ตอนที่ 1 เหนื่อยกายไม่เหนื่อยใจ
ตะวันลับขอบฟ้าความมืดของราตรีกาลเข้ามาแทนที่กรุงเทพมหานครยามราตรีในค่ำคืนนี้เป็นของคนกลางคืน ร้านอาหาร ร้านเหล้า ผับ บาร์ ร้านนวดหรือจะนาบกันนั้นก็เป็นไปตามความพึงพอใจของทั้งสองฝ่ายที่ตกลงกัน บนถนนสายนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของผู้คนมากมาย ในยามราตรีเช่นนี้จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตา หลากหลายเชื้อชาติรวมไปถึงคนไทยเองด้วย ที่เดินเข้ามาและกลับออกไปกันตลอดทั้งคืน บริเวณริมฟุตบาทจะมีพนักงานสาวแสนสวยแต่งตัวเซ็กซี่ พริตตี้ พีซี พีอาร์ยืนอยู่ประจำหน้าร้านเพื่อเรียกลูกค้าและรอให้บริการลูกค้าอย่างเอาอกเอาใจ เชื้อเชิญลูกค้่าให้เข้ามาใช้บริการในร้านของตน เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดมันเป็นภาพที่ชินตาไปเสียแล้วสำหรับ “อ้อนแอ้น ขรินทร์ทิพย์ ศิลารัตน์” เพราะในทุกๆ วันหลังจากที่อ้อนแอ้นเลิกงานแล้วจำเป็นจะต้องเดินทางกลับบ้านผ่านถนนสายนี้เป็นประจำ เพื่อตรงไปขึ้นรถเมล์สายด่วนรอบสุดท้ายให้ทันในทุกๆ คืนเนื่องจากต้องประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงไม่สามารถที่จะเรียกใช้บริการของรถแท็กซี่ได้ หรือแม้กระทั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ตาม จึงต้องอาศัยเดินกับเดินเท่านั้นอาจต้องเดินไกลสักหน่อยแต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับอ้อนแอ้นเลย
ชีวิตของอ้อนแอ้นนั้นลำบากมาตั้งแต่เด็กเนื่องจากอ้อนแอ้นและไอริณพี่สาวเป็นเด็กกำพร้า เมื่อเติบโตมาอ้อนแอ้นและไอริณก็ออกมาสู้กันตามลำพังโดยไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนให้พึ่งพาอาศัยได้เลย ตอนนี้ชีวิตประจำวันของอ้อนแอ้นในตอนเช้าต้องไปทำงานประจำเป็นพนักงานขายแผนกกระเป๋าแบรนด์เนม ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่มีชื่อเสียงและใหญ่โตมากในย่านนั้นเลย มีผู้คนมากมายเข้ามาใช้บริการในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้รวมไปถึงเซเลบ ดาราชื่อดังมากมายที่เข้ามาใช้บริการจับจ่ายซื้อของโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าแบรนด์เนมที่มีอยู่มากมายหลากหลายยี่ห้อ พอเลิกงานช่วงเย็นอ้อนแอ้นก็เดินทางไปทำงานต่ออีกที่หนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก เป็นพนักงานแคชเชียร์ให้กับร้านอาหารสุดหรูริมแม่น้ำชื่อดังแห่งหนึ่งซึ่งมีไฮโซแต่งตัวหรูหราเข้ามาใช้บริการกันมากหน้าหลายตา หลังจากเลิกงานก็ต้องเดินไกลสักหน่อยเพื่อไปขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ชีวีตในแต่ละวันของอ้อนแอ้นวนเวียนอยู่แบบนี้มาได้สักระยะหนึ่งแล้วบางครั้งเธอเองก็ท้อนะ แต่เธอก็สู้ไม่ถอยเช่นกัน
เพราะอะไรนะเหรอก็เพราะว่าเธอมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ที่ต้องนำเงินทั้งหมดที่หามาได้ แต่ไม่ว่าจะหาเงินมาได้เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน ค่าเดินทาง ค่านมผง ค่าแพมเพิส ไหนจะค่าจ้างเพื่อเลี้ยงดูยัยหนูเฌอเบลที่แสนน่ารัก น่าชัง และน่าสงสารของเธออีกล่ะ ไอริณพี่สาวของอ้อนแอ้นอยู่กินกับพี่เดมอนซึ่งเป็นชาวต่างชาติจนเมื่อพี่เดมอนต้องเดินทางกลับประเทศเพื่อไปทำงานเร่งด่วน ก่อนจากไปพี่เดมอนก็ได้ให้คำมั่นสัญญากับพี่ไอริณเอาไว้ว่าจะรีบกลับมารับพี่ไอริณไปอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ ยิ่งนานวันข่าวคราวของพี่เดมอนก็เงียบหายไปเลย โดยที่พี่เดมอนก็หารู้ไม่ว่าพี่ไอริณนั้นได้ตั้งท้องลูกของเขาแล้วเช่นกัน จนวันเวลาล่วงเลยผ่านไปพี่ไอริณก็ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีแล้ว จึงเตรียมตัวเดินทางไปยังโรงพยาบาลแต่ยังไม่ทันถึงก็โชคร้ายถูกรถชนบาดเจ็บสาหัส