บทที่๓๕

สุภาพบุรุษสุดดวงใจ
คุณกำลังอ่าน: สุภาพบุรุษสุดดวงใจ

-A A +A

บทที่๓๕

“ได้สิ เดี๋ยวพ่อจะเตรียมเงินเอาไปให้ อืมม์ ไม่ต้องห่วง ครบตามจำนวนแน่นอน โอเค แค่นี้แหละ” เมื่อคุยโทรศัพท์กับลูกชายเสร็จปราภพก็วางสายไปด้วยสีหน้าเครียดๆ

จนผู้เป็นภรรยาต้องถามขณะนั่งอยู่ในห้องโถง

“เกิดอะไรขึ้นคะคุณ”

“นั่นสิ มีเรื่องอะไร แล้วตาป้องโทรมาทำไม” คุณนภาลัยก็ถาม

คนถูกถามนิ่งไปสักครู่ ก่อนจะตอบว่า

“ตอนนี้ยายภามันจับตัวหนูรินกับหนูนิชาไปเรียกค่าไถ่ครับคุณแม่”

“แกว่าอะไรนะ” ท่านตกใจกับสิ่งที่เพิ่งจะได้ยิน

“คุณแม่ได้ยินไม่ผิดหรอกครับ” เขาว่า

ได้ยินเช่นนั้นผู้เป็นแม่จึงมีสีหน้าเครียดๆ ตามกัน

“นี่แสดงว่ามันกับลูกหนีไปอยู่ที่ชลบุรี อยู่ใกล้ทะเล มันถึงได้เจอกับหนูรินและหนูนิชา แล้วมันถึงได้จับตัวทั้งสองคนไป”

“ก็คงจะเป็นอย่างนั้นครับคุณแม่”

“แล้วนี่มันเรียกเงินเท่าไหร่กัน”

“สองร้อยล้านบาทครับคุณแม่”

“หา! สองร้อยล้านบาท” ประมุขของบ้านตกใจเมื่อได้ยินจำนวนเงินที่ประภาเรียกร้องมา ก่อนที่ท่านจะเอนกายลงไปพิงกับโซฟาเพราะรู้สึกคล้ายกับจะเป็นลมเป็นแล้ง “แม่อยากจะเป็นลม มันจะเรียกเอาอะไรมากมายขนาดนั้น”

พรรณนิภายื่นยาดมไปจ่อที่จมูกของแม่สามี พลางบอกว่า

“ดมยาดมหน่อยนะคะคุณแม่ ไม่ต้องเครียดไปค่ะ ไม่ดีต่อสุขภาพ”

“ในเมื่อมันเรียกร้องอยากได้พวกเราก็ให้มันไปเถอะครับคุณแม่ เพราะเงินของพวกเรามีเป็นพันล้าน ไม่ต้องไปเสียดายกับอีแค่เงินสองร้อยล้านบาทหรอกครับ ถือซะว่าทำบุญให้คนโลภ ให้มันได้เอาไปใช้” ปราภพบอก

แล้วคุณนภาลัยก็ลุกนั่ง ก่อนจะพยักหน้า

“อืมม์ ถ้างั้นก็จัดการเตรียมเอาเงินใส่กระเป๋าแล้วเอาไปให้มันเลย งานนี้เสียเงินเท่าไหร่แม่ก็ยอม ขอแค่ให้ว่าที่หลานสะใภ้ของแม่ทั้งสองคนปลอดภัยก็พอ”

“ครับ คุณแม่...เอ้อ คุณแม่ครับ พวกควรจะบอกพี่ชัชกับพี่วันไหมครับ”

“ไม่ต้องบอกหรอก เดี๋ยวทั้งสองคนจะตกใจ ปัญหาทุกอย่างเดี๋ยวพวกเราเป็นคนแก้ไขเอง”

“แต่ว่าพวกเขาเป็นพ่อกับแม่ของหนูรินนะครับ”

แล้วก็มีเสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นจากหน้าห้องโถง

“ถึงไม่บอกพี่ก็รู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้ว”

