STARCIN ภาคที่ 6 OverThrow ตอนที่ 16 กันโชก

-A A +A

STARCIN ภาคที่ 6 OverThrow ตอนที่ 16 กันโชก

20 มีนาคม พ.ศ.2576

แสงอ่อน ๆ ฉายลงบนใบหน้าอันงุนงงของเซนขณะที่ก้าวเดินกลับบ้านของตัวเอง

“เข้าไปลึกขนาดนั้นแล้วแท้ ๆ แต่ทำไมถึงกลับมามือเปล่าแบบนี้ล่ะ?”

“ไม่ได้กลับมามือเปล่าสักหน่อย ข้อมูลที่ได้มาก็มากพอที่จะวางแผนล่วงหน้าแล้ว”

พวกเขาใช้เวลาแค่ไม่กี่วันก็สามารถเดินทางกลับมายังเอลโฟเรียได้ หลังจากที่ข้ามผ่านเขตชายแดนของอาณาจักรนอดสำเร็จก็เรียกโฟลให้เอาเครื่องบินมารับ

“ยินดีต้อนรับกลับครับ” เหล่าสมาชิกสภาเมืองยืนเรียงแถวรอทักทายซึ่งบางคนก็ยังไม่รู้จักกลุ่มผู้ก่อตั้งเสียด้วยซ้ำและวันนี้ก็จะได้เห็นเสียที

“จะยืนอะไรให้มากพิธีแต่ไหน ๆ มาแล้วก็นั่งกินข้าวกันสักหน่อย”

“แหม ๆ ไม่นึกเลยว่านายจะเอ่ยปากชวนกินข้าวอย่างนี้” เซนยิ้มไม่หุบที่ได้เห็นซึฮากิพูดเช่นนั้นและยังโอบไหล่เป็นเพื่อนเล่น

“พี่กิ !” เสียงเล็กแหลมที่คุ้นเคยตะโกนมาแต่ไกลและกระโดดใส่พร้อม ๆ กับซึฮากิอ้าแขนรับ

“เหมือนจะเก่งขึ้นอีกแล้วนะเนี่ย พวกเธอพยายามกันได้ดีมาก” แววตาที่เคยเฉยชาได้หายไปเมื่อคุยกับเด็ก ๆ

“สองมาตรฐานจริง ๆ ทำไมนายไม่ยิ้มให้พวกเราบ้างเลย” คานะเฝ้ามองดูด้วยความน้อยใจแบะปากบ่น

นั่นสินะซึฮากิ ลักซ์ยืนมองอยู่ไกล ๆ ไม่กล้าเข้าไปขัดให้เสียบรรยากาศขณะที่พยายามคิดวิเคราะห์ลักษณะของซึฮากิเขาก็หันมาสบตาพอดีอย่างกับรู้ว่าโดนมองอยู่

แววตาใช้ได้เลยนี่ ถ้าได้สู้ด้วยสักครั้งคงดีไม่น้อย

หลังจากทักทายกันเสร็จสรรพพวกเขาก็ไปที่บ้านหลักเพื่อกินอาหารมื้อใหญ่ร่วมกันโดยมียูกิเป็นพ่อครัวรังสรรค์อาหารด้วยวัตถุดิบจากอาณาจักรนอด

“นี่มันอะไรกันเนี่ย ! ทำไมรสชาติถึงได้แตกต่างถึงเพียงนี้” เหล่าสมาชิกสภาเมืองหลาย ๆ คนยังไม่เคยลิ้มรสอาหารฝีมือยูกิที่ทำให้อาหารในเมืองดูหมองคล้ำไปทันที เสียงอุทานร้องออกมาเพราะความเอร็ดอร่อยที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนสลัดภาพลักษณ์ที่พยายามรักษาไว้ให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้นำ

แค่กินอาหารทำไมถึงโหวกเหวกโวยวายขนาดนั้น ลักซ์แอบมองจากด้านนอกได้ยินเสียงตะโกนพูดคุยและหัวเราะกันสนุกสนานจนเกิดความสงสัย

“พลเอกลักซ์ผู้ที่จะได้เป็นจอมพลในอนาคต” ลักซ์สะดุ้งตกใจเพราะอยู่ดี ๆ ก็มีเสียงอันเฉยชาพูดกรอกข้างหู

“ซึฮากิ...” เธอถอยห่างตั้งท่าเตรียมสู้ตามสัญชาตญาณ

“ใช่นั่นฉันเอง ได้ข่าวว่าช่วยฝึกพวกคิโนริด้วยนี่ยังไงก็ขอบคุณไว้ก่อน”

ไอ้ท่าทางที่พร้อมปะทะได้ทุกเมื่อแบบนั้นมันไม่ค่อยเหมาะกับคำว่าขอบคุณสักเท่าไร

“ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ...”

