รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 77 อาการหลังจากถูกจุ๊บ!
รับคำท้าฯ
ตอนที่ 77
ปริมาแทบช็อค! เมื่อริมฝีปากอุ่นของชายหนุ่มแตะสัมผัสบนริมฝีปากของเธอ
‘กรี๊ด............!’
เธออยากจะกรีดร้องให้สุดเสียงด้วยความตกใจสุดขีด แต่กลับร้องไม่ออก ความรู้สึกชาดิก แต่กลับร้อนวูบไปทั้งตัว ตัวเกร็งแข็งทื่อไปหมด สมองหยุดสั่งการชั่วคราวราวกับโลกทั้งใบหยุดการเคลื่อนไหว ชั่วอึดใจเดียวที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกไม่รู้จะทำอย่างไรดี เมื่อสติสัมปชัญญะเริ่มกลับมา สองมือรีบผลักอกแฟนหนุ่มออกไปอย่างสุดแรงเกิด แล้วรีบวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงกลับเข้าบ้านทันที หัวใจยังเต้นโครมครามไม่หยุด ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด แต่มือไม้กลับเย็นจนแทบเป็นน้ำแข็ง
ปริมารีบเข้าห้องนอนล็อคกลอน ก่อนจะทรุดตัวลงอยู่ตรงหน้าประตูนั้นเอง แข้งขาหมดเรี่ยวแรง สองมือยกขึ้นปิดหน้าปิดตาตนเองแน่นเอนตัวพิงกับประตูนั้น ความรู้สึกอุ่นจากริมฝีปากของหนุ่มหน้าหวานที่กดลงบนริมฝีปากของเธอยังติดอยู่ในความรู้สึกอยู่เลย รู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว
‘โอ๊ย.....!!’
‘เป็นยังงี้ได้ยังไง หมดกัน!’ ปริมาตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า แค่แฟนไม่มีสิทธิ์มาถูกเนื้อต้องตัวเธอได้นะ โน่นเลยต้องแต่งงานก่อน แต่นี่อะไร! เธอโดนเขาจุ๊บไปแล้ว อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน คอยดู! จะไม่พูดด้วยเลย ที่บังอาจมาทำแบบนี้ ละเมิดกฎครั้งแล้วครั้งเล่า หมอนี่ต้องถูกลงโทษให้เข็ดหลาบ คิดว่าได้เป็นแฟนแล้วจะมาทำรุ่มร่ามอะไรก็ได้เหรอ! มันไม่ใช่! เธอจะไม่ยอมเด็ดขาด
ปฏิการอึ้งไปชั่วขณะจิต เมื่อใบหน้าเลื่อนเข้าไปชนกับใบหน้าของยัยตัวแสบ ริมฝีปากของเขาแตะสัมผัสโดนริมฝีปากของเธออย่างพอดิบพอดีโดยไม่ได้ตั้งใจ ใบหน้าของชายหนุ่มร้อนฉ่าไปหมด รู้สึกแปล๊บเหมือนถูกไฟช็อตไปทั่วร่าง หัวใจเต้นรัวแทบไม่เป็นจังหวะ ความอุ่นนุ่มละมุนของริมฝีปากของเธอยังค้างคาอยู่ในความรู้สึก เขายืนนิ่งงันเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ เมื่อไล่ตามสติสตังค์กลับมาได้ครบถ้วนแล้ว รีบมองหาหวานใจ เธอไม่อยู่แล้ว เขาค่อย ๆ ยกมือแตะที่ริมฝีปากของตัวเอง ใบหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากบางกำลังอมยิ้มเขินอายสุดขีด มันคือความฝันหรือความจริง ๆ กันแน่ที่เขาได้จุ๊บยัยตัวแสบ
“พี่การ!!” เสียงแป้งนวลค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
