ตอนที่ 26: พีระมิด
ตอนที่ 26: พีระมิด
หลังจากที่เรือดำน้ำได้เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ฝั่ง สมาชิกของแก๊งอสรพิษดำก็กระโดดขึ้นเรือเล็กเพื่อเดินทางต่อไป
ในระหว่างนั้นไรนอร์และไวเปอร์ยังคงยืนอยู่บนเรือดำน้ำโดยไรนอร์กำลังยืนกอดอกขณะจ้องมองไปยังพีระมิดพร้อมกับกล่าวออกมาว่า
“พวกเรากำลังหาอะไรอยู่ไวเปอร์?”
“เรากำลังหาจารึกของแอตแลนติส ตำนานได้กล่าวเอาไว้ว่าจารึกของแอตแลนติสคือสุดยอดมรกตและไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ครอบครองจารึกชิ้นนี้ เขาคนนั้นก็จะเป็นผู้ที่สามารถกำหนดชีวิตและความตายของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในจักรวาลได้” ไวเปอร์กล่าว
“มรกต! ของชิ้นนั้นน่าจะมีมูลค่ามหาศาลเลยใช่ไหม” ไรนอร์ลูบคางขณะแสดงความคิดเห็น
“เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเงิน ผู้ที่ได้ครอบครองจารึกจะได้รับชีวิตชั่วนิรันดร์ ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่สามารถวัดค่าด้วยเงินได้” ไวเปอร์กล่าวอย่างจริงจัง
“ตำนานมันก็เป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้นแหละ ฉันไม่เชื่อเรื่องพวกนี้หรอก!” ไรนอร์กล่าวขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อเรือเล็กทั้งสองที่ล่องไปก่อนได้เข้าประจำตำแหน่งแล้วไรนอร์ก็กระโดดลงจากเรือดำน้ำขึ้นไปยังเรือเล็กเช่นเดียวกัน ก่อนที่เขาจะได้กล่าวออกมาว่า
“ไวเปอร์, นินจา, แบล็คแคทและแมนทิสตามฉันมา ส่วนคนที่เหลือรออยู่บนเรือดำน้ำ!”
จากนั้นไวเปอร์ก็เดินขึ้นไปบนเรืออย่างไม่เร่งรีบซึ่งบนใบหน้าของเขาก็ได้ปรากฏรอยยิ้มที่อธิบายไม่ได้ออกมา
—
ในส่วนลึกของป่าเซี่ยเฟยยังคงแอบสังเกตการณ์พวกแก๊งอสรพิษดำบนเรือดำน้ำอยู่ด้านหลังต้นไม้ใหญ่
“ผู้ชายร่างสูงคนนั้นคือไรนอร์หัวหน้าแก๊งอสรพิษดำ, ผู้ชายชุดดำคนนั้นคือนินจา, ผู้หญิงชุดขาวคือแบล็คแคท, ผู้ชายร่างผอมคนนั้นคือแมนทิส ส่วนผู้ชายที่ค่อนข้างหล่อคนนั้นคือไวเปอร์ ดูเหมือนว่าแกนนำของแก๊งอสรพิษดำจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ทุกคนเลย” อู่หลงกล่าว
“คนพวกนี้เป็นพวกมีพลังพิเศษหมดเลยหรือเปล่าพี่หลง” เซี่ยเฟยหันไปกล่าวถาม
“ใช่ ไรนอร์เป็นผู้ใช้พลังสายพิเศษที่ทำให้ผิวหนังของเขามีความแข็งแกร่งเหมือนกับเหล็กกล้าที่แม้แต่กระสุนก็ไม่สามารถที่จะทำอันตรายต่อเขาได้ ทางด้านนินจากับแบล็คแคทเป็นผู้ใช้พลังพิเศษสายความเร็วที่มีระดับความสามารถอยู่ที่ระดับสตาร์ไลท์ขั้นสูง ส่วนแมนทิสเป็นผู้ใช้พลังพิเศษสายความแข็งแกร่งที่มีระดับความสามารถอยู่ในระดับสตาร์ไลท์ขั้นกลาง” อู่หลงกล่าว
“แล้วไวเปอร์ล่ะครับ?”
