บทที่ 18 จัดการ 2/2
บทที่ 18 จัดการ 2/2
สภาวะการที่เกิดขึ้นทำให้เด็กสาวตัวน้อยต้องรีบทำท่าทางดุจเดิม อาสึนะนอนลงไปยังพื้นที่แสนเย็นยะเยือก แม้ว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะมิได้ดีนัก แต่อันที่จริง สมองของอาสึนะโลดแล่น ไปทางตะวันออกข้ามผ่านทวีปที่เย็นยะเยือก เด็กสาวกำมือหลับตาประดุจสิ่งปราศจากจิตวิญญาณ ไร้การเคลื่อนไหว
“ไอ้บ้าเอ้ย ถ้าหากยายหนูนั่นยังไม่ได้ตายจริงแล้วจะทำยังไง พวกเราอาจจะโดนหลอกก็ได้ แกจำที่หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวไว้ไม่ได้หรือไง”
“ใช่แล้ว พวกนั้นมีพลังเวทหรืออาจจะมีพลังแฝงอย่างอื่นอีกก็เป็นไปได้ แค่ลำพังฝีมือของพวกเรากับหัวหน้าหมู่บ้านคงจะไม่สามารถเอาชนะพวกนั้นได้ แถมอีกไม่นานพลังเวทของเจ้าพวกที่ถูกพวกเรามัดไว้ก็จะกลับคืนมาดังเดิมแล้ว ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนั้นพวกเรานี่แหละจะแย่” ชายอีกคนหนึ่งกล่าวสำทับ
โดยที่พวกมันไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำและทกท่อยคำที่พวกมันได้กล่าวตอนนี้มันได้อยู่ในโสตประสาทของเด็กน้อยทั้งหมดแล้ว ตอนที่ได้ยินว่าพวกมันเกรงกลัวพลังเวทของพวกเธอ อาสึนะก็รู้สึกยินดีอย่างประหลาด เด็กสาวอยากจะกระโจนร่างออกไปในทันที แต่ทว่าเธอก็เฉลียวใจ หากว่าเธอทะยานร่างออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ แผนการรวมไปถึงสิ่งที่เธอทำมามันก็จะไร้ซึ่งค่าอันใดโดยทันที แล้วอีกอย่างหนึ่งต่อให้ไร้ซึ่งพลังเวท แต่มันก็มิได้มีเครื่องการันตีว่าพวกเธอจะได้รับชัย
การที่ประมาทแค่เพียงพริบตามันย่อมนำความปราชัยมาสู่สหายร่วมรบ
อาสึนะหลับตาพลางฟังเสียงของคนที่กำลังย่างกายเข้ามาหาเธอ เสียงที่เคยดิยินตอนนี้มันกลับเงียบลงเสียแล้ว อากาศในยามค่ำคืนช่างเงียบสงัดกลิ่นของใบไม้ใบหญ้าที่เข้ามาเตะจมูก สายฝนที่ค่อย ๆ ไหลรินอย่างช้า ๆ ความเจ็บปวดที่เข้ามายังกายาทำให้เด็กสาวเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเธอจะสามารถกัดฟันทนกับสิ่งนี้ได้นานเท่าใด
“ตายแล้วจริงอย่างนั้นหรือ” เสียงของชาวคนหนึ่งที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ร่างกายที่ไร้การขยับของเด็กสาว เลือดที่เปื้อนเปรอะใบหน้า มองดูดีดีแล้วการที่เด็กขนาดนี้ต้องจบชีวิตลงในที่หมู่บ้านแห่งนี้ทำให้เขารู้สึกอดสูไม่ได้
“ไม่มีการขยับอะไรแบบนี้ คงตายลงแล้วไม่ผิดแน่” เสียงชาวบ่านอีกคนหนึ่งกล่าวเสริม
“แล้วเราจะทำยังไงกับมือของเด็กผู้นี้ดี จะปล่อยเอาไว้หรือว่าจะมัดเหมือนเดิม”
“จะทำอย่างไรก็แล้วแต่ คนตายไปแล้วไม่มีความเจ็บปวดอันใด หากจะมัดก็คงไม่มีปัญหาอันใด ทว่าหากจะปล่อยเอาไว้แล้วเด็กคนนี้ยังไม่ตายจริง ๆ พวกเราจะมีปัญหา” เสียงชายอีกคนหนึ่งกล่าวชี้นำ
“จริง แต่ว่าข้าอดสงสานเด็กคนนี้อย่างประหลาด เด็กคนนี้ยังไงก็ตายไปแล้วข้าอยากจะให้นางได้นอนอย่างสบาย”