“ลักซ์ เอเลนเซอร์ ลูกสาวของลุงโทลเป็นหนึ่งในพลเอกของกองทัพอาณาจักรเซียและเป็นทหารองครักษ์ราชวงศ์ เกิดและเติบโตในชนบทจนได้เข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหารพร้อมกับนาธาและแสดงศักยภาพให้กรรมการได้เห็นจึงได้รับการสนับสนุนมากที่สุด”

ซึฮากิพูดแทรกก่อนที่ลักซ์จะได้เริ่มแนะนำตัวเสมือนเป็นการตอกย้ำว่าตัวเขารับรู้เรื่องอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องรีรอให้เสียเวลาถึงแม้การพูดขัดนั้นจะเสียมารยาทแต่ซึฮากิก็หาสนใจไม่

“ถ้าพูดถึงขนาดนั้นก็คงไม่ต้องเล่าอะไรแล้วสินะ”

“เอาตรง ๆ ฉันต้องการแค่คำตอบเดียวก็คือจะเป็นพันธมิตรหรือศัตรู” แม้ซึฮากิจะไม่แสดงท่าทีกลัวแต่เขาก็เว้นระยะห่างให้สามารถตอบโต้ได้ทันซึ่งลักซ์ก็สังเกตเห็นได้เหมือนกัน

มาไม้นี้สินะ การบังคับตอบคำถามที่สุดโต่งถ้ายิ่งคิดเยอะแสดงว่ามีความลังเล

“พันธมิตร”

“อืม...เข้ามาสิถึงจะเป็นคนจากอาณาจักรเซียแต่ก็เป็นลูกของลุงโทลและแฟนของนาธาแถมยังบอกว่าเป็นพันธมิตรก็คงจะหายห่วง”

“ทำไมถึงเชื่อใจง่ายขนาดนั้นล่ะ?” ก่อนที่ซึฮากิจะกลับเข้าบ้านเธอก็ส่งเสียงทักเสียก่อนขมวดคิ้วสงสัยในการกระทำที่คาดเดาได้ยาก

ซึฮากิกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะตอบ “ถึงจะมีเหตุผลแอบแฝงแต่พันธมิตรที่เธอตอบก็ไม่ได้โกหกนี่นา คงตัดใจจากนาธากับลุงโทลไม่ได้สินะสิ่งที่คิดได้คงยอมเป็นพันธมิตรไปก่อนค่อยเจรจาหาข้อตกลงร่วมกันทีหลัง...หรือไม่จริง”

เจ้าหมอนี่มันอ่านใจได้หรือยังไง? แถมยังมีพลังเดอะแปลก ๆ ที่ไม่เคยได้ที่ไหนมาด้วย “ฉันไม่รู้ว่านายเป็นคนยังไงกันแน่แต่เท่าที่ได้พูดคุยตอนนี้อย่างน้อยก็เป็นคนที่คิดก่อนทำแน่ ๆ และนายคงไม่คิดทำสงครามกับอาณาจักรเซียเพื่อแก้แค้นอะไรทำนองนั้นหรอกใช่ไหม?”

“เข้ามาก่อนสิ” ซึฮากิไม่ยอมตอบคำถามแต่กลับชวนเธอเข้าไปร่วมการเลี้ยงฉลองของกลุ่มผู้นำ

ให้ตายสิเอาแต่ใจชะมัดเลย เธอถอนหายใจเสียงดังตั้งใจให้ซึฮากิได้ยินเพื่อส่งความรู้สึกไม่พอใจให้รับรู้

ทั้ง ๆ ที่กลางวันแสก ๆ พวกเขาก็กินดื่มกันสนุกสุดเหวี่ยงจนผล็อยหลับไปเหลือเพียงแค่คนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์

“บอกแล้วให้กินแค่พอเหมาะไม่ใช่ให้ซัดกันเละเทะขนาดนี้แล้วถ้าพวกคิโนริเอาไปทำตามบ้างล่ะ?”