หนุ่มนักบิดสะดุ้งสุดตัว หัวใจแทบตกไปอยู่ที่ตาตุ่มก็ไม่ปาน พลางยกมือทาบอก สีหน้าตกอกตกใจ
“พี่การ” เธอเรียกเขาอยู่นานมากกว่าจะได้ยิน สาวน้อยหัวเราะคิกคัก ถ้าเธอไม่แกล้งชนหนุ่มนักร้อง เชื่อว่าทั้งคู่คงไม่มีทางได้จุ๊บกันแน่นอน
หนุ่มหน้าหวานมองเห็นแป้งนวลยืนยิ้มไม่ยอมหุบอยู่เบื้องหน้าของเขา
“พี่ต้องขอบใจแป้งน้า..............” แป้งนวลอมยิ้มบิดตัวเขินแทน ภาพทั้งคู่จุ๊บกันเหมือนคู่รักแสนหวานในฉากของซีรีส์เกาหลีก็ไม่ปาน แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจแต่ก็ดูอบอุ่นละมุนละไมมาก ฉากด้านหลังเป็นท้องทะเล แสงสะท้อนจากพระอาทิตย์ยามเย็น ทำให้ดูคลาสสิคไม่น้อย เธอยังแอบถ่ายรูปทั้งคู่ไว้อีกด้วย ช่างเป็นภาพที่หวานเกินคำบรรยาย
“มะ...เมื่อกี๊...แป้ง...ชนพี่เหรอ” เขายังตกใจไม่หาย
“ช่าย..........................” เธอลากเสียงยาวพลางยิ้มแป้น
“แก่แดดจริง ๆ เลย” เขาพยายามเก๊กเสียงทำสีหน้าดุกลบเกลื่อนความเขินอาย แต่ทว่าใบหน้านั้นกลับแดงเอา ๆ
“ป่านนี้พี่ปริมโกรธพี่แย่แล้ว!” คนพูดยกมะเหงกเขกหัวคนแก่แดด แต่สาวน้อยหลบทัน
“แป้งเชื่อว่า พี่จะง้อพี่ปริมจนหายโกรธได้แน่นอนค่ะ” แป้งนวลยังอมยิ้มแก้มปริแล้วปริอีก มองใบหน้าของคนหล่อตรงหน้า เวลานี้รอยยิ้มเขินอายของเขานั้นน่ารักตัวเท่าโลกเลย
“ร้ายนะเรา”
“ดีต่อใจใช่ม้า......” คนขี้แกล้งยังแกล้งแซวไม่เลิก ใบหน้าของชายหนุ่มนั้นแดงไปจนถึงใบหูแล้ว
“แป้งไปก่อนนะคะ เชิญง้อกันตามสบาย” แป้งนวลรีบเผ่นก่อนขืนอยู่ต่อมีหวังต้องโดนเคาะกบาลสักทีสองทีแน่นอน
ปรามมองเห็นเพื่อนหนุ่มสุดหล่อมายืนท้าวเอวอยู่หน้าบ้านนานแล้ว มือข้างหนึ่งของนักร้องหนุ่มหน้าหวานกำลังกดโทรศัพท์โทรออกอยู่หลายครั้ง แต่เหมือนคนรับไม่ยอมรับสาย สายตามองขึ้นไปด้านบนซึ่งตรงกับหน้าต่างห้องนอนน้องสาวของเขา
ปฏิการมองข้อความที่ส่งไปขอโทษปริมาว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พยายามอธิบายสาเหตุ แต่แฟนสาวไม่ยอมอ่านข้อความของเขาเลย ไม่ว่าจะโทรเข้าไปหากี่สายก็ไม่ยอมรับสาย ทำให้เขากลุ้มใจอย่างมากไม่เป็นอันทำอะไรเลย
“มีเรื่องอะไรกัน” ปรามเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื่อครู่มองเห็นน้องสาวตัวแสบกลับมาถึงบ้าน ไม่ทักทายเขาทายสักคำ รีบวิ่งขึ้นไปบนห้อง แล้วไม่เห็นออกมาอีกเลย
หนุ่มหน้าหวานมองหน้าเพื่อนซี้ พลางทำสีหน้าอ้ำอึ้ง จะบอกเพื่อนอย่างไรดี จะโดนตื้บหรือเปล่า? เพราะเพื่อนนั้นก็ออกอาการหวงน้องสาวไม่น้อยเลย
“บอกมา! เกิดอะไรขึ้น!” ปรามถามย้ำด้วยเสียงเข้มขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนไม่ตอบเสียที
“คือ...” คนถูกถามตอบอ้อมแอ้มตะกุกตะกัก
“ข้า...”