“แต่ว่าหัวหน้าของเรากล่าวเอาไว้ หากพวกนางรู้ว่าตอนนี้พลังเวทของพวกนางส่วนหนึ่งถูกเชือกที่ร่ายมนตราทำให้มนตราฟื้นคืนกลับมาช้าจะทำให้พวกเราทำงานยากขึ้น ข้าเห็นว่าพวกเราควรจะจัดการขั้นเด็ดขาด พวกเราควรจะตัดศีรษะของนางเสีย นั่นจะหมายความว่าพวกเราจะไม่ต้องมัดนางเอาไว้ แต่ว่าหากอยากให้เด็กนางนี้มีร่างกายที่คบสมบูรณ์ พวกเราก็ไม่ต้องทำอะไร พวกเราแค่นำเชือกเส้นนี้มัดมือของเด็กคนนี้ดังเดิม แค่นั้นเพวกเจ้าคิดเช่นไร”
ชายทั้งสองมีท่าทางลังเล เมื่อชายอีกคนเห็นดังนั้นเขาจริง ๆ ค่อย ๆ เดินตรงมายังร่างกายของเด็กสาว ในมือของชายคนนั้นถือมีดขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก ก่อนที่จะกล่าวกับเพื่อนทั้งสอง “ข้าตัดสินใจแล้ว”
เมื่อเด็กสาวได้ยินเช่นนั้น หล่อนก็รับรู้ได้ทันทีว่าหากปล่อยให้สถานการณ์ยังเป็นเฉกเช่นนี้คงไม่ดีแน่ อาสึนะไม่รอเด็กสาวเตรียมการที่จะต่อสู้และตอบโต้ในทันที แต่ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไรจู่ๆ เด็กสาวก็รับรู้ว่ามีบางสิ่งกำลังตรงมาทางเธออย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันนั้นเอง พวกชาวบ้านทั้งสามก็ค่อย ๆ เดินตรงมาทางเธอ
ชายคนที่ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้นำของกลุ่ม ค่อย ๆ เงื้อมีดขึ้นช้า ๆ แล้วฟันลงไปยังลำคอของเด็กสาวในทันที
ทนใดนั้นเองเสียงของอาวุธที่อาสึนะคิดว่าไม่ควรจะมาอยู่ในที่แห่งนี้ก็กลับดังขึ้น หลังจากนั้นเด็กสาวก็ได้ยินเสียงร่างของชายทั้งสามที่ค่อย ๆ ล้มลงไปนอนอยู่กับพื้น”
เห็นการที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เด็กสาวผมน้ำตาลรู้สึกฉงน ก่อนที่อาสึนะจะได้ลืมตาเสียงของชายที่เธอไม่คุ้นเคยกับดังขึ้น
“จงอย่าคิดจะลืมตาขึ้นมาเด็ดขาด หากเธอลืมตาขึ้นมาฉันคงจะต้องจำเป็นต้องปิดชีพเธอตอนนี้เลย”
ชายคนนั้นกล่าว ก่อนที่จะค่อย ๆ ปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างช้าๆ เมื่ออาสึนะได้สัมผัสจิตสังหาร เด็กสาวรู้สึกได้ทันทีว่าชายคนที่กล่าวนั้นเอาจริง เด็กสาวพยายามจะขยับร่างกาย แต่ก็ต้องพบว่าตอนนี้ร่างกายของเธอไม่สามารถขยับได้ เด็กสาวค่อย ๆ ดึงพลังเวทออกมาช้ แต่เหมือนว่าชายคนนั้นจะรับรู้
“อย่าคิดจะใช้พลังเวทตอนนี้ ต่อให้เธอต้องการจะใช้เธอก็คงไม่สามารถใช้ได้หรอก แล้วอีกอย่างไม่ต้องสนใจว่าฉันเป็นใคร ฉํนไม่ใช่ศัตรูของเธอ ฉันเป็นผู้ช่วย ฉันจะช่วยพวกเธอกับเพื่อนของเธอ หลังจากนั้นเธอก็รีบพาเพื่อนของเธอกลับออกไปจากที่แห่งนี้”
ชายหนุ่มนิรนามมองร่างกายที่ปราศจากการเคลื่อนไหว สีหน้าของเด็กสาวที่ขาวซีดเลือดที่ยังไม่ได้หยุดไหล ทำให้ชายหนุ่มต้องปรารภกับตนเองอย่างเสียมิได้
“ไม่น่าเลย ไม่น่าจริง” ชายหนุ่มค่อย ๆ ละสายตาออกไปก่อนที่จะมองไปยังหมู่บ้านแล้วกล่าว
“ในที่สุดฉํนก็ได้กลัมาฆ่าพวกแก”
เขาทะยานร่างกาย ก่อนที่จะทิ้งคำกล่าวเอาไว้ “อีกไม่นานเพื่อนของพวกเธอจะตามมา รออยู่ที่นี่เฉย ๆ ก็แล้วกัน หลังจากนั้นรีบออกไปจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด”