“นิดหน่อยน่าอย่างน้อยก็รอให้พวกเธออายุถึงก่อนแล้วค่อยมาดื่มกัน” เสียงสั่น ๆ ของเซนที่อยู่ในสภาพไม่สู้ดียกแก้วเหล้าเดินไปมาไม่หยุด

“ไม่ ๆ ถ้าพี่กิไม่ให้ดื่มหนูก็จะไม่ดื่มเด็ดขาด” เสียงเล็กใสอันหนักแน่นเอ่ยออกมาพร้อมกับทำหน้าบูดไม่พอใจที่เซนพูดเช่นนั้น

“ช่างเถอะ ใครที่ยังมีสติอยู่ตามมาที่ห้องประชุมหน่อย”

ผู้ที่ยังเหลือรอดมีคานะ โค สเตล่า ลักซ์และมังกี้ พวกเขาตามซึฮากิไปยังห้องประชุมสภาเมืองขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงงสงสัยไม่อาจคาดเดาสิ่งที่ซึฮากิจะพูดได้

“ฉันได้ข้อมูลของอาณาจักรนอดมาแล้วและด้วยอาหารของยูกิมันก็สามารถควบคุมทิศทางของจักรพรรดินีได้บ้าง ดังนั้นเราก็ยังไม่ต้องกังวลเรื่องการบุกยึดในเร็ว ๆ นี้”

อาณาจักรนอดเหรอ? ที่นั่นเคยถูกเรียกว่าจักรวรรดิเพราะเริ่มบุกยึดเมืองต่าง ๆ จนมีอาณาเขตกว้างใหญ่พอ ๆ กับอาณาจักรเซีย ด้วยความที่เธอเป็นคนแปลกหน้าจึงไม่กล้าเปิดปากพูดอะไรทำเพียงเฝ้ามองการพูดคุยของพวกเขา

“แสดงว่านายมีแผนอื่นที่จะทำก่อนใช่ไหม?” สเตล่าเอ่ยถามเป็นคนแรก

“ใช่ ไหน ๆ ก็มีพลเอกจากอาณาจักรเซียมาถึงที่แล้วก็คงต้องคุยกันสักหน่อย ภารกิจของเธอคือจับตัวพวกเราใช่ไหม?” ซึฮากิเหลือบมองหน้าลักซ์ให้ความรู้สึกถูกกดดันราวกับโดนอาจารย์จ้องตอนเรียน

ซึฮากิและลักซ์นั่งหันหน้าจ้องกันแรงกดดันมหาศาลส่งผลให้พรรคพวกของเขาไม่กล้าเข้าใกล้

“คุณลักซ์ได้รับภารกิจให้จับตัวพวกเราไปสินะ แล้วที่คุณบอกว่าเป็นพันธมิตรมันก็จะขัดกับภารกิจของราชาสิครับ”

“ก็ใช่แต่ค่อยคิดหาข้ออ้างก็น่าจะรอดไปได้ ฉันไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการของพวกเขานักหรอกแต่ก็เพื่ออาณาจักรเซีย”

“ไม่เห็นด้วยแต่ก็ยังทำตามอยู่มันดูย้อนแย้งนะ แต่ก็เข้าใจได้เพราะเราแค่คนเดียวไม่มีสิทธิ์แย้งคนหมู่มากได้อยู่แล้ว”

“ถูกต้องตามที่นายเข้าใจ อาณาจักรเซียมีรูปแบบการเลือกเสียงข้างมากในการทำอะไรสักอย่างแต่ก็ต้องได้รับการยินยอมจากราชาซึ่งเกือบทุกคนก็เห็นด้วยกับการอัญเชิญผู้กล้าและฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อเฟ้นหาผู้มีความสามารถและกำจัดคนที่ไร้ประโยชน์ทิ้ง”

การสนทนาที่เหมือนเรียบง่ายกลับเต็มไปด้วยความหนักแน่นทั้งสายตาอันเฉยชาของซึฮากิที่เหมือนกับรับรู้ทุกสิ่งที่ลักซ์พูดและแววตาของลักซ์ที่กำลังจ้องจับจุดอ่อนของชายหนุ่มตรงหน้า

“อยากเป็นแบบไหนล่ะ?” ขณะที่ต่างคนต่างเงียบซึฮากิก็เอ่ยขึ้นมา

“หมายถึงอะไร?”

“อยากเป็นพันธมิตรแบบไหน คู่ค้า? พันธมิตรร่วมสงคราม? หรือจะเป็นแค่ในนาม”

จริงด้วยสิตอนแรกคิดว่าขอแค่ไม่เป็นศัตรูกันแต่ก็ไม่ได้นึกถึงเหตุผลของการเป็นพันธมิตร ถ้าเหตุผลไม่มีน้ำหนักมากพอก็จะล้มเลิกแผนสินะ

“ดูจากสายตาของนายก็คงอยู่แล้วใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นฉันจะตอบตรง ๆ ก็คือฉันไม่ได้คิดถึงจุดนั้นไว้ถ้านายต้องการเสนออะไรก็จะรับฟัง”

