chapter 2 ออร์คคลั่ง

คาร์น ดินแดนเวทมนตร์
คุณกำลังอ่าน: คาร์น ดินแดนเวทมนตร์

-A A +A

chapter 2 ออร์คคลั่ง

        เช้าวันใหม่ได้มาถึงพร้อมกับแสงอรุณที่สาดส่องไปทั่วเมืองซันเดิล เหล่าผู้คนได้ตื่นลุกออกจากที่นอนก่อนจะไปล้างหน้าล้างตา เพื่อให้พร้อมรับมือกับอุปสรรคในวันนี้ที่จะมาถึง

        แก็ง แก็ง แก็ง

        เสียงโลหะกระทบกันดังมาจากบ้านหลังหนึ่งภายในโซนนักประดิษฐิ์ของเมือง ซึ่งคนที่ทำงานอยู่นั้นก็ไม่ใช่ใครนอกจากลุคที่ต้องการเป็นนักประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียง โดยวันนี้เขามีแผนที่จะเอาสิ่งประดิษฐิ์ไปขายที่กิลด์เพื่อเพิ่มชื่อเสียงและหาเงินทุน

        หลังจากเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยทั้งของที่จะต้องนำไปขายและของที่ต้องนำไปทดลอง ซึ่งเมื่อตรวจเช็คจนแน่ใจแล้วว่าไม่ลืมอะไร ลุคก็ได้ออกจากบ้านพร้อมกับแบกลังไม้ขนาดใหญ่ก่อนจะปิดบ้านอย่างมิดชิด โดยช่วงเช้าในวันนี้ก็เหมือนจะยังไม่มีผู้คนออกมาทำงานสักเท่าไหร่ ดูได้จากพ่อค้าแม่ค้าที่ยังไม่เปิดร้านขายของหรือไม่ก็เขาออกมาเร็วก็ไม่ทราบ

 

        ณ กิลด์นักผจญภัย

        ตึ้ง

        เสียงกระแทกโต๊ะจากลังไม้ของลุคได้ดังสนั่นจนนักผจญภัยคนอื่นที่มาแต่เช้าได้หันมองกัน ก่อนจะหันกลับไปดังเดิม

        “วันนี้เอาอะไรมาขายล่ะ” เกรซที่นั่งทำงานอยู่ได้เงยหน้าขึ้นมาถามลุคที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆลังที่มีป้ายข้อความติดอยู่

        “ก็ตามป้าย ระเบิดแสงกับระเบิดควัน” โดยระเบิดแสงนั้นราคาอยู่ 1000 กูซ ส่วนระเบิดควันอยู่ที่ 500 กูซ

        “ขอให้ขายดีนะ” แล้วเธอก็จะก้มหน้าลงไปจัดการกับเอกสารกิลด์ต่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

        ดวงอาทิตย์ได้ลอยสูงขึ้นพร้อมกับจำนวนนักผจญภัยที่เข้ามาด้านในกิลด์มากขึ้น เพื่อมารอดูภารกิจใหม่ที่จะแปะทุกๆวัน ซึ่งดูเหมือนวันนี้จะมีแต่ภารกิจจัดการก็อบลินที่มักจะมาบ่อยๆแต่ก็ทำกันตลอด เพราะได้เงินเยอะพอสมควรแถมมอนสเตอร์ที่ไปจัดการนั้นก็ง่ายอีก

        “ขอระเบิดควันกับระเบิดแสงอย่างละ 2 ลูก” ชายคนหนึ่งที่เป็นนักผจญภัยแรงแพลตตินั่มได้เดินมาซื้อของจากลุคพร้อมกับยื่นเงินมาให้

        “พวกนายจะไปล่าอะไรกัน” ลุคที่อยากรู้ก็ได้เอ่ยถามออกไปเนื่องจากสังเกตเห็นอีกฝ่ายซื้อของพวกนี้ไปเยอะ

        “ว่าจะไปล่าออร์คกับโอเกอร์” ชายที่ถูกถามได้หันมาตอบก่อนจะโบกมือลาและออกไปทำภารกิจกับทีม

        ช่วงเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเข้าช่วงสายของวัน โดยของที่นำมาขายนั้นก็ใกล้จะหมดพอดี

        “กลับดีกว่า” ลุคที่เห็นว่าคงขายไม่หมดแน่ก็เตรียมตัวจะกลับ แต่ทันทีที่ยกกล่องไม้ขึ้นของบางอย่างก็ได้หล่นลงจากกระเป๋าคาดเอวของเขา และกลิ้งไปตามพื้น

        เขารีบวางกล่องลงทันทีก่อนจะเดินตามสินค้าของตนไปอย่างรีบร้อน กลัวว่ามันจะเกิดระเบิดและก่อปัญหา แต่ดูเหมือนจะไม่ทันแล้วล่ะสิเมื่อมีคนหยิบมันขึ้นมา และคนคนนั้นก็ไม่ใช่ใครนอกจากลูเทียร์ที่เพิ่งจะตื่นนอนและออกมานอกห้อง