ทั้งสามคนหันไปยังต้นเสียงก็เห็นว่าเป็นชัชรินทร์ที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับภรรยาด้วยสีหน้าเครียดๆ ทั้งสามคนถึงกับตกใจ ไม่คิดว่าสองสามีภรรยาจะมาที่นี่

“พี่ชัช พี่วัน” ปราภพอึ้งไป

ชัชรินทร์กับรวัลยานั่งลงบนโซฟาอีกตัว ก่อนที่ฝ่ายแรกจะพูดว่า

“เมื่อสักครู่ยายภาได้โทรไปหาพี่ บอกว่าให้เอาเงินสามสิบล้านบาทไปไถ่ตัวยายริน สรุปคือที่ยายภาจับตัวยายรินไปก็เพราะต้องการเงินอย่างเดียวเท่านั้น”

“นี่ยายภามันก็โทรไปเรียกร้องเอาเงินจากพี่ชัชเหมือนกันเหรอครับ”

อีกฝ่ายพยักหน้า

“ใช่!”

“อะไรกัน...มันเรียกร้องเอาเงินสองร้อยล้านบาทจากตาป้องกับตาเอกไม่พอหรือไง มันถึงไปเรียกร้องเอาจากพี่ชัชอีก เฮ้อ!” ปราภพถอนหายใจเฮือกใหญ่

คุณนภาลัยจึงบอกว่า

“คนโลภได้เท่าไหร่มันก็ไม่รู้จักพอหรอก ต่อให้ได้เป็นพันล้านมันก็ยังบอกว่าได้น้อยอีกอยู่ดี” แล้วท่านก็หันไปทางชัชรินทร์กับรวัลยาด้วยสีหน้าเศร้าๆ “ตาชัชยายวัน...ป้าต้องขอโทษพวกเธอด้วยนะที่ยายภาไปก่อเรื่องจับตัวหนูรินไปเรียกค่าไถ่ อันที่จริงเรื่องนี้มันเป็นความผิดของป้าเอง ถ้าป้าดูแลใส่ใจยายภาให้มากๆ ยายภามันก็คงไม่เป็นคนแบบนี้หรอก และมันอาจได้เป็นคนดีเหมือนคนอื่นเขา” พลันน้ำตาของท่านก็ไหลออกมา

ชัชรินทร์จึงพูดว่า

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งโทษตัวเองนะครับคุณป้า เรื่องมันก็ผ่านไปนานมากแล้ว คุณป้าย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วครับ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คือทำใจเท่านั้นครับ และอีกอย่าง ผมก็ไม่คิดโทษใครด้วยครับ เพราะเรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับสันดานของคนครับ ถ้าคนเราไม่รู้จักพอต่อให้เอาช้างมาฉุดมันก็หยุดไม่ได้ครับ”

ปราภพพยักหน้าเห็นด้วย

“พี่ชัชพูดถูกครับ เรื่องแบบนี้มันขึ้นอยู่กับสันดานของคน ไม่เกี่ยวกับการเลี้ยงดู...หรือต่อให้ถูกเลี้ยงดูมาดีแค่ไหน แต่ถ้าคนเรามันเลือกที่จะทำเลวมันก็ทำได้ครับ โดยไม่มีข้อยกเว้นอะไรทั้งนั้น เอาละครับ พวกเราไปเตรียมจัดเงินใส่กระเป๋าดีกว่าครับพี่ชัช เพราะกว่าจะเดินทางไปถึงชลบุรีก็ปาเกือบเที่ยงคืนแล้ว เดี๋ยวมันจะไม่ทันเวลาครับ” แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืน

“อืมม์! ไปกันเถอะ” ชัชรินทร์ก็ลุกขึ้นเช่นกัน

รวัลยาจับมือสามี

“ฉันขอไปด้วยได้ไหมคะคุณ ฉันเป็นห่วงลูก”

“คุณรอฟังข่าวอยู่ที่นี่กับคุณป้าและคุณพรรณเถอะ เพราะมันอันตราย”

“รออยู่กับพวกป้าที่นี่เถอะจ้ะ” คุณนภาลัยบอก

อีกฝ่ายจำต้องพยักหน้า

“ก็ได้ค่ะคุณป้า”