“เหอะ รอคำนั้นมานานแล้ว...เรามาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันเถอะ” ซึฮากิยิ้มในหน้าเอื้อมมืออันหยาบกร้านให้กับเธอ

ธุรกิจเหรอ เขาจะทำอะไรขายให้อาณาจักรเซียกันแน่แต่ก็ดีกว่าพันธมิตรสงครามที่มีโอกาสหักหลังกันได้ง่าย ส่วนพันธมิตรแค่ในนามมันก็ไม่มีน้ำหนักมากพอให้เจรจากับพวกรัฐบาลและราชาโอบา

“ตกลงตามนั้น ฉันจะคุยกับสภาผู้นำให้” ถึงแม้จะดูลังเลอยู่พักหนึ่งแต่ก็ยอมจับมือตอบรับข้อเสนอที่ไม่อาจรู้ได้ว่าในอนาคตจะเป็นเช่นไรแต่เพื่อตัวเธอและครอบครัวของเธอจึงตอบตกลง

“พวกเธอไม่นั่งเหรอ?” ขณะที่เจรจาซึฮากิก็เหลือบไปเห็นพวกคานะยืนตัวเกร็งกันอยู่ไกล ๆ

“เห็นคุยเรื่องสำคัญกันอยู่ก็เลยไม่อยากขัด”

“นั่งเถอะฉันไม่ว่าอะไรหรอก” เมื่อพวกเธอได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเออออตาม

ซึฮากิหยิบกระดาษดินสอเขียนแบบแผนใหม่ที่จะทำให้อาณาจักรอาฟเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ทั้งโรงงานไฟฟ้า บ่อบำบัดน้ำ โรงงานอุตสาหกรรม การขยายเมืองรวมทั้งแบ่งสัดส่วนที่ทำงานและที่พักออกจากกันได้อย่างดี

“โชคดีที่จัดการระบบไฟฟ้าเบื้องต้นไปแล้วและดูเหมือนพวกเขาจะคุ้นชินจนใช้กันเป็นหมดแล้วด้วย เพราะฉะนั้นฉันจะยกระดับข้ามไปอีกขั้นซึ่งอาจจะทำให้ทุกคนเหวอไปสักพัก”

“ไฟฟ้าก็ว่าเจ๋งแล้วนะนายจะทำอะไรอีก” คานะที่พอเข้าใจเรื่องที่ซึฮากิสื่อเพราะมาจากโลกเดียวกันแต่ก็ยังไม่อาจทราบได้ว่าจะทำอะไรกันแน่

“ตอนแรกพวกเครื่องบินหรืออาวุธก็มักจะใช้เทคโนโลยีผสมผสานกับเวทมนตร์แต่ตอนนี้ฉันจะทำให้มันใช้งานได้ง่ายขึ้นไปอีก เครื่องบินโดยสารสำหรับหนึ่งร้อยที่นั่ง พาหนะขนส่ง สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างโทรทัศน์ โทรศัพท์ เครื่องซักผ้าและของเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ลำโพง ไฟฉายไปจนเครื่องดื่มชูกำลัง”

“โห ! นี่นายจะเอาให้เหมือนอยู่โลกเลยเหรอ?” หลาย ๆ สิ่งที่ซึฮากิเอ่ยออกมามีแค่พวกเขาสองคนที่เข้าใจทำให้คนอื่นนั่งมองตาปริบ ๆ

“จริง ๆ อยากทำให้ได้ในหนึ่งเดือนแต่ด้วยทรัพยากรจึงไม่อาจทำได้ดั่งใจ แต่อย่างน้อยการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมก็ต้องมาก่อนเพื่อสร้างอุปกรณ์ทันสมัยใช้ทำงานด้านอื่น ๆ ให้ดียิ่งขึ้น แถมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่อยากทำก็ต้องมีคนคอยควบคุมดูแลซึ่งคนในโลกนี้ต้องสอนและเรียนรู้อีกเยอะทำให้ต้องยืดเวลาออกไปอีก”

“เดี๋ยวนะนี่นายรู้วิธีทำโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ด้วยเหรอ ถ้าแบบนั้นนายก็น่าจะรู้วิธีทำระเบิดนิวเคลียร์ด้วยสิ”

“รู้สิแต่ฉันจะไม่ทำมันเด็ดขาดเพราะผลที่ได้ไม่คุ้มเสียแน่นอน และการก้าวหน้าของเทคโนโลยีถ้ามันไวเกินไปประชาชนจะตามไม่ทัน เพราะฉะนั้นฉันจะค่อย ๆ เพิ่มของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันไปก่อน”