        “นี่ลูกอะไรเนี่ย” เธอได้พลิกไปพลิกมาเพื่อดูว่าลูกกลมๆสีดำที่อยู่ในมือนั้นคืออะไร และด้วยอาการงัวเงียของคนเพิ่งตื่นลูเทียร์ก็ได้เผลอถ่ายมานาเข้าไปยังลูกที่กำลังถืออยู่ ก่อนที่ในเวลาต่อมาอักษรรูนจะปรากฏบนลูกกลมสีดำ

        “ระวัง!” ลุควิ่งมาอย่างรวดเร็วพร้อมตะโกนอย่างเสียงดัง

        “อะไรนะ?” ลูเทียร์ได้เงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้างงๆ

        ตู้ม

        ลูกกลมสีดำได้ระเบิดออกพร้อมกับฟองสบู่สีชมพูที่ออกมาครอบตัวของลูเทียร์ เหลือไว้แต่ส่วนศรีษะที่กำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้น

        ทันทีที่เสียงระเบิดได้เกิดขึ้น ทุกคนภายในกิลด์ก็ได้หันมองไปยังจุดเกิดเหตุ ก่อนจะพบกับสาวผมทองผู้ถูกฟองสบู่สีชมพูครอบตัวอยู่ โดยเธอพยายามดิ้นให้หลุดจากฟองสบู่นี้แต่ดูเหมือนจะพยายามสักเท่าไหร่มันก็ดูไม่มีทีท่าจะหลุดออกได้เลย จนคนที่อยู่ใกล้ๆตัวเธอต้องเดินเข้ามาช่วยแต่ก็ดันติดไปด้วยเหมือนกัน

        “ไม่ทันหรอเนี่ย” ลุคได้พูดออกมาอย่างเครียดๆพร้อมกับเอาฝ่ามือเคาะหน้าผากเบาๆ แต่ก็ได้เผลอยิ้มออกมาเพราะสินค้าที่เขาจะไปทดลองกับมอนสเตอร์นั้นมันสามารถใช้ได้

        “นี่นาย จะเอามันออกยังไงเนี่ย!” ลูเทียร์ที่เริ่มโมโหได้หันไปถามเจ้าของผลงาน ก่อนจะพยายามดิ้นต่อพร้อมกับชายอีกสามคนที่พยายามดึงมือตัวเองออก

        เมื่อถูกถามชายนักประดิษฐ์จึงได้ชูนิ้วออกมาสองนิ้ว บ่งบอกได้ว่าอีกสองชั่วโมงมันถึงจะหายไป

        “2 ชั่วโมง!” เหล่าชายฉกรรจ์พร้อมกับสาวสวยได้ตะโกนออกมาพร้อมๆกัน ก่อนจะพยายามดิ้นต่อด้วยแรงเฮือกสุดท้าย และนั้นก็คือแรงทั้งหมดที่มีก่อนที่พวกเขาจะหมดฤทธิ์ไป

        เกรซที่เห็นเหตุการณ์ก็ได้เดินไปลูบหัวของลูเทียร์ก่อนจะให้กำลังใจและกลับไปทำงานต่อ ทิ้งให้เธอต้องยืนทนโท่พร้อมกับชายฉกรรจ์ทั้งสาม แต่ไม่สิเหลือแค่เธอคนเดียวเพราะลุคใช้ดาบตัดโฟมที่ติดมือของพวกเขาออกไปอย่างง่ายดาย จนก็ทำให้ลูเทียร์ต้องยืนอยู่คนเดียวด้วยสภาพน่าอาย

        “ไม่เป็นอะไรหรอก แค่สองชั่วโมงเอง ถ้ามีปัญหาอะไรก็เรียกเกรซละกัน และก็ขอบใจสำหรับการทดลองในครั้งนี้ โชคดี” พูดจบเจ้าตัวก็เดินหันหลังแบกลังออกจากกิลด์ไป

        เมื่อคนยียวนไปเรียบร้อย ลูเทียร์ก็ได้พยายามดิ้นอีกครั้งเพื่อให้หลุดจากฟองสบู่อันเหนียวหนึบแต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ไปอีกรอบ พลางนึกถึงเรื่องต่างๆที่คิดจะทำไว้เมื่อมาเมืองนี้ 

 

        2 ชั่วโมงผ่านไป

        ลูเทียร์หลุดออกจากพันธนาการก่อนจะรีบตรงล้างเนื้อล้างตัว ก่อนจะพุ่งตรงไปดูบอร์ดภารกิจเพื่อหางาน ซึ่งใช้เวลาไม่นานเธอก็หยิบใบภารกิจมาหนึ่งใบก่อนจะเดินไปให้เกรซที่กำลังทำงานอยู่

        “หืม ภารกิจดูจะยากไปนะ” เกรซเตือนลูเทียร์เพราะว่าภารกิจคือจัดการออร์คที่กำลังอาละวาดอยู่ในป่า ซึ่งสาเหตุที่ยากนั้นมาจากควรจะมีสมาชิกในทีมอย่างน้อยทั้งหมดสามคน  

        “ไหวแน่นอนค่ะ” เธอพูดออกมาพร้อมกับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่เกรซกลับไม่มั่นใจเพราะว่าออร์คนั้นแข็งแรงมาก แถมนี่ยังอาละวาดอีกยิ่งอันตรายเป็นเท่าตัว