“คือ...มันแบบว่า...”
“เอ่อ...มันบังเอิญ...จริง ๆ”
“อะไรเล่า! เร็ว ๆ” ปรามมองหน้าเพื่อนเขม็ง ชักรำคาญที่ไม่ยอมตอบมาให้รู้เรื่อง
นักร้องหนุ่มจึงค่อย ๆ ยื่นโทรศัทพ์ไปให้เพื่อนซี้ดูแทน เพราะตอนนี้หน้าของเขาแดงระเรื่อขึ้นมาอีกแล้ว คงไม่สามารถอธิบายอะไรได้
ปรามรับโทรศัพท์มาของเพื่อนมาอ่านแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เขาเข้าใจว่า ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจแต่ไม่รู้ว่าขอโทษเรื่องอะไร?
“อะไรของแก! แกขอโทษน้องข้าเรื่องอะไร ตกลงแกไปทำอะไรปริมกันแน่!” น้ำเสียงของปรามคาดคั้นขึ้นอีก
เพื่อนหนุ่มหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะค่อย ๆ อธิบายให้พี่ชายของยัยตัวแสบฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ปรามมองเพื่อนอธิบายไปก็ก้มหน้าก้มตาไป ไม่กล้าสบตากับเขา แถมยังยกมือข้างหนึ่งมาปิดหน้าตัวเอง ใบหน้านั้นแดงมาก ออกอาการเขินอายหนักมากจนอดขำไม่ได้ โกรธเพื่อนไม่ลงจริง ๆ
“ให้เวลาปริมหน่อย แกกลับไปก่อนเถอะ” ปรามตบไหล่เพื่อนหน้าหวานเบา ๆ น้องสาวของเขาคงอายมากแทบแทรกแผ่นดินหนีแล้ว ที่อยู่ ๆ ก็ถูกหนุ่มมาจุ๊บแบบนี้
“ข้าไม่กลับจนกว่าข้าจะได้พูดกับปริมก่อน ข้าไม่สบายใจ” พูดจบจึงเดินไปนั่งที่โต๊ะไม้ เอนตัวพิงพนักของเก้าอี้อย่างหมดอาลัยตายอยาก การที่เธอตัดการสื่อสารกับเขาทุกทางแบบนี้ มันทรมานใจมากกว่าการถูกทำโทษแบบอื่นใดทั้งหมด
เมื่อหวานใจไม่ยอมพูดด้วย งั้นคงต้องใช้เสียงเพลงสื่อสารกับเธอแล้ว เขาเดินกลับไปหยิบกีต้าร์จากห้องพัก แล้วบรรจงกรีดนิ้วลงบนสายกีต้าร์ เกิดคลื่นเสียงใสราวหยดน้ำพริ้วแผ่วกรีดกรายล่องลอยกระจายไปในบรรยากาศเงียบงัน
“เธอไม่รับ ไม่รู้ อะไร... ไม่เคยเอะใจ บ้างเลยเหรอ... เธอไม่รู้ ไม่ชี้ อะไร... ไม่เคยแปลกใจ บ้างเลยเหรอ... ใครมาคอยใส่ใจ เธอ...ทุกวัน... ใครคอยเอาแต่ใจ เธอทั้ง...วัน”
เสียงร้องเพลงและเสียงกีต้าร์หวานละมุนดังจากด้านล่างแทรกบรรยากาศเงียบสงัดขึ้นมา ปริมาละสายตาจากหนังสือบัญชีที่กางอยู่ตรงหน้าเพื่อเตรียมตัวจะไปแข่งขัน แต่ทว่าเหมือนอ่านอย่างไรก็ไม่มีสมาธิไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าหัวเอาเสียเลย จิตใจว้าวุ่นไปหมด แล้วเดินไปแอบดูแฟนหนุ่มที่หน้าต่าง มองเห็นเขากำลังร้องเพลงและเล่นกีต้าร์ ขณะเดียวกันก็ต้องขยับตัวไปมาเหมือนโดนยุงกัด แฟนหนุ่มพยายามสื่อสารกับเธอมากับเสียงเพลงแทน เขานั่งอยู่ตรงนั้นนานหลายชั่วโมงแล้วตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืดจนมืดสนิท และตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เพลงโอ้ใจเอ๋ย...ดังคลอขึ้นมากับเสียงกีตาร์ น้ำเสียงของเขาร้องเพลงนี้ได้ไพเราะมีเสน่ห์และหวานมาก โดยเฉพาะท่อนฮุก บ่งบอกความรู้สึกของคนร้องที่กำลังทรมานใจ น้ำเสียงนั้นอ้อนวอนเหลือเกิน...เหมือนกำลังจะบอกว่า อย่าทำร้ายเขาอีกเลย เสียงร้องนั้นบาดลึกแทรกเข้าไปทุกอณูของหัวใจเธอแล้ว
“จะแบกรัก... ไว้อย่างไร จะแบกรัก... ไปนานเท่าไร อย่าทำร้าย... กันอีกเลย อย่าทำร้าย... กันอีกเลย โอ้ใจเอ๋ย...”
