2. อ้อมกอดที่แสนอบอุ่น
2. อ้อมกอดที่แสนอบอุ่น
Dao talks
“พาย ทำไมพี่ซายน์ไม่มาซะทีสองชั่วโมงกว่าแล้วนะ” ฉันนั่งรอพี่ชายของเพื่อนรักที่ทางออกหมายเลขสิบสองนานจนรากจะงอกแล้ว แต่ไม่มีวี่แววพี่ซายน์จะมารับเลย ฉันนึกเกรงใจจึงเอาเบอร์โทรพี่ซายน์ที่ยัยพายให้มาโทรไปแค่สายเดียวแต่ไม่มีใครรับสาย
[ ฉันก็โทรไปตั้งยี่สิบสาย พี่ซายน์นะพี่ซายน์ถ้าเจอหน้าฉันดีดหน้าผากซักที หงุดหงิดโว้ย ] เสียงเพื่อนสาวดูไม่สบอารมณ์มากๆ
“ไม่เป็นไรแก เดี๋ยวพี่ซายน์คงมาแหละ อาจจะติดงานเลยมาช้า” ฉันมองโลกในแง่ดีพี่ซายน์คงทำงานติดพันเลยออกมาช้า หมอก็แบบนี้แหละไม่มีเวลาตายตัว
[ ติดหญิงน่ะสิไม่ว่า อุ้ย!! ]
“ติดหญิงอะไรแก” ฉันฟังไม่ชัดเลยสงสัยสัญญาณไม่ดี
[ คนไข้หญิงน่ะแก งั้นก็รอหน่อยละกัน ขอโทษแทนพี่ด้วย ] พอยัยพายวางสาย ฉันก็เริ่มหิวขณะที่กำลังจะไปหาอะไรกินรองท้อง หนุ่มตาน้ำข้าวตัวโตยืนอยู่ตรงหน้า เขาสวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นรองเท้าแตะสบายๆ เหมือนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลายๆคน
“Hey girl ! you are so cute. What’s your name? (คุณน่ารักจัง ชื่ออะไร)” ฉันไม่ชอบภาษาอังกฤษการสื่อสารอยู่ในระดับแย่มากถึงมากที่สุดแต่ประโยคง่ายๆก็พอได้บ้าง แล้วคนต่างชาติก็ชอบพุ่งตัวเข้าถามทางฉันเป็นประจำหน้าตาฉันคงเหมือนคนพูดภาษาอังกฤษเก่งล่ะมั้ง โชคดีมียัยพายอยู่ใกล้ๆ ยัยนี่เหมือนกินวุ้นแปลภาษาสำเนียงของนางเทียบเท่าเจ้าของภาษาเลยทีเดียว ฉันมองหน้าชายหนุ่มผมทองตาสีฟ้าตรงหน้า อะไรคิ้วๆ แต่อันหลังน่าจะถามชื่อนะ
“My name is Dao Star อ่ะ ดาว รู้จักมั้ย?” ฉันพูดแถมใช้มือประกอบชี้ไปบนฟ้า
“Can I sleep with you? (ผมขอนอนกับคุณได้ไหม)” หนุ่มตรงหน้ามองด้วยแววตากรุ้มกริ่ม
“ไม่มีทาง” ฉันพยายามเดินหนี แต่นายคนนี้ก็มายืนขวางไว้ทุกทาง ฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆสูงแค่ร้อยหกสิบกับผู้ชายตัวโตสูงเข้าไปตั้งเกือบร้อยเก้าสิบ ฉันชักเริ่มจะกลัวอยู่ดีๆก็มาขอนอนกับฉัน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆนะเว้ย
“How much? (เท่าไหร่)” อีตาฝรั่งหน้ามึนล้วงกระเป๋าเงินออกมาโชว์แบงค์ดอลล่าร์หนาเป็นปึกในกระเป๋า
“ฉันไม่ได้ขายโว้ย” ฉันมองไปรอบๆหาคนที่พอจะช่วยได้ แต่ไม่มีใครสนใจทุกคนคงจะนึกว่าฉันมากะสามีฝรั่ง มือหนาหยาบกร้านคว้าหมับที่ข้อมือฉัน ฉันพยายามดิ้น น้ำตาคลอพาลจะไหล
“That’s enough! (พอได้แล้ว)” น้ำเสียงทุ้มของใครคนหนึ่งพูด ร่างสูงสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์สีเข้มดึงฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองผู้มีพระคุณ นะ..นี่มันพี่ซายน์...