“พี่ว่าพวกเรารีบไปเถอะ” ชัชรินทร์บอกกับปราภพ

ปราภพพยักหน้า

“ครับพี่” ก่อนจะบอกแม่กับภรรยาว่า “ผมไปก่อนนะครับคุณแม่ คุณพรรณ”

“ขอให้บุญรักษาทุกคนนะ” ประมุขของบ้านบอก

“ขอบคุณครับ คุณแม่”

แล้วทั้งสองคนก็เดินออกไปทันที

คุณนภาลัย พรรณนิภาและรวัลยามองสองคนที่เพิ่งจะเดินออกไปด้วยความเป็นห่วง ฝ่ายแรกพูดขึ้นว่า

“หวังว่าจะไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับใครคนใดคนหนึ่งนะ”

 

เมื่อชัชรินทร์กับปราภพมาถึงจังหวัดชลบุรีก็พากันไปหาปาณัทกับเป็นเอกที่บ้านพักริมทะเลก่อน เพื่อจะปรึกษาหารือกัน...และเมื่อตกลงกันได้แล้วก็เดินทางไปยังตึกร้างตามที่ประภาส่งโลเคชั่นไปให้ในโทรศัพท์มือถือ โดยแอบพาตำรวจไปด้วย

ตอนนี้ทุกคนอยู่ชั้นล่างของตึกร้าง ปาณัทมองซ้ายมองขวา ก่อนจะบอกกับทุกคนว่า

“เดี๋ยวผมกับนายเอกจะเป็นคนเอาเงินไปให้อาภา ส่วนคุณพ่อทั้งสองคนกับคุณตำรวจรออยู่ตรงนี้ก่อน ถ้าเห็นท่าไม่ดีรีบเข้าไปหาพวกผมเลยนะครับ”

“ระวังตัวด้วยนะตาป้อง...ตาเอก” ผู้เป็นพ่อบอก

ปาณัทกับเป็นเอกพยักหน้า พลางตอบพร้อมกันว่า

“ครับ คุณพ่อ”

แล้วทั้งสองคนก็พยักเพยิดให้กัน ก่อนจะพากันเดินไปตรงบันไดและขึ้นไปยังชั้นสองพร้อมกับถือกระเป๋าใส่เงินคนละใบ เมื่อขึ้นไปถึงปาณัทก็ตะโกนเรียกหาผู้เป็นอา

“คุณอาครับ...คุณอาอยู่ตรงไหนครับ ผมกับนายเอกเอาเงินมาให้คุณอาครบตามจำนวนแล้วครับ...คุณอาครับ คุณอา”

แล้วเขมนันท์กับประภาก็โผล่ออกจากมุมหนึ่ง มองซ้ายมองขวาอย่างระแวงกลัวจะมีตำรวจมาด้วย

“พวกแกไม่ได้พาตำรวจมาด้วยใช่ไหม” ประภาถาม

ปาณัทพยักหน้า

“ผมไม่ได้พาใครมาด้วยทั้งนั้นครับ ผมมากับนายเอกสองคนเท่านั้น”

เขมนันท์ยื่นมือออกไปหาสองพี่น้องฝาแฝด

“ถ้างั้นก็เอาเงินงั้นมา”

“เดี๋ยวสิครับคุณอาเขม ใจเย็นๆ ก่อน ไม่ต้องกลัวว่าผมจะไม่ให้หรอกครับ ผมให้แน่นอน แต่คุณอาทั้งสองคนต้องปล่อยตัวน้องรินกับคุณนิชามาก่อน ไม่งั้นผมไม่ให้เด็ดขาด”

“แกอย่ามาเล่นลิ้นกับพวกฉันนะ รีบๆ เอาเงินมาให้พวกฉัน เร็ว!” ประภาตะคอกใส่

เป็นเอกแค่นหัวเราะ

“ก็ได้นะครับ ถ้าคุณอาไม่ยอมปล่อยทั้งสองคนมาก่อน พวกผมก็จะไม่ให้เงินคุณอา เลือกเอาสิครับว่าจะเอาแบบไหน”