        เมื่อเห็นว่าคงจะเปลี่ยนความคิดไม่ได้เกรซจึงต้องจำใจอนุมัติไป พร้อมกับเตือนว่าถ้าไม่ไหวก็หนีกลับมาก่อน เพราะถ้าตายไปมันจะไม่คุ้มเอา ซึ่งลูเทียร์ก็ได้รับปากพร้อมกับรีบตรงไปยังประตูทางออกทันที โดยที่ไม่ได้สวมเสื้อกันหนาวเพราะคิดว่ามันจะลำบากซะเปล่าๆ

 

        ภายในป่านอกเมืองซันเดิล

        “น่าจะอยู่แถวๆนี้นะ”

        ลูเทียร์ได้เพ่งมองแผนที่ที่ซื้อมาระหว่างทางอย่างฉงน เนื่องจากสถานที่มันเกิดเหตุควรจะอยู่ตรงหน้าแท้ๆตามที่ใบภารกิจได้บอกไว้ ก่อนจะพบว่าเธอเองดันดูแผนที่กลับหัว นั้นจึงทำให้ต้องเดินหาทางอีกรอบ 

        โฮกกกกก

        เสียงบางอย่างได้ดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากลูเทียร์จนสามารถได้ยินอย่างชัดเจน และแทบทันทีนักดาบสาวก็ได้วิ่งตรงไปยังทิศที่ว่าโดยไม่ลังเลโดยมีดาบในมือที่กำแน่น

 

        “เร็ว! เร็วอีก!” พ่อค้ารายหนึ่งที่โชคร้ายที่ดันไปเจอกับออร์คคลั่ง และตอนนี้จึงต้องรีบพาตัวเองหนีจากการตามล่าให้ได้

        กล้ามเนื้ออันใหญ่โต ร่างกายสีเขียว เขี้ยวหนึ่งคู่ยื่นออกจากปาก และพร้อมด้วยกระบองหนึ่งอันที่ทำจากหินขนาดใหญ่ โดยตอนนี้กำลังวิ่งไล่เกวียนของชายคนหนึ่งที่กำลังหนีอย่างสุดชีวิต และมันก็ใกล้จะไล่ตามทันเต็มที

        ตู้ม

        เสียงบางอย่างได้ดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากลูเทียร์โดยเธอคาดการณ์ไปว่ามันต้องเจอกับอะไรบางอย่างอยู่แน่ และเป็นอย่างนั้นจริงๆเมื่อทันทีที่วิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุ สายตาหันไปเห็นออร์คตัวหนึ่งที่กำลังง้างกระบองของมันขึ้นเหนือหัวเพื่อปิดชีวิตชายคนหนึ่ง

        บูส ปลดขีดจำกัด

        เธอร่ายเวทย์อย่างรวดเร็วพร้อมกับวาร์ปตรงไปยังจุดนั้นด้วย เพื่อไปขวางกระบองหินที่กำลังจะบดขยี้ร่างของชายคนหนึ่ง

 

        ก่อนหน้านั้นไม่กี่นาที

        ตู้ม

        เสียงเกวียนได้ล้มลงเนื่องจากถูกกระชากอย่างแรงจากทางด้านหลัง จนสภาพไม่เหลือเค้าเดิมและไม่พร้อมที่จะวิ่งต่อไปได้ พ่อค้าหนุ่มที่ยังพอมีสติหลังจากเกวียนพังจึงได้ออกวิ่งเพื่อเอาชีวิตรอด โดยมียักษ์สีเขียวขนาดใหญ่เดินตามมาอย่างช้าๆพร้อมกับลากกระบองมาด้วย

        ‘ไม่ไหวแล้ว’ พ่อค้าที่ดูเหมือนไม่ได้ออกวิ่งมานานตอนนี้เริ่มจะหมดแรง และขาทั้งสองข้างที่เริ่มจะไปไม่ไหวก็ได้สะดุดล้มจนหน้าคะมำ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามดันขึ้นตัวเองขึ้นเพื่อหนีอีกรอบ

        เสียงก้าวเดินที่หนักทุ่มได้ตามมาช้าๆ แต่ไม่ทันใดเงาขนาดยักษ์ก็ได้มาทับอยู่บนร่างของพ่อค้าหนุ่มที่กำลังพยายามคลานหนี เขาได้หันกลับไปดูอย่างกล้าๆกลัวๆก่อนจะต้องตะลึง เมื่อเห็นว่ากระบองขนาดใหญ่ได้ถูกยกขึ้นเหนือหัวออร์คตรงหน้า แล้วมันก็ได้พุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว

        แผละ

        เสียงชิ้นเนื้อแตกกระจายดังขึ้นขณะที่ลูเทียร์กำลังจะไปถึงอีกเสี้ยววินาที เหตุการณ์ทั้งหมดทำเอาเธอถึงกับช็อคที่ไม่สามารถช่วยชายคนนั้นช่วยไว้ได้ทัน ก่อนจะหันไปมองยังสิ่งที่สังหารเขาและพุ่งไปฟันคอของมันอย่างเต็มแรง

        เเก็ง

        เสียงดาบของลูเทียร์และกระบองหินของออร์คกระทบกัน ก่อนที่มันจะต่อยสวนกลับไปทีหนึ่งจนเธอกระเด็นไปชนเข้ากับต้นไม้

