STARCIN ภาคที่ 5 Elforia ตอนที่ 30 สองจิต
"พื้นที่อับฝนเช่นนี้ทำให้ความชื้นจากฝั่งมหาสมุทรพัดข้ามไปยังที่อื่น นอกจากแหล่งน้ำที่เหลือน้อยแล้วก็ยังมีอากาศที่ร้อนจัดอีก"
"นี่เขาพูดเรื่องภูมิศาสตร์มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย?" เซนนั่งคอพับไม่อยากจะรับฟังเรื่องหยุมหยิมพวกนี้ซึ่งเหล่าก็อบลินทั้งหลายก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน
"และจากการวิเคราะห์ของผมทำให้รู้ว่าเผ่าก็อบลินมีคนใช้เวทน้ำได้เพียงแค่หยิบมือเท่านั้น" ซึฮากิเหลือบมองหน้าผู้นำเผ่าก็อบลินก่อนจะหยุดพูด
"ถูกต้อง พวกเราเผ่าก็อบลินส่วนใหญ่จะใช้เวทดินและไฟอาจจะเพราะพระเจ้าคัดเลือกพลังมาให้ทำให้ธาตุน้ำมีเพียงหนึ่งในหมื่น"
"อืม จากที่อธิบายไปพวกเรามีทางเลือกไม่มากนัก ถ้าจะทำฝนเทียมก็จำเป็นต้องมีเครื่องบินไม่ก็จรวดในการส่งสารเคมีอย่างแคลเซียมคลอไรด์อะไรพวกนั้นขึ้นไปบนเมฆ เวทบินของผมก็ไม่น่าจะขึ้นไปสูงขนาดนั้นได้มีแต่ต้องสร้างเครื่องบินเท่านั้น"
"เอาอีกแล้วซึฮากิพูดไม่หยุดอีกแล้ว ไปกันเถอะคานะ" เซนหมอบลงต่ำและแทรกตัวออกไปกลางคันแต่ก็โดนร่างโคลนของซึฮากิดักจับไว้เสียก่อน
"โถ่...ปล่อยพวกเราไปเถอะ เรื่องวิชาการพวกนี้มันไม่เข้าหัวพวกเราเลย" เซนแทบจะก้มกราบทั้งน้ำตาด้วยท่าทางอ่อนระทวยเหมือนผ่านการต่อสู้ศึกหนักมา
"เรื่องทฤษฎีเอาไว้แค่นี้ มาดูว่าเราจะจัดการกับปัญหานี้ยังไงดี" ซึฮากิเขียนแบบแปลนทันทีขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่
วัสดุส่วนใหญ่ต้องได้มาจากการหลอมเหล็กแถมยังต้องใช้อะลูมิเนียมกับวัสดุพิเศษที่มีขั้นตอนหลาย ๆ ขั้นตอน ไม่สิถ้าเราใช้เวทมนตร์รวมกับเทคโนโลยีมันก็อาจจะย่นวิธีการลงได้
"ผมเสร็จแล้วแต่ที่นี่ไม่มีโรงหลอมเหล็กผมเลยคิดเครื่องบินแบบใหม่แทน"
ไม่ทันที่ซึฮากิจะเปิดแบบแปลนให้ดูก็มีแต่ใบหน้าที่งุนงงของก็อบลินทั้งหลายที่ทำได้แค่ฟังและมองดูเท่านั้น
"แต่มันเป็นเครื่องบินที่ต้องใช้หินเวทจำนวนมากถ้าไม่ว่าอะไรผมอยากจะขอดูคลังเก็บหินเวทจะได้ไหม?"
