บทที่ 4 ห้องเรียน 2
โยดาย่างสามขุมเข้าไปข้างในกระท่อม สายตาของชายชราจับจ้องไปที่ยันต์ผนึกที่อยู่ไม่ห่างไปนัก ก่อนที่ชายชราจะเอื้อมมือดึงยันต์ออกค เสียงห้ามพลันดังขึ้น
“หยุดมือ”
ชายชราหยุดมือก่อนที่จะหันไปมองยังผู้มาใหม่ “ในที่สุดท่านก็มาที่นี่ด้วยตัวเอง คงสัมผัสถึงพลังของพวกเราได้สินะถึงรีบมาที่นี่”
เส้นผมสีทองยาวสบัดไหวไปตามแรงลม ชายหนุ่มมองยังผู้ชราทั้งสองก่อนที่จะยกยิ้ม เขาคิดไว้แล้วว่ายังไงผู้อาวุโสทั้งสองก็ต้องมาที่นี่ ถึงแม้ว่าอายุอานามของพวกเขาจะไม่ต่างกันมากนัก แต่ถ้าเกิดเทียบความยาวไวของร่างกายผู้ที่มีเวทย์ยับยั้งการชราเช่นเขาก็นับว่ายังเป็นเด็กน้อย
“แน่นอนอยู่แล้วทางของเจ้าเองก็ไม่คิดจะปกปิดพลังเวทย์ ไม่สิถ้าจะพูดให้ถูกเจ้า ปล่อยพลังเวทย์เพื่อดึงดูดให้ข้ามาที่นี่ ข้ารู้สิ่งที่เจ้าต้องการเจ้าคงอยากให้ข้ามาคลายผนึกเจ้าสิ่งนั้นใช่หรือไม่”
โยดาพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว ครั้งนั้นที่ข้าเสนอให้หลานของข้าเป็นลูกศิษย์ของท่านท่านก็ปฏิเสธ แต่ครั้งนี้ข้าคิดว่าท่านคงไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่ ท่านวิน เรื่องนี้คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงสำหรับพลังของท่าน ข้าต้องการให้ท่านช่วยปดผนึกเจ้าสิ่งนี้แล้วก็จะนำมันไปให้กับหลานของข้าเพื่อเสริมพลังให้กับหลานของข้า”
“เพื่อที่จะให้หลานของเจ้าได้เป็นจักรพรรดิเวทมนตร์ถึงกับต้องทำแบบนิ”
วินพยักหน้ารับ “เรื่องนี้ข้าก็อยากจะช่วยเหลือเจ้า แต่ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้เพราะว่าสิ่งที่ต้องใช้ไม่ใช่พลังของเจ้าแต่เป็นโลหิตของหลานเจ้า ถ้าไม่ได้โลหิตและพลังทั้งสามสายอาวุธชนิดนี้ศาสตราวุธจะไม่สามารถมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลได้อยู่ดี สิ่งที่เจ้าทำมันสูญเปล่าซะแล้ว”
“แต่ว่า การที่เจ้าทำแบบนี้แสดงว่าเตรียมตัวที่จะรับมือกับชายผู้นั้นและนักปราชญ์ผู้สร้างเวลา ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะส่งหลานเจ้าไปที่แห่งนั้น”
“ก่อนที่จะกลายเป็นจักรพรรดิเวทมนต์จำเป็นต้องเข้าทดสอบ มันเลี่ยงไม่ได้ที่หลานของข้าจะต้องไปอยังที่แห่งนั้น หากหลานข้ามไม่สามารถไปถึงได้ก็คงไม่สามารถขึ้นเป็นจักรพรรดิเวทย์มนต์ได้”