ซึฮากิเหม่อมองตรงอย่างกับเห็นอะไรบางอย่าง

“มีม้าสีดำกำลังมาที่นี่ นั่นคงเป็นม้าของคุณลักซ์ใช่ไหม?” เมื่อเขาพูดเช่นนั้นมันก็ทำให้ลักซ์จ้องมองด้วยสายตาฉงนสงสัย

“ตอนมาด้วยเครื่องบินอะไรนั่นม้าของฉันขึ้นมาด้วยไม่ได้ เลยจำเป็นต้องฝากคนอื่นพามาแทนแต่ก็ล่าช้าจนนึกว่ามันพยศวิ่งเตลิดหายไปแล้ว”

“อยู่ถนนทางเหนือเธอก็ควรไปรับมันจะดีกว่า”

“ฉันก็กำลังจะขอตัวไปหามันพอดี เดี๋ยวจะกลับมาคุยต่อเชิญพวกนายคุยธุระเรื่องตัวเองกันไปก่อน” เธอก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นมารยาทก่อนจะลุกออกจากโต๊ะประชุมไป

ลักซ์วิ่งตรงไปตามทางที่ซึฮากิบอกจนได้เห็นชายวัยกลางคนจูงม้าสีดำทมิฬของเธอมาด้วยความเหนื่อยล้าจนหน้าซีด

“เลอนัว ! ฉันมาแล้ว” เมื่อเห็นม้าคู่หูของเธอก็เผลอตะโกนยิ้มเริงร่าก่อนจะเอามือปิดปาก

หลุดพูดภาษาอาณาจักรเซียอีกแล้วเราต้องปิดเรื่องนี้ไว้ก่อนจนกว่าจะเจรจากับซึฮากิเสร็จ อยากพูดปกติเต็มแก่แล้วเพราะภาษาที่นี่มันพูดยากไม่ค่อยชินเลย

“สวัสดีค่ะฉันเป็นเจ้าของม้าตัวนี้เอง” ม้าสีดำจ้องมองด้วยแววตาดุดันก่อนจะกระโจนเข้าหายื่นหัวให้ลูบไล้

“ดูท่าทางจะใช่ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” เขาหันหลังเดินช้า ๆ ไม่เหลียวแลสนใจลักซ์เลยแม้แต่น้อย

“เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณจะเดินกลับอย่างนั้นเลยเหรอคะ?”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ” ใบหน้าสะลึมสะลือสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวตอบกลับ

“อันนี้เงินนะคะเอาไปซื้อม้าที่ร้านไว้เดินทางแล้วก็กินข้าวสักหน่อยค่อยกลับก็ได้” แม้ตอนแรกชายผู้นั้นจะไม่ได้คาดหวังอะไรแต่เมื่อเปิดถุงเงินที่ลักซ์ยื่นให้เขาก็ต้องเบิกตากว้างจ้องมันไม่ละสายตาเพราะภายในนั้นเต็มไปด้วยเหรียญทองสะท้อนแสงอร่ามงามตามากพอที่จะใช้ได้ทั้งปี

ใบหน้าอับเฉากลายเป็นความเริงร่ายิ้มตลอดทางเดินเข้าเมืองไปพร้อม ๆ กับลักซ์ก่อนจะแยกทางกันไป

“ไปกันเถอะเลอนัว” ภายในตัวเมืองเอลโฟเรียผู้คนมักจะเดินเท้ากันเสียมากกว่าเพราะการรักษาความสะอาดถือเป็นเรื่องสำคัญ

“กลับมาแล้วค่ะ” เผลอพูดภาษาอาณาจักรเซียอีกแล้วยังดีที่เข้ามาในบ้านเสียก่อน

“ภายในเดือนนี้เราจะทำกล้องวงจรปิดและห้องบังคับการใหญ่เพื่อดูแลเมืองทั้งเมือง ซึ่งฉันต้องการคัดคนมาทำงานด้านนี้เน้นไปที่บุคลากรตำรวจ”

“จริงหรือเปล่าเนี่ยที่นายจะทำกล้องวงจรปิด...แล้ว ๆ จะทำกล้องถ่ายรูปไหม? อยากเอาไว้เก็บความทรงจำดี ๆ” คานะจ้องมองซึฮากิด้วยแววตาเป็นประกาย

“ก็เอาสิ ยังไงฉันก็จะทำพวกโทรศัพท์อยู่แล้วส่วนของอื่น ๆ ก็จะทำตามมาเท่าที่มีทรัพยากรเพียงพอ ตอนนี้ต้องรีบพัฒนาเทคโนโลยีให้ก้าวกระโดดเทียบเท่าโลกโน้นก่อน”