"เอาสิ ยังไงพวกเราก็แทบจะไม่ได้ใช้อยู่แล้ว"
หลังจากเลิกประชุมผู้นำก็อบลินก็พาพวกซึฮากิไปยังสถานที่เก็บหินเวทซึ่งระหว่างทางเขาก็ได้สังเกตเห็นชาวบ้านที่อยู่กับวิถีเดิม ๆ ช่วยกันทำมาหากินไม่ค่อยมีการแข่งขันกันมากนักจะมีก็แค่การออกกำลังเบ่งกล้ามใส่กันเป็นเหมือนวัฒนธรรมของพวกเขา
"ฉันล่ะอยากอยู่ที่นี่จริง ๆ พวกเขาแต่ละคนหุ่นโคตรดี ถ้าได้วัดแรงกันคงจะสนุกไม่น้อย" เซนสอดสายตามองไปรอบ ๆ ตื่นเต้นไปเสียทุกอย่างอย่างกับพาลูกมาเดินสวนสัตว์
"มอนสเตอร์บุก !" ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นก็มีเสียงคนตะโกนดังลั่นทำให้พวกเขามุ่งตรงไปยังที่มาของเสียงก่อน
"ไหน ๆ มอนสเตอร์" เซนพุ่งตัวออกไปพร้อมกับมีดสั้นเตรียมปะทะแต่มอนสเตอร์ที่โผล่ออกมาก็ดันโดนกลุ่มก็อบลินต่อยเตะด้วยมือเปล่าจนตายไปแล้ว
"โห ! พวกเขาเก่งกันจริง ๆ เลย" เซนอุทานออกมาเสียงดัง
"แบบนี้เราก็ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายเลยตั้งแต่เมืองก่อนหน้านี้ มันเริ่มจะเบื่อ ๆ อยากออกหมัดใช้เวทมนตร์บ้าง" คานะเองก็คิดเหมือนกับเซนพวกเธอมักที่จะใช้แรงกายบ่อย ๆ แล้วก็ตามด้วยการกินอาหารให้พุงกางเป็นเหมือนธรรมเนียมที่ต้องทำไปเสียแล้ว
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปยังห้องเก็บของที่มีหินเวทวางกองเต็มห้องทำเหมือนไม่มีค่าอะไร
"พวกเราไม่ค่อยได้ใช้มันก็เลยดูเก่า ๆ หน่อย เผ่าก็อบลินเชื่อในการพึ่งกำลังของตนเองถ้าจะใช้เวทมนตร์ก็สามารถใช้ได้เลยไม่ต้องการหินเวทเหมือนเผ่ามนุษย์"
"ถ้าไม่ว่าอะไรผมอาจจะใช้พวกมันจำนวนมากในการสร้างเครื่องบิน"
ผู้นำเผ่าก็อบลินพยักหน้าตอบรับยิ้มอ่อนให้กำลังใจแก่พวกเขาที่ตั้งใจมาช่วยเหลือโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอะไร
"พวกนายต้องมาช่วยฉันสร้างเพราะมันค่อนข้างลำบากกับอุปกรณ์ที่น้อยนิด"
"เอาสิฉันก็อยากจะเห็นเจ้าเครื่องบินนั่นเหมือนกัน" สเตล่ายิ้มอ่อนเมื่อนึกถึงสิ่งที่เรียกว่าเครื่องบินที่ตนเองไม่รู้จัก
"อะไรก็ได้แหละถ้าข้าได้ช่วยก็ยิ่งดี...เจี๊ยก"
"เยสเซอร์หัวหน้าไปทำงานกันเลยดีกว่า" ทั้งเซนและคานะยืนตัวตรงยกมือทำวันทยหัตถ์อย่างพร้อมเพรียงเหมือนกับนัดกันมา
การเตรียมอุปกรณ์มากมายได้เริ่มต้นขึ้นโดยมีผู้นำเผ่าก็อบลินเป็นคนจัดเตรียมสถานที่และอำนวยความสะดวกให้ไม่ว่าจะการไปหาแร่บอกไซต์มาให้หรือจะการทำอาหารเพื่อให้พวกเขาได้มีแรงทำงานเต็มที่
"เอาแร่บอกไซต์มาถลุงทำเป็นอะลูมิเนียม จากนั้นก็ใช้อะลูมิเนียมขึ้นรูปชิ้นส่วนเครื่องบินซึ่งตอนแรกว่าจะใช้คอมโพสิตด้วยแต่อาจจะทำยากไปหน่อยก็เลยใช้รวมกับไม้และหินเวทแทน ซึ่งเราจะใช้หินเวทและเวทประทับสร้างตัวผลัก ดันและคงรูปของลักษณะเครื่องบินไว้และจำเป็นต้องเตรียมมานาสำรองเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องจะไม่ตกกลางทาง"
"กิเขาพูดอะไร?" สเตล่าขมวดคิ้วนั่งจ้องพยายามทำความเข้าสิ่งที่ซึฮากิพูด
"ปล่อยเขาพูดไปเถอะฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน" คานะโอบไหล่ให้กำลังใจและนั่งฟังสิ่งที่ซึฮากิพูดไปด้วยกัน