จิตสังหารของชายคนนั้นหายไปไม่นาน อาสึนะจึงคอ่ยๆ ลืมตาแล้วขยับร่างกายของตนเองอย่างเจ็บปวด เพียงไม่นานเด็กสาวก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังมาตามสายลม
อาสึนะพยายามลุกขึ้นแล้วรีบเคลื่อนร่างไปตามเสียง แต่เธอก็นึกถึงคำกล่าวของชายนิรนามที่กล่าวว่าไม่ให้เธอตามไป อาสึนะยืนช่างใจก่อนที่เธอจะหันหน้าไปยังทิศที่เธอคิดว่าเพื่อนของเธอถูกมัดไว้อยู่ ก่อนที่อาสึนะจะกล่าวไปช้าๆ เพื่อไปหาเพื่อนของเธอ โดยที่ทิ้งความสงมใสไว้เบื้องหลัง การกระทำของอาสึนะนับว่าถูกต้อง หากเธอตัดสินใจไปตามเสียงเกรงว่าหญิงสาวเองนี่แหละที่จะตกเป็นเหยื่อของชายนิรนาม
ชายนิรนามมองหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความโกรธแค้น เส้นผมของเขาสะบัดไปตามแรงลม ในมือของชายผู้นั้นถือสิ่งที่มีความร้ายกาจ นั่นก็เพราะว่าสิ่งนี้สามารถสังหารคนได้โดยแค่กระดิกนิ้ว
“ทำไมเจ้ายังมีชีวิตอยู่ พวกข้าได้สังหารเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ”
ชายหนุ่มยกศาสตราขึ้นแล้วกล่าว “ข้ากลับมาจากขุมนรกยังไรล่ะ ด้วยพลังของนักปราศ เจ้าจงตายเสียเถอะ รวมไปถึงคนในหมู่บ้านนี้ด้วย”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ติดชายแดน ชายหนึ่งคนกับหญิงชราหนึ่งคนมองจดหมายของอดีตสหายร่วมรบ ก่อนที่จะมีใครกล่าวอะไรขึ้น ชายชราก็ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“มันเกิดเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ได้ยังไง ทำไมพวกมันถึงได้เคลื่อนไหวในตอนนี้ แล้วอีกอย่างทำไมชายคนนั้นถึงปล่อยมันให้เคลื่อนไหวได้ ฝีมือของเขาน่าจะสามารถหยุดการเคลื่อนไหวแบบนี้ได้ง่าย ๆ ไม่ใช่หรือไง” หญิงชรากล่าว คิ้วขอวงหล่อนขมวด
“เรื่องนี้มันอยู่เหนือการคาดการของพวกเร ข้ากับเจ้านั้นไม่คิดเลยว่าพวกมันจะทำอะไรเช่นนี้ แถมยังตอนนี้พวกมันก็ใช้เจ้านั่นเสียด้วย ลูกขุนนางที่ถูกลักพาตัวไปจะทำให้พวกเราเคลื่อนไหวลำบาก ถึงแม้ว่าข้าจะมีพลังมากมายสักแค่ไหน แต่ว่าหากพวกเราไม่รู้ว่าพวกมันอยู่ที่ไหนพวกเราก็คงไม่สามารถทำอะไรได้”
ชายชราหยิบจดหมายขึ้นมาแล้วค่อย ๆ เผามันทิ้ง แล้วหันมากล่าวกับภรรยาของตน
“เห็นว่าเรื่องนี้หลานของเราทั้งสองก็ไปเกี่ยวข้องด้วย”
“มันเป็นแบบนี้นี่เอง ถ้าไม่ใช่เพราะหลานของพวกเราไปยุ่งเกี่ยวเจ้านั่นก็คงไม่ติดต่อมาหาพวกเรา คนที่รอจะจัดการเด็กคนนั้นก็มีนับไม่ถ้วน ถ้าเป็นแบบนี้เด็กคนนั้นคงต้อง”
“ไม่หรอก ตอนนี้เป็นไปแล้ว ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะตกหลุมพรางของพวกนั้นเต็ม ๆ เลย ตอนนี้พวกเราคงต้องหาวิธีช่วย”
“ถ้าพวกเราเคลื่อนไหวมันจะผิดข้อตกลง ดังนั้นพวกเราคงไม่สามารถทำอะไรได้ คงต้องฝากความหวังไว้กับเจ้านั่น ต้องรอดูว่าเจ้าพวกนั้นจะทำอย่างไร”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 208
แสดงความคิดเห็น