บทที่ 1...1/3

ขอเพียงรักนี้นิรันดร
คุณกำลังอ่าน: ขอเพียงรักนี้นิรันดร

-A A +A

บทที่ 1...1/3

          เปรี้ยง!...โครม!!!!!!!

          แสงไฟโชติช่วงสว่างวาบกลางถนนสายยาวที่ตามมาด้วยความมืดมิด เมื่อสายไฟทั้งหมดกำลังร่วงลงพื้น เสาไฟนับสิบต้นค่อยๆ เอียงแล้วล้มลงกับพื้นถนนเป็นทางยาว ก่อนจะตามมาด้วยความเงียบ มีเพียงแสงไฟจากเพลิงที่กำลังไหม้รถคันหนึ่งซึ่งโชคร้ายได้รับพลังงานจากธรรมชาติโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

ร่างอ่อนปวกเปียกของผู้เป็นพ่อพยายามดึงร่างน้อยในอ้อมแขนออกมาจากรถ ก่อนจะทั้งลากทั้งดึงร่างของภรรยาที่ไร้ลมหายใจออกมาจากรถในเวลาต่อมา เสียงสะอื้นร่ำไห้ราวกำลังแข่งกับเสียงฝนพรำและลมที่พัดแรง เสียงร้องขอความช่วยเหลือหายไปกับสายลมและความมืดเพราะบริเวณนี้เป็นพื้นที่ห่างไกล แต่ใกล้กับบ้านที่ปลายทางห่างไปอีกไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น แต่เขาคงไปไม่ถึงอีกแล้ว

          “ธาม...ลืมตาสิลูก” มาสุเรียกลูกสาวที่เขานั่งบังฝนให้ แม้ตัวเองจะหายใจรวยรินใกล้หมดแรงในการหายใจเต็มทีแล้วก็ตาม

          ทว่าร่างของธามิณียังไม่ไหวติง อีกทั้งลมหายใจยังอ่อนเบาลงเรื่อยๆ สายฝนกำลังเทกระหน่ำ เช่นเดียวกับเลือดที่ไหลจากแผลตรงขมับของเด็กสาว หากผู้เป็นพ่อไม่ทำอะไรสักอย่างลูกสาวคงเสียชีวิต มาสุใช้แรงที่เหลืออยู่น้อยนิดเปิดประตูรถเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือ หากโทรหาโรงพยาบาลหรือกู้ภัยตอนนี้ ลูกสาวอาจจะรอด แต่เขาจะมีโอกาสได้ดูแลลูกอีกหรือเปล่าเพราะเลือดที่ไหลจากหน้าอกเพราะกระจกเสียบเข้าไปลึก จนมาสุไม่กล้าเสี่ยงดึงออกมากำลังทำให้ลมหายใจของเขาเบาลงๆ ทุกที

          เปรี้ยง!?!

          มาสุถลากระโจนเอาตัวไปบังร่างของธามิณีไว้ แต่ร่างของเขากลับถูกกระชากออกด้วยบางสิ่งที่มองไม่เห็นในตอนแรก ทว่ามันเจิดจ้าราวกับว่าฟ้าได้ผ่าลงมาตรงนี้อีกครั้ง เขามองหาลูกสาวด้วยความห่วงและกลัวที่สุดในชีวิต ทว่าร่างของธามิณีกลับเหมือนถูกครอบด้วยแก้วสว่างใสพร้อมๆ กับลำแสงหนึ่งได้ผ่านเข้าไป ช่างเป็นแสงที่เจิดจ้าจนเขาไม่อาจเพ่งมองตรงๆ ได้

พลันแสงสีม่วงได้ล้อมรอบอัญมณีที่มาสุเห็นถึงความสวยงามและประกายที่วาบขึ้นบนท้องฟ้า แม้จะเพียงแค่เสี้ยววินาที แต่เขาก็ได้คำตอบในวินาทีนั้นว่าอัญมณีที่เห็นคือผลึกกาลที่เคยได้ฟังเหล่าเทพเล่าขาน แต่ไม่มีผู้ใดได้พบเห็น

นี่มันหมายความว่าอย่างไร?

มาสุเอื้อมมือจะคว้าผลึกดวงนั้นไว้ หากว่ามันจะทำให้ธามิณีตายเพราะอานุภาพที่กล่าวถึงว่าสามารถผ่าภูเขา ทลายผืนดินได้

          ทว่าผลึกกาลได้หายเข้าไปครอบแก้วแล้วลอยนิ่งเหนือร่างของธามิณีที่หลับตาไม่ไหวติง เขาไม่รู้ว่าลูกสาวอาการเป็นอย่างไรบ้าง ในตอนนี้เป็นเขาเองที่กระอักเลือดออกมาที่ปาก ลมหายใจช่างเป็นความทรมานเมื่อมันไม่อาจเข้ามาสู่ปอดได้ง่ายอีกแล้ว

          “ธาม...ลืมตาสิลูก”

          ธามิณีไม่ได้ลืมตาขึ้นมา  แต่ว่าแสงสีม่วงได้ฟุ้งกระจายรอบร่างของเด็กสาว ก่อนที่ผลึกกาลจะค่อยๆ เลือนหายไป

ผลึกกาลหายไปไหนนะ?