หลังจากช่วยกันทำงานเกือบสองวันกว่าจะเสร็จสมบูรณ์รวมทั้งหาแคลเซียมคลอไรด์ ยูเรียและยังมีเกลือที่หาได้ยากอีก
"นี่หรือเครื่องบินที่นายพูดถึง" ผู้นำเผ่าก็อบลินยืนจ้องนกเหล็กยักษ์ที่มีขนาดไม่ใหญ่นักพอจุคนได้สามถึงห้าคนมีตัวถังสำหรับเก็บสารเคมี
"การใช้เวทประทับถือเป็นส่วนสำคัญเพราะมันจะช่วยให้การควบคุมง่ายขึ้น หินเวทแต่ละจุดจะมีกลไกต่างกันเพราะฉะนั้นผู้ควบคุมต้องจำจุดพวกนี้ให้ได้"
"อย่ามัวรีรอเลยไปกันเถอะ" เซนกระโดดขึ้นเครื่องก่อนใคร
"ไม่ใช่นายเซน สเตล่ากับคานะจะเป็นคนไปกับฉัน"
"หา? ทำไมอ่าทำไมฉันถึงไปด้วยไม่ได้" เซนทำหน้าบีบน้ำตาอ้อนวอนแต่ก็โดนคานะลากตัวออกมาจากที่นั่งคนขับ
"อันดับแรก เวทประทับที่ทำไว้เป็นเวทลมซึ่งมีฉันและสเตล่าที่ใช้ได้ ส่วนคานะที่ฉันพาไปด้วยก็เพราะจะให้เธอเพิ่มความชื้นในอากาศโดยการใช้ระเบิดน้ำ เป็นการช่วยส่วนหนึ่งเพราะในเมื่อบินขึ้นไปแล้วก็ทำอะไรหลาย ๆ อย่างเลยแล้วกัน"
"โถ่ อดเลย" เซนนั่งคอตกอยู่ไม่ห่างรอดูการขึ้นบินของเครื่องบินลำแรกของโลกแห่งนี้
"เดี๋ยวเวลามันจะเลยซะก่อน เก้าโมงเช้าถือว่ากำลังดี"
ซึฮากิเป็นคนนั่งที่นั่งคนขับเมื่อวางมือบนหินเวทที่ทำไว้ถ่ายมานาลงไปมันก็ทำให้เครื่องพุ่งไปข้างหน้าตามทางเรียบที่สร้างไว้
"กำลังจะขึ้นบินจับที่นั่งไว้ให้แน่นล่ะ" ซึฮากิส่งมานาลงไปในหินเวทอีกก้อนพร้อม ๆ กับดึงคันโยกส่งผลให้ตัวเครื่องเงยขึ้นและลอยเหนือพื้น
"สะสุดยอดเลยกิ นายทำมันได้จริง ๆ ด้วย" คานะยิ้มตาเบิกกว้างมองลงไปด้านล่างดูวิวทิวทัศน์ที่ไม่ได้เห็นมานานแสนนาน
"กรี๊ด นี่มันอะไรเนี่ยฉันลอยอยู่เหรอ !" สเตล่าอ้าปากค้างเอาตัวแนบที่นั่งไม่กล้ามองออกไปข้างนอก
"อย่าพึ่งตกใจไปนี่มันขึ้นมาแค่ไม่กี่สิบเมตรเอง เรายังต้องขึ้นไปอีกเป็นพันเมตร"
"หา? พันเมตรเลยเหรอ!" เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความสั่นกลัวและสิ้นหวังแค่ลืมตายังไม่กล้า
หลังจากที่ขึ้นไปบนชั้นเมฆได้สำเร็จซึฮากิก็ปล่อยสารเคมีแคลเซียมคลอไรด์ที่เตรียมไว้ไปรอบ ๆ พร้อม ๆ กับคานะที่ยิงระเบิดน้ำขนาดใหญ่ออกไปเรื่อย ๆ
"นายแน่ใจนะว่าแรงดันมันจะไปดูดฉันออกไปด้วย" คานะเองก็ยังสั่นกลัวเพราะมันไม่เหมือนกับเครื่องบินที่เคยนั่งยิ่งกับสิ่งรอบข้างที่โล่งจนคิดว่าตกไปได้ทุกเมื่อ
"ไม่ต้องห่วงถ้าเป็นโลกเดิมก็อย่าหวังจะทำอะไรแบบนี้เลย โครงของเครื่องส่วนบนสำหรับคนขับกับคนโดยสารใช้มานาเสริมเป็นเหมือนกับเสริมกำลังคลุมไว้ แม้มันจะโปร่งใสจนมองเห็นรอบ ๆ ก็ตามแต่วางใจได้"
ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะแต่มันก็รู้สึกหวิว ๆ เหมือนกันแฮะ ซึฮากิเหลือบตามองลงไปข้างล่างที่เห็นหมู่บ้านเป็นจุดเล็ก ๆ ทำเอาหน้าซีดไม่ต่างอะไรกับพวกคานะ
หลังจากโปรยสารเคมีเรียบร้อยพวกเขาก็รีบเอาเครื่องลงพื้นทันทีขณะที่สเตล่าหมดสติไปแล้ว
"ดูเหมือนจะไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ที่พาสเตล่าไปด้วย ถ้าอย่างนั้นรอบต่อไปนายมาแล้วกันเซน"
"เยสเซอร์ให้มันได้ยังไงนี้สิ"
หลังจากนั้นสองชั่วโมงพวกเขาก็ขึ้นบินอีกครั้งเมื่อขึ้นไปถึงจุดจุดหนึ่งเซนก็ร้องโวยวายเป็นลมไปอีกคน
"ไม่ไหว ๆ มังกี้อยากจะลองด้วยไหม?"