“กล้องถ่ายรูปเหรอ? ที่อาณาจักรเซียก็มีนะลองเอามาดูรูปแบบลักษณะก่อนหรือจะซื้อมาใช้ก่อนก็ได้” ลักซ์นั่งลงตรงข้ามซึฮากิไม่เกร็งเหมือนก่อนหน้านี้เพราะได้เห็นท่าทางเป็นกันเองของเขากับคานะหรือเพราะสัมผัสถึงเจตนารมณ์ที่ไม่เป็นพิษภัยของซึฮากิก็ไม่อาจทราบได้

“แล้วที่ว่าพันธมิตรแบบธุรกิจฉันต้องทำอะไรบ้าง?”

“เรื่องเดียวที่คุณลักซ์ต้องทำก็คือเป็นทางผ่านเข้าอาณาจักรเซีย คุณต้องไปคุยกับทางการให้ยกเลิกการจับกุมพวกเรา”

“มันก็พอเป็นไปได้อยู่แต่พวกเขามีเสียงมากกว่าฉัน มีแต่ต้องโน้มน้าวคนที่สนิท ๆ ก่อนค่อยเอาขึ้นที่ประชุมรวมกับเวลาเดินทางกลับอีกก็คงใช้เวลาเป็นเดือน ๆ”

“ไม่จำเป็นหรอกฉันมีวิธีที่ไวกว่านั้น [เปิดใช้งานการสื่อสาร]

หินสื่อสารของนัตโตะส่องสว่างขึ้นทำเอาสะดุ้งตกใจเพราะกำลังฝึกกันอยู่

“หัวหน้าครับ ! ผมขอไปเข้าห้องน้ำครับ” เวรเอ๊ยไอ้หน้าจืดนั่นโทรมาทำไมตอนนี้

“กลั้นไว้อีกหน่อยไม่ได้เหรอวะ! เป็นทหารก็ต้องรู้จักอดทน” ชายวัยกลางคนผู้เป็นคนคุมการฝึกฝนในครั้งนี้ตะเบ็งเสียงดังข่มนัตโตะ

“แต่ผมจะไม่ไหวแล้วนะครับ” ขณะที่กำลังจะหมดหวังก็มีเสียงผายลมดังไม่หยุดส่งสัญญาณอันตรายขั้นสุดที่ทุกคนรับรู้ได้

“ให้ตายสิ ! รีบไป ๆ”

น่าขายหน้าฉิบหายเลยเว้ย คอยดูเถอะเจ้ากิถึงเวลาเมื่อไรจะเรียกค่าตอบแทนคืนให้สาสมเลย

เมื่อนัตโตะแอบหลบสายตาของผู้คุมได้เขาจึงรับสายจากซึฮากิ “มีอะไรวะ?”

“ติดต่อหาฟรานและบอกสิ่งเหล่านี้ให้เธอฟัง”

พวกเขาใช้เวลาพูดคุยไม่กี่นาทีก็วางสายไปสร้างความตกตะลึงให้นัตโตะไม่น้อยเพราะคำพูดเหล่านั้นไม่น่าออกมาจากปากของซึฮากิ

“วันนี้ไปพักผ่อนกันก่อน เราจะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า” ซึฮากิลุกเดินออกจากห้องไปทันทีที่พูดจบทิ้งพวกคานะและลักซ์นั่งเกร็งไม่รู้จะพูดอะไรกันดี

“สวัสดีค่ะ หนูชื่อคานะเคยอยู่ในค่ายเมื่อตอนนั้นค่ะ”

“คานะคนที่พิชิตดันเจี้ยนบททดสอบใช่ไหม? ที่อาณาจักรเซียวุ่นวายกันไปหมดเลยนะตอนที่รู้ว่าพวกเธอยังมีชีวิตอยู่” พวกเธอค่อย ๆ เปิดปากพูดคุยกันทีละเล็กทีละน้อยแต่คานะก็ไม่ได้หวาดระแวงเธอมากนักเพราะซึฮากิยืนยันว่าจะเป็นพันธมิตรแล้ว

จากบันทึกที่หาได้ ช่วงนี้เดือนสองไปถึงเดือนหกทะเลที่อยู่ระหว่างอาณาจักรอาฟและอาณาจักรเซียจะปลอดโปร่งเหมาะแก่การออกเรือหาปลาดังนั้นการขึ้นบินก็น่าจะทำได้เหมือนกัน

ซึฮากิเดินตรงไปยังโรงหลอมเหล็กที่ขึ้นตรงต่อตัวซึฮากิและมีคนงานที่ไว้ใจได้แค่หยิบมือ