“ฉันได้ยินมาว่าไวเปอร์ก็เป็นผู้ใช้พลังสายพิเศษด้วยเหมือนกันและความสามารถของเขาก็น่ากลัวกว่าไรนอร์ด้วย แต่มันยังไม่เคยมีใครเห็นเขาใช้พลังพิเศษของตัวเองออกมา แม้แต่บันทึกของสำนักงานสืบสวนกลางก็ไม่มีบันทึกเรื่องความสามารถของเขาเอาไว้เลย”
การที่นินจาและแบล็คแคทเป็นผู้ใช้พลังในระดับสตาร์ไลท์ขั้นสูงมันก็หมายความว่าความเร็วของพวกเขาอยู่ที่ประมาณ 71 เมตรต่อวินาที แต่ในปัจจุบันความเร็วของเซี่ยเฟยสูงถึง 185 เมตรต่อวินาทีแล้ว มันจึงทำให้การจัดการกับอาชญากรทั้งสองคนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหาสำหรับเขาเลย
ขณะเดียวกันแม้ว่าแมนทิสจะทรงพลังมากแต่ความเร็วของเขาก็ไม่สามารถที่จะติดตามการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยได้ ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกเกรงกลัวแมนทิสซักนิดเลย เพราะท้ายที่สุดผู้มีพลังพิเศษสายความเร็วก็ถือได้ว่าเป็นหายนะสำหรับผู้มีพลังพิเศษสายความแข็งแกร่งอยู่แล้ว
ปัญหาที่แท้จริงคือไรนอร์เพราะเนื่องมาจากว่าเขามีพลังป้องกันอันแข็งแกร่งและเซี่ยเฟยก็คงจะจัดการกับชายคนนี้ได้อย่างยากลำบาก
แต่บุคคลที่มีปัญหามากที่สุดก็คือไวเปอร์ที่ยังไม่ได้เปิดเผยความสามารถของตัวเองออกมา แล้วถ้าหากว่าเขามีความสามารถคล้ายกันกับไวลด์โรสผลลัพธ์ก็จะออกมากลายเป็นหายนะสำหรับเซี่ยเฟยอย่างแท้จริง
ข้อได้เปรียบของผู้มีพลังพิเศษสายความเร็วไม่ได้จำกัดอยู่ที่ความเร็วในการจู่โจมเท่านั้นแต่มันยังรวมถึงความสามารถในการหลบหลีกการโจมตีของศัตรูอีกด้วย แต่ถ้าหากว่าพวกเขาถูกหยุดเอาไว้ได้แม้แต่วินาทีเดียวช่วงเวลานั้นมันก็เหมือนกับพวกเขากำลังแก้ผ้าอยู่ตรงหน้าของศัตรู
“พวกเราควรจะทำยังไงกันดี” อู่หลงกล่าวถามซึ่งในระหว่างนั้นอันเดร์กับชาร์ลีก็ได้จ้องมองไปยังเซี่ยเฟยเพื่อรอคอยการตัดสินใจ
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ได้ให้คำตอบกลับมาในทันทีแต่เขาได้ล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบกล่องบุหรี่ออกมา แต่น่าเสียดายที่เขาพึ่งว่ายน้ำในทะเลดังนั้นบุหรี่ของเขาจึงถูกทำลายไปจนหมดแล้ว
“พี่หลงคุณช่วยอยู่ที่นี่ดูแลลุงอันเดร์กับชาร์ลีให้ที ไปซ่อนตัวอยู่แถว ๆ นั้นแหล่ะอย่าเปิดเผยตัวออกมาเป็นอันขาด” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายจะไปคนเดียวจริง ๆ หรอ? นั่นมันอันตรายมากเลยนะ! ฉันจะไปกับนายเอง ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นผู้มีพลังพิเศษเหมือนกันถึงแม้ว่าฉันจะไม่สามารถเอาชนะอาชญากรคนอื่นได้แต่ฉันก็มั่นใจว่าฉันสามารถเอาชนะแมนทิสได้” อู่หลงยืนขึ้นพร้อมกับกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น
“ไม่ต้อง! เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูหลาย ๆ คนความคล่องตัวถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญ ความเร็วในการเคลื่อนไหวของพี่ช้ามากจนเกินไป อย่าลืมว่าทางฝั่งพวกเขามีผู้มีพลังพิเศษสายความเร็วอยู่ถึงสองคน” เซี่ยเฟยกล่าวออกมาอย่างไม่เกรงใจ
“เฮ้อ!” เมื่อได้ยินคำปฏิเสธจากเซี่ยเฟยอู่หลงก็ทำได้เพียงแต่ส่ายหัวและนั่งลงอย่างไม่เต็มใจเท่านั้น
ขณะนั้นอันเดร์ก็ดูเหมือนกับต้องการจะพูดอะไรออกมาบางอย่าง แต่ก่อนที่เขาจะได้เปล่งเสียงของเขาออกมาร่างของเซี่ยเฟยก็ได้หายไปจากตำแหน่งเดิมอย่างฉับพลัน
หลังจากนั้นไม่นานมันก็มีเสียงร้องโหยหวนดังก้องกังวานขึ้นมาอีกครั้งซึ่งหลังจากที่เสียงกรีดร้องได้เงียบลงอู่หลงก็กล่าวกับอันเดร์และชาร์ลีว่า
“ทำตามคำแนะนำของเขาเถอะ ผมสังเกตเห็นว่าความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ผมเชื่อว่าการฝึกฝนในแกรนด์แคนยอนคงจะเพิ่มระดับความสามารถให้กับเขาไปพอสมควร ดังนั้นการปล่อยเขาไปคนเดียวไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