"ขอลองสักหน่อยก็แล้วกัน...เจี๊ยก"
หลายชั่วโมงผ่านไปเมื่อได้เห็นเมฆที่กำลังก่อตัวใหญ่ขึ้นพวกเขาก็ขึ้นบินอีกครั้งโดยใช้เกลือและยูเรีย หลังจากโปรยเกลือเหนือเมฆเสร็จก็ดิ่งลงต่ำเพื่อใช้ยูเรียโปรยซ้ำอีกครั้งแต่ไม่ทันไรมังกี้ก็กรีดร้องและเป็นลมไปอีกตามเคย
ไม่นานนักในเย็นวันนั้นฝนก็ได้ตกลงมาสร้างความประหลาดใจให้กับเผ่าก็อบลินยิ่งนักจนบางคนถึงกับก้มกราบเปรียบพวกเขาดั่งเทพเจ้า
"ดูเหมือนจะแก้ปัญหาได้ในระยะสั้น ๆ ถ้าฝนเริ่มทิ้งช่วงเมื่อไหร่ให้ส่งจดหมายแจ้งไปยังเมืองเอลโฟเรียนะครับ แล้วก็เครื่องบินผมขอเอาไปด้วยแล้วกัน"
"ตามใจนายเลยซึฮากิ ยังไงพวกเราก็ใช้มันไม่ได้อยู่ดีแถมเรื่องฝนพวกนี้ก็ยากที่จะตอบแทนเสียด้วย"
"ไม่เป็นอะไรครับพวกเราสัญญาไว้แล้วว่าจะช่วยแก้ปัญหาหลังจากทำสนธิสัญญากัน ว่าแต่คุณชื่ออะไรนะครับยังไม่ได้ถามเลย" ซึฮากิเผชิญหน้ากับชายตัวเขียวร่างสูงใหญ่จนซึฮากิต้องเงยหน้ามอง
"ข้าเป็นมีนามว่าอุอะเป็นผู้นำเผ่าก็อบลินเขียว"
ขณะนั้นเซนก็เดินเข้ามาด้านหลังและถอดเสื้อออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเต็งตึงพวกนั้น
"ถอดสิกิ พวกเราต้องทักทายด้วยธรรมเนียมของอุอะ" ซึฮากิถอนหายใจทำเหมือนจะไม่แต่ก็ถอดจริง
"ยินดีต้อนรับเสมอซึฮากิ เซน" พวกเขาเบ่งกล้ามประชันกันแทนการจับมือทักทาย
ถึงจะน่าอายก็เถอะแต่คนในเมืองนี้แทบจะไม่ใส่เสื้อกันเลยอย่างกับเป็นพวกมนุษย์ยุคหิน
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเราขอตัวลานะครับ"
…6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2576
หลังจากที่ออกเดินทางอีกครั้งโดยมีภาระชิ้นใหญ่ก็คือเครื่องบินที่ต้องลากไปด้วย แถมเส้นทางที่ขรุขระยากลำบากรอบข้างก็เต็มไปด้วยป่าลึกบรรยากาศชวนพิศวง
"เธอคิดเหมือนฉันไหมคานะ?" เซนกระตุกยิ้มแห้งมองตาคานะเหมือนรู้ใจกัน
"อืม พูดพร้อมกันนะ" พวกเขาพยักหน้าให้กันเป็นสัญญาณเตรียมพร้อม
"ทำไมเราไม่ใช้มันบินไปแทนล่ะกิ !" เสียงอันพร้อมเพรียงของสองหนุ่มสาวกำลังชักสีหน้างุนงงที่ต้องมาลากเครื่องบินไปไหนมาไหนด้วย
"ฮึ ก็นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว" ซึฮากิหัวเราะในลำคอเมื่อได้เห็นเซนและคานะหัวเสีย
"หา? ที่นายหัวเราะใช่ไหมเมื่อกี้นี้ อุตส่าห์สร้างเครื่องบินแท้ ๆ แต่ทำไมถึงไม่ใช้เล่า"