        “ฉันไม่แพ้อะไรง่ายๆแบบนี้หรอก” เธอดันตัวเองขึ้นก่อนจะตั้งท่าเตรียมพร้อม และพุ่งตรงไปหาศัตรูอีกรอบ

        ดาบและกระบองได้ห้ำหั่นกันอีกครั้งโดยครั้งนี้เธอมั่นใจว่าต้องฆ่าเจ้าออร์คตรงหน้าให้ได้ แต่ดูเหมือนว่าถึงเธอจะใช้เวทย์เสริมกำลังไปสักเท่าไหร่ แรงของเธอก็ไม่สามารถสู้กับมันได้เลย

        ลูเทียร์ทำการเหวี่ยงตัวหลบกระบองก่อนจะพุ่งไปแตะร่างของอีกฝ่าย ก่อนจะใช้เวทย์อัมพาตที่ทำให้ขยับตัวไม่ได้แต่ดูเหมือนว่าเวทย์ชุดนี้ก็ยังทำอะไรมันไม่ได้อยู่ดี สาเหตุน่าจะมาจากมวลกล้ามเนื้อที่มากเกินไปและเวทย์ของเธอที่ยังอ่อนแอ จึงทำให้เวทย์เมื่อครู่ไม่ส่งผลสักเท่าไหร่

        ‘เราคนเดียวไม่ไหวแน่’ เธอพยายามคิดหาทางออกว่าจะทำยังไงดีเพราะดูเหมือนยิ่งต่อสู้นานเข้าทุกอย่างยิ่งแย่กว่าเก่า และสุดท้ายก็ต้องยอมเสี่ยงเพื่อหาทางรอด

        เธอวิ่งเข้าใส่ออร์คที่กำลังหวดกระบองมาก่อนที่จะใช้เวทย์วาร์ป ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้หายตัวได้ระยะสั่นในทิศทางที่คิด และเหมือนว่าโชคยังเข้าข้างบ้าง อยู่จึงทำให้ลูเทียร์สามารถหลบการหวดเมื่อสักครู่ได้ ก่อนที่เธอจะออกวิ่งอย่างเต็มที่และตรงไปยังเมืองซันเดิล

 

        ณ กิลด์นักผจญภัย

        เกรซที่กำลังง้วนกับงานเอกสารอยู่ได้ลุกขึ้นจากเคาน์เตอร์ ก่อนจะตั้งใจเดินขึ้นไปที่ชั้นสองเพื่อไปคุยเรื่องเอกสาร แต่ในขณะนั้นเองเธอก็ได้ชนเข้ากับใครบางคน

        “อ้าว ลูเทียร์ กลับมาแล้วหรอ” เธอพูดทักทายลูเทียร์ที่เพิ่งจะกลับมาก่อนที่ก้มลงไปอ่านเอกสารต่อ

        “ออร์คมันฆ่าคนไปแล้วค่ะ” เมื่อได้ยินอย่างนัั้นเกรซก็ได้รีบวางเอกสารก่อนจะพาลูเทียร์ไปนั่งเพื่อตั้งสติ 

        ก่อนที่ในเวลาต่อมาทั้งคู่จะต้องหาทางจัดการกับปัญหาตรงหน้า ซึ่งทางออกเดียวก็คงต้องให้พวกระดับสูงไปจัดการ แต่ลูเทียร์กลับขอเอาไว้เพราะเธอไม่อยากจะเสียภารกิจไป เกรซที่อยากจะช่วยแต่ก็กลัวคนโดนลูกหลงอีกจึงคิดอะไรบางอย่างขึ้น ก่อนจะขอตัวโทรไปหาใครสักคน โดยที่ในเวลาต่อมาก็ได้เดินกลับมาบอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องออร์คที่จะไปทำร้ายใครแล้ว และไม่ต้องกลัวว่าจะเสียภารกิจนี้ไปด้วย นั้นทำให้ลูเทียร์แปลกใจมากๆว่าเกรซใช้วิธีไหนกันแน่ ก่อนที่ทั้งคู่จะออกไปทานอาหารเพราะนี่ก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี

 

        ณ ร้านอาหารประจำของเกรซ

        เข้ามาด้านในทั้งคู่ก็ได้เดินไปนั่งที่โต๊ะบริเวณใกล้กับหน้าต่างเนื่องจากต้องการดูวิวข้างนอก ก่อนจะเรียกพนักงานมารับรายการอาหาร ซึ่งทางด้านคนที่มาประจำแล้วการเลือกเมนูที่ชอบก็ใช้เวลาไม่นาน แต่อีกคนที่เพิ่งเคยมาครั้งแรกเลยไม่รู้จะสั่งอะไรดี เกรซเลยแนะนำเมนูไปซึ่งลูเทียร์ก็ไม่ได้เรื่องมากก็เลยสั่งตามที่แนะนำ

        “อาหารได้แล้วครับ” พนักงานที่เป็นมนุษย์สัตว์ได้เดินมาเสริฟอาหาร ก่อนที่ทั้งสองจะลงมือทานกันอย่างตื่นเต้นกับอาหารตรงหน้าของแต่ละคน

