[fic Vocaloid] Just be…? [Gumi x Gumiya] Chapter 10

[fic Vocaloid] Just be…? [Gumi x Gumiya]
คุณกำลังอ่าน: [fic Vocaloid] Just be…? [Gumi x Gumiya]

-A A +A

[fic Vocaloid] Just be…? [Gumi x Gumiya] Chapter 10

หมวดหนังสือ: 

Chapter 10

อยู่ดีๆ ก็เลื่อนลอย

มองอะไรก็เหงา

หลับตาลงก็เห็นเป็นเงา

เงาของเธอเรื่อยไป…

เช้าวันพฤหัส กุมิตื่นขึ้นมาอย่างไม่สดชื่นเท่าไรนัก เนื่องจากเธออ่านหนังสือจนดึก กว่าจะได้นอนก็เข้าวันใหม่เสียแล้ว แถมกว่าจะข่มตาให้หลับลงได้ก็ต้องใช้เวลานานนับชั่วโมง เพราะอะไรน่ะหรือ?

จะเป็นใครไปได้นอกจากเจ้าของใบหน้าคมที่ชอบเข้ามาวนเวียนในหัวของหญิงสาวทุกทีที่หลับตา กุมิไม่เข้าใจว่าทำไมต้องคิดถึงเขามากมายขนาดนั้นเพราะก็เจอกันทุกวันอยู่แล้ว นี่คือความรู้สึกของคนที่กำลังตกหลุมรักใครอยู่หรือเปล่านะ…

“Line!” เสียงแจ้งเตือนของแอพพลิเคชั่นสนทนาชื่อดังทำให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์ เธอหยิบมือถือขึ้นมาปลดล็อกหน้าจอแล้วกดเข้าไปในตัวแอพทันที ปรากฏข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน 2 รายการ

Dell4210: ตื่นยัง 1 Min ago

กุมิหลุดยิ้มออกมา ตั้งแต่แลกไลน์กันเขาก็ทักเธอมาตลอดไม่เคยขาดสักวันเลย แล้วก็เป็นเธอเองที่เขินอยู่เรื่อยไป หญิงสาวมือสั่นเล็กน้อยก่อนจะตั้งสติพิมพ์ตอบไปว่า

GuMiDazz: ตื่นแล้วค่ะ

เดลล์ส่งสติกเกอร์หน้ายิ้มมาให้ก่อนจะถามต่อไปว่า

Dell4210: วันนี้เราเรียนชั้น4ใช่มั้ย?

GuMiDazz: สติกเกอร์ Yes.

Dell4210: เลิกกี่โมง พี่จะได้ไปรอหน้าห้องละเอาสมุดเลคเชอร์ไปให้

‘ที่แท้ก็เรื่องงานนี่เอง’ กุมิคิดในใจก่อนจะพิม์บอกเวลาเลิกของตน ได้รับสติกเกอร์ OK ตอบกลับมา หญิงสาวกำลังจะกดออกจากแชท ทันใดนั้นก็มีข้อความจากรุ่นพี่หน้าหล่อส่งมาว่า

Dell4210: วันนี้ตอนบ่ายเรามีเรียนหรือเปล่า?

GuMiDazz: มีจนถึงบ่ายสามครึ่งค่ะ

Dell4210: อ้อ พี่ก็เลิกประมาณนั้นเหมือนกัน

Dell4210: พี่ว่าจะชวนเราไปกินไอติมด้วยกันหน่อยน่ะ มีร้านอร่อยๆ นะ อยู่ใกล้ร้านเราเลย

หัวใจของกุมิเต้นรัวเมื่อเห็นข้อความที่เดลล์ส่งมา หญิงสาวรีบพิมพ์ตอบตกลงทันที ก่อนจะขอตัวไปจัดการธุระส่วนตัวแล้วลงไปซื้ออาหารเช้าง่ายๆ ที่ร้านสะดวกซื้อด้านล่างแมนชั่น และกลับขึ้นมานั่งกินบนห้อง

ใช้เวลาจัดการกับมื้อเช้าไม่นาน ร่างบางก็จัดกระเป๋าเตรียมตัวไปเรียนได้ทันเวลาพอดี ไม่ลืมล็อกห้องให้เรียบร้อยก่อนจะเดินตรงไปที่ลิฟท์เพื่อลงไปชั้นล่างอีกครั้ง ทันใดนั้นก็เห็นร่างของใครคนหนึ่งทางหางตา หญิงสาวหันไปมองเพื่อความแน่ใจว่าเธอไม่ได้ตาฝาด ก่อนจะร้องทักขึ้น “กุมิยะ”

[Gumiya’s part]

ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกดังอยู่ใกล้ๆ พอหันไปมองก็เจอเข้ากับยัยกุมิที่กำลังยืนกดลิฟท์ลงไปข้างล่าง ผมหันไปยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้าไปหา

“เอ้า… นึกว่าออกไปแล้วซะอีก” เอ่ยทักก่อนจะขยับมายืนใกล้ๆ ยัยนั่นยิ้มแหยก่อนตอบ

“โทษที ฉันตื่นสายไปหน่อย นึกว่านายล่วงหน้าไปก่อนแล้วนะเนี่ย”

“ยังหรอก” ผมพูด “ฉันยังเก็บของไม่เสร็จเลยยังไม่ออกไปเหมือนกัน”

ที่พูดไปเมื่อกี้น่ะข้อแก้ตัวทั้งนั้น ความจริง ฉันก็รอออกไปพร้อมเธอนั่นแหละ… ผมมองหน้าเธอนิ่ง มองเข้าไปในดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้น หวังว่าเธอคงจะเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ

“งั้นหรอกเหรอ” กุมิพยักหน้า ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ความหมายแฝงที่ผมสื่อออกไปจากคำพูดเมื่อครู่ หึ ยัยนี่ ซื่อยังไงก็ยังซื่อเหมือนเดิมจริงๆ แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ก็สายแล้ว พวกเราลงไปข้างล่างในเวลาอันรวดเร็ว เดินออกประตูแมนชั่นตรงไปยังมหาวิทยาลัยโดยไม่มีใครพูดอะไรอีก

“กุมิยะ วันนี้นายไม่มีเรียนบ่ายใช่ไหม?” ยัยกุมิถามขึ้นเมื่อพวกเรากำลังจะเดินเข้าห้องบรรยาย

“ใช่ ทำไมเหรอ?”

“หลังเรียนเสร็จนายไม่ต้องรอฉันนะ ฉันมีนัดกับพี่เดลล์น่ะ” เหมือนมีอะไรสะกิดใจให้ผมหงุดหงิดขึ้นมา เอะอะอะไรก็พี่เดลล์ พี่เดลล์ แล้วก็พี่เดลล์ ในเมื่อสนิทกันขนาดนี้แล้วทำไมไม่คบกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยล่ะ

“แล้วเธอมาบอกฉันทำไม ปกติก็กลับกับพี่เขาอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง?” ผมถาม พยายามควบคุมน้ำเสียงกับสีหน้าให้ปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้

“กุมิยะ นายไม่พอใจอะไรน่ะ” ดูเหมือนเธอจะสังเกตได้ว่าผมดูเปลี่ยนไป ทั้งที่ผมพยายามแล้ว แต่ไม่ว่าจะอย่างไร น้ำเสียงกับสีหน้าก็แสดงออกถึงความไม่พอใจชัดเจน ไม่นะ ฉันไม่ได้โกรธเธอสักหน่อย ถึงฉันจะรู้สึกอะไรกับเธอแต่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะแสดงความรู้สึกของตัวเองออกไปไม่ใช่หรือไง…

“เปล่าซะหน่อย” ผมตอบปัด พลางเดินเข้ามาในห้องบรรยาย เห็นกลุ่มเพื่อนอยู่ที่โต๊ะมุมหนึ่งที่ใครสักคนจองเอาไว้จึงเดินเข้าไปนั่งโดยมีตัวต้นเหตุของความไม่พอใจเดินตามมาด้วย แน่นอนว่าผมไม่ได้นั่งข้างกุมิเหมือนทุกครั้ง จะเพราะอะไรน่ะเหรอ? หวังว่าคุณผู้อ่านคงเดาได้นะครับ

[Gumi’s part]

ฉันเดินเข้าไปในห้องบรรยายพร้อมกับกุมิยะ หมอนั่นเดินเข้าไปที่ฝั่งหนึ่งของห้อง ฉันมองตามก็เห็นโต๊ะแถวเกือบหลังสุดที่เพื่อนจองไว้จึงเดินตามเข้าไปและนั่งลงข้างรินที่กำลังเล่นเกม ROV อย่างสบายอารมณ์

ฉันมองกุมิยะที่นั่งอยู่ข้างหลัง ใบหน้านั้นแสดงความไม่พอใจชัดเจน เมื่อกี้ก็ยังคุยกันดีๆ อยู่เลยแท้ๆ แค่ฉันบอกว่าไม่ต้องรอเพราะมีนัดแค่นี้ทำเป็นไม่พอใจ ฉันคิดว่ามันเป็นอะไรที่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย หรือนายนั่นจะโมโหอะไรมาก่อนหรือเปล่าก็ไม่รู้ (เธอมันซื่อจริงๆ//ไรต์)