เพราะพวกคิโนริไปเจอทะเลในดันเจี้ยนก็เลยหาแหล่งปิโตรเลียมได้ แต่อุปกรณ์ก็ยังไม่ก้าวหน้าพอให้สร้างแท่นขุดเจาะดังนั้นเราต้องมาลงมือด้วยตัวเอง

“ทำงานกันได้ปกติไหม?” ซึฮากิเริ่มด้วยการทักทายและได้เห็นช่างภายในนั้นกำลังวุ่นกับการสร้างอุปกรณ์

“คะครับ ! รายการการผลิตทำได้ตามเวลาที่กำหนดแต่ดูเหมือนแนวโน้มการสั่งสินค้าจะเพิ่มขึ้นทำให้พวกเราต้องทำงานกันหนักขึ้นในอนาคตครับ”

“อืม ฉันเข้าใจแต่ก็โชคดีเพราะมีคนย้ายเข้ามาใหม่มากถึงสามพันคน เดี๋ยวฉันจะไปคัดคนมาให้”

“ขอบคุณครับ” แม้ซึฮากิจะย่างกายเข้ามาแต่ทุกคนก็ยังทำงานไม่หยุดมือเหลือไว้เพียงตัวแทนเพื่อพูดคุยกับเขา

“หลังจากนี้ฉันจะแบ่งเป็นอีกหน่วยเพื่อไปทำงานในดันเจี้ยนทะเล เราจะสร้างอู่ต่อเรือและโรงงานที่นั่นเพื่อขุดปิโตรเลียม”

“ปิโตรเลียม?”

“เรียกว่าเชื้อเพลิงก็แล้วกัน ถ้าได้สิ่งนั้นมาเราก็จะสร้างอารยธรรมที่สำคัญได้มากมายไม่ว่าจะน้ำมันพาหนะ น้ำมันเครื่องจักร ยางมะตอยหรือการสร้างไฟฟ้า”

“ไฟฟ้าเราก็มีอยู่นี่ครับ”

“ระบบกังหันลมกับเขื่อนมันไม่พอหากเมืองของเราใหญ่ขึ้น เราต้องการสร้างสิ่งที่ก้าวข้ามทุกอาณาจักรไม่เว้นแม้แต่อาณาจักรเซีย อำนาจการต่อรองของเราจะเพิ่มพูนขึ้นเมื่อมีสิ่งที่ล้ำค่าหรือเป็นที่สนใจของผู้คนรอบ ๆ ไม่ว่าจะทางด้านดีหรือร้ายก็ตาม”

“คุณซึฮากิก็เลยเพิ่มระดับความปลอดภัยสินะครับ แถมอาวุธที่ให้ทำมันก็รุนแรงมากจนพวกเอลฟ์ยังทึ่งไปเลย”

“เจ๋งใช่ไหมล่ะ คัดคนที่เหมาะแก่การดูแลและภักดีต่อให้เลเวลน้อยแค่ไหนก็ไม่ต้องกังวลเมื่อมีอาวุธที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้า ในอนาคตเราอาจจะเจอกับพวกตัวอันตรายก็ต้องมีอาวุธที่เหมาะแก่การสู้กับผู้ใช้เวทระดับสูงซึ่งนั่นก็คือปืนไรเฟิลระยะไกล ส่วนเรื่องแบบแปลนและตัวอย่างฉันจะทำไว้พร้อมกับสอนพวกนายด้วยก่อนจะออกไปทำธุระที่อื่นต่อ”

“วันไหนก็บอกได้เลยครับพวกเราพร้อมตลอด” แววตามุ่งมั่นของชายวัยกลางคนกำลังยิ้มฉีกกว้างเริงร่าแต่หารู้ไม่ว่าซึฮากิกำลังจะพูดอะไร

“เย็นนี้นี่แหละ”

“หา ! จริงเหรอเนี่ย” ดวงตาเบิกกว้างตกตะลึงจนแทบจะหมดสติแม้แต่คนที่ทำงานอยู่ก็ยังได้ยินจนยืนอึ้งเกือบเกิดอุบัติเหตุเสียแล้ว

หลังจากนัดแนะพูดคุยเรื่องวัสดุที่ใช้เสร็จซึฮากิก็กลับไปยังบ้านหลักเพื่อดูข้อมูลการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่

ในเดือนล่าสุดมีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรมากถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ อัตราการว่างงานอยู่ที่สองเปอร์เซ็นต์ซึ่งเป็นเอลฟ์เกือบทั้งหมด จะว่าโชคดีก็ได้เพราะพวกเขาสามารถเรียนรู้ได้ไวเมื่อเอามาฝึกงานและแจกจ่ายตำแหน่งหน้าที่ไปก็คงไม่มีปัญหา