        “พี่ขอถามเกี่ยวกับเมืองไดมอทัสหน่อยสิ” เกรซเอ่ยถามขึ้นขณะที่นั่งรอของหวาน 

        “รู้ได้ยังไงค่ะว่ามาจากไดมอทัส” ลูเทียร์สงสัยว่าอีกฝ่ายรู้ได้ยังไงว่าตัวเธอมาจากเมืองไหน

        “ก็ในบัตรกิลด์นั้นแหละ ถึงแม้สามเมืองใหญ่จะออกแบบเหมือนๆกัน แต่รายละเอียดของแต่ละเมืองที่ออกบัตรให้จะแตกต่างกันเล็กน้อย พี่เลยแยกออกว่ามาจากเมืองไหน” ลูเทียร์จึงเข้าใจว่าเกรซรู้ได้ยังไง

        สำหรับคนที่อยู่แต่กับที่อย่างเกรซแล้ว การได้ยินเรื่องเล่าหรืออะไรที่ทำให้เธอรู้สึกว่าโลกนี้น่าอยู่ขึ้นมันเป็นอะไรที่รู้สึกดีสุดๆ และเพื่อไม่ให้เสียเวลาเธอจึงเริ่มซักถามเกี่ยวกับเมืองไดมอทัสที่ลูเทียร์จากมาว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้พูดไปตามความจริงว่าทุกอย่างดูสวยงามไปกันหมด ทั้งรถม้าและรถไฟไอน้ำที่ถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงาม เสื้อผ้าหน้าผมที่ทุกคนต้องดูแลไม่อย่างงั้นจะถูกว่าหรือตำหนิ พร้อมกับที่มีบ้านพักพร้อมบรรยากาศที่ร่มลื่นจนอยากจะนอนอยู่ที่นั้นทั้งวัน

        “อยากไปบ้างจัง” พร้อมกับนั่งเพ้อมองออกไปนอกหน้าต่าง ส่วนลูเทียร์ก็ได้ยิ้มตอบกลับเล็กน้อย

        หลังจากทานอาหารเสร็จทั้งสองก็ได้ออกจากร้านเพื่อไปเดินดูสินค้าที่วางขาย พร้อมกับซื้อติดไม้ติดมือไปเล็กน้อยก่อนที่จะกลับเข้ากิลด์ ซึ่งเมื่อกลับมาถึงพวกเธอก็ได้แยกย้ายกันไปทำงาน เกรซก็ได้ทำงานเอกสารค้างเอาไว้อยู่ ส่วนลูเทียร์ก็ได้คิดแผนว่าจะเอายังไงกับภารกิจดี และเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีกเธอจึงได้มองซ้ายมองขวาไปรอบๆว่าจะมีใครพอช่วยเธอได้บ้างรึเปล่า ก่อนจะหันไปเห็นเด็กหนุ่มและเด็กสาวคู่หนึ่งที่น่าจะเป็นพวกมีฝีมือพอตัวแต่ก็ยังดูเป็นเด็กใหม่อยู่

 

        “ไม่มีภารกิจที่เงินดีๆเลย” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลได้พูดขึ้นพร้อมกับกวาดตามองภารกิจทั้งหมดที่อยู่บนบอร์ดอย่างถี่ถ้วน แต่ก็ยังไม่มีภารกิจที่เขาสนใจ

        “นายจะบ้าหรอ ยิ่งเงินมากก็ยิ่งอันตรายมากนะ” สาวผมดำเหยียดตรงที่ยืนข้างๆได้พูดตะคอกใส่เพื่อนชายของตนจนทำให้อีกฝ่ายต้องกล่าวขอโทษออกมา

        “แต่ถ้าเราไม่พัฒนาฝีมือขึ้นเราก็ไม่ได้เงินเยอะๆนะ” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลพูดออกมาอย่างมีเหตุผลจนเพื่อนสาวได้หยุดคิดไปสักครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อสอบถามอะไรบางอย่าง

        เด็กสาวผมดำที่มีชื่อว่า อีฟ ซาวเวียร์ ได้ถามเกรซที่กำลังยุ่งอยู่ว่ามีภารกิจที่เธอสามารถทำได้รึเปล่า ที่ไม่ยากเกินไปและได้เงินจำนวนมาก ซึ่งค้นดูสมุดภารกิจที่บันทึกข้อมูลไว้แล้วว่าอันที่ยังทำไม่สำเร็จว่าพอจะมีรึเปล่า ซึ่งดูไปดูมาก็พบว่ามีแค่ใบเดียวที่พอจะให้ได้ก็คือภารกิจกำจัดออร์คของลูเทียร์

        “ลูเทียร์!” เกรซได้ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งก่อนจะตะโกนไปยังลูเทียร์ที่กำลังมองไปยังสองหนุ่มสาว

        เมื่อมีคนเรียกเธอจึงเดินไปดูว่ามีอะไร ก่อนจะถูกถามมาว่าอยากให้เด็กสองคนนี้ไปช่วยจัดการออร์คด้วยรึเปล่า ซึ่งเจ้าตัวก็ได้ยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง เพราะว่าถ้ามีคนช่วยเงินรางวัลก็จะถูกแบ่งและได้น้อยลง แต่ถ้าไปคนเดียวก็จะได้คนเดียวเต็มๆแต่ติดอยู่ที่ว่าเธอสู้ไม่ไหวนะสิ