มาสุพยายามเพ่งมองแต่กลับไม่เห็นสิ่งใด พลันธามิณีก็ลืมตาขึ้นแล้วหันหน้ามองมาที่มาสุ เรียวปากของลูกสาวพยายามจะพูดบางอย่าง ทว่ากลับหายใจแรงคล้ายอยากกอบโกยอากาศเพื่อหายใจ

ธามิณีเงื้อมือไขว่คว้า มาสุยกมือไปหา ทว่าทำได้เพียงเท่านั้นก่อนมือจะร่วงลง แต่ยังหายใจแม้จะรวยริน ธามิณีส่ายหน้า วินาทีนั้นลมหายใจของเธอก็ขาดห้วง เริ่มหายใจไม่ออก เธอดิ้นรนตะเกียกตะกายราวกับคนกำลังจมน้ำแล้วแน่นิ่งไป

          วินาทีนั้นเองได้เกิดแสงสว่างวาบยิ่งกว่าสายฟ้าฟาดบังเกิดขึ้นตรงหน้าของมาสุ ไม่มีความตกใจ ทว่าเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง ยินดีและเสียใจ นานมากแล้วที่เขาไม่ได้พบ

...พระเสาร์ ศนิเทพผู้ถูกสาป

ศนิเทพ..ชายในชุดสูทสีดำสนิทพอๆ กับดวงตาคู่นั้น ใบหน้าราวกับฟ้าประทานมาทำให้มนุษย์เคลิบเคลิ้มในวินาทีหนึ่ง แต่ถูกทำให้ลืมเลือนในวินาทีต่อมาเพื่อไม่ให้เหลือความทรงจำใดๆ ยกเว้นเพียงมนุษย์ที่ศนิต้องการให้จดจำเขาได้เท่านั้น

เขาเป็นหนึ่งในผู้อภิบาลของพระเสาร์ในช่วงร้อยปีแรก ทว่ามันกลายเป็นอดีตเมื่อเขาได้พบรักและยอมสละทุกสิ่งเพื่อให้ได้เป็นมนุษย์

          “ไม่คาดฝันว่าท่านจะมา”

          “เราต้องมาเพราะรู้ว่าวันนี้คือวันสุดท้ายของท่านแล้ว...มาสุ” พระเสาร์เอ่ยพลางก้าวเข้ามา สายตาของพระเสาร์มองชายที่เขารักเสมือนพี่ชายเรียบนิ่ง ไร้ความเสียใจเพราะสิ่งนี้เกิดกับเขามานับครั้งไม่ถ้วน “เพียงแต่ไม่คิดว่าท่านจะเลือกเส้นทางนี้จนมาถึงจุดจบ เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน”

          “โชคดีเหลือเกินที่ท่านมาในวันนี้ อย่างน้อยธามก็ยังมีใครสักคนดูแลจนกว่าจะเติบโต ท่านได้โปรดพาธามไปหาป้าของแกด้วย”

          มาสุยื่นมือไปที่ศนิซึ่งจับมือของเขาไว้ ทว่าแสงสีม่วงจากร่างที่หายใจรวยรินของเด็กสาวทำให้ศนิรู้ทันทีว่าสิ่งที่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้อง แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นผลึกเทพจากตัวเขาเอง ตอนนี้มันได้ไปอยู่ในร่างของมนุษย์เพื่อเพิ่มระยะเวลาแห่งความตายที่รั้งรอไว้ไม่ให้มาถึงเร็วนัก ผลึกกาลอีกครึ่งได้เลือกแล้วว่าจะมาช่วยชีวิตผู้ใด

          “เรารับปาก ลูกสาวของท่านจะไม่ตายในวันนี้เมื่อมีผลึกกาลอีกครึ่งของเราอยู่ในร่าง” สีหน้าของพระเสาร์เรียบเฉย “แต่เมื่อถึงเวลาเราจะได้ผลึกกาลอีกครึ่งกลับคืนมาเอง ท่านรู้ดีว่ามนุษย์มีอายุขัยไม่นานเท่าเวลาที่เราต้องอยู่บนโลกมนุษย์”

          มาสุยิ้มอย่างยากเย็นเพราะร่างกายของเขาชาไปจนสิ้น แม้หัวใจจะยังเต้น ทว่ามันอ่อนเบาลงเรื่อยๆ วาระสุดท้ายของชีวิตกำลังใกล้เข้ามาแล้ว

