน้อย โดยตั้งใจที่จะฝึกฝนน้องชายให้กลายมาเป็นมือขวาของเขาก่อนจะทำการส่งมอบทุกอย่างให้แบ็ตตี้ในที่สุด
ตั้งแต่เด็กพี่น้องสองคนนี้ก็มีบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยนิวแมนเป็นคนที่ซื่อสัตย์และเด็ดเดี่ยว เขาจึงจริงจังกับงานที่ได้รับมอบหมายไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่อยู่เสมอ
ขณะเดียวกันแบ็ตตี้มีความฉลาดและมีไหวพริบมากกว่าพี่ชาย เขาจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์จะเติบโตกลายเป็นนักธุรกิจที่โดดเด่น
ผู้อาวุโสในตระกูลเจี่ยนเคยกล่าวเอาไว้ว่านิวแมนมีความสามารถในการดูแลธุรกิจของตระกูลได้เท่านั้น แต่ยากที่จะนำบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดก้าวเท้าไปข้างหน้าได้
ขณะเดียวกันถ้าหากแบ็ตตี้ได้เป็นคนที่ขึ้นมาดูแลกิจการ มันก็อาจจะทำให้บริษัทเติบโตขึ้นมากลายเป็น 10 บริษัทอันดับแรกของพันธมิตรได้ ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของตระกูลเจี่ยนมาหลายชั่วอายุคน
ก่อนแบ็ตตี้จะประสบอุบัติเหตุผู้อาวุโสของตระกูลได้ตัดสินใจมอบบริษัทให้แบ็ตตี้คอยดูแลต่อไปแล้ว แต่อุบัติเหตุไม่เพียงแต่จะทำลายขาของแบ็ตตี้ไปเท่านั้น แต่มันยังทำให้ผู้อาวุโสได้ยอมแพ้ในตัวลูกชายที่เขารู้สึกภาคภูมิใจที่สุดอีกด้วย
ว่ากันว่าเหตุผลที่พ่อของนิวแมนและแบ็ตตี้เลือกที่จะปลีกวิเวกเข้าไปอยู่ในป่า นั่นก็เพราะว่าเขาไม่สามารถทำใจเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับแบ็ตตี้ได้
ด้วยเหตุนี้เองเมื่อนิวแมนขึ้นมารับหน้าที่ดูแลบริษัทอย่างเต็มตัว เขาจึงไม่เคยลดละความพยายามที่จะช่วยส่งเสริมน้องชายให้กลับมายืนในจุดที่สมควรอีกครั้ง เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นพี่น้องกันนิวแมนจึงไม่เคยรู้สึกเสียดายที่จะยกบริษัทให้แบ็ตตี้คอยดูแล
ความคิดของนิวแมนเป็นเรื่องที่ดีแต่เขาคงจะไม่รู้ว่าคนที่เคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มักจะมีสิ่งที่ซ่อนเร้นภายในใจ แต่ถึงแม้ว่าแบ็ตตี้จะพยายามเก็บซ่อนอารมณ์เอาไว้แต่เซี่ยเฟยก็ยังค้นพบความบิดเบี้ยวภายในใจของเขาได้อยู่ดี และนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ชายหนุ่มเริ่มสงสัยแบ็ตตี้เป็นคนแรก
หากใครมีประสบการณ์จะรู้ดีว่าบุคคลที่มีความคิดอันบิดเบี้ยวมักจะทำอะไรเกินกว่าสามัญสำนึกของบุคคลโดยทั่วไป เพราะท้ายที่สุดภายในจิตใจของมนุษย์ก็เต็มไปด้วยความมืด มันจึงทำให้บุคคลที่มีความคิดอันบิดเบี้ยวสามารถที่จะทำอะไรขึ้นมาก็ได้
ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ได้แสดงให้เห็นหลายครั้งแล้วว่ามนุษย์พร้อมที่จะทำอะไรนอกเหนือจากสามัญสำนึกได้อย่างมากมายและความโหดร้ายของมนุษย์ก็ไม่เคยมีขีดจำกัด
—
ช่วงกลางคืน
รถคันหรูกำลังขับออกจากคฤหาสน์ซันเซ็ทวิลล่าอย่างเงียบ ๆ โดยภายในรถแบ็ตตี้กำลังนั่งดื่มไวน์อยู่คนเดียว ซึ่งหลังจากที่เขาไม่ได้ทำงานมาเป็นเวลาหลายปีเขาก็ยังไม่เคยชินกับการตื่นเช้าและทำงานไปจนถึงกลางคืน
รถคันนี้วิ่งไปตามถนนเพื่อมุ่งหน้าสู่ตัวเมือง แต่ทั้งคนขับ, บอดี้การ์ดและแบ็ตตี้ต่างก็ไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังถูกจ้องมองมาจากสายตาที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความมืด
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 164
แสดงความคิดเห็น