ซึฮากิหยุดเดินก่อนจะหันหน้ามองพวกเขา "เรากำลังจะไปที่อาณาเขตฮาร์พีที่อยู่ติดกันซึ่งพวกเขาเป็นมนุษย์ครึ่งนก ถ้าเราใช้เครื่องบินเข้าไปแล้วดันซวยไปชนหรือสร้างปัญหาให้พวกเขาล่ะ?" แต่จริง ๆ ก็แค่อยากจะแกล้งพวกเซนเฉย ๆ
"เดินไปอีกประมาณหนึ่งร้อยกิโลเมตรก็น่าจะเข้าเขตพวกฮาร์พีแล้ว หรือถ้าเหนื่อยก็ผลัดกับฉันก็ได้"
"ใครบอกเหนื่อย ! กะอีแค่ลากเครื่องบินเล็ก ๆ ต่อให้ลากทั้งวันก็ยังได้อะบอกเลย" เซนหายใจฟึดฟัดเกร็งกล้ามเนื้อให้มันเต็งตึงตลอดการลากเครื่องบิน
"จะว่าไปให้ข้าลากไปดีไหม ถ้าเป็นร่างลิงยักษ์ก็น่าจะลากได้สบาย ๆ ไม่ต้องเสียเวลา...เจี๊ยก"
ซึฮากิยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสบตากับเซน "ว่ายังไงล่ะอยากจะไปถึงที่หมายไว ๆ ไหม?"
"เหอะ ก็เอาสิแต่ไม่ใช่เพราะฉันเหนื่อยหรอกนะ" เซนสะบัดหน้าหนีเดินออกห่างเพื่อให้มังกี้เข้าไปจัดการต่อ
ทันใดนั้นก็มีควันสีดำฟุ้งกระจายรอบ ๆ ตัวมังกี้ก่อนมีสัตว์อสูรขนาดใหญ่โผล่ออกมา
"พึ่งเคยเห็นใกล้ ๆ เหมือนกันนะเนี่ย" คานะกระตุกยิ้มมองดูลิงยักษ์ยกเครื่องบินที่เล็กพอจะหยิบได้ด้วยสองมือ
"เราจะเร่งความเร็วกันสักหน่อย" ซึฮากิวิ่งนำหน้าไปก่อนใคร
"เฮ้ย ! รอด้วยสิกิ" พวกเขาพาวิ่งตามกันไป
...
พื้นที่ราบสูงกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาที่นั่นเต็มไปด้วยที่อยู่อาศัยของเผ่าฮาร์พีที่ไม่ต่างอะไรจากเผ่าก็อบลินนัก ทั้งสภาพบ้านเมืองและเทคโนโลยีที่ล้าหลังแค่การค้าขายยังมีน้อยนิดจนนับมือได้
"นึกว่าจะหมู ๆ แต่มันดันเป็นทางเดินขึ้นซะงั้น" ทั้งคานะและเซนสบตากันครู่หนึ่งเหมือนมีความคิดเดียวกันผุดขึ้นมา
ยิ้มอย่างนั้นพวกเขาคงจะมีแผนอะไรอีกแน่ สเตล่าที่เฝ้าอยู่ด้านหลังคุ้นชินกับท่าทางเช่นนั้นแค่ได้เห็นใบหน้าที่ยิ้มเล็กยิ้มน้อยก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาทำอะไรสักอย่างที่มันบ้าไม่ก็เสียงดัง
"ผู้บุกรุก ! ถอยไปเดี๋ยวนี้" หนึ่งในนักรบฮาร์พีสวมชุดเกราะโทรม ๆ ที่ดูจะแตกหักได้ทุกเมื่อโผล่ออกมาขวางทางไว้
"ไปเรียกราชินีโซมาเดี๋ยวนี้" ซึฮากิเดินนำออกไปเผชิญหน้ากับทหารฮาร์พี ซึ่งส่วนใหญ่คนในเผ่าฮาร์พีจะเป็นผู้หญิงทำให้อำนาจสูงสุดไม่ใช่ราชาแต่เป็นราชินีแทน
"ประสาทกลับหรือยังไง? พวกแกไม่มีสิทธิทำอะไรทั้งนั้น" ขณะที่กำลังตวาดใส่ซึฮากิเขาก็พุ่งเข้าประชิดอาศัยจุดบอดทำให้พวกเธอไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่พวกเธอจะหันธนูตามทันก็โดนมีดสั้นของซึฮากิจ่อที่คอเสียก่อน
"ฉันบอกให้ไปเรียกราชินีโซมาหรืออยากให้หัวหลุดจากบ่าซะก่อน"
ร่างกายอันสั่นระริกของทหารฮาร์พีค่อย ๆ ผายมือออกบ่งบอกให้พรรคพวกของเธอไปเรียกราชินีฮาร์พี
พวกเธอกระพือปีกบินมุ่งไปยังบ้านของราชินีแม้จะเป็นที่พักของเธอแต่กลับดูไม่ต่างอะไรกับบ้านหลังอื่น ๆ เลยสักนิด
"ท่านโซคะ !" เธอนั่งคลุกเข่ากับพื้นเมื่ออยู่ต่อหน้าราชินีฮาร์พีผู้น่าเกรงขาม
"มีเรื่องอะไรทำไมถึงดูรีบร้อนขนาดนั้น?"
"เอ่อ มีกลุ่มคนแปลกหน้ามาที่ทางเข้าเมืองบอกจะขอเจอท่านราชินี พวกเราพยายามไล่เขาออกไปแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล"
ราชินีโซลุกจากโต๊ะทำงานให้ทหารฮาร์พีพาเธอไปยังที่เกิดเหตุทันทีเหมือนกับรู้ว่าจะเจอกับอะไร
"เหอะ เป็นนายจริงด้วย"
"ออกมาได้สักที นี่ไม่ได้บอกลูกน้องเธอเลยหรือยังไงว่าเราจะมา" ซึฮากิเดินแหวกทหารฮาร์พีเข้าไปหาโซไม่เกรงกลัวอาวุธบนมือของทหารเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย
"ขอโทษแล้วกันพอดีว่ามันยุ่ง ๆ" ท่าทีที่ไม่แยแสของเธอทำให้พวกเซนหงุดหงิดแทนจนอยากจะออกหมัด
"เอาเถอะ ยังไงฉันก็มาเพื่อทำตามสัญญาอยู่แล้ว" ซึฮากิใช้เวทลอยตัวพุ่งขึ้นเหนือพื้นเฝ้าสังเกตสภาพภูมิศาสตร์จากด้านบน
"เขาก็เป็นฮาร์พีเหมือนเราเหรอ?" หนึ่งทหารฮาร์พีเงยหน้าจ้องมองตาไม่กะพริบ
"ฮ่า ๆ ๆ ทึ่งไปเลยสิสมกับเป็นกิของเรา" เซนยิ้มอย่างภาคภูมิใจกอดอกมองดูซึฮากิอยู่ห่าง ๆ
…
หลังจากที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงจนซึฮากิกลับลงมาที่พื้นพร้อมกับข้อมูลที่ฝั่งไวในหัวไม่มีการจดอะไรสักคำ
"จากการวิเคราะห์ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเป็นแค่ปัญหาพื้นฐานเท่านั้น"
"จะอะไรก็รีบพูดมาให้จบ ๆ ไป" โซกระแทกเสียงขัดแสดงท่าทางไม่พอใจ
"พวกเธอล่าสัตว์มากเกินไปจนไวกว่าอัตราการเกิด ในเมื่อพวกมันสูญพันธุ์ไปจากบริเวณนี้แล้วก็คงรอได้แค่มีสัตว์ฝูงใหม่อพยพมาหรือไม่ก็หาจากที่อื่นเพาะเลี้ยงเอาเอง"
"สูญพันธุ์เหรอ? พวกเราอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว วิถีชีวิตก็เหมือนเดิมทำไมมันถึงมาสูญพันธุ์ตอนนี้ล่ะ"
"ส่วนหนึ่งก็เพราะมันลดลงอย่างมีนัยสำคัญถ้าไม่มีการเก็บสถิติก็ไม่มีทางรู้ตัวแน่ ๆ ว่าพวกมันกำลังลดลง...และอีกเหตุผลก็คือมันมีตัวแปรอื่นเข้ามามีส่วนด้วย"
"ตัวแปรอื่น?" ระหว่างทางเดินไปยังบ้านพักพวกเขาก็พูดคุยถึงแผนการล่วงหน้า
"อาณาเขตฮาร์พีประชากรสัตว์ลดลง อาณาเขตภูตจิ๋วช่วงนี้มีพวกสัตว์อสูรบุกเข้ามาบ่อยจนน่าสงสัยและทั้งสองอยู่ติดกับอาณาจักรนอด"
"นายจะบอกว่าอาณาจักรนอดพยายามทำสงครามอ้อม ๆ สินะ"
"อาจจะเป็นแค่การคาดการณ์แต่ก็ใช่ พวกเขาอาจจะดักจับสัตว์ที่เป็นอาหารไว้ถ้าเป็นปกติมักจะอพยพมาตอนฤดูหนาวแล้วก็ปล่อยสัตว์อสูรเข้ามาในอาณาจักรอาฟแทน"
"เหอะ นึกว่าจะพูดอะไร ในเมื่อมันเป็นฝีมืออาณาจักรนอดเราก็แค่เอาคืนแบบที่มันทำกับเรา"
"คิดอะไรตื้น ๆ แค่หาเสบียงยังลำบากขนาดนี้ยังจะไปยุ่งกับพวกนั้นอีกเหรอ? ถ้าให้ดีตอนนี้ต้องรีบฟื้นฟูกองทัพของฮาร์พี เพราะเส้นทางที่เดินทางได้รวดเร็วและสะดวกที่สุดก็อยู่ในอาณาเขตฮาร์พีที่พวกมันไม่ส่งสัตว์อสูรมาก็คงจะห่วงเรื่องสภาพเส้นทาง"
โซถอนหายใจคิดไม่ตก
"เธอไม่ต้องคิดมาก ฉันจะควบคุมทุกอย่างเองพวกเธอก็แค่ทำตามที่สั่ง"
"ตามใจแต่อย่าเอาพวกพ้องของฉันไปทำอะไรที่มันเสี่ยงชีวิตแล้วกัน แล้วก็อย่ามาทำเป็นสนิทกับฉันด้วยเราก็แค่..." ขณะที่กำลังตะเบ็งเสียงใส่ซึฮากิก็มีเสียงท้องร้องดังมาจากราชินีฮาร์พีผู้สูงส่งและเย่อหยิ่ง
"ฮ่า ๆ ๆ" เซนลั่นเสียงหัวเราะออกมาทันทีไม่สนใจใคร
"พอเถอะน่าเซนเดี๋ยวเธอก็เขินหรอก" คานะเอามืออุดปากเซนไว้ก่อนที่โซจะของขึ้น
"ไหน ๆ เราก็กำลังจะทำอาหารกินแล้วจะมาร่วมวงด้วยไหมล่ะ?" เซนตรงดิ่งไปหาหญิงสาวผู้หิวโหยเข้าใจหัวอกคนที่อดอาหาร
"พะพูดบ้าอะไรใครจะไปกินข้าวร่วมกับพวกแก" ขณะเดียวกันก็ยังมีเสียงท้องร้องดังไม่หยุดจนแก้มของเธอเริ่มแดงเป็นมะเขือเทศ
"กินข้าวเถอะค่ะท่านโซ ท่านไม่ได้กินอาหารดี ๆ มาหลายวันแล้วนะคะ"
ภายนอกบ้านพักก็ยังมีมังกี้ที่เป็นร่างเป็นลิงยักษ์นั่งรอคอยการประชุมของพวกซึฮากิและด้วยภาพลักษณ์เช่นนั้นทำให้ชาวบ้านตกใจกลัวไปหมด
"เอามันออกมาเลยมังกี้ !" เซนวิ่งออกมานอกบ้านพร้อมด้วยรอยยิ้มฉีกกว้างเห็นฟัน
หลังจากที่มังกี้วางสัมภาระและเครื่องบินลงพื้นเธอก็กลับคืนเป็นร่างเดิมที่ทั้งตัวเล็กและอ่อนแอ ไม่ทันไรก็กระโดดขี่คอเซนระหว่างที่กำลังทำอาหารอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
พื้นที่ราบสูงซึ่งเป็นเมืองหลักของอาณาเขตฮาร์พียังอดอยากเพียงนี้แล้วแถบเมืองชายแดนหรือเมืองรอบนอกจะขนาดไหน เสบียงของอาณาเขตก็เกือบจะหมดแล้วแม้แต่ผู้เป็นราชินียังต้องอดมื้อกินมื้อเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของฮาร์พีในเมือง ทางตอนเหนือก็เป็นเทือกเขาสูงทอดยาวไปยังอาณาจักรนอดแต่เพราะมันทั้งหนาวและหาอาหารยากจึงไม่มีใครไปอยู่