—
พีระมิดใจกลางดินแดนแห่งนี้มีขนาดความสูงขึ้นไปมากกว่า 100 เมตรแล้วมันก็ถูกสร้างขึ้นมาจากหินสีขาวขนาดยักษ์ทั้งหมด โดยพีระมิดมีทางเข้าอยู่ตรงบริเวณกึ่งกลางซึ่งด้านหน้าทางเข้าก็มีบันไดทอดยาวลงมา
ปัจจุบันเซี่ยเฟยซ่อนตัวอยู่ด้านหลังต้นไม้พร้อมกับสังเกตไปทางพีระมิด ซึ่งเขาก็เห็นนินจา, แบล็คแคทและแมนทิสคอยเฝ้าอยู่ตรงบริเวณทางขึ้นบันได นอกจากนี้มันยังมีผู้ชายที่สวมใส่ชุดสีดำถืออาวุธปืนคอยยืนเฝ้าอีก 2-3 คน
“บอสกับไวเปอร์กำลังเข้าไปเก็บสมบัติแต่พวกเราสามคนกลับต้องมาปกป้องทางเข้า มันเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขากลัวว่าพวกเราจะแอบจิ๊กสมบัติเอาไว้” แมนทิสกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ถ้าบอสมาได้ยินระวังหัวของนายจะหลุดออกจากบ่าแต่ฉันก็อยากเห็นเหมือนกันว่าข้างในนั้นมีสมบัติอะไรอยู่บ้าง” แบล็คแคทผู้ซึ่งเป็นหญิงสาวที่สวมใส่ชุดสูทสีขาวกล่าวออกมา ยิ่งไปกว่านั้นผิวพรรณของเธอก็ขาวมากมันจึงไม่มีใครทราบจริง ๆ ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้รับฉายาว่าแบล็คแคท
(แบล็คแคท แปลว่า แมวดำ)
ส่วนนินจาที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เป็นชายหนุ่มตัวเตี้ยที่กำลังยืนนิ่งราวกับต้นไม้ ซึ่งชายคนนี้ได้แต่งกายด้วยชุดนินจาสีดำพร้อมกับใช้ผ้าปกปิดใบหน้าจนทำให้เขาดูเหมือนกับนินจาจริง ๆ
ไม่ว่าแบล็คแคทกับแมนทิสจะโต้เถียงกันมากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับสองคนนั้นเลย โดยดวงตาของเขายังคงมองไปยังรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง
“ถ้าเธออยากรู้ว่าอะไรอยู่ข้างในเธอก็แค่ใช้เสน่ห์หลอกล่อบอสไรนอร์ก็พอ แต่ฉันคิดว่าบอสคงจะไม่ชอบก้นดำ ๆ ของเธอหรอก” แมนทิสกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
ทันใดนั้นแบล็คแคทก็พุ่งเข้าหาแมนทิสด้วยความโกรธเกรี้ยว ซึ่งในระหว่างนั้นมือของหญิงสาวชุดขาวเหมือนกับจะมีอะไรเปล่งประกายออกมาและเมื่อเซี่ยเฟยจ้องมองอย่างระมัดระวังเขาก็ได้พบว่าเธอคนนี้ได้สวมใส่ถุงมือที่มีกรงเล็บคล้าย ๆ กับอุ้งเท้าของแมว
ขณะเดียวกันนินจาซึ่งยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็พุ่งเข้ามาขวางทั้งสองคนเอาไว้โดยเขาไม่ได้พูดอะไรราวกับว่าเขาเป็นหุ่นยนต์
“เรื่องนี้จบลงเมื่อไหร่ฉันจะเป็นคนฆ่านายด้วยมือของฉันเอง!” แบล็คแคทกล่าวพร้อมกับกระทืบเท้าด้วยความขุ่นเคือง
ถึงแม้ว่าจะถูกข่มขู่แต่แมนทิสก็ยังคงแสดงสีหน้าออกมาอย่างไม่ใส่ใจ ในขณะที่เขายังคงเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายไปให้กับหญิงสาว
แต่ในทันใดนั้นเองจู่ ๆ แบล็คแคทก็ได้หันหน้าไปยังชายป่าพร้อมกับแสดงท่าทางออกมาอย่างระมัดระวัง
“ดูเหมือนว่ามันจะมีอะไรบางอย่างจับจ้องพวกเราอยู่!!” แบล็คแคทส่งเสียงตะโกนเตือน
“เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม พวกมันมีกันกี่คน?” แมนทิสกล่าวพร้อมกับดึงค้อนแหลมคู่หนึ่งออกมา
‘อะไรกันฉันควบคุมลมหายใจกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมแล้วไม่ใช่หรอ พวกนั้นค้นพบตัวตนของฉันได้ยังไง’
ขณะเดียวกันทางด้านของเซี่ยเฟยที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในป่าก็รู้สึกตกใจมากเมื่อได้ยินคำพูดของแบล็คแคท
แต่ในเวลาเพียงแค่ไม่นานมันก็ได้มีเสียงฝีเท้าดังกึกก้องพร้อมกับเสียงร้องคำรามของสัตว์ร้าย
“มีเยอะมากและพวกมันก็กำลังมาแล้ว!” แบล็คแคทส่งเสียงตะโกนออกมาอีกครั้งและตั้งท่าเตรียมพร้อมทำการต่อสู้
***************
ใครอ่ะ มากันเยอะเลย?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 288
แสดงความคิดเห็น