หญิงสาวรีบหลบเมื่อสายตาของหนุ่มหน้าหวานมองตรงขึ้นมาตรงหน้าต่าง แต่เงาหลังม่านนั้น ทำให้เขารู้ว่าเธอกำลังแอบมองอยู่ ค่อยรู้สึกใจชื้นขึ้นมาอีกเล็กน้อย
สาวชาวสวนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูข้อความของเขาเป็นครั้งแรก มีข้อความที่เธอยังไม่ได้อ่านมากมายเป็นสิบ ๆ ข้อความ และสายโทรเข้าทั้งไลน์และโทรศัพท์เป็นสิบ ๆ สายเช่นกัน สมองค่อย ๆ รับรู้เหตุการณ์เรื่องราวทั้งหมดว่าเกิดจากอะไร และเข้าใจแล้วว่าเขาไม่ได้ตั้งใจเลยแม้แต่นิดเดียว
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ปริม พี่ปรามเอง”
เธอจึงเดินไปเปิดประตูห้อง
“พี่รู้แล้ว...ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่...จะไม่ลงไปคุยกับการ...หน่อยเหรอ”
“พี่ปราม...ฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนที่ถูกเขา....” น้ำเสียงของเธอขาดห้วงหายลงไปในลำคอไม่สามารถพูดคำ ๆ นั้นได้เลย
“แต่การมันไม่ได้ตั้งใจไม่ใช่เหรอ” พี่ชายพยายามแก้ต่างให้เพื่อนหนุ่ม
“ฉัน...เข้าใจ...แล้ว...” เธอเอื้อมมือจับมือพี่ชาย
“พี่ปรามช่วยบอกเขาให้กลับไปก่อนได้มั้ย...”
ปรามมองใบหน้าของน้องสาวที่แดงระเรื่อขึ้นด้วยความเขินอาย แต่ทว่ามือที่จับมือของเขาเอาไว้กลับเย็นมาก
“ปริมเป็นอะไรรึเปล่า...ทำไมมือเย็นขนาดนี้” เขาบีบมือน้องสาวเบา ๆ
“เดี๋ยวปริมทานน้ำขิงคงดีขึ้นค่ะ”
“ได้...พี่จะไปพูดกับไอ้การให้นะ”
หลังจากพี่ชายเดินออกจากห้อง และรับปากว่าจะช่วยพูดกับนายปฏิการให้กลับไปก่อน เธอจึงตอบไลน์ของเขาว่า เข้าใจแล้ว และขอให้เขากลับไปก่อน ครู่หนึ่งได้ยินเสียงโทรศัพท์ แฟนหนุ่มโทรเข้ามา เธอจึงตัดสินใจกดรับสาย
“ปริม...ฉันขอโทษนะ”
เขาได้ยินเสียงเธอขานรับอยู่ในลำคอแผ่วเบามาก
“ปริมไม่โกรธฉันแล้วจริง ๆ นะ” น้ำเสียงของแฟนหนุ่มนั้นดีใจมากเหลือเกิน
“อืม...” เธอได้แต่รับคำสั้น ๆ
“งั้น...ปริมก็...พักผ่อนนะ ฉันกลับก่อนก็ได้”
“นายขับ...รถกลับดี ๆ นะ ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกด้วย”
คำพูดสุดท้ายของหญิงสาวก่อนจะวางสาย ทำให้หนุ่มหน้าหวานค่อยยิ้มออกได้และรู้สึกโล่งใจมากที่เธอไม่โกรธเขาแล้ว
