บทที่ 2 แสดงฝีมือ 1
บทที่ 2 แสดงฝีมือ 1
“ระวัง” สิ้นเสียงตะโกนไบรท์พลันหันมามองยังด้านหลัง เหงื่อของเด็กหนุ่มไหลเต็มแผ่นหลัง แต่ถึงกระนั้นไบรท์ก็ปั้นหน้าทำเหมือนว่าไม่กลัวเกรงสัตว์ร้ายตรงหน้า
สัตว์ร้ายตัวไม่ใหญ่ไม่เล็กกำลังเตียมตัวที่จะเคลื่อนร่างที่จะตปบเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า สำหรั้บมัน เสือตัวนี้ก็มองไบรท์แค่เป็นเหยื่อตัวเล็ก ๆ เท่านั้น มันไม่ได้คิดว่าการฆ่ามนุษย์ตัวเล็ก ๆ ที่มีอายุไม่กี่ขวบปีเพียงลำพังจะยากเย็นแสนเข็นอะไรมากมาย
เสียงคำรามของสัตว์ร้ายทำให้ไบรท์หันขวับไปมอง “ฉิบหายแล้ว นี่ยังไม่หลุดอีกหรอวะไอ้สัตว์นี่”
ไบรท์ดีดร่างถอด แต่ทว่าสัตว์ร้ายก็ไม่คิดจะปล่อยเหยื่อของมันให้หลุดรอดน้ำมือ มันเคลื่อนกายไร้ตามติดดุจแมวที่ไร้ล่าฆ่าหนู เหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ในสายตาทุก ๆ คน ไม่เว้นแม้แต่ไอที่ยืนอยู่
หญิงสาวจับจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คิดจะกระพริบตา ความจริงไอสามารถยื่นมือไปช่วยน้องชายของเธอได้ทุกเมื่อ แต่ทว่าหญิงสาวกลับไม่คิดจะทำ ไอยราอยากให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นตัวพิสูตว่าฝีมือของไบรท์นั้นพัฒนาไปถึงระดับไหนแล้ว จากที่ไอลองคะเนด้วยสายตาเธอพบว่าเสือตัวนี้มีพลังระดับสองถึงสาม หากเทียบแล้วก็คงอยู่ในระดับนักเวทระดับสอง ถึงพลังเวทจะมากมาย แต่ถึงอย่างนั้น หากรู้วิธีเอาชนะสัตว์ป่าก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้เลย
ส่วนทางฝ่ายคาเสะ หญิงสาวกำลังตกตลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน คาเสะสูดหายใจก่อนที่จะเตียมตีวที่จะทะยานร่างเข้าไปช่วยผู้ที่ทำพันธะกับเธอ ทว่าหญิงสาวกลับมองไปทางไอยราที่ไม่มีท่าทางจะขยับ หญิงสาวจึงเข้าใจความในที่ไอต้องการที่จะทำ เธอรู้ได้ทันทีว่าไอนั นต้องการดูพัฒนาการของน้องชายของเธอเองว่าตอนนี้ฝีมือของไบรท์ไปถึงระดับไหนแล้ว และฝีมือของไบรท์พร้อมที่จะเข้าต่อสู้กับสามสิบยอดยุตและสิบยอดฝีมือหรือยัง
ตอนที่พวกเธอกำลังฝึกเวทมนตร์ให้กับไบรท ไบรท์ได้บอกความต้องการของตนเองให้คาเสะฟัง นั่นคือการหาพักพวกที่เชื่อใจได้ รวบรวมพักพวกที่มีฝีมือเพื่อก่อตั้งแก๊งเพื่อไว้ใช้ผจญภัยและต่อสู้กับอันตรายต่าง ๆ เป้าหมายของไบรท์เป็นสิ่งที่เธอไม่อยากจะคิดทำมาก่อน มันเป็นเป้าหมายที่เขาต้องพิชิตก่อนที่เขาจะขึ้นเป็นจักรพรรดิเวทมนตร์ ไม่สิหากกล่าวให้ถูกหากเข้าไม่สามารถพิชิตได้ก็คงไม่สามารถเป็นจักรพรรดิเวทมนตร ได้