“Mind your business! (ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของแก)” ฝรั่งร่างยักษ์ชี้หน้าพี่ซายน์
“She is my wife. Get out!! (เธอเป็นภรรยาของผม ไสหัวไป)” พี่ซายน์พูดเสียงดังพอประมาณ คู่กรณีชี้หน้าเหมือนจะบอกว่าฝากไว้ก่อนเถอะแล้วเดินหนีไปทันที ตะกี้พี่ซายน์บอกว่าฉันเป็นภรรยาเลยเหรอ? แอบเขินเบาๆ ถึงจะพูดเพื่อไล่อีตาฝรั่งขี้หลีก็เถอะ
“รถจอดทางโน้นไปกันเถอะ” พี่ซายน์เดินนำไปที่รถสปอร์ตสีขาวคันหรูที่จอดอยู่ริมถนน เขาแย่งกระเป๋าในมือฉันไปถือ พอขึ้นรถแล้วฉันยังรู้สึกกลัวไม่หายถ้าพี่ซายน์มาช้ากว่านี้ไม่อยากนึกเลยอยู่ๆน้ำตาก็ไหลควบคุมไม่ได้
“พี่ขอโทษที่มาช้า กลัวมากใช่มั้ย?” พี่ซายน์ทำหน้าตกใจที่เห็นฉันร้องไห้ จึงคว้าฉันไปกอด มือหนาลูบหลังฉันเบาๆ กลิ่นน้ำหอมจางๆของผู้ชายอบอวลอยู่ใกล้ๆ หัวใจฉันเต้นแรงนี่เป็นครั้งแรกที่อยู่ใกล้เพศตรงข้าม ใกล้จนหัวใจแนบหัวใจ...รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่จะเคลิ้มไปมากกว่านี้ สติฉันบอกว่ายังไงซะพี่ชายเพื่อนก็เป็นชายแปลกหน้าอยู่ดี อยู่ๆเราจะมากอดกันได้ยังไง
“พี่ซายน์คะ..ไม่ต้องกอดก็ได้ค่ะ” ฉันผละออกจากอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นนั้น
“เวลาที่พายร้องไห้พี่ก็กอดปลอบใจเขาบ่อยๆน่ะ พี่ก็นึกว่า..เอ่อ..พี่ขอโทษที่กอดเรานะ” พี่ซายน์ขับรถออกจากสนามบินมาที่คฤหาสน์หรู แม่พั้นซ์ยืนรอต้อนรับที่หน้าบ้าน
“มาแล้วเหรอหนูดาว แม่เตรียมห้องให้แล้ว” แม่พั้นซ์ให้แม่บ้านเอากระเป๋าฉันไปเก็บและพาฉันไปทานข้าวที่โต๊ะอาหารในบ้าน พ่อไพรซ์นั่งรออยู่ก่อนแล้ว พี่ซายน์เดินตามมาเข้าไปนั่งที่นั่งประจำ
“แม่ขอโทษนะที่ลูกสาวแม่ทำให้หนูลำบากต้องมาอบรมแทนอย่างนี้” แม่พั้นซ์พูดถึงยัยพายลูกสาวสุดที่รักที่ไปเที่ยวกับแฟนหนุ่มจนฉันต้องมาปฏิบัติราชการแทน
“พรุ่งนี้อบรมอะไรล่ะหนูดาว” พ่อไพรซ์ถาม
“อบรมทำความเข้าใจเรื่องการรับอาสาสมัครชาวต่างชาติค่ะถึงตอนเที่ยง ตอนบ่ายทางบริษัทจะอบรมครูอาสาสมัครค่ะ” พรุ่งนี้ฉันก็ต้องไปพบปะชาวต่างชาติอีกสินะ..ยัยพายนะยัยพายป่านนี้ไปเที่ยวมีความสุขสนุกสนานที่ไหน จะรู้มั้ยนะว่าเพื่อนเกือบโดนฝรั่งร่างยักษ์ลากไปกิน
“พรุ่งนี้ซายน์ไปส่งแล้วรอรับน้องด้วยนะ พาน้องไปกินข้าวด้วย” แม่พั้นซ์บอกลูกชายที่นั่งเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวไม่พูดไม่ไม่จา
“ครับแม่” จากนั้นฉันก็ไม่ได้ยินเสียงพี่ซายน์อีกเลยตลอดระยะเวลาที่ร่วมโต๊ะอาหาร
ตอนเช้าพอแต่งตัวทานอาหารเช้าเสร็จ พี่ซายน์ก็พาฉันไปอบรมที่โรงแรมเจเอ็มซึ่งเป็นโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ พี่ซายน์จอดรถเสร็จแล้วจึงเดินตามฉันเข้าไปในโรงแรมด้วย
“เดี๋ยวพี่จะเปิดห้องนอนรอละกัน เสร็จแล้วโทรหานะ” เปิดห้องนอนรอฉันแค่ครึ่งวันเนี่ยนะ โรงแรมนี้หรูมากห้องธรรมดาก็น่าจะหลักหลายพันแล้ว
“ขอห้องสวีทครับ” ขุ่นพระ!! ห้องสวีทคือห้องที่แพงที่สุด พนักงานโรงแรมสาวสวยส่งยิ้มให้พี่ซายน์ พี่ซายน์ไม่ยิ้มตอบทำหน้าง่วงๆรับกุญแจและเดินขึ้นลิฟท์ไปทันที สาวสวยนางนั้นหน้าจ๋อยไปเลยคงจะรู้สึกเสียความมั่นใจ จริงอย่างที่พายว่าพี่ซายน์หน้าเดียวจริงๆ หายใจเข้าเข้าเวรหายใจออกคือนอน เรื่องผู้หญิงไม่มีในสารบบ
พออบรมเสร็จฉันก็โทรหาพี่ซายน์ หมอหนุ่มทำเสียงงัวเงียเหมือนนอนไม่เต็มตื่น ประมาณสิบนาทีร่างสูงก็เดินออกจากลิฟท์ตรงมาที่ล๊อบบี้ที่ฉันนั่งรออยู่ พี่ซายน์สวมเสื้อเชิร์ตสีขาวแขนสั้นธรรมดากับกางเกงยีนส์สีเข้ม สวมรองเท้ากีฬายี่ห้อดัง นาฬิกาหรูรุ่นลิมิเตดอิดิชั่นที่มีไม่กี่เรือนในโลก คนที่เพิ่งตื่นนอนผมชี้ไม่เป็นระเบียบแต่ดูดีมีออร่า ครูสาวสายภาษาที่มาอบรมด้วยกันมองตาไม่กระพริบ
“หล่อจังเธอ ดารารึเปล่า” สองสาวที่นั่งโซฟาตรงข้ามฉันกระซิบกระซาบกันเสียงดังพอดู
“หล่อกว่าดาราบางคนอีกนะ ผิวงี้ขาวเนียนออร่า คนแบบนี้เค้าเคยรู้จักการทำไร่ทำนาบ้างไหมนะ” พี่ซายน์กับยัยพายขาวเนียนออร่าจริงๆ ยิ่งถ้าเห็นพี่ซายน์ใส่เสื้อกาวน์เดินอยู่โรงพยาบาลยิ่งมีเสน่ห์ ยัยพายพาฉันเอาของไปให้พี่ซายน์ที่โรงพยาบาล หมอหนุ่มผิวขาวใสหน้าเกาหลีกำลังเดินราวน์วอร์ดผู้ป่วย ตอนนั้นฉันคิดว่าตัวเองแอบชอบพี่ซายน์แหละ แต่ก็ได้แค่นั้นไม่มีอะไรคืบหน้าเหมือนเราปลื้มดาราเพราะพี่ซายน์เหมือนดวงดาวที่อยู่บนฟ้าต่อให้เอื้อมคว้าแค่ไหนก็ไม่อาจเอื้อมถึง..ฉันเป็นแค่ลูกสาวแม่ค้าขายของชำจะไปคู่ควรกับผู้ชายที่ทั้งหล่อ ฉลาดและฐานะดีมากคนนั้นได้ไง
“ดาว รอพี่นานไหม พอดีพี่เผลอหลับลึก” พี่ซายน์เดินเข้ามาหาฉัน สาวๆรอบข้างต่างมองด้วยความอิจฉาเพราะเข้าใจว่าฉันเป็นแฟนพี่ซายน์และฉันรอโอกาสนี้มานานแล้ว ขอใช้ความเข้าใจผิดนี้สร้างความสุขให้ตัวเองสักหน่อย
“รอไม่นานค่ะ เราจะไปกินอะไรกันดีคะ” ฉันพยายามยิ้มหวานเท่าที่จะทำได้
“พี่จองร้านไว้แล้ว ไม่ไกลจากที่นี่” ร่างสูงไม่ได้ยิ้มตอบ สมฉายาพี่ซายน์หน้าเดียว พี่ซายน์เดินนำฉันไปก่อน
“รอด้วยค่ะที่รัก” ฉันไม่ได้พูดเสียงดังมากแต่ตั้งใจให้สาวๆแถวนั้นได้ยิน ขอยืมพี่ชายหน่อยนะพาย...
Sine talks
“ดาว รอพี่นานไหม พอดีพี่เผลอหลับลึก” ผมเผลอหลับจนเกือบจะไม่ตื่นตอนที่ดาวเพื่อนน้องสาวผมโทรมา
“รอไม่นานค่ะ เราจะไปกินอะไรกันดีคะ” ผู้หญิงตรงหน้ายิ้มให้ผม พอยิ้มแล้วก็น่ารักดีเหมือนกัน ดวงตากลมโตคู่นั้นทอประกายเหมือนมีดวงดาวอยู่ในนั้น
“พี่จองร้านไว้แล้ว ไม่ไกลจากที่นี่”
“รอด้วยค่ะที่รัก” ผมทันได้ยินคำนั้นพอดี ผมมันพวกหูผีจมูกมดอยู่แล้ว นึกขำเพื่อนน้องสาวคงมีอารมณ์อยากอวดแฟนอะไรประมาณนั้น ผมชินกับสายตาของผู้หญิงหลายๆคน ที่มองผมด้วยความสนใจ ยอมรับว่าตัวเองหน้าดีถึงดีมาก ฉลาด บ้านรวย จนเพื่อนในรุ่น MD 63 ให้คำนิยามผมว่า หมอซายน์ผู้สมบูรณ์แบบ ผู้หญิงหลายคนเข้าหาผมแต่ผมไม่เคยสนใจใคร นอกจากหมอพลอยคนเดียว ผมอยากคบกับเธออย่างจริงจังอยากจะบอกทุกคนว่าเธอคือแฟนของผม แต่เธอขอเวลาเพื่อที่จะจัดการเรื่องครอบครัวให้เรียบร้อยก่อน ตอนนี้ผมจึงเป็นแค่คนรักในความลับของเธอ..เท่านั้น...
ผมพาน้องดาวมาที่ร้านประจำของผม ซึ่งต้องโทรจองที่นั่งก่อน ร้านอาหารอิตาเลี่ยนสุดหรูใจกลางกรุง ร้านตั้งอยู่บนชั้นบนสุดของโรงแรมหรู รอบๆร้านกรุด้วยกระจก จำกัดแค่สิบโต๊ะต่อวัน ค่าอาหารไม่ต้องพูดถึงแต่ผมรวยไงและผมไม่มีเวลาใช้เงิน ถ้ามีเวลาก็ขอใช้เงินสร้างความสุขให้ตัวเองให้มากที่สุด...
“น้องดาวอยากทานอะไรสั่งเลยครับ” บริกรหนุ่มวางเมนูอาหารไว้บนโต๊ะ เพื่อนน้องสาวมองเมนูอาหารแล้วทำหน้าแปลกๆ เหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง
“พี่ซายน์คะ ไม่มีกะเพราไก่ไข่ดาวเหรอคะ?” เธอพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ ผมกลั้นยิ้ม เธอคงไม่เคยมากินอาหารแบบนี้ ที่สำคัญเมนูมีแต่ภาษาอังกฤษทั้งนั้น
“เอาแบบเป็นคอร์สละกันครับ” ผมเองก็ขี้เกียจสั่งเป็นอย่างๆ ให้ร้านจัดเซทมาเลยละกัน
“เป็นคอร์สสองท่านราคาอยู่ที่ประมาณท่านละสองหมื่นนะครับ” พนักงานแจ้งราคา น้องดาวทำตาโตด้วยความตกใจ
“ดาวไม่เอาเป็นคอร์สนะคะ ดาวกินแค่น้ำเปล่าก็พอ” น้องดาวจะรู้มั้ย? น้ำแร่ฝรั่งเศสที่กำลังดื่มขวดละห้าร้อย
“เอาเป็นคอร์สสองที่ครับ ถือว่าพี่เลี้ยงขอโทษเรื่องเมื่อคืนละกัน” นึกถึงดวงตากลมโตที่คลอไปด้วยน้ำตาแล้วผมอดรู้สึกผิดไม่ได้ ถ้าผมมาช้าแค่นิดเดียวผมต้องรู้สึกบาปไปตลอดชีวิตแน่ๆ ที่ทำให้เพื่อนน้องสาวโดนลากไปกับฝรั่งร่างยักษ์...
“ดาวเกรงใจค่ะ” น้องดาวทำหน้าลำบากใจ
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับที่รัก” ผมแกล้งเรียกเธอที่รักเหมือนที่เธอเรียกผม
“พี่ซายน์ได้ยินเหรอคะ?” หญิงสาวหน้าแดง ก้มหน้าลงมองโต๊ะอาหาร..ผมอมยิ้ม ทำไมผู้หญิงคนนี้น่าแกล้งจริงๆ...
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 200
แสดงความคิดเห็น