******************
แดดจัดจ้าของเช้ายามสายทำให้บรรยากาศสดใสมีชีวิตชีวา ได้ยินเสียงคลื่นเบา ๆ ลมหอบกลิ่นทะเลมากระทบเครื่องดินเผาที่ห้อยอยู่ตามชายคาเกิดเสียงดังกรุ๊งกริ๊ง บนโต๊ะอาหารด้านข้างของรีสอร์ตบ้านไร่ทะเลฝัน มีอาหารน่าทานมากวางอยู่หลายอย่างเพื่อรับรองญาติคนสำคัญ ซึ่งเป็นน้องสาวของแม่ได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนและพูดคุยหลังจากไม่ได้พบเจอกันมานาน หญิงวัยกลางคนนั่งอยู่สวมด้วยเสื้อผ้าอย่างดีราคาแพงเรียบหรูดูดีมีสไตล์ แต่งหน้าสีอ่อน ผมดัดเล็กน้อย สายตามองมาที่หลานหญิงหลานชายทั้งสองคน เคยเห็นตัวกระเปี๊ยกเดียว วิ่งเล่นซุกซนอยู่ เดี๋ยวนี้นั้นเติบใหญ่เป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว
ในจำนวนพี่น้องของแม่ น้าปองจันทร์คนนี้เป็นคนที่มีฐานะดีร่ำรวยมากที่สุด และเคยช่วยเหลือแม่ของเธอตอนเลิกกับพ่อ หอบลูกกลับมาที่บ้านสวนแห่งนี้ มีกิจการรีสอร์ตใหญ่โตมากซึ่งอยู่ติดกัน หากพี่น้องคนไหนตกยากไม่มีงานทำ จะช่วยเหลือและรับเข้าทำงานเสมอ มาวันนี้เพื่อเจรจาขอซื้อที่ดินในส่วนของปริมาซึ่งใช้พื้นที่ทำเกษตรไร้สารพิษอยู่ เป็นทำเลทองที่ใคร ๆ ก็อยากได้ เพราะอยู่ติดทะเล น้าสาวคนนี้ไม่ใช่คนแรกที่มาติดต่อขอซื้อ และพยายามตื๊อขอซื้อตั้งแต่ตอนแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้
“เรื่องที่น้าติดต่อขอซื้อที่ดินผืนนี้จะพอเป็นไปได้ไหมจ๊ะ” คนเป็นน้าอยากจะขยายกิจการรีสอร์ตสุดหรูซึ่งอยู่ติดกัน
“ปริมขอยืนยันเหมือนเดิมค่ะ” ความหมายของเธอคือไม่ขาย
“ปรามคิดว่ายังไงบ้างจ๊ะ” คนเป็นน้าหันไปถามหลานชายซึ่งทำกิจการรีสอร์ตเหมือนกัน
“ผมต้องแล้วแต่น้องครับ เพราะที่ดินส่วนตรงนี้เป็นชื่อของปริมครับ” ปรามตอบเรียบ ๆ
“เราจะทำเกษตรให้มันเหนื่อยทำไมจ๊ะ มาทำงานกับน้า จะได้แต่งตัวสวย ๆ ไม่ต้องตากแดด ไม่ต้องขุดดินให้เมื่อย น้าจะให้ตำแหน่งเป็นหนึ่งในผู้บริหารเลย ขายให้น้าเถอะนะ” อีกฝ่ายพยายามหว่านล้อม
“ปริมชอบทำเกษตรค่ะ เป็นความตั้งใจของแม่และบอกไว้ก่อนตายว่า ห้ามขายที่ดินผืนนี้ เพราะมีที่ดินทำอยู่ทำกินยังไงก็ไม่อดตายค่ะ” หลานสาวยกคำสอนของแม่ที่สอนเธอมาตั้งแต่เล็ก และมันก็เป็นจริงตามที่แม่สอนทุกประการ ถึงแม้ครอบครัวของเธอจะไม่ได้มีฐานะมีเงินร่ำรวยแต่ไม่เคยอดอยากปากแห้ง กินอิ่มท้องทุกมื้อ และเป็นอาหารที่ปลอดภัยไร้สารพิษ ลูกค้าที่มาซื้อผักของเธอมีแต่ขอบคุณที่ช่วยปลูกผักไร้สารพิษให้ทาน แม้ว่าจะเริ่มมีคู่แข่งทำผักไร้สารพิษมาขายเหมือนกันมากขึ้น แต่ลูกค้าต่างเชื่อมั่นผักของบ้านไร่ทะเลฝัน ยอดลูกค้าไม่เคยลดลงเลย
“ถ้าขายที่ดินแล้ว ไม่ต้องห่วงเลย มาทำงานกับน้า น้าจะแบ่งหุ้นให้ น้าอยากได้เรามาทำงานด้วยกันนะ” คนเป็นน้ายังพยายามเกลี้ยกล่อมต่อไป
“เรียนใกล้จบหรือยังจ๊ะ” ปองจันทร์เอ่ยถามหลานสาว
“อีกเทอมหนึ่งค่ะ”
“น้าอยากชวนเรามาทำงานด้วย ตอนนี้ตำแหน่งสมุหบัญชีที่รีสอร์ตว่างอยู่จ้ะ”
“ปริมยังเรียนไม่จบเลยค่ะ” เธออยากจะบอกตรง ๆ ว่าไม่อยากไปก็เกรงว่าจะเสียน้ำใจ เพราะอย่างไรน้าคนนี้ก็มีบุญคุณเคยช่วยเหลือแม่มาก่อน
“ตอนนี้ไปรยาอยากจะเปิดร้านขนมขายกาแฟ ปริมช่วยไปแนะนำน้องเกี่ยวกับการทำบัญชีให้หน่อยได้รึเปล่าจ๊ะ”
“ได้ค่ะ กลับมาจากอังกฤษแล้วหรือคะ จะเปิดที่ไหนคะ” ปริมาส่งยิ้มให้ เพราะสนิทกันกับลูกสาวของน้าคนนี้ เคยเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก
ปองจันทร์ยื่นนามบัตรร้านกาแฟนของลูกสาวให้กับปริมา
“ลองโทรคุยกันเองเลยจ้ะ”
สาวชาวสวนจึงยื่นมือไปรับนามบัตรมาดู นามบัตรนั้นน่ารักกุ๊กกิ๊กมาก
“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ เผอิญมีลูกค้าที่ติดต่อไว้มาพบครับ” ปรามบอกก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นเดินออกไป
“ปริมจะมาทำพาร์ทไทม์ก่อนก็ได้นะจ๊ะ น้าอยากให้เราไปช่วยงานดูแลงานด้านบัญชีให้น้าหน่อย” หลังจากได้เห็นฝีไม้ลายมือตอนไปฝึกงานเก็บชั่วโมงตอนปิดเทอมแล้ว รู้สึกถูกใจหลานสาวคนนี้ทำงานละเอียดรอบคอบดีมากสมเป็นนักบัญชีจริง ๆ หากได้มาทำงานด้วยคงจะดีไม่น้อย
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ตอนนี้ปริมคงไม่มีเวลาไปช่วยดูให้ได้ค่ะ”
“เฉพาะเสาร์อาทิตย์ก็ได้นะ” คนพูดยังพยายามตื๊อไม่เลิก แต่เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง เพราะไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ดูเหมือนอีกฝ่ายพยายามปฏิเสธตลอด
“ยังไม่มีเวลาเลยค่ะ”
“ที่ไม่มีเวลา เพราะติดหนุ่มที่ไหนอยู่ใช่มั้ย?” เธอเดินทางมาถึงรีสอร์ตบ้านไร่ทะเลฝันตอนเย็นของเมื่อวานนี้ ตอนลงจากรถ มองเห็นหลานสาวยืนคุยกับหนุ่มที่ไหนไม่รู้ แต่ใกล้ชิดกันมาก จนหน้าแทบจะชนกันอยู่แล้ว
“น้าเห็นนะ น้ามาถึงเมื่อวานนี้ตอนเย็น มองเห็นเรายืนคุยกับหนุ่มที่ไหนอยู่ ไม่รู้ว่าคุยหรือกำลังทำอะไรกันแน่”
คำพูดนั้นทำให้ปริมารู้สึกหน้าชาไปหมด ไม่รู้ว่าน้าสาวมองเห็นอะไรบ้างมากน้อยแค่ไหน เธอไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี ไม่รู้แก้ตัวอย่างไรได้ อธิบายอะไรไปคงฟังไม่ขึ้นแน่นอน
“ไอ้หนุ่มคนนั้นเป็นใคร? เดี๋ยวนี้ปริมเห็นคนอื่นดีกว่าน้าแล้วใช่มั้ย” เธอได้ถามกับพนักงานของรีสอร์ตตอนเข้าพักว่า พ่อหนุ่มคนนี้เป็นใคร เพราะมีรูปเขาติดอยู่ที่ห้องอาหารด้วย ซึ่งพนักงานตอบว่า เป็นแฟนของหลานสาว ต่างชื่นชมพ่อหนุ่มหน้าหวานให้ฟังถึงความดีความน่ารักเป็นที่ชื่นชอบของพนักงานทุกคน
โลกมันช่างกลมเหลือเกิน เพราะลูกสาวมาบอกด้วยความดีใจมากว่า เธอไปแคชติ้งหนังเรื่องหนึ่ง แล้วได้รับเลือกเล่นหนังเรื่องนี้ แถมได้เล่นคู่กับนักร้องคนโปรดที่เธอชื่นชอบมากอีกด้วย เอารูปนักร้องหนุ่มมาให้ดูทั้งอวดทั้งอวยใหญ่เลย เป็นคนเดียวกันกับหนุ่มหน้าหวานแฟนของหลานสาวในรูปคนนี้เลย
“ตอนนี้ปริมเป็นเด็กใจแตกไปแล้วใช่มั้ย? ไหนเคยบอกน้าว่า ไม่อยากมีแฟนไม่ใช่เหรอ” ตอนที่ปริมามาฝึกงานด้านบัญชี มีหนุ่มฐานะดีรูปหล่อสนใจหลานสาว แต่ก็ถูกปฏิเสธบอกว่า ไม่อยากมีแฟน และไม่คิดจะมีด้วย
ปฏิการตัดสินใจยังไม่ขับรถกลับบ้าน และพักต่ออีกคืน แต่ตอนบ่ายต้องรีบกลับ เพราะมีงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังเรื่องใหม่ที่เขารับเล่นเป็นเรื่องแรก ถึงแม้จะไม่ใช่พระเอก แต่ก็ต้องไปร่วมงาน หนุ่มหน้าหวานเดินเข้ามาหาอะไรทานที่ห้องอาหารของรีสอร์ตบ้านไร่ทะเลฝัน และมองเห็นปริมานั่งทานอาหารอยู่กับหญิงคนหนึ่ง ซึ่งหวานใจได้ไลน์บอกก่อนหน้านี้ว่าเป็นน้าสาวจึงเดินเข้าไปหา และได้ยินคำสนทนาทุกประโยคนั้นพอดี!
************************
สวัสดีค่า....เพื่อน ๆ ที่น่ารักและยังติดตามนิยายเรื่องนี้อยู่^^ เพื่อน ๆ คิดว่า พระเอกของเราจะทำอย่างไรคะ ช่วยบอกหน่อยค่า...
เพลงที่พระเอกเราร้องสื่อสารกับนางเอกคือเพลง โอ้ใจเอ๋ย... เสียงคนร้องเพลงจากคลิปนี้เพราะมาก ๆ เลยค่ะ ทำให้เพลงนี้ดูไม่ธรรมดาไปเลย จริง ๆ มีคนร้องเพลงนี้หลายคน แต่ชอบเสียงของคนนี้มากเลย เพราะมาก ลองฟังดูนะคะ แล้วช่วยบอกว่า เพราะรึเปล่านะคะ ^^
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 389
ความคิดเห็น
เดินเข้าไปขอนั่งด้วยเลย 555
อุ้ย! คุณแงซายมาแล้ว...หายไปนานเลย....สบายดีรึเปล่าคะ
แหม...งั้นไปดูตอนต่อไปเลยค่า...
แสดงความคิดเห็น