ส่วนทางฝั่งของอาสึนะนั้นมองท่าทางของไบรท์ เธออยากจะเคลื่อนร่างเข้าไปช่วยไบรทต่อสู้ แต่เมื่อเห็นท่าทางของไบรท์ทำให้เธออยากจะลองเชื่อใจไบรท์ดูสักตั้ง ว่าไบรท์เด็กหนุ่มตรงหน้าจะสามารถเอาชนะเสือร้ายที่มีระดับสองได้
ไบรท์เปลี่ยนแปลงร่างกายตนเองให้เป็นโลหะ ก่อนที่จะเหวี่ยงแขนของตนเข้าใส่เสือร้าย ทว่าเสือกลับสามารถเคลื่อนร่างหลบได้อย่างง่ายดาย มันกระโจนร่างพร้อมชูกรงเล็บใส่ เพื่อเตียมตัวที่จะตปบ เสือร้ายคำรามกึกก้องทำให้ผู้คนเริ่มจับจ้อง
นักเรียนที่อยู่รอบ ๆ เริ่มค่อย ๆเป็นไทยมุง ก่อนที่จทุกคนจะได้เข้ามาร่วมการต่อสู้จู่ ๆ พลันเกิดกำแพงน้ำแข็งขวางกั้น
“ทุกคน ห้ามเข้าไปด้านในเด็จขาด แต่ว่าถ้าใครอยากดูก็ดูได้เลย”
เสียงที่กล่าวขึ้นนั้นทำให้นักเรียนทุกคนต้องหันไปมองชายชราผมขาวที่มาใหม่ ท่าทางอันดุดดันนั้นทำให้นักเรียนส่วนใหญ่ไม่คิดจะเอ่ยถาม
“ผอ ทำไมผอถึงมาที่นี่ได้” นี่เป็นคำถามของนักเรียนทุกคน แต่กลับไม่มีใครคิดจะเอ่ยออกมา
ไบรท์มองกรงเล็บที่ค่อย ๆ เข้ามาใกล้ ชายหนุ่มหลับตาลงวันนี้ก็เหมือนกับวันนั้น วันที่จอนสอนวิชาไร้ดาบให้กับไบรท์ วิชาไร้ดาบเป็นวิชาที่ผู้เรียนต้องสัมผัสถึงความตายเสียก่อนถึงจะสามารถเรียนได้อย่างแตกฉาน
สายลมพัดพาความหอมของใบไม้ใบหญ้า ชายหนุ่มจ้องมองร่างกายของไบรท์ที่เต็มไปด้วยบาดแผล เลือดสีแดงไหลริน ถึงแม้ว่าบาดแผลจะมีแค่แขนกับขา แต่มันก็ทำให้ไบรท์รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว
ไบรท์มองหน้าของจอน นมือของชายหนุ่มถือดาบไม้ แต่ทุกครั้งที่มันฟันโดนร่างของไบรท์ มันต้องฝากรอยแผลเอาไว้ ไบรท์ไม่เข้าใจว่าเหตุการณ์ใดดาบที่ไร้ซึ่งความคมถึงสามารถทำได้ขนาดนี้ บาดแผลถึงจะไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่มันกับทำให้ร่างกายของไบรท์มีเลือดออกได้มากมาย
“นายคงไม่เข้าใจใช่ไหมว่าทำไมดาบของฉันถึงสามารถสร้างบาดแผลให้กับนายได้”
ไบรท์พยักหน้ารับ ทำให้จอนยิ้มขึ้น “ไม่แปลที่นายตอนนี้จะไม่เข้าใจ ไม่สิต่อให้เป็นอาจารย์ในโณงเรียนเวทมนตร์ก็ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้าใจได้ ก่อนอื่นนายต้องรู้ก่อนว่าวิชาดาบมีไว้ทำไม”
“มันก็มีไว้สังหารศัตรู”
จอนโบกมือห้าม “นั่นมันเป็นผลพอยได้ แต่ความจริงแล้วดาบนะก็เหมือนวิชาต่อสู้ตัวไป มันมีไว้เพื่อปกป้องคนสำคัญของเรา เมื่อก่อนมนุษย์ฆ่าฟันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรณ์ อาหาร พื้นที่ สมบัติ พวกเราก็แค่ต้องการปกป้องสิ่งสำคัญ ไม่อยากขจะให้ใครมาแย่งชิง วิชาดาบจึงเกิดขึ้น”
จอนมองท้องฟ้าที่มีเมฆปกคลุม ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนที่จะมองยับไบรท์ที่มีบาดแผล แต่ถึงแบบนนั้นเด็กน้อยตรงหน้าก็ไม่เคยบ่นออกมา
“เส้นทางที่นายคิดจะเดินต่อ มันมีแต่การต่อสู้ มีแต่การฆ่าฟัน นายรู้แบบนี้แล้วนายก็ยังจะเดินไปอย่างนั้นหรอ”
ไบรท์พยักหน้ารับ “ฉันจะเดินต่อไป ต่อให้เส้นทางที่ฉันเลือกจะมีอะไรมาขวาง ฉันจะเดินต่อไปต่อให้ฉันจะรู้ว่าเส้นทางที่ฉันเลือกมันจะเต็มไปด้วยความตาย แต่ว่าฉันไม่ได้เป็นคนชอบสังหาร ฉันจะเดินไปเพื่อปกป้องทุกคน”
“นายคิดจะใช้วิชาดาบปกป้องทุกคนอย่างนั้นหรอ ไม่คิดจะใช้วิชาดาบเพื่อสังหารใคร”
“ใช่ ฉันไม่คิดจะใช้วิชาดาบ ไม่สิ ต่อให้จะเป็นเวทมนตร์ อักขระสาป ฉันก็จะไม่นำมันไปใช้สังหารใคร แม้แต่คนเดียว”
จอนพยักหน้ารบั “แบบนี้นี่เอง แต่ว่าสิ่งที่นายพูดมันเป็นแค่มโนคติเท่านั้น ถ้าแบบนั้นฉันขอถามนายหน่อยไบรท์ ว่าที่ของจักรพรรดิ์เวทมนตร์คนต่อไป นายคิดจะใช้พลังกับวิชาที่พวกเราให้เพื่อทำอะไรกันแน่ นายตามหาความแข็งแกร่งไปเพื่ออะไร ยิ่งนายเข้าใกล้ความแข็งแกร่ง นายก็ต้องเจอกับการต่อสู้”
“คำตอบนี้มันง่าย ๆ ฉันก็แค่ต้องแข็งแกร่งกว่าคนที่ฉันสู้ด้วยทุกคน เท่านี้ฉันก็จะสามารถปกป้องทุกคนได้”
จอนส่ายศีรษะช้า ชายหนุ่มลดดาบลง “นายนี่เหมือนกับคนที่ฉํนเคยเจอ หมอนั่นเป็นคนที่มีความคิดคล้าย ๆ กับนาย แต่ว่าหมอนั่นน่ะ”
เสือร้ายจำต้องผงะ เมื่อกรงเล็บที่ควรจะสัมผัสร่างกายของไบรท์ แต่ตอนนี้มันกลับถูกหยุดไว้ได้ง่ายดาย ไบรท์เหลือบตามองรอบ ๆ เขารู้ดีว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทุก ๆ คนกำลังมองเขาอยู่ หากไบรท์ไม่แสดงให้เป็นที่ประจักตอนนี้เกรงว่าเด็กหนุ่มคงไม่สามารถหาวิธีแสดงฝีมือทั้งหมดที่เขามีได้อีก
ไบรท์ค่อย ๆ ผนึกเวทเสริมกำลังไว้ที่มือทั้งสองข้างแล้วเปลี่ยนแปลงมือตนเองให้เหมือนกับโลหะ เด็กหนุ่มค่อย ๆ ปล่อยมืออกจากเสือร้ายอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะกล่าวขึ้น