"ดูเหมือนจะต้องหาอาหารทดแทนไปก่อน ดูจากความอดอยากงบประมาณก็คงจะไม่ค่อยมีเหมือนกัน" ซึฮากินั่งคิดขณะที่กินอาหารไปด้วย เนื้อย่างหมักสมุนไพรนอกจากจะกลบกลิ่นยังช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายเป็นสูตรของยูกิ
พวกเขาจะกินอะไรแทนได้บ้าง? ถึงจะเป็นครึ่งนกแต่ปากก็ยังเป็นปากคนก็คงจะกินได้เหมือนกับพวกเรา อาหารที่หาได้ไว ๆ และมีมากพอให้แจกจ่ายไปยังส่วนต่าง ๆ ของอาณาเขตฮาร์พี ตั๊กแตนที่กำลังระบาดในอาณาเขตมนุษย์หมาป่า? หรือจะปลูกข้าวไว้กินแต่นั่นก็ใช้เวลานานเกินไป
"ดูนั่นสิ" สเตล่าส่งสายตายิ้มเล็กยิ้มน้อยให้กับพวกคานะให้มองไปยังซึฮากิที่เหมือนหลุดออกไปจากโลกนั่งนึกคิดอยู่คนเดียว
"ปล่อยเขาไปเถอะอาจจะใช้เวลาคิดสักพัก เรามากินกันต่อดีกว่า"
แม้พรรคพวกของซึฮากิจะรู้อยู่แก่ใจว่าเขาเป็นคนยังไงจึงไม่สนใจนักแต่กับราชินีฮาร์พีเธอเอาแต่นั่งจ้องดูพฤติกรรมของชายหนุ่มที่จะมาช่วยเหลือเผ่าของเธอ
เจ้านั่นนั่งเงียบเป็นสิบนาทีแล้วมั้งไม่เห็นจะทำอะไรเลย
"พวกเธอเคยไปล่าในดันเจี้ยนบ้างไหม?" จู่ ๆ ซึฮากิก็เอ่ยถามโซทำเอาเธอสะดุ้งตกใจทำเนื้อหล่นพื้นแต่แทนที่เธอจะทิ้งมันไปแต่กลับรีบหยิบมันขึ้นมากินต่อทันที
"เผ่าของเราล่าในดันเจี้ยนไม่ค่อยเก่ง เวลาใช้ปีกบินมันยากกว่าเพราะมีพื้นที่จำกัด"
"ก็ไม่เห็นต้องบินก็ได้นี่ หรือเพราะสรีระทางด้านร่างกายที่มีปีกอยู่ด้วยทำให้หยิบจับอาวุธได้ลำบาก"
"ถูกอย่างที่นายคิด เพราะปีกของพวกเราทำให้การเหวี่ยงดาบหรืออาวุธที่ต้องขยับร่างกายช่วงบนใช้งานได้ยาก"
"ก็เลยใช้เป็นธนูสินะ"
โซพยักหน้าตอบรับขณะที่ปากไม่ว่างเพราะกำลังกินเนื้อย่างอยู่
"ถ้าอย่างนั้นฉันจะสร้างอาวุธที่เหมาะกับพวกเธอเอาไว้ล่าในดันเจี้ยน ถ้าเป็นนั้นก็จะมีอาหารทดแทนในช่วงแรกก่อนที่จะเพาะเลี้ยงสัตว์ขึ้นมาใหม่"
"สร้างอาวุธเหรอ? พวกเราไม่ได้มีของมากมายนักคงจะทำให้นายผิดหวัง"
"ขอแค่หินเวทก็พอ"
"ถ้าหินเวทก็มีค่อนข้างเยอะเพราะพวกเราไม่รู้จะเอาไปใช้ทำอะไร ที่เก็บไว้เพราะเจ้าวาเลี่ยมต้องการมันเยอะเผื่อจะเอาไว้ต่อรองได้"
"ตอนนี้เก็บมันไว้ก็คงจะไม่มีประโยชน์หรอก ฉันจะใช้มันให้คุ้มค่าที่สุดเอง" ภายใต้ใบหน้าอันเฉยชากำลังยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุขกับการได้สร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 202
แสดงความคิดเห็น