วินพยักหน้ารับ “อย่างนี้นี่เอง ข้าเข้าใจแล้ว เหตุผลเช่นนี้ก็สมควรอยู่ที่เจ้าต้องตามหาข้า ถ้าเช่นนั้นสิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือกลับไปฝึกฝนหลานของเจ้าให้สามารถมายังที่แห่งนี้ได้ หลังจากนั้นต้องให้หลานของเจ้ามาหาข้าด้วยตัวของมันเอง ถ้าแค่นี้มันยังทำไม่ได้ถ้าจะขอแนะนำให้เจ้า ไม่สิหลานของเจ้าเลิกคิดที่จะเป็นจักรพรรดิเวทมนตร์เสีย การที่จะได้พลังที่สูงส่งจำเป็นต้องเสี่ยงหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง หากแค่นี้เจ้ายังไม่กล้าให้หลานเจ้ามาด้วยตนเองข้าก็ไม่มีอะไรจะกล่าว”
“ท่านพูดอย่างนี้ถ้าเห็นว่าไม่ถูกนัก”
สิ้นคำของหญิงสาว ชายหนุ่มก็หันมามอง
“ทำไมหลานข้าต้องเดินทางมาที่นี่เพียงลำพัง หากให้หลานข้ามายังที่นี่กับพวกสหายของพวกเขาหรือไม่ก็ให้พวกข้าพาหลานข้ามามันจะรวดเร็วกว่าหรือไม่ แล้วอีกอย่างหนึ่งหากทำเช่นนั้นท่านก็ไม่ต้องลำบากรอหลานของข้าเป็นเวลานานเพียง 2-3 วันหลานข้าก็สามารถมายังที่นี่ได้”
“ทำแบบนั้นมันจะมีคุณค่าจริงๆหรือ ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าผู้หญิงที่มีความแข็งแกร่งอันดับ 1 ของโลกเวทมนตร์แอนนา ผู้หญิงที่ใช้เวทมนต์สรรสร้างนักเวทน้ำแข็ง เมื่อก่อนเจ้าเคยมีจิตใจอันเย็นยะเยือก ขายน้ำแข็งขั้วโลกแต่ตอนนี้น้ำแข็งนั้นกับละลายเสียสิ้น”
“ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าค่าอ่อนโยนขึ้นกว่าแต่ก่อนใช่หรือไม่”
วินยิ้มรับ “ใช่แล้ว แต่เรื่องนั้นหาใช่เป็นเรื่องเลวร้ายแต่กลับเป็นเรื่องดีที่เจ้าให้ความสำคัญกับชีวิตมนุษย์ ถึงแม้ว่าชีวิตที่ต้องให้ความสำคัญจะเป็นลูกหลานของเจ้าก็ตาม แต่ว่าสิ่งที่เจ้าคิดจะช่วยหลานของเจ้านั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง หากหลานของเจ้าสามารถก้าวเข้าสู่ตำแหน่งจักรพรรดิเวทมนตร์ได้โดยง่าย สิ่งที่มันจะได้รักหาใช่ความภาคภูมิใจไม่ แต่สิ่งที่หลานเจ้าจะได้รับคือความว่างเปล่า จริงอยู่ที่พลังอำนาจเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดแต่หากผู้ที่ได้มันมาไม่พร้อมรับภาระอันใหญ่ยิ่งก็ไร้ความหมาย”
สิ้นคำกล่าว โยดาก็พยักหน้ารับ ชายชราผู้นี้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดชายหนุ่มพูดนี้ถึงไม่รับสอนหลานของตนเอง เขาคงไม่อยากทำลายเด็กหนุ่มที่จะก้าวเข้าสู่ตำแหน่งจักรพรรดิเวทมนตร์ในอนาคต หากวินรับสอนวิชาให้กับไบรท์ หลานของข้างเขาก็จะเดินตามหลังของชายหนุ่มผู้นี้ไปตลอดชีวิต
“ถ้าเข้าใจแล้ว ว่าทำไมท่านจึงไม่สอนหลานของข้า แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงสอนไอยรา”