“ฉันจะไม่มีทางตายอย่างเด็จขาด ต่อให้ฉันจะเจอศัตรูที่แข็งแกร่งมากแค่ไหน ต่อให้ฉันต้องปะทะกับใครก็ตาม”
ไบรท์กำหมัดก่อนที่จะชกเข้าไปที่หัวของเสือร้าย ความรุนแรงของหมัดทำให้ร่างกายของมันกระเด็นไปไกล เสือร้ายร้องคำรามก่อนที่จะดีดร่างถอย แล้วกระโจนร้างพร้อมกับใช้กรงเล็บตะปบ แต่ก่อนที่กรงเล็บจะถึงตัวไบรท์ร่างกายของไบรท์กลับหายไป สัมผัสได้แค่ความว่างเปล่า มันเหลือบซ้ายเหลือบขวาเพื่อมองรอบ ๆ ทว่าก่อนที่จะมั้นจะได้ขยับร่าง ร่างกายของมันก็เหมือนกับโดนบางสิ่งบางอย่างพันธนาการร่างไว้
เสือร้ายเหลือบสายตาไปมองยังขาทั้งสี ทันใดนั้นมันก็รับรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ขาของมันพลันโดนเวทอักขระผนึกการเคลื่อนไหว
“ดูเหมือนว่านายจะรู้แล้วใช่ไหมเจ้าเสือ ตอนนี้ร่างกายของนายคงไม่สามารถขยับได้ดังใจ เพราะว่าฉันได้ร่ายอักขระเอาไว้ระหว่างที่สู้กับนาย พอฉันสัมผัสขาของนายทำให้อักขระที่ฉันร่ายไว้เริ่มทำงาน”
ไบรท์กล่าวเสียงดัง แต่ทว่าเป้าหมายของเขากลับไม่ใช่เสือร้าย แต่เป็นผู้คนที่ยืนสังเกตการอยู่ตั้งหาก ไบรท์มองเจ้าเสือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายนัก ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา เขาเหลือบตามองร่างกายของตนก่อนทีจะเดินเข้าไปหาเสือร้าย
“นายนี่โชคดีจริง ๆ ที่ได้ฉันเป็นคนลงมือ แค่มีบาดแผลที่ท้อง แต่ว่าเลือดไม่ออก ไม่เหมือนฉันที่เลือดเต็มตัว แต่ว่าเลือดนี้ก็ไม่ใช่เลือดของฉันนี่นา ฮ่าๆๆๆ”
ก่อนที่ไบรท์จะได้กล่าวอันใด ชายหนุ่มพลันเหลือตาไปเห็นกับคู่กรณีที่เป็นคนชนเขาเมื่อชาว ไบรท์ตัดสินใจจับเจ้าเสือ ก่อนที่จะค่อย ๆ โน้มหน้าไปกระซิบกับมัน
“แกรออยู่ที่นี่แหละนะ เดี๋ยวเจ้าของของแกก็มารับ แต่ว่าฉันจะขอตัวไปเคียกับไอ้บ้าที่กล้าขับรถชนฉันก่อน”
สิ้นคำกล่าวของไบรท์ ม่านน้ำแข็งพลันแตกสลายออก ไบรท์มองสุริยะก่อนที่จะยกยิ้ม “คุณตาครับ อย่าทำอะไรเสือตัวนี้นะครับ เดี๋ยวเจ้าของของมันคงมาครับ”
ทุกคนที่ได้ฟังก็กำลังตกตลึงกับคำกล่าวของไบรท์ แต่ก่อนที่ทุกคนจะได้กล่าวอะไรไบรท์กับตะโกนขึ้น “ไอ้เวณ ในที่สุดฉันก็หาตัวแกเจอสักที เรื่องเมื่อสองชั่วโมงก่อนฉันจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกเลย”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 147
แสดงความคิดเห็น