เวลาเรียนผ่านไปอย่างราบรื่น จนได้เวลาพัก ฉันฟุบลงกับโต๊ะเลคเชอร์เพื่อพักสายตา กำลังสะลึมสะลือ ไลน์เจ้ากรรมก็เด้งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

Dell4210: เราอยู่ห้องไหน

หัวใจของฉันเต้นรัว ฉันลืมตา ก่อนจะรีบพิมพ์บอกเลขห้องให้รุ่นพี่สุดหล่อไปอย่างรวดเร็ว

Dell4210: อีกห้านาที พี่จะไปถึงหน้าห้องนะ รอแปปนึง

Dell4210: เราพักอยู่ป่าว

GuMiDazz: พักอยู่ค่ะ พี่รีบมาเลย

พี่เดลล์ส่งสติกเกอร์ OK ตอบกลับมา ฉันกวาดตามองเพื่อนที่นั่งเล่นกันอยู่ก่อนจะลุกขึ้นยืน รินที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมามอง “กุมิจัง จะไปไหนน่ะ”

“จะไปเอาของหน่อยน่ะ เดี๋ยวมานะ” ไม่รอให้เพื่อนๆ ได้พูดอะไรต่อ ฉันรีบเดินเลาะโต๊ะเลคเชอร์ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ ตรงไปที่หน้าประตูห้องบรรยายทันที ยืนรอเพียงไม่นาน บุคคลที่นัดไว้ก็เดินมายืนตรงหน้า เดลล์สวมเสื้อสีน้ำเงินกับกางเกงยีนส์สบายๆ เขายิ้มให้ฉันก่อนจะยื่นสมุดเลคเชอร์ที่หน้าปกมีรูปตัวการ์ตูนจากวงไอดอลชื่อดังเล่มหนึ่งมาให้ ฉันหรี่ตามองอย่างไม่อยากเชื่อ พี่เขาน่ะเหรอชอบไอดอลหน้าตาน่ารักแบบนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลย ยืนจ้องสมุดอยู่ได้ไม่นาน ฉันก็นึกได้จึงหันไปหาพี่เขาที่กำลังยืนมองฉันอยู่

“ขอบคุณมากนะคะพี่เดลล์ เดี๋ยวใช้เสร็จกุมิจะเอามาคืนให้”

“พี่บอกแล้วไง เล่มนี้พี่ให้เลย เราไม่ต้องเอามาคืนพี่แล้ว” พี่เขาพูดขึ้นเป็นประโยคแรก ฉันไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่จึงถามให้แน่ใจอีกครั้ง พี่เขาพยักหน้ารับ ฉันขอบคุณพี่เขาอีกครั้งก่อนจะนัดหมายสถานที่ที่เราจะไปเจอกันหลังเรียนเสร็จ พูดอะไรกันสองสามคำก็แยกกันเดินกลับเข้าห้องเรียนของตนไป

ฉันเดินกลับเข้าห้องเรียนทันเวลาพอดี เมื่อเข้ามานั่งก็รีบเก็บสมุดเลคเชอร์ลงกระเป๋า ตอนนี้ยังไม่มีใครสงสัย ก็ดีแล้ว เพราะฉันเองก็ไม่ได้อยากเป็นจุดสนใจของใครเท่าไร ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีสมาธิกับการเรียนช่วงครึ่งหลังมากกว่าปกติ สามารถเข้าใจสิ่งที่อาจารย์บรรยายได้เยอะพอสมควรจนอดแปลกใจไม่ได้ ทั้งที่ปกติวิชานี้เรียนแทบไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ หรือนี่อาจจะเป็นเพราะได้เจอพี่เขาก็ไม่รู้ เคยได้ยินคำพูดที่ว่า เมื่อมีความรัก อะไรก็ดูสดใสไปหมด แล้วความรู้สึกของฉันที่มีต่อพี่เขานี่เรียกว่า “รัก” หรือเปล่านะ…

ดวงตาที่ดูสดใส อะไรก็ดูดีทุกอย่าง ยิ่งมองยิ่งทำให้หวั่นไหวหัวใจ

ทุกครั้งที่เธอส่งยิ้ม ใจฉันก็หลงละเมอ แอบคิดแอบเอาไปเพ้อ Baby…

เวลาผ่านไป อาจารย์เลิกคลาสแล้ว ฉันเดินออกมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนเหมือนทุกวัน พวกเรากดลิฟท์ลงมาข้างล่าง ฉันแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อนไปที่หน้ามหาวิทยาลัยเพื่อไปรอพี่เดลล์ตามที่นัดกันไว้ ไม่นานพี่เขาก็เดินมา

“รอนานมั้ย?” พี่เขาเอ่ยถาม ฉันส่ายหน้า

“ไม่หรอกค่ะ พี่จะพากุมิไปร้านไอติมตรงไหนเหรอคะ?” ฉันพูดถึงร้านไอศกรีมที่พี่เขาพูดถึงในไลน์เมื่อเช้า พี่เดลล์ยิ้มก่อนจะเดินนำออกจากประตูมหาวิทยาลัยก่อนจะพูดขึ้นว่า

“ร้านใกล้กับคาเฟ่ที่เราทำงานอยู่นั่นแหละครับ ร้านนี้อร่อยนะ พี่เคยไปกินมาแล้ว รับรองได้” ฉันเดินตามพี่เขาไปทันที ตอนนี้ทั้งความหิวและความอยากรู้ตีกันมั่วไปหมด ฉันจึงเดินตามพี่เขาไปก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเสียงท้องที่เริ่มร้องขออาหารมาสักพักแล้ว

[Writer’s part]

“กุมิยะ ยังไม่กลับอีกเหรอ?” เลนเอ่ยถามเพื่อนหนุ่มผมเขียวที่ยืนอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัย กุมิยะหันมาเห็นจึงยิ้มให้เพื่อนผมเหลืองที่ขยับเข้ามาใกล้ก่อนตอบ

“กำลังจะกลับน่ะ นายมาก็ดี กลับด้วยกันมั้ย?”

“เอาสิ ว่าแต่กุมิล่ะ ไปทำงานเหรอ?”

“ใช่” กุมิยะถอนใจก่อนจะเริ่มออกเดินนำไปก่อน เลนเดินตาม เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของเพื่อนผมเขียวข้างๆ มาตั้งแต่เช้า และคิดว่าควรจะถามให้รู้เรื่อง คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็เริ่มเปิดบทสนทนาขึ้น

“วันนี้นายเป็นอะไรหรือเปล่า ดูซึมๆ เบื่อๆ ยังไงพิกล”

“ก็นิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก” กุมิยะตอบเลี่ยงๆ

“กุมิยะ” เลนเรียกชื่อคนข้างๆ “ฉันว่ามันไม่หน่อยแล้วนะ มีอะไรเล่าให้ฉันฟังได้ ไม่ต้องปิดบังหรอก ยังไงฉันก็เพื่อนนาย จริงไหม?”

กุมิยะมองเพื่อนสนิทสักพักก่อนจะตัดสินใจอะไรขึ้นมาได้ เขาขอเข้าไปนั่งเล่นที่ห้องของเลน ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ปฏิเสธ พวกเขาหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมล์สักพัก รถสายที่ต้องการก็มาพอดี ทั้งสองขึ้นไปบนรถเมล์โดยมีจุดหมายเดียวกันคือ แมนชั่นนั่นเอง

เมื่อเดินเข้าไปในห้องแล้ว เลนและกุมิยะก็หาที่นั่งคุยกันตามอัธยาศัย โดยพวกเขาเลือกนั่งลงบนที่นอนของเลนนั่นเอง เลนเอาขนมออกมาจากตู้แบ่งให้เพื่อนสนิท พวกเขานั่งกินขนมไปคุยกันไป โดยเรื่องที่คุยก็เป็นเรื่องสัพเพเหระและ…

“กุมิยะ วันนี้ฉันว่านายดูแปลกๆ ไปนะ” เลนเปิดประเด็นขึ้นหลังจากเงียบไปนาน กุมิยะเอามันฝรั่งทอดชิ้นสุดท้ายเข้าปากเคี้ยวกร้วมๆ ก่อนถามกลับ

“แปลกยังไง?”

“ฉันสังเกตมาตั้งแต่เช้า วันนี้หน้านายบึ้งมากเลยนะ รู้ตัวหรือเปล่า?”

กุมิยะเงียบ เขารู้ตัวอยู่แล้วว่าวันนี้อารมณ์ไม่สู้ดีสักเท่าไร เมื่อเลนถามเอาตรงๆ ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะพูดเรื่องนี้กับเลนอย่างไม่ปิดบัง

“เลน” กุมิยะเรียก “ฉันรู้สึกว่า…” เขาเงียบไป เลนหยิบมันฝรั่งทอดเข้าปาก รอฟังสิ่งที่เพื่อนจะพูดต่อจากนี้อย่างไม่รีบร้อน

“ฉัน…ชอบกุมิว่ะ”

เลนนิ่งไปสักพัก ก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนสนิทแล้วเอ่ยขึ้นเรียบๆ

“แล้วนายจะทำยังไง บอกกุมิไปหรือยังล่ะ?”