“แกอย่าคิดตุกติกกับฉันล่ะ” เธอว่า ก่อนจะหันไปเรียกลูกชาย “ตาภู...ตาภู...เอาตัวนังผู้หญิงสองคนนั้นออกมา”

สักพักภูริชดึงตัวรินรดากับนิชาภัทรออกมาจากมุมหนึ่ง โดยที่ทั้งสองคนยังถูกมัดแขนมัดขาและปิดปากด้วยเทปกาวแน่นหนา ภูริชลากตัวทั้งสองสาวเข้าไปใกล้ผู้เป็นแม่ ก่อนจะมองสองพี่น้องฝาแฝดอย่างอาฆาตแค้น อยากจะฆ่าทั้งสองคนเดี๋ยวนี้เลยแต่ต้องใจเย็นก่อน ต้องรอให้ได้เงินก่อนแล้วค่อยจัดการ

เมื่อปาณัทกับเป็นเอกเห็นคนรักก็ยิ้มดีใจ

“น้องริน”

“นิชา”

“เอาเงินมาแล้วฉันจะปล่อยตัวนังผู้หญิงสองคนนี้ให้พวกแก” ประภาบอก

สองพี่น้องมองหน้ากันอย่างลังเล ก่อนจะพยักหน้าให้เป็นเชิงว่า ‘ตกลง’ แล้วหันไปทางผู้เป็นอา เตรียมจะยื่นกระเป๋าเงินให้ แต่มีเสียงตำรวจเข้ามาแทรกเสียก่อน

“หยุดนะ นี่คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ”

ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ตกใจที่มีตำรวจมาด้วย แล้วประภาก็หันกระบอกปืนไปทางหลานชายฝาแฝด มองอย่างอาฆาตแค้น

“ไหนพวกแกบอกว่าไม่ได้พาตำรวจมาด้วยไง สุดท้ายพวกแกก็คิดตุกติกกับฉัน”

“มอบตัวกับตำรวจเถอะครับคุณอา โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา...นะครับ” เป็นเอกพยายามเกลี้ยกล่อมผู้เป็นอา

แต่อีกฝ่ายไม่ยอม

“ไม่มีทาง! พวกฉันไม่มีวันถูกตำรวจจับอย่างแน่นอน และในเมื่อพวกแกคิดตุกติกกับพวกฉัน...ฉันก็จะฆ่านังผู้หญิงสองคนนี้ให้ตายไปซะ” แล้วหันกระบอกปืนไปทางสองสาวแทน

“อย่านะครับคุณอา อย่าทำแบบนั้น” ปาณัทตกใจ

เขมนันท์ควักปืนออกมาจากกระเป๋ากางเกงและหันกระบอกปืนไปทางสองพี่น้องฝาแฝด

“ในเมื่อพวกแกเล่นลิ้นกับพวกฉันก่อน เพราะฉะนั้นพวกฉันก็ไม่จำเป็นต้องทำตามที่พูดไว้กับพวกแก”

สักพักพวกตำรวจกลุ่มหนึ่งก็ขึ้นมาถึงชั้นสองพร้อมกับชัชรินทร์และปราภพ

“ทุกคนโปรดวางอาวุธลงเดี๋ยวนี้” ตำรวจนายหนึ่งตะโกนบอก

เขมนันท์ตัดสินใจยิงใส่พวกตำรวจทันที แต่ยังดีที่พวกตำรวจหลบทัน ก่อนที่เขาจะกระชากเอากระเป๋าเงินทั้งสองใบที่อยู่ในมือของปาณัทกับเป็นเอกขณะที่ทั้งสองคนเผลอแล้ววิ่งหนีไปทางหนึ่ง ประภาวิ่งตามไป

ภูริชปล่อยสองสาวแล้วควักปืนหันไปทางสองพี่น้องฝาแฝด

“ตายซะเถอะพวกมึง” แล้วกดลั่นไกปืนทันที

ปาณัทกับเป็นเอกตกใจ กระโดดหนีไปคนละทาง โชคดีที่กระสุนไม่โดนใครเลยสักