ตอนที่ 3 เขาช่วยชีวิตพวกเราไว้

ใจสื่อใจ รักเพื่อนาย
คุณกำลังอ่าน: ใจสื่อใจ รักเพื่อนาย

-A A +A

ตอนที่ 3 เขาช่วยชีวิตพวกเราไว้

หมวดหนังสือ: 

บทที่ 3

ตอน เขาช่วยชีวิตพวกเราไว้

               ลู่เฟยตัดสินใจอ่านสมุดบันทึกที่ทศให้ไว้ เขาเปิดบันทึกอ่าน

สมุดบันทึกของผม ผมเขียนมันครั้งแรกตอนที่เจอลู่เฟยครั้งแรกเช่นกัน ผมรู้จักลู่เฟยได้เพราะได้ดูละครซีรีส์เรื่องหนึ่งที่เขาเล่น และนั้นก็ทำให้ผมตกหลุมรักเขา ผมจะไปหาคุณให้ได้ นี้คือจุดมุ่งหมายของผม

ผมชื่อ ตัวทดลอง หรือเรือกอีกอย่างหนึ่งว่า เอ วัน 7 อันที่จริงสองชื่อนี้ไม่ใช่ชื่อจริงของผมหรอกนะ เพราะผมเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อแม่ทิ้งให้ตายในกองขยะ ผมถูกพบโดยคนเก็บของเก่านำไปไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

เมื่อผมอายุได้ 6 ขวบ ตอนนั้นที่นั่นเรียกผมว่า โชคดี แต่ได้เกิดเรื่องร้ายขึ้นกับผมและเพื่อน ๆ ด้วยความที่เราเป็นเด็กอยากรู้อยากเห็น และที่สำคัญด้านหลังของสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้าที่พวกเราอยู่ มีกำแพงสูงมาก ซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นได้เลยว่าอะไรอยู่หลังกำแพงนั้น มีทางเข้าทางออกแค่ทางเดียว ทางพี่เลี้ยงที่ดูแลพวกเราต่างก็สั่งห้ามพวกเราไม่ให้ไปเล่นที่นั้นเด็ดขาด แต่ด้วยความเป็นเด็ก มีอยู่คืนหนึ่ง พี่เลี้ยงส่งเราเข้านอน เขาลืมปิดประตู ผมเลยชวนเพื่อน 5 คนหนีเที่ยวกัน พวกเราไปที่ด้านหลังสถานที่เลี้ยงเด็ก แอบอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่เพื่อรอให้ รปภ.สับเปลี่ยนกัน หรือเข้าห้องน้ำ เมื่อเวลานั้นมาถึง รปภ.ได้ไปห้องน้ำจริง ๆ พวกเรารีบวิ่งเข้าไปภายในทันที พร้อมกับไฟฉายของ รปภ. ข้างในตึกสองชั้น กว้างใหญ่มาก แต่ข้างในมีแต่กลิ่นแปลก ๆ มากมาย และดูเหมือนที่นี่จะถูกทิ้งให้ร้างมากกว่า มีของอันตรายวางไว้มากมาย ตอนนั้นพวกเราไม่รู้ว่าของพวกนั้นอันตรายมากแค่ไหน พวกเราเดินไปเรื่อย ๆ ต้อง สดุจกับห้อง ๆ หนึ่งที่ดูเหมือนจะมีการใช้งานอยู่ ไฟฟ้าติดอยู่ ประตูกระจกเปิดอยู่ พวกเราจึงเข้าไปในห้องแห่งนั้น

ด้วยความเป็นเด็กสำรวจไปก็เจอกับหลอดแก้ว มีสีมากมาย เพื่อนของผมหยิบหลอดแก้วสีแดงขึ้นมาดู แต่ทว่าทันใดนั้น รปภ.ได้เข้ามาเจอพวกเราพอดี เขาร้องเรียกให้เราออกจากห้อง ด้วยความตกใจ เพื่อนของผมได้ทำหลอดแก้วสีแดงตกแตก แล้วทันใดนั้นประตูกระจกก็ปิดตายทันที พวกเราถูขังอยู่ในนั้น แสบเนื้อราวกับถูกไฟเผาไหม้ แล้วทุกอย่างก็ดับมืดไป

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“พี่ แม่บอกว่าทานข้าว”

เขาปิดสมุดบันทึกทันที แล้วเดินออกไปทานอาหาร

แม่ถาม “เป็นอะไรหรือเปล่าลู่เฟย”

ลู่เฟยตอบ “ไม่เป็นอะไรครับ”

พ่อพูด “ดีแล้วนึกว่าลูกจะคิดถึงเจ้าเด็กวิปสาศคนนั้น”

ลู่เฟยมองหน้าพ่อ เขาพูด “พ่อครับ เด็กวิปลาศคนนั้นเขาช่วยชีวิตเราทั้งครอบครัวไว้นะครับ”

พ่อพูด “ช่วยเหรอ ช่วยโดยการให้แก่แต่งงานกับเขาอย่างนั้นเหรอ ถ้าจะช่วยด้วยหัวใจจริง ต้องไม่เรียกร้องอะไรที่มัน....”เขาไม่อยากพูดให้กระดากตัวเอง

ลู่เฟยพูด “ผมอิ่มแล้ว ขอตัวนะครับ”

อาอิงพูด “พี่คะ”

เขาไม่สนเดินกลับห้องไปด้วยความโกรธ

แม่หันต่อว่าพ่อ “คุณเป็นอะไรของคุณ”

พ่อเงียบไป

               ลู่เฟยกลับไปห้องเขาอ่านสมุดบันทึกต่อ

               ผมตื่นมาในสถานที่แห่งหนึ่ง ทุกคนใส่ชุดแปลก ๆ ปกปิดหมดทั้งตัว พวกเขาพูดคุยกับผมมากมายโดยที่ผมไม่สามารถขยับตัวได้เลย ผมถามหาเพื่อน ๆ ของผม พวกเขาบอกผมว่า พวกเขากลับบ้านแล้ว ซึ่งตอนนั้นผมไม่เข้าใจเลยว่าคำว่ากลับบ้านคืออะไร คิดแต่เพียงว่า  บ้านคือสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า

               ผมสงสัยตลอดทำไมผมถึงไม่ได้กลับบ้าน กับเพื่อน ๆ จนเวลาผ่านไป  14 ปี ผมใช้ชีวิตที่ยาวนานมากในสถานที่แห่งนี้ พร้อมกับเพื่อน ๆ 6 คน อันที่จริงแล้ว หน้าจะพูดคำว่า เหลือแค่พวกเรา 7 คนเท่านั้น ผมจำได้ว่า ตอนผมฟื้นตัว ผมมีเพื่อนมากมาย แต่พวกเขาได้หายไปทีละคน ทีละคน จนเหลือแค่พวกเรา 7 คนเท่านั้น ทุกครั้งที่เราถามถึงเพื่อนที่หายไปไหน คำตอบเหมือนเดิมทุกครั้ง ทุกคนได้กลับบ้าน ในบรรดา 7 คน ผมอายุน้อยที่สุด พวกเราอยู่กันแบบครอบครัว แต่พวกพี่ ๆ จะมีครอบครัวมาหาพวกเขา เดือนละครั้ง แต่ผมไม่มีครอบครัว ผมรู้สึกอิจฉาและมีความสุขทุกครั้งที่เห็นภาพเหล่านั้น ตลกดีนะ พวกเราอยู่เหมือนอยู่ในคุก แตกต่างที่ว่า พวกเราได้รับการเรียนรู้ถึง 5 ภาษา ได้ฝึกการต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเอง พวกเขาจ้างครูฝึกให้สอนการใช้อาวุธราวกับเป็นเครื่องสังหาร แต่ผมก็เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาทำทุกอย่างเพื่อให้เราอยู่รอด

 ทุก ๆ วันผมต้องทานยาตลอด ต้องอยู่กับความเจ็บที่ได้รับยา ผมไม่เคยรู้สึกชินกับความเจ็บปวดนี้เลย 14 ปี กับสถานที่แห่งนี้ ไม่เคยได้มองเห็นโลกภายนอก ไม่เคยได้มองท้องฟ้า เห็นแต่หลอดไฟสว่างจ้าไปหมด

               เมื่อ วันที่พวกพี่  ๆ ทั้ง 6 ต้องกลับบ้าน พ่อแม่ครอบครัวของพี่ ๆได้มารับพวกเขา เหลือผมแค่คนเดียวที่ไร้ครอบครัว ในใจผมคิดว่า ถ้ามีพี่คนใดคนหนึ่งชวนผม ผมจะไปกับเขาทันที แต่ก็ไม่มี ผมจำสีหน้าของพวกพี่ ๆ ได้ทุกคน พวกเขายิ้ม พวกเขามีความสุข ครอบครัวของพวกเขารอค่อยการกลับบ้านของลูก ๆ ที่ยาวนาน ผมได้แต่ยืนดูผ่านกระจกกั้น แล้วยินดีไปกับพวกเขา พี่ ๆ หันมาพูดหน้ากระจก เขารู้ดีว่าผมยืนดูอยู่ ทุกคนต่างหันมายิ้มให้ พี่หนึ่งพูด เราอย่าเจอกันอีกเลย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพี่หนึ่งถึงพูดแบบนั้น และนั้นมันเป็นคำพูดที่ทำให้ผมเจ็บปวดที่สุด ในวันที่พวกพี่จากไป

               เวลาผ่านไปเร็วมาก 2 ปีแล้วที่พวกพี่ได้กลับบ้าน ผมยังคงอยู่จุดเดิมไม่เปลี่ยน ดูซีรีส์ของคุณทุก ๆ เรื่องที่คุณเล่น ผ่านทางคอมพิวเตอร์ ผมคิดถึงคุณจังลู่เฟย

               มีอยู่วันหนึ่ง พ่อถามผมว่าถ้ามีโอกาสได้ออกจากที่นี่ ผมจะไปไหน ผมตอบเขาโดยไม่ลังเลเลยว่า ผมจะไปเป็นบริการ์ดให้ลู่เฟย คุณคงสงสัยว่าผมมีพ่อหรือ ที่จริงแล้วคำว่าพ่อ คือ ผู้คุมงานในโคร่งการนี้ทั้งหมด เขาเป็นทั้ง พ่อ เพื่อน และผู้ให้ชีวิต

                ผมคิดเสมอจะออกจากที่นี่ได้ไง และมันก็เริ่มต้นขึ้น

 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.