“ยัง” กุมิยะตอบ “ฉันว่า ฉันไม่ควรบอกกุมิเรื่องนี้นะ”

“ทำไมล่ะ? ถ้านายมัวแต่เงียบเอาไว้แบบนี้ กุมิก็คงไม่มีทางรู้หรอกนะ”

“เลน ถ้านายสังเกตดีๆ กุมิมีคนที่ชอบอยู่แล้วนะ ยัยนั่นคงไม่รู้สึกอะไรกับฉันหรอก แล้วจะให้ฉันบอกยังไง?”

เลนคิดตาม ชายหนุ่มนึกถึงรุ่นพี่ผมดำที่เคยเห็นเมื่ออาทิตย์ก่อน เขามองหน้ากุมิยะแล้วถามว่า

“ถ้าฉันจำไม่ผิด กุมิกับพี่เดลล์ชอบออกไปไหนด้วยกันบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่ ฉันว่ายัยนั่นต้องชอบพี่เดลล์เข้าแล้วล่ะ” กุมิยะพูดขึ้นก่อนยกแก้วน้ำขึ้นจิบช้าๆ “แต่สิ่งที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนก็คือ ท่าทางพี่เขาก็ดูมีใจให้ยัยนั่นเหมือนกัน”

เลนชะงักมือที่กำลังรินน้ำใส่แก้ว เขาหันไปจ้องหน้าเพื่อนสนิทแบบไม่อยากเชื่อ “นายรู้ได้ไงว่าพี่เขาก็มีใจให้กุมิเหมือนกัน?”

“ถ้าคนไม่รู้สึกอะไร คงไม่มีทางสนิทกันปุบปับ แล้วก็ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ แบบนี้หรอก แล้วนายลองคิดดูนะ คนอย่างพี่เดลล์ หน้านิ่งๆ ไม่ค่อยยุ่งกับใคร ฉันเข้าไปคุยด้วยยังยากเลย แล้วนี่ดูสนิทกับยัยกุมิขนาดนั้น ทั้งที่ตอนอยู่กับพวกผู้หญิงคนอื่น ฉันไม่เคยเห็นว่าพี่เขาจะยิ้มด้วยเหมือนที่ทำกับยัยนั่นเลย ถ้ามันเป็นแบบนี้แล้วจะให้ฉันคิดว่าพี่เขาคิดกับกุมิยังไงล่ะ?”

“มันก็ถูกของนาย” เลนพยักหน้า “แต่ในเมื่อตอนนี้ทั้งกุมิและพี่เขาก็ยังไม่มีสถานะว่าคบกันชัดเจน โอกาสก็ยังเป็นของนายอยู่นะกุมิยะ” ชายหนุ่มให้กำลังจเพื่อนสนิทที่มีสีหน้ากังวลชัดเจน ความรักคงเข้าตาเพื่อนเขาเข้าแล้วกระมัง กุมิยะถึงดูกังวลและไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย ทั้งที่ในยามปกติใบหน้านั้นมักจะดูเรียบเฉย เพราะเจ้าตัวมักจะไม่ค่อยแสดงความรู้สึกภายในจิตใจออกมาให้เห็นเท่าไรนัก แน่นอนว่าเลนเองก็ไม่สามารถเดาได้ว่า ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั้น กุมิยะคิดอะไรอยู่กันแน่

“ฉันจะลองดู” กุมิยะพูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน “บางที อาจจะพอมีโอกาสอยู่บ้างก็ได้มั้ง…” เสียงเบาในประโยคท้าย

“ถ้านายกล้าพอ โอกาสอยู่ใกล้แค่เอื้อม รีบคว้าไว้ก่อนจะสายล่ะ” เลนพูดให้กำลังใจ กุมิยะนั่งคุยกับเลนต่ออีกสักพักจึงขอตัวกลับห้อง

ณ ร้านไอศกรีมเล็กๆ แห่งหนึ่ง กุมิและเดลล์เดินเข้ามานั่งอยู่ที่โต๊ะมุมหนึ่งติดหน้าต่างของร้าน ซึ่งสามารถมองออกไปเห็นถนนที่รถกำลังวิ่งไปมา และผู้คนที่เดินข้ามถนนไปอีกฝั่งได้อย่างชัดเจน ภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย โต๊ะเก้าอี้เข้ากันได้อย่างดีกับเฟอร์นิเจอร์ภายในร้าน โคมไฟระย้าด้านบนส่องแสงระยิบระยับทำให้ร้านดูมีสีสันมากขึ้น แว่วเสียงเพลงสากลที่เปิดคลอเอาไว้ทำให้ร้านไม่เงียบเหงาจนเกินไป

“ร้านนี้สวยจังเลยนะคะ” กุมิมองบรรยากาศภายในร้านแล้วอดชื่นชมในความสวยงามไม่ได้ หญิงสาวมองสำรวจโคมไฟหลากสีที่ห้อยอยู่ด้านบนสลับกับใบหน้าของเดลล์ที่นั่งฝั่งตรงข้าม เขาช่างเลือกร้านได้ถูกใจเธอจริงๆ

“กุมิชอบไหมครับ?” เดลล์สบตาหญิงสาวที่นั่งตรงข้าม ใบหน้าของกุมิเริ่มมีสีเรื่อให้เห็นเล็กน้อย เขาสบตาเธอนิ่งนานจนดวงตาสีเขียวมรกตต้องเป็นฝ่ายเสมองไปทางเมนูที่วางไว้บนโต๊ะแทน

“ชะ…ชอบค่ะ พี่จะสั่งไอติมเลยไหมคะ กุมิหิวแล้วนะ”

“จริงสิ พี่ก็ลืมไป งั้นสั่งเลยนะครับ” เดลล์พูดพร้อมกับที่พนักงานของร้านเดินมาพอดี ทั้งสองสั่งไอศกรีมคนละถ้วย พนักงานรับออเดอร์แล้วเดินออกไปทำไอศครีมตามที่ลูกค้าสั่ง ทิ้งให้กุมิและเดลล์นั่งคุยกันต่อ

“พี่มาร้านนี้บ่อยเหรอคะ?”

“ครับ ทีแรกพี่ก็ไม่รู้จักร้านนี้หรอก แต่มีเพื่อนแนะนำว่าร้านนี้อร่อย เลยลองมาน่ะ” เดลล์ตอบ กุมิพยักหน้า พวกเขานั่งคุยกันสักพักพร้อมกับที่พนักงานของร้านนำไอศครีมที่สั่งไว้เดินมาเสิร์ฟที่โต๊ะ

“ว้าว! น่ากินจังเลย” กุมิมองไอศกรีมเชอร์เบทมะนาวในถ้วยทรงสูงที่ประดับไว้ด้วยลูกเชอร์รี่ ชายหนุ่มที่นั่งฝั่งตรงข้ามมองหน้าหญิงสาวที่หันไปชื่นชมความสวยงามของถ้วยไอศครีมตรงหน้าตาไม่กะพริบ ก่อนที่พนักงานจะนำไอศครีมรสกาแฟที่เขาสั่งไว้มาเสิร์ฟอีกถ้วย เดลล์พยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณก่อนจะใช้ช้อนตักไอศกรีมในถ้วยของตนมาลองชิมบ้าง ความหวานปนขมกำลังดีของกาแฟทำให้ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจ

“อร่อยไหมครับน้องกุมิ” เดลล์ถามหญิงสาวที่จัดการกับลูกเชอร์รี่ในถ้วยไปเมื่อครู่ กุมิตักไอศกรีมเข้าปาก สัมผัสของความเปรี้ยวอมหวานของมะนาวทำให้หญิงสาวรู้สึกสดชื่นขึ้น กุมิพยักหน้าก่อนตอบ

“อร่อยมากเลยค่ะ พี่เดลล์พามาถูกร้านจริงๆ บรรยากาศก็ดีด้วย” เดลล์ยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินคำตอบของหญิงสาวที่นั่งตรงข้าม เขาเองก็ชอบร้านนี้ไม่น้อยไปกว่าเธอเช่นกัน

“ดีจังเลยนะครับ ไว้คราวหลังพี่พาเรามาอีก ดีมั้ย?”

“ดีเลยค่ะ อยู่ใกล้ร้านเราจริงๆ ด้วย เดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว” กุมิตอบพลางมองออกไปอีกฝั่งของถนน แลเห็นคาเฟ่ที่พวกเขาทำงานได้อย่างชัดเจน หญิงสาวมองนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าพวกเขาควรจะรีบกลับไปทำงานที่ร้านเสียที จึงรีบจัดการไอศครีมในถ้วยให้หมดโดยเร็ว สัมผัสรสเปรี้ยวอมหวานของเชอร์เบทมะนาวทำให้อยากสั่งมากินอีกสักถ้วย แต่ก็ต้องอดใจเอาไว้ก่อน มากินครั้งต่อไปเธอคิดว่าอาจจะลองรสอื่นดูบ้าง