        “พี่ว่าเราน่าจะให้พวกเขาช่วยนะ พวกเขาอยู่แรงค์ซิลเวอร์น่าจะช่วยแรงค์โกลอย่างเธอได้อยู่บ้าง” เกรซพยายามคะยั่นคะยอให้ลูเทียร์รับทั้งสองเข้าทีมไปด้วย ซึ่งก็ทำให้อีกฝ่ายคิดหนักพอสมควร

        “ก็ได้ค่ะ” เมื่อตกลงกันเสร็จลูเทียร์ก็ได้ไปทักทายทั้งคู่ที่จะต้องออกไปทำภารกิจด้วยกัน

        เมื่อทักทายกันเรียบร้อยก็ได้ทราบชื่อของแต่ละคนว่ามีชื่ออะไรกันบ้าง

        ลอยด์ เดเมอร์ เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่มีรอยยิ้มอันยิ้มแย้มบนใบหน้า นิสัยของเขาดูเหมือนพ่อพระที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และอาวุธคู่กายของเขาก็คือดาบและโล่

        อีฟ ซาวเวียร์ สาวน้อยผมดำผู้ใช้ธนูคู่กาย นิสัยโดยรวมแล้วเป็นหญิงแกร่งที่รักพวกพ้อง แม้จะมีนิสัยห้าวๆเหมือนผู้ชายอยู่บ้างก็ตาม แต่โดยรวมเธอเป็นสาวน้อยในฝันของชายหลายๆคน

        “เอาล่ะ งั้นเราออกเดินทางกันเลยดีกว่า” และเมื่อทักทายพร้อมกับแนะนำตัวเองไปเสร็จเรียบร้อย ทั้งสามก็ได้ตรงออกนอกเมืองไป

ซึ่งเมื่อออกจากประตูเมืองเสร็จอีฟจึงได้เข้าตีสนิทลูเทียร์ทันที เพราะว่าเธอไม่ชอบใจที่ทุกคนไม่กล้าพูดคุยอะไรด้วยกัน

        “พี่ลูเทียร์ไปเจอเจ้าออร์คตัวนี้แล้วสินะคะ”

        “ใช่จ้ะ” 

        ก่อนที่คำถามต่อๆมาก็ได้พลั่งพลูขึ้นมาอย่างรวดเร็วทั้งลักษณะ ความสามารถ อาวุธ รวมไปถึงความสามารถของลูเทียร์ ซึ่งเมื่อมาถึงจุดๆหนึ่งลอยด์ก็ได้แทรกอีฟขึ้นมาก่อนจะบอกให้เธอหยุดถามอะไรเยอะแยะสักที แต่ลูเทียร์กลับบอกว่าเป็นเรื่องดีที่อีฟนั้นอยากรู้ เพราะพวกเขาควรจะมีข้อมูลกันมากๆ

        “งั้นพวกเรามาพักกันก่อนดีกว่า และมาบอกความสามารถของแต่ละคน” ลูเทียร์ได้บอกให้ทั้งสองหยุดพักและศึกษาความสามารถของแต่ละคนเพื่อทำให้ทีมมีประสิทธิ์ภาพมากขึ้น

        ลูเทียร์ได้เริ่มบอกเวทมนตร์ที่ตัวเองสามารถใช้ได้โดยมีทั้งหมดดังนี้ เวทย์เสริมกำลังที่จะเพิ่มความสามารถของกล้ามเนื้อ เวทย์ป้องกันที่จะสร้างเกราะสีเหลืองทองออกมาป้องกัน เวทย์วาร์ปที่ทำให้ผู้ใช้หายตัวได้ในระยะสั้น เวทย์ปลดขีดจำกัดที่ทำให้ผู้ใช้ใช้กล้ามเนื้อได้เกินขีดจำกัดแต่จะได้รับความเจ็บปวดเมื่อเวทย์คลาย เวทย์อัมพาตที่ทำให้เหยื่อหยุดชะงัก เวทย์รักษาและเวทย์ขับพิษ

        มาถึงด้านของอีฟและลอยด์ โดยลอยด์จะมีเวทย์ทั้งหมดสามบทได้แก่ เวทย์เสริมกำลัง เวทย์วาร์ป และเวทย์อัมพาต ส่วนทางด้านของอีฟก็มีสามบทเหมือนกันคือ เวทย์หายตัว(ล่องหน) เวทย์เสริมกำลัง และเวทย์โทรจิตที่ทำให้ผู้ที่มีวงเวทย์ติดอยู่บนตัวสามารถคุยกันผ่านจิตได้

หลังจากรู้จักเวทย์ของแต่ละคนเสร็จ ลูเทียร์ที่ดูมีประสบการณ์มากที่สุดในกลุ่มจึงวางแผนที่จะต้องต่อสู้กับออร์ค

        “พี่ว่ามาวางแผนกันก่อนดีกว่า โดยพี่คิดว่าจะทำตามแผนนี้นะ.......”