วินสั่นศีรษะ “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้เป็นคนสอนสั่งไอ แต่คนที่สอนก็คือ”
ก่อนที่ชายหนุ่มจะกล่าวเขาก็สัมผัสถึงพลังเวทย์ที่กำลังพุ่งตรงมาทางนี้อย่างรวดเร็ว ผู้เยี่ยมยุทธทั้ง 3 มองไปยังท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่ ก่อนที่ชายหนุ่มผมสีทองจะกล่าว
“ในที่สุดก็มาผู้ท่องเวลา พูดแทรกแซงอดีตปัจจุบันและอนาคต”
ศิลามองเด็กๆในห้องเรียนของตนก่อนจะยิ้มออกมา เขาคิดแล้วว่าการประกาศการสอบครั้งแรกนี้เด็กหลายคนต้องไม่พอใจ แต่เมื่อเด็กพวกนี้รับรู้ว่าเมื่อทดสอบเสร็จตนเองจะได้อะไรชายหนุ่มคิดว่าเด็กพวกนี้ก็คงพอใจมากในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามการทดสอบฝีมือครั้งนี้ก็จะเป็นเครื่องชี้วัดว่าใครเหมาะสมที่จะเรียนอะไรบ้าง
“ทุกคนฟัง”
สิ้นคำประกาศทุกคนก็เงียบลงราวกับป่าช้า อาจารย์หนุ่มกวาดตามองไปยังรอบๆห้องเรียนเมื่อพบว่านักเรียนทุกคนไม่มีเสียงคุยเขาจึงเริ่มบรรยายต่อ
“ก่อนอื่นทุกคนต้องออกจากห้องเรียนแล้วไปสนามประลอง ที่ตึก 4”
หลังจากนั้นกลุ่มของพวกศิลาก็เดินออกจากห้องเรียนไปอย่างรวดเร็ว นักเรียนในห้องนี้มีประมาณ 20 คนทำให้การสอบที่ชายหนุ่มวางไว้สามารถทำได้ง่าย เพียง 4 นาทีพวกเขาก็มาถึงยังสนามประลองที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ชายหนุ่มเดินไปยืนตรงกลางสนามประลองก่อนที่จะเริ่มกล่าว
“การทดสอบครั้งนี้เป็นการทดสอบที่ง่ายแสนง่าย เราจะทดสอบทีละคน การทดสอบก็คือให้ทุกคนเข้ามาต่อสู้กับฉันคนละ 5 นาที ถ้าใครสามารถ ทำให้ฉันขยับร่างกายออกจากที่ยืนอยู่ตรงนี้ได้ ก็เป็นผู้ชนะไปเลย รางวัลที่จะได้สำหรับผู้ชนะก็คือเหรียญที่จะได้ก็คือ 100 เหรียญ คะแนนที่จะได้ก็คือ 5 คะแนน เอาล่ะ ใครจะมาเป็นคนแรก”
ทุกคนมองหน้ากัน พวกเขาอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าใครจะเป็นคนที่จะไปประลองเป็นคนแรก แต่ก่อนที่เขาจะได้กลับออกไปกับมีเด็กใหม่คนหนึ่งขยันร่างไปอย่างรวดเร็ว
สิ้นคำกล่าวของศิลาไบรท์ก็ทะยานร่างเข้าไปหาในทันที “ผมเอง เปิดก่อนได้เปรียบ”
ไบรท์มองอาจารย์หนุ่มที่มองตนเอง “เริ่มด้วยหรือเปล่า”
พอศิลาพยักหน้ารับเด็กหนุ่มก็ทะยานร่างในทันที ไบรท์ผนึกพลังเวทลมไว้ที่ขาทั้งสองข้างแล้วดีดร่างเข้าหาศิลา มือข้างซ้ายมีลูกบอลไฟ ส่วนมือข้างขวาใช้เวทเสริมกำลัง ก่อนที่ร่างกายจะได้ปะทะไบรท์ก็ปาลูกไฟลงพื้นสนามประลอง ควันจากเปลวไฟกระจายไปรอบๆสนามประลอง
“ไม่เล็วนี่นา”
สิ้นคำกล่าวของศิลากำปั้นของไบรท์ก็ไปถึงหน้าของศิลา ชายหนุ่มหรี่ตามองเข้าใช้มือเปล่ารับการโจมตีของไบรท์ เสียงหมัดปะทะกันทำให้ทุกคนจ้องมองไปยังสนามประลอง
ไบรท์มองมือของตนเองที่ถูกหยุดได้อย่างง่ายดาย เขาไม่มีเวลาให้คืด ยังไงเป้าหมายของเด็กหนุ่มไม่ใช่การเสมอแต่คือการชนะแบบขาดลอย เขารู้ดีว่าการชนะอาจารย์ในโรงเรียนเวทมนต์มันเป็นเรื่องที่ยากลำบาก โดยเฉพาะคนที่มีพลังเวทมนตร์ไม่สมบูรณ์อย่างเขา แต่ถ้าหากคิดว่าไม่ชนะมันก็สูญเปล่า
“เรื่องความกล้าหาญฉันคงต้องชมเธอว่ามีมากมายกว่าเพื่อนหลายๆคน แต่ว่าสิ่งที่เธอทำมันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หากรู้ว่าตนเองมีพลังเวทย์ที่น้อยนิดขนาดนี้ก็ไม่ควรที่จะโจมตีเข้ามาโดยที่ไม่คิดแผนลองรับไว้ก่อน“
สิ้นคำกล่าวของศิลาชายหนุ่มก็ผนึกพลังเวทไว้ที่มือซ้าย หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ชกเข้าไปที่ลำตัวของไบรท์ มือที่ถูกจบอยู่ถูกปล่อยอย่างทั้นทีทันใด ร่างกายที่ปราศจากพลังเวทป้องกันกระเด็นออกไปไกล
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ข้างนอกสนามประลองต้องอ้าปากกับความรวดเร็วที่เกิดขึ้น
โยดาย่างสามขุมเข้าไปข้างในกระท่อม สายตาของชายชราจับจ้องไปที่ยันต์ผนึกที่อยู่ไม่ห่างไปนัก ก่อนที่ชายชราจะเอื้อมมือดึงยันต์ออกค เสียงห้ามพลันดังขึ้น
“หยุดมือ”
ชายชราหยุดมือก่อนที่จะหันไปมองยังผู้มาใหม่ “ในที่สุดท่านก็มาที่นี่ด้วยตัวเอง คงสัมผัสถึงพลังของพวกเราได้สินะถึงรีบมาที่นี่”
เส้นผมสีทองยาวสบัดไหวไปตามแรงลม ชายหนุ่มมองยังผู้ชราทั้งสองก่อนที่จะยกยิ้ม เขาคิดไว้แล้วว่ายังไงผู้อาวุโสทั้งสองก็ต้องมาที่นี่ ถึงแม้ว่าอายุอานามของพวกเขาจะไม่ต่างกันมากนัก แต่ถ้าเกิดเทียบความยาวไวของร่างกายผู้ที่มีเวทย์ยับยั้งการชราเช่นเขาก็นับว่ายังเป็นเด็กน้อย
“แน่นอนอยู่แล้วทางของเจ้าเองก็ไม่คิดจะปกปิดพลังเวทย์ ไม่สิถ้าจะพูดให้ถูกเจ้า ปล่อยพลังเวทย์เพื่อดึงดูดให้ข้ามาที่นี่ ข้ารู้สิ่งที่เจ้าต้องการเจ้าคงอยากให้ข้ามาคลายผนึกเจ้าสิ่งนั้นใช่หรือไม่”
โยดาพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว ครั้งนั้นที่ข้าเสนอให้หลานของข้าเป็นลูกศิษย์ของท่านท่านก็ปฏิเสธ แต่ครั้งนี้ข้าคิดว่าท่านคงไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่ ท่านวิน เรื่องนี้คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงสำหรับพลังของท่าน ข้าต้องการให้ท่านช่วยปดผนึกเจ้าสิ่งนี้แล้วก็จะนำมันไปให้กับหลานของข้าเพื่อเสริมพลังให้กับหลานของข้า”