กุมินั่งกินไอศกรีมอย่างเพลิดเพลิน และโดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว มีมือคู่หนึ่งยื่นทิชชูมาเช็ดคราบไอศครีมที่ติดอยู่ที่แก้มของเธอแผ่วเบา กุมิหันไปมอง ใบหน้าเริ่มมีสีเรื่อปรากฏให้เห็น สิ่งที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนเกิดขึ้นแล้ว ร่างสูงของเดลล์ยืนอยู่ข้างหลังของหญิงสาว มือเรียวบรรจงเช็ดคราบไอศกรีมที่เปื้อนบริเวณแก้มและเรื่อยมาถึงริมฝีปากของเธอ สัมผัสนั้นนุ่มนวลอ่อนโยน จนหญิงสาวนิ่งค้างไปชั่วขณะ

“มีคราบไอติมเปื้อนนิดหน่อยน่ะครับ พี่เช็ดออกให้แล้วนะ” เขาพูดเบาๆ และด้วยใบหน้าของเดลล์อยู่ข้างหลังกุมิ ประกอบกับที่ชายหนุ่มก้มหน้ามองอยู่ใกล้ๆ นั่นยิ่งทำให้ลมหายใจของชายหนุ่มเป่ารดต้นคอของหญิงสาวพอดี กุมิสะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วเริ่มแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

‘กะ…ใกล้เกินปแล้ว’ หญิงสาวคิด ขยับตัวเล็กน้อย ชายหนุ่มก้าวถอยหลัง เหมือนเขาจะรู้ว่าทำอะไรลงไป แต่ก็มิวายพูดหยั่งเชิงขึ้นว่า

“กุมิ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ หน้าแดงเชียว”

“ปะ… เปล่าหรอกค่ะ ไม่เป็นไร” พูดกลบเกลื่อนทั้งที่หน้ายังแดงไม่หาย

“หือ…” และโดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว มือเรียวของเดลล์ยื่นมาแตะหน้าผากของเธอ สัมผัสอุ่นๆ ที่หน้าผากทำให้ร่างของเธอเหมือนถูกสตาร์ฟ กุมินั่งตัวแข็ง เธอไม่คิดมาก่อนว่ามือเรียวที่สัมผัสหน้าผากของเธอนั้นจะอบอุ่นปานนี้ ทั้งที่อากาศในร้านเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศ เดลล์ลดมือที่แตะหน้าผากของรุ่นน้องลงพลางพึมพำเบาๆ “ไม่มีไข้นี่นา”

“กุมิไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ” กุมิตอบทั้งที่หัวใจของเธอเต้นแรงเหมือนมีใครเอากลองสักใบเข้าไปตียังไงยังงั้น เธอเกรงว่าคนทั้งร้าน รวมถึงรุ่นพี่หน้าหล่อที่ยืนอยู่ข้างๆ และลอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเธออยู่อาจจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอที่กำลังเต้นรัวอยู่ในขณะนี้ก็เป็นได้

“งั้น เราไปจ่ายเงินแล้วไปทำงานกันต่อนะครับ” เดลล์พูดก่อนจะเดินนำหญิงสาวออกไปที่เคาน์เตอร์หน้าร้าน ทั้งคู่จ่ายเงินค่าไอศครีมก่อนจะเดินออกมาจากร้าน มุ่งไปที่คาเฟ่เพื่อทำงานกันต่อทันที

หลังเลิกงาน กุมิเดินกลับพร้อมกับโซนิก้า ฮิเมะ และมิโคโตะ ทันใดนั้น ฮิเมะก็เปิดบทสนทนาขึ้น

“วันนี้ ทำไมพี่กุมิกับพี่เดลล์ถึงมาช้าล่ะคะ”

“ขอโทษด้วยนะจ๊ะฮิเมะจัง พี่ไปกินไอติมร้านข้างๆ มาน่ะจ้ะ เลยมาช้าไปหน่อย” กุมิตอบตามความจริง เพราะเมื่อพวกเขามาถึงร้านก็เปิดไปนานแล้ว พนักงานเริ่มทำงานกันได้สักพักใหญ่ๆ จนเสิร์ฟน้ำกับขนมให้ลูกค้าไปได้หลายราย พวกเขาจึงเดินเข้ามาในร้าน

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ก็คิดมากไปได้ เรื่องแค่นี้เอง” มิโคโตะตอบ

“ว่าแต่พี่กุมิไปกินกับใครเหรอคะ?” โซนิก้าถามขึ้นบ้าง ใบหน้าของกุมิแดงขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในร้านไอศครีมที่ทำเอาเธอรู้สึกแปลกไปจนไม่สมกับเป็นตัวเอง เมื่อโดนรุ่นน้องถามอีกครั้งหญิงสาวจึงเลี่ยงที่จะไม่พูดเรื่องนี้ แต่ก็พูดเฉไฉไปได้ไม่นานเมื่อถูกโซนิก้าและมิโคโตะที่เงียบมาสักพักจับไต๋ได้ว่าไปกับใคร เธอจึงเล่าอาการที่เกิดขึ้นกับตนให้รุ่นน้องทั้ง 3 ฟังแบบไม่ปิดบัง