คุณหมอจึงตัดสินใจผ่าตัดทำคลอดให้ในทันที หลังจากนั้นพี่ไอริณก็สิ้นใจตายจากไปเนื่องจากเสียเลือดมากในวันเดียวกัน โชคยังดีที่ตอนนั้นยัยหนูเฌอเบลรอดมาได้ ตอนที่เธอได้รับแจ้งข่าวจากโรงพยาบาลเธอถึงกับเข่าทรุดลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นเลย ด้วยความเสียใจและสงสารที่ยัยหนูเฌอเบลต้องมาเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ตั้งแต่ยังเป็นเด็กทารกแบเบาะอย่างนี้ เธอต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูชีวิตน้อยๆ นี้กลายเป็นคุณแม่ทั้งที่ยังสาว ทั้งที่ยังไม่เคยได้แต่งงานกับใครมาก่อนเลย
ช่วงแรกๆ ยอมรับว่าเหนื่อยมาก ท้อมาก นอนน้อยมาก แต่ช่วงหลังๆ มานี่วันเวลาที่เลวร้ายที่สุดก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว นี่ก็สามเดือนมาแล้วที่เธอทำงานหาเงินมาด้วยความอดทน และความพยายามจนมาถึงวันนี้ได้ ทุกวันนี้ยัยหนูเฌอเบลก็ไม่ค่อยกวนมากเท่าไหร่กินแล้วก็นอนตื่นมาก็เล่น ยิ้มแล้วก็หัวเราะทุกอย่างดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกอย่างเป็นเวลามากขึ้นถือว่าโชคยังดีที่ได้ป้ามุกดาซึ่งเป็นป้าข้างบ้านที่ใจดีมากๆ คนหนึ่งเลยมาช่วยเลี้ยงดูยัยหนูเฌอเบลให้ทำให้อ้อนแอ้นได้มีเวลาไปทำงานได้อย่างเต็มที่และสบายใจหายห่วง เหนื่อยกายนั้นไม่เท่าไหร่หรอกเธอยังทนได้พอเลิกงานเธอมักจะรีบเดินทางกลับบ้านให้เร็วที่สุด ไม่เคยแวะหรือทะเหลทะไหล่ที่ไหนเลยวันนี้ก็เช่นกันอ้อนแอ้นอยากไปให้ถึงบ้านเร็วๆ เพราะคิดถึงแก้มนุ่มๆ ของยัยหนูเฌอเบอจนอดใจไม่ไหวเพียงแค่ได้หอมก็ชื่นใจหายเหนื่อยเพิ่มพลังบวกให้กับเธอมากเลยทีเดียว อ้อนแอ้นเดินไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้างเลยไม่ว่าพวกเขาจะพูดแซวเธอว่าอย่างไรก็ตาม หรือแม้แต่เสียงเพลงที่ดังเปิดกันแทบทุกร้าน ทำให้เสียงตีกันจนยุ่งฟังแล้วน่าปวดหัวชะมัด เมื่อก่อนมีอยู่ครั้งหนึ่งที่อ้อนแอ้นมาทำงานแถวนี้ใหม่ๆ เวลาเดินผ่านมักมีลูกค้าชายบางคนเข้าใจผิดคิดว่าอ้อนแอ้นเป็นผู้หญิงนั่งดริ๊งของร้านนั้น ร้านนี้ด้วยซ้ำคิดแล้วก็น่าขำดีนะ
[ลูกค้า/คนเมา] “เฮ้..น้องสาววว ไปกินเหล้าเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ มานี่ มาาา”
เมื่ออ้อนแอ้นเดินผ่านหน้าร้านเหล้าแห่งหนึ่งก็มีผู้ชายเดินไม่ตรงทาง เดินหน้าสองเก้าถอยหลังสองก้าวไม่รู้วันไหนจะถึง แต่ยังมีแก่ใจเอ่ยแซวทักทายอ้อนแอ้นอีกด้วย ซึ่งอ้อนแอ้นนั้นก็ทำเป็นไม่ได้ยินรีบเดินต่อไปเรื่อยๆ ยังดีที่มีพนักงานหญิงในร้านเหล้าออกมาพาลูกค้าขี้เมาคนนั้น กลับเข้าไปในร้านเสียก่อนเกือบไปแล้วสิเรา อ้อนแอ้นคิดในใจนี่ถ้าเธอมีเงินมากกว่านี้ไม่อับจนหนทางอย่างทุกวันนี้ เธอก็คงไม่ต้องมาเสี่ยงอันตรายในทุกค่ำคืนนั่งรถแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์กลับบ้านไปแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้ดั่งใจคิดหรอกนะก็อย่างที่บอกไปรายจ่ายรัดตัวมากซะขนาดนั้น ถ้าขืนทำอย่างที่คิดมีหวังพากันอดตายกันพอดียิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวอ้อนแอ้นทำได้แต่สายหน้าไปมาสลัดความคิดไว้แต่เพียงเท่านั้น แล้วถอนหายใจออกมาอย่างแรงก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงโดยไม่สนใจใครรอบข้างอีกเลย จนไม่ทันได้สังเกตว่าข้างทางเริ่มเปลี่ยวและมืดลงไร้ผู้คนเดินผ่านแล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไปรอหน่อยนะคะ นักเขียนพิมพ์พัณณิตากำลังสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้นักอ่านทุกท่านอยู่ค่ะ ฝากกดติดตามเพื่อไม่พลาดตอนต่อไปและนิยายเรื่องใหม่ ฝากกดถูกใจส่งข้อความเป็นกำลังใจติชมผลงานกันเข้ามาได้นะคะ ขอบคุณค่ะ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 247
แสดงความคิดเห็น