“เพื่อที่จะให้หลานของเจ้าได้เป็นจักรพรรดิเวทมนตร์ถึงกับต้องทำแบบนิ”
วินพยักหน้ารับ “เรื่องนี้ข้าก็อยากจะช่วยเหลือเจ้า แต่ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้เพราะว่าสิ่งที่ต้องใช้ไม่ใช่พลังของเจ้าแต่เป็นโลหิตของหลานเจ้า ถ้าไม่ได้โลหิตและพลังทั้งสามสายอาวุธชนิดนี้ศาสตราวุธจะไม่สามารถมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลได้อยู่ดี สิ่งที่เจ้าทำมันสูญเปล่าซะแล้ว”
“แต่ว่า การที่เจ้าทำแบบนี้แสดงว่าเตรียมตัวที่จะรับมือกับชายผู้นั้นและนักปราชญ์ผู้สร้างเวลา ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะส่งหลานเจ้าไปที่แห่งนั้น”
“ก่อนที่จะกลายเป็นจักรพรรดิเวทมนต์จำเป็นต้องเข้าทดสอบ มันเลี่ยงไม่ได้ที่หลานของข้าจะต้องไปอยังที่แห่งนั้น หากหลานข้ามไม่สามารถไปถึงได้ก็คงไม่สามารถขึ้นเป็นจักรพรรดิเวทย์มนต์ได้”
วินพยักหน้ารับ “อย่างนี้นี่เอง ข้าเข้าใจแล้ว เหตุผลเช่นนี้ก็สมควรอยู่ที่เจ้าต้องตามหาข้า ถ้าเช่นนั้นสิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือกลับไปฝึกฝนหลานของเจ้าให้สามารถมายังที่แห่งนี้ได้ หลังจากนั้นต้องให้หลานของเจ้ามาหาข้าด้วยตัวของมันเอง ถ้าแค่นี้มันยังทำไม่ได้ถ้าจะขอแนะนำให้เจ้า ไม่สิหลานของเจ้าเลิกคิดที่จะเป็นจักรพรรดิเวทมนตร์เสีย การที่จะได้พลังที่สูงส่งจำเป็นต้องเสี่ยงหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง หากแค่นี้เจ้ายังไม่กล้าให้หลานเจ้ามาด้วยตนเองข้าก็ไม่มีอะไรจะกล่าว”
“ท่านพูดอย่างนี้ถ้าเห็นว่าไม่ถูกนัก”
สิ้นคำของหญิงสาว ชายหนุ่มก็หันมามอง
“ทำไมหลานข้าต้องเดินทางมาที่นี่เพียงลำพัง หากให้หลานข้ามายังที่นี่กับพวกสหายของพวกเขาหรือไม่ก็ให้พวกข้าพาหลานข้ามามันจะรวดเร็วกว่าหรือไม่ แล้วอีกอย่างหนึ่งหากทำเช่นนั้นท่านก็ไม่ต้องลำบากรอหลานของข้าเป็นเวลานานเพียง 2-3 วันหลานข้าก็สามารถมายังที่นี่ได้”
“ทำแบบนั้นมันจะมีคุณค่าจริงๆหรือ ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าผู้หญิงที่มีความแข็งแกร่งอันดับ 1 ของโลกเวทมนตร์แอนนา ผู้หญิงที่ใช้เวทมนต์สรรสร้างนักเวทน้ำแข็ง เมื่อก่อนเจ้าเคยมีจิตใจอันเย็นยะเยือก ขายน้ำแข็งขั้วโลกแต่ตอนนี้น้ำแข็งนั้นกับละลายเสียสิ้น”
“ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าค่าอ่อนโยนขึ้นกว่าแต่ก่อนใช่หรือไม่”
วินยิ้มรับ “ใช่แล้ว แต่เรื่องนั้นหาใช่เป็นเรื่องเลวร้ายแต่กลับเป็นเรื่องดีที่เจ้าให้ความสำคัญกับชีวิตมนุษย์ ถึงแม้ว่าชีวิตที่ต้องให้ความสำคัญจะเป็นลูกหลานของเจ้าก็ตาม แต่ว่าสิ่งที่เจ้าคิดจะช่วยหลานของเจ้านั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง หากหลานของเจ้าสามารถก้าวเข้าสู่ตำแหน่งจักรพรรดิเวทมนตร์ได้โดยง่าย สิ่งที่มันจะได้รักหาใช่ความภาคภูมิใจไม่ แต่สิ่งที่หลานเจ้าจะได้รับคือความว่างเปล่า จริงอยู่ที่พลังอำนาจเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดแต่หากผู้ที่ได้มันมาไม่พร้อมรับภาระอันใหญ่ยิ่งก็ไร้ความหมาย”
สิ้นคำกล่าว โยดาก็พยักหน้ารับ ชายชราผู้นี้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดชายหนุ่มพูดนี้ถึงไม่รับสอนหลานของตนเอง เขาคงไม่อยากทำลายเด็กหนุ่มที่จะก้าวเข้าสู่ตำแหน่งจักรพรรดิเวทมนตร์ในอนาคต หากวินรับสอนวิชาให้กับไบรท์ หลานของข้างเขาก็จะเดินตามหลังของชายหนุ่มผู้นี้ไปตลอดชีวิต
“ถ้าเข้าใจแล้ว ว่าทำไมท่านจึงไม่สอนหลานของข้า แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงสอนไอยรา”
วินสั่นศีรษะ “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้เป็นคนสอนสั่งไอ แต่คนที่สอนก็คือ”
ก่อนที่ชายหนุ่มจะกล่าวเขาก็สัมผัสถึงพลังเวทย์ที่กำลังพุ่งตรงมาทางนี้อย่างรวดเร็ว ผู้เยี่ยมยุทธทั้ง 3 มองไปยังท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่ ก่อนที่ชายหนุ่มผมสีทองจะกล่าว
“ในที่สุดก็มาผู้ท่องเวลา พูดแทรกแซงอดีตปัจจุบันและอนาคต”
ศิลามองเด็กๆในห้องเรียนของตนก่อนจะยิ้มออกมา เขาคิดแล้วว่าการประกาศการสอบครั้งแรกนี้เด็กหลายคนต้องไม่พอใจ แต่เมื่อเด็กพวกนี้รับรู้ว่าเมื่อทดสอบเสร็จตนเองจะได้อะไรชายหนุ่มคิดว่าเด็กพวกนี้ก็คงพอใจมากในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามการทดสอบฝีมือครั้งนี้ก็จะเป็นเครื่องชี้วัดว่าใครเหมาะสมที่จะเรียนอะไรบ้าง
“ทุกคนฟัง”
สิ้นคำประกาศทุกคนก็เงียบลงราวกับป่าช้า อาจารย์หนุ่มกวาดตามองไปยังรอบๆห้องเรียนเมื่อพบว่านักเรียนทุกคนไม่มีเสียงคุยเขาจึงเริ่มบรรยายต่อ
“ก่อนอื่นทุกคนต้องออกจากห้องเรียนแล้วไปสนามประลอง ที่ตึก 4”
หลังจากนั้นกลุ่มของพวกศิลาก็เดินออกจากห้องเรียนไปอย่างรวดเร็ว นักเรียนในห้องนี้มีประมาณ 20 คนทำให้การสอบที่ชายหนุ่มวางไว้สามารถทำได้ง่าย เพียง 4 นาทีพวกเขาก็มาถึงยังสนามประลองที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ชายหนุ่มเดินไปยืนตรงกลางสนามประลองก่อนที่จะเริ่มกล่าว