“งั้นก็แสดงว่า พี่กุมิคง Falling in love เข้าแล้วละค่ะ” โซนิก้าพูดอย่างมั่นใจหลังจากฟังเรื่องที่กุมิเล่าจบ

“เธอมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอโซนิก้า?” มิโคโตะถามขึ้น

“Sure! อาการแบบนี้แหละ Falling in love ล่ะ” โซนิก้าตอบ

“แสดงว่าเธอก็เคยงั้นเหรอ?” เด็กสาวผมม่วงถามต่อ

“คนอย่างฉันน่ะเหรอ ไม่เคยก็แย่แล้วล่ะ” โซนิก้ายิ้มก่อนเดินนำออกประตูร้านไป

“ว่าแต่มิโคโตะเถอะ ไม่สนใจจะมีความรักกับเขาบ้างเหรอ?” ฮิเมะถาม มิโคโตะส่ายหน้าก่อนตอบ

“ฉันไม่สนเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ฉันว่ามันน่ารำคาญ รักไม่นานเดี๋ยวก็เลิก”

“แล้วอยากมีบ้างไหมล่ะ?” โซนิก้าขัด เด็กสาวผมม่วงเงียบไปสักพักก่อนตอบ

“ฉันว่านะ” มิโคโตะพูดเบาๆ “รอให้ถึงเวลา เดี๋ยวมันก็คงมาเองแหละ”

“แสดงว่า มีก็ได้ งั้นเหรอ?” กุมิถามขึ้นบ้าง มิโคโตะไม่ตอบ ทุกคนงงกันไปสักพัก โซนิก้าจึงทำลายความเงียบขึ้นว่า

“ในเมื่อพี่กุมิรู้สึกกับพี่เดลล์ขนาดนี้แล้ว พี่จะทำยังไงต่อไปเหรอคะ?”

พี่จะทำยังไงต่อไปเหรอคะ?

พี่จะทำยังไงต่อไปเหรอคะ?...

คำถามของโซนิก้าวนไปมาอยู่ในหัวของกุมิ ดวงตาสีเขียวมรกตสบกับดวงตาสีอความารีนคู่สวยที่จ้องตรงมาอย่างรอคำตอบ กุมิเงียบไปเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร สุดท้ายก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ

“แล้วได้สารภาพไปหรือยังคะ” คำถามที่หลุดออกมาจากปากของเด็กสาวผมม่วงที่ส่วนใหญ่จะเอาแต่เงียบทำให้ทั้งโซนิก้า และแม้แต่กุมิเองก็ประหลาดใจ

“สะ… สารภาพเหรอ?” กุมิทวนคำ มิโคโตะพยักหน้า

“ยะ… ยังเลยจ้ะ”

“แล้วพี่จะรออยู่แบบนี้น่ะเหรอ?” คราวนี้เป็นโซนิก้าที่เริ่มต่อบทสนทนาได้อีกครั้ง

“ก็มัน…” กุมิแก้ตัว “ก็พี่ไม่กล้านี่”

“ถ้าพี่ไม่มีความกล้า พี่เดลล์ก็คงไม่รู้หรอกนะคะว่าพี่รู้สึกยังไงกันแน่” มิโคโตะพูดอีกครั้ง โซนิก้าพยักหน้ารับ

“หรือไม่ถ้าพี่กุมิโชคดี พี่เดลล์อาจเป็นคนมาสารภาพก่อนก็ได้ รอดูไปเรื่อยๆ แล้วกันนะคะ” กุมิยิ้มแหย ความจริง หญิงสาวเองก็หวังให้เขามาสารภาพกับเธอก่อนมากกว่าที่เธอจะเป็นคนสารภาพก่อนเหมือนกัน แต่โซนิก้าก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “แต่ก็อย่าชักช้าจนเกินไป เพราะอาจมีคนคอยแย่งพี่เดลล์ไปจากพี่กุมิก็ได้น้า”

“จริงค่ะ พี่เดลล์หล่อขนาดนั้น ต้องมีคนชอบเยอะมากแน่ๆ พี่กุมิรีบสารภาพก่อนก็ดีนะคะ ฉันเอาใจช่วย” ฮิเมะพูดให้กำลังใจ ก่อนที่จะเดินมาถึงทางแยกพอดี พวกเขาทั้ง 4 คนจึงแยกกันกลับที่พักของตน

Tbc

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ เพียงเรียงรัก

รู้สึก แต่ไม่มีสิทธิ์สินะ...โอยยย

ขอบคุณมากครับไรต์

ยาวจุใจมากๆ

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.