 

        ณ พื้นที่เกิดเหตุออร์คคลั่ง

        ตอนนี้หลังจากที่ไม่มีอะไรให้ทำเจ้าออร์คจึงได้ทุบต้นไม้ตามทางไปเรื่อยเพื่อรอเหยื่อที่พลัดหลงมา ก่อนที่สายตาทั้งสองข้างจะหันไปเห็นเด็กหนุ่มผมน้ำตาลกับสาวผมทองที่เดินมาคู่กัน รอยยิ้มบนใบหน้าของมันได้ผุดขึ้นก่อนจะยกกระบองหินขึ้นพาดบ่าและวิ่งตรงไปหาทั้งคู่ในทันที

        ‘ทำตามแผนไว้’ ลูเทียร์ที่กำลังทำตัวให้ปกติที่สุดได้ออกคำสั่งแก่ลอยด์ที่เหมือนจะเริ่มกลัวๆผ่านเวทย์โทรจิตที่อีฟติดตั้งให้ทุกคน

และเมื่อเดินไปได้สักพักทั้งคู่จึงเริ่มวิ่งแยกกันออกทั้งซ้ายขวา โดยทางขวาจะเป็นลูเทียร์ส่วนทางซ้ายจะเป็นลอยด์ เพื่อให้ออร์คที่กำลังวิ่งเข้าหานั้นสับสน และผลเหมือนจะออกมาตามแผนว่าเจ้าออร์คได้วิ่งตามลอยด์ที่ดูจะอ่อนแอกว่า

        “รอ……รอก่อน” ลอยด์หลบอยู่หลังต้นไม้ไม่ไกลจากทางที่วิ่งเข้ามา พร้อมกับรอจังหวะที่จะพุ่งชนออร์คที่กำลังไล่ตามมาจนกระทั้งจังหวะก็มาถึง

        ตู้ม

        เสียงยักษ์เขียวได้ล้มลงจากการสะดุดล้ม เนื่องจากลอยด์ได้วาร์ปไปขวางการวิ่งของมันจนล้มลง ก่อนที่เขาจะรีบลุกขึ้นหลังจากโดนชนเข้าเต็มแรง และวิ่งกลับไปทางเดิมโดยมีออร์คที่กำลังโมโหวิ่งไล่หลังมา

        เจ้าออร์คที่โมโหเนื่องจากถูกทำให้สะดุดล้มได้วิ่งตามลอยด์อย่างเต็มกำลัง จนใกล้จะถึงทางออกที่เป็นถนน และในขณะนั้นเองมันก็ได้ยกกระบองขึ้นเพื่อจะหวดเหยื่อของมันให้ตายในคราเดียว 

        “เอาเลย!” ลอยด์ตะโกนเสียงดังหลังจากออกจากป่าได้สำเร็จ

        ลูกธนูสองดอกได้พุ่งตรงเข้าหาดวงตาทั้งสองข้างของออร์ค แต่มีเพียงแค่ลูกเดียวที่เข้าเป้าส่วนอีกดอกนั้นได้เฉียดไปเพียงแค่นิดเดียว แต่นั้นก็ยังไม่จบลงเพราะลูเทียร์ก็ได้พุ่งตรงหาเจ้าออร์คที่กำลังทุลนทุลายจากอาการเจ็บปวด ก่อนจะกระโดดแทงดาบเข้าที่กลางท้องของมันพร้อมกับทิ้งน้ำหนักตัว เกิดเป็นแผลขนาดใหญ่บนร่างกายสีเขียว 

        ความเจ็บปวดได้แล่นเข้าสู่ร่าง ก่อนที่มันจะพยายามดึงดาบที่ปักอยู่ออกพร้อมกับที่หวดลมไปด้วย จนสุดท้ายกระบองหินก็ได้พลาดไปโดนลูเทียร์ที่กำลังวิ่งหนี จนเธอกระเด็นไปชนเข้ากับต้นไม้ซึ่งทำให้สลบทันที เมื่อสองคนที่เหฃือเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี ลอยด์จึงพุ่งไปขวางโดยเอาตัวพุ่งชนเผื่อจะทำให้มันเคลื่อนที่ช้าลง แต่ผลไม่เป็นไปตามคาดสักเท่าไหร่

        ‘ลอยด์ เวทย์อัมพาต’ อีฟที่กำลังยิงธนูเพื่อสกัดยักษ์เขียวอยู่นั้นได้สั่งให้ลอยด์ใช้เวทย์เพื่อชะลอความเร็ว ซึ่งผลก็ออกมาดูดีเพราะจากการที่เสียเลือดมาก ทำให้ร่างกายมันอ่อนแอจนเวทย์อัมพาตมีผล

        ถึงแม้จะเดินช้าลงแต่สุดท้ายมันก็เดินมาถึงร่างของลูเทียร์ที่นอนสลบอยู่ พร้อมกับค่อยๆยกกระบองขึ้นเหนือหัว

        “ลอยด์ทำอะไรสักอย่างสิ!” อีฟสั่งให้ลอยด์ทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดการโจมตีครั้งนี้ ในขณะที่ตัวเองก็กำลังปีนขึ้นหลังของมันเพื่อจะไปปาดคอ

        “ไม่เห็นรึไงฉันพยายามที่สุดแล้ว! ตอนนี้เธอช่วยพี่ลูเทียร์ก่อน เลือดมันออกเยอะแล้วเดี๋ยวมันก็ตาย” 

        ลอยด์มองดูแขนขนาดใหญ่ที่ถือกระบองขึ้นเหนือหัวช้าๆ ก่อนที่จะตัดสินใจหันหลังเข้าไปอุ้มลูเทียร์ที่นอนสลบอยู่ พร้อมขณะเดียวกันอีฟก็กำลังจะขึ้นไปปาดคอมันได้สำเร็จ

        เพ็ง

        กระบองหินกระแทกเข้าโล่ไม้ด้านหลังของลอยด์จนทั้งคู่กลิ้งกันไปคนละทาง ซึ่งแรงที่ฟาดมานั้นก็ทำให้ลอยด์ไม่มีแรงพอที่จะลุกขึ้น และในช่วงกำลังหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นเองอีฟก็สามารถปาดคอมันได้สำเร็จ แม้รอยบาดจะไม่ลึกมากแต่ก็ทำให้มันเสียเลือดเพิ่มจนถึงกับต้องเซถอยหลัง

ซึ่งในขณะที่ทุกอย่างดูเหมือนจะจบลงแล้วออร์คมันก็ได้ยกกระบองหินขึ้นอีกครั้ง และรวบรวมแรงครั้งสุดท้ายกระหน่ำฟาดลงที่พื้นตรงหน้าอย่างมั่วซั่วจนฝุ่นตลบไปทั่ว อีฟที่อยู่บนหลังของออร์คไม่รู้ว่ามีใครบาดเจ็บรึเปล่า ก่อนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างพุ่งชนเข้าที่ร่างของออร์คอย่างแรง และในเวลาต่อมาร่างนั้นก็ล้มกระแทกพื้นพร้อมเลือดที่ไหลอาบไปทั่ว

        หลังจากฝุ่นจางลงอีฟก็ได้กระโดดลงจากร่างและวิ่งตรงไปดูทั้งสองคน ซึ่งก็ไม่ได้มีใครโดนกระบองหินฟาดนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ที่น่าแปลกเพราะเมื่อหันไปดูที่ศพของออร์ค มันได้มีก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นแทรกอยู่ที่บริเวณหน้าข้างซ้าย ซึ่งดูๆไปแล้วน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มันตาย

แซ็ก แซ็ก

        เสียงบางอย่างได้ดังขึ้นด้านในป่าก่อนที่อีฟจะหันไปเห็นคนคนหนึ่งที่หายตัวไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เธอสงสัยว่าใครกันมาอยู่ในป่าช่วงนี้ หรือจะเป็นคนที่ช่วยพวกเขาไว้ แต่ก็ไม่มีเวลาให้คิดอะไรได้มากเพราะว่าถ้าอยู่นานกว่านี้อาจจะมีมอนสเตอร์โผล่มาอีก อีฟจึงแบกร่างที่ไร้สติของทั้งสองคนเดินกลับเข้าเมืองไปอย่างเหนื่อยล้า

 

        ณ กิลด์นักผจญภัย

        เสียงดังโวยวายจากชั้นล่างของกิลด์ทำให้เกรซที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสองได้ตะโกนถามพนักงานคนอื่น ก่อนจะทราบว่าได้มีทหารมาส่งคนบาดเจ็บ

        “พอดีเห็นว่าเด็กพวกนี้หน้าประตูเมืองและมีสภาพเป็นอย่างนี้ เลยมาส่งให้” พร้อมกับชี้ให้เห็นว่าลอยด์ที่สะบักสะบอม ส่วนลูเทียร์ก็หัวแตกและแผลหินบาดเต็มตัว

        หลังจากหมดธุระ ทหารที่ช่วยมาส่งก็ได้กลับไปทำหน้าที่ต่อทิ้งให้เกรซเป็นคนจัดการที่เหลือ ซึ่งเธอก็ได้เรียกทุกคนที่ใช้เวทย์รักษาได้มาช่วยกัน แต่ก็ดูเหมือนว่านักผจญภัยที่ใช้เวทย์นี้ได้จะไม่เหลืออยู่ในกิลด์เลย

        “บ้าจริง” เกรซที่คิดอะไรไม่ออกจึงเรียกคนที่ว่างอยู่ให้ช่วยกันพาทั้งคู่ไปที่โบสถ์เพื่อรักษา แต่ไม่ทันไรก็ได้มีคนพูดอะไรบางอย่างขึ้น...

        “ไม่ต้อง” ลุคเดินเข้ากิลด์มาก่อนจะเดินไปหาลูเทียร์ และหยิบสำลีชุบบางอย่างให้เธอดม

        “อัก อัก” ลูเทียร์ที่สลบอยู่ได้เด้งตัวขึ้นนั่งทันทีหลังจากได้ดมบางอย่างเข้าไป พร้อมกับสายตาของเกรซที่กำลังงงว่าเกิดอะไรขึ้น

        “แอลกอฮอล์ไง เอาไว้ล้างแผลสำหรับพวกที่ใช้เวทย์รักษาไม่ได้” ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกจากกิลด์ไป พร้อมสั่งให้เกรซบอกลูเทียร์ว่าให้รักษาลอยด์ด้วย

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.