          “ถ้าอย่างนั้นผมคงหมดห่วง”

          มาสุหลับตาพร้อมสำหรับจุดจบที่เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะมาเร็วถึงเพียงนี้ พระเสาร์คลี่ริมฝีปากเพื่อยิ้มให้อดีตผู้อภิบาล มาสุยอมสละความเป็นเทพเพื่อเป็นมนุษย์ ช่างน่าอิจฉาสำหรับศนิในการที่มีสิทธิ์เลือก เหตุผลเดียวที่มาสุอยากเป็นมนุษย์เพราะหญิงสาวคนหนึ่งที่เขาอยากแต่งงานมีครอบครัวด้วย แต่แล้วกลับมาเกิดโศกนาฏกรรมในวันนี้ การทำเพื่อสิ่งที่ปรารถนาย่อมมีสิ่งที่ต้องจ่ายเสมอ การเสียสละไปมากมายเพื่อผู้หญิงที่ตนเองรักช่างเพ้อฝันสำหรับศนิ  แต่เขาไม่มีสิทธิ์อันใดที่จะก้าวล่วงการตัดสินใจในครั้งนั้นของมาสุ

          “สักวันเราคงได้พบกัน เพียงแต่ท่านล่วงหน้าไปก่อน”

          ลมหายใจอ่อนเบาแล้วเงียบสนิท ร่างของมาสุไม่ไหวติง ศนิถอนใจ แม้จะพบสิ่งเดิมๆ แบบนี้มาตลอด แต่ใครเล่าจะชินชาจนไม่รู้สึก ร่างสูงขยับลุกแล้วชันเข่าลงเพื่ออุ้มร่างของธามิณีขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ผลึกกาลจะทำให้เด็กคนนี้ยังไม่ตาย แต่ร่างกายยังคงบอบช้ำ หากปล่อยให้ตาย เขาก็จะได้ผลึกกาลอีกครึ่งคืนมาโดยที่ไม่ต้องลงแรง  

          ศนิยกมือค้าง หากการช่วยเหลือทำให้เวลาแห่งการรอคอยยิ่งทอดยาวออกไป เขาจำเป็นต้องรอด้วยหรือ ในเมื่อนรกหรือสวรรค์ เขาไม่เคยกลัวสิ่งใด การฆ่าหรือแม้กระทั่งปล่อยให้ลูกสาวของมาสุตายไปย่อมไม่ทำให้เขาอนาทรใดๆ โทษของเขาอีกนานเท่าใด ใครเล่าเคยตอบ ทว่าเขาได้รับปากมาสุไปแล้ว หากเขาจะปล่อยให้เด็กสาวคนนี้มีชีวิตรอดไปก่อน นั่นเป็นเพราะเขาทำตามคำพูดของตัวเองเท่านั้น

          มือที่ราวกับเรืองด้วยแสงสีม่วงจางๆ วางลงเหนือกระหม่อมของธามิณี เด็กสาวรู้สึกได้ถึงความอุ่นอย่างประหลาดที่ทำใหร่างกายเบาสบายเสมือนล่องลอยอยู่ในปุยเมฆ แม้จะปวดหนึบไปทั้งร่างจนไม่อาจลืมตามองได้ มีเพียงความกลัวว่าจะเสียพ่อแม่ไป แต่ก่ำกึ่งว่ากำลังอยู่ในความฝันหรือความจริงกันแน่

          “เราคงช่วยได้เท่านี้ ที่เหลือขึ้นอยู่กับชะตากรรม”

หลังจากนี้การรักษาแบบมนุษย์จะทำให้ธามิณีกลับมาแข็งแรงดังเดิมหรือจบสิ้นชีวิตลงก็ตามแต่ ศนิไม่มีความจำเป็นใดที่จะใช้พลังเพื่อสอดส่องบัญชีอายุขัยของมนุษย์ผู้นี้ สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงผลึกกาลอีกครึ่งเท่านั้น

วันที่เธอจากโลกนี้ไป มันคือวันที่เขารอคอย เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้นรกหรือสวรรค์ เขาจะทำลายให้สิ้นซาก หลังจากนั้นจะเกิดอะไรกับเขา ใครเล่าจะสนใจกัน หากได้ระบายแค้นจนสาสม ลมหายใจหรือหายไปชั่วกัลป์ย่อมไม่มีอะไรที่เขาห่วงหาอีกแล้ว 

 

โบว์กลับมาลงให้อ่านแล้วนะค รีไรท์เสร็จแล้ว กำลังตรวจคำผิดรอบสุดท้าย หวังว่าจะชอบนะคะ จะมาลงทุกวัน ถ้าวันไหนไม่มาก็หมายความว่าจะมาพรุ่งนี้แทนนะคะ

ขอบคุณสำหรับการตติดตามอ่าน

อัมราน_บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.