“นี่เป็นเอกสารบัญชีของเมือง” โคยกกองกระดาษหนาเตอะมากองตรงหน้าซึฮากิ กลอกตามองด้วยความอยากรู้อยากเห็นการทำงานของเจ้านายของตนเพื่อเอาเป็นตัวอย่างในการปรับใช้กับตัวเอง

“พอเห็นกองเอกสารแล้วก็อยากทำระบบเก็บข้อมูลเหมือนกันนะเนี่ย เอาไว้ทำต่อจากห้องดูแลเมืองก็แล้วกัน”

“ฉันยังไงก็ได้” โคยืนมองอยู่ข้าง ๆ รอคำสั่งจากซึฮากิไม่ไปไหน

“การสั่งซื้อขวดแก้วเพิ่มขึ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ดูเหมือนพวกแอลกอฮอล์ที่ใส่ขวดแก้วจะเป็นที่นิยมมากเป็นพิเศษ ฟาร์มปลาที่เมืองของออร์คก็ขยายและเติบโตขึ้นมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์เหลือกินจนสามารถส่งออกไปยังเผ่าอื่น ๆ ได้”

“เราคงต้องเพิ่มกำลังผลิตสินะครับ ถ้าอย่างนั้นให้ผมเรียกคนที่ยังไม่มีงานมาไหมครับ?”

“ยิ่งเร็วได้ยิ่งดี ฉันจะสอนงานและคัดพวกเขาเอง”

ตลอดทั้งวันจรดฟ้ามืดซึฮากิก็ยังทำงานตรวจสอบและวางแผนโครงการใหม่ ๆ จนโคไปต่อไม่ไหวผล็อยหลับไป

ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดี ด้วยจำนวนตำรวจมากถึงสามร้อยคนสามารถควบคุมปัญหาภายในเมืองได้แต่ก็ได้แค่ตอนนี้ เมื่อรุ่งสางเราจะไปยังอาณาจักรเซียที่ที่เคยตามล่าพวกเราแม้มันจะเสี่ยงแต่ถ้าสามารถต่อรองได้เราก็จะขยายตลาดการส่งออกมากขึ้น ด้วยอุปกรณ์ก่อนหน้านี้อย่างตู้เย็นแบตเตอรี่ที่เราแอบส่งไปขายในอาณาจักรเซียมันก็น่าจะทำให้พวกเขาเห็นถึงศักยภาพโดยรวมได้

21 มีนาคม พ.ศ.2576

สายลมพัดผ่านร่างกายที่ยืนคอยอยู่ข้าง ๆ เครื่องบิน คานะ สเตล่า เซน ยูกิและลักซ์เฝ้ารอซึฮากิที่กำลังเตรียมเชื้อเพลิงและมานาสำรองสำหรับเดินทางข้ามมหาสมุทร

“เมื่อวานฉันต่อเติมช่องบรรทุกสัมภาระเพื่อให้ม้าของคุณลักซ์ขึ้นมาได้ แม้จะอึดอัดไปบ้างแต่ก็ต้องทน ๆ หน่อยแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็น่าจะถึงที่หมาย”

“ยังไงก็ขอบคุณที่ให้เอาเลอนัวมาด้วย แล้วเจ้านี่มันจะพาเราไปถึงที่นั่นได้จริง ๆ สินะ ถ้าต้องเดินทางด้วยม้าเร็วอย่างต่ำก็หนึ่งเดือนแต่เรากำลังจะไปถึงที่แอสต้าในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงถ้าฉันเอาไปเล่าให้ใครฟังก็คงไม่มีใครเชื่อแน่ ๆ”

“เราไปที่นั่นจะไม่เป็นอะไรจริง ๆ ใช่ไหม?” คานะจ้องมองแววตาของซึฮากิอย่างกับลูกนกจ้องมองแม่ของมัน

“ไม่ต้องห่วง ฉันมีแผนอยู่แล้วและต่อให้แผนแรกล้มฉันก็ต้องงัดไม้ตายออกมาแทน”

พวกโฟลช่วยกันตรวจสอบเครื่องบินและพื้นที่โดยรอบก่อนที่พวกเขาจะขึ้นไป หินเวทอยู่ครบ เวทประทับไม่ขาด มานาสำรองเต็มกระเป๋า

“ไปกันเถอะ ไปจัดการหนี้แค้นเก่าให้มันจบ ๆ กันเสียที”

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.