“การทดสอบครั้งนี้เป็นการทดสอบที่ง่ายแสนง่าย เราจะทดสอบทีละคน การทดสอบก็คือให้ทุกคนเข้ามาต่อสู้กับฉันคนละ 5 นาที ถ้าใครสามารถ ทำให้ฉันขยับร่างกายออกจากที่ยืนอยู่ตรงนี้ได้ ก็เป็นผู้ชนะไปเลย รางวัลที่จะได้สำหรับผู้ชนะก็คือเหรียญที่จะได้ก็คือ 100 เหรียญ คะแนนที่จะได้ก็คือ 5 คะแนน เอาล่ะ ใครจะมาเป็นคนแรก”
ทุกคนมองหน้ากัน พวกเขาอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าใครจะเป็นคนที่จะไปประลองเป็นคนแรก แต่ก่อนที่เขาจะได้กลับออกไปกับมีเด็กใหม่คนหนึ่งขยันร่างไปอย่างรวดเร็ว
สิ้นคำกล่าวของศิลาไบรท์ก็ทะยานร่างเข้าไปหาในทันที “ผมเอง เปิดก่อนได้เปรียบ”
ไบรท์มองอาจารย์หนุ่มที่มองตนเอง “เริ่มด้วยหรือเปล่า”
พอศิลาพยักหน้ารับเด็กหนุ่มก็ทะยานร่างในทันที ไบรท์ผนึกพลังเวทลมไว้ที่ขาทั้งสองข้างแล้วดีดร่างเข้าหาศิลา มือข้างซ้ายมีลูกบอลไฟ ส่วนมือข้างขวาใช้เวทเสริมกำลัง ก่อนที่ร่างกายจะได้ปะทะไบรท์ก็ปาลูกไฟลงพื้นสนามประลอง ควันจากเปลวไฟกระจายไปรอบๆสนามประลอง
“ไม่เล็วนี่นา”
สิ้นคำกล่าวของศิลากำปั้นของไบรท์ก็ไปถึงหน้าของศิลา ชายหนุ่มหรี่ตามองเข้าใช้มือเปล่ารับการโจมตีของไบรท์ เสียงหมัดปะทะกันทำให้ทุกคนจ้องมองไปยังสนามประลอง
ไบรท์มองมือของตนเองที่ถูกหยุดได้อย่างง่ายดาย เขาไม่มีเวลาให้คืด ยังไงเป้าหมายของเด็กหนุ่มไม่ใช่การเสมอแต่คือการชนะแบบขาดลอย เขารู้ดีว่าการชนะอาจารย์ในโรงเรียนเวทมนต์มันเป็นเรื่องที่ยากลำบาก โดยเฉพาะคนที่มีพลังเวทมนตร์ไม่สมบูรณ์อย่างเขา แต่ถ้าหากคิดว่าไม่ชนะมันก็สูญเปล่า
“เรื่องความกล้าหาญฉันคงต้องชมเธอว่ามีมากมายกว่าเพื่อนหลายๆคน แต่ว่าสิ่งที่เธอทำมันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หากรู้ว่าตนเองมีพลังเวทย์ที่น้อยนิดขนาดนี้ก็ไม่ควรที่จะโจมตีเข้ามาโดยที่ไม่คิดแผนลองรับไว้ก่อน“
สิ้นคำกล่าวของศิลาชายหนุ่มก็ผนึกพลังเวทไว้ที่มือซ้าย หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ชกเข้าไปที่ลำตัวของไบรท์ มือที่ถูกจบอยู่ถูกปล่อยอย่างทั้นทีทันใด ร่างกายที่ปราศจากพลังเวทป้องกันกระเด็นออกไปไกล
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ข้างนอกสนามประลองต้องอ้าปากกับความรวดเร็วที่เกิดขึ้น
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 141
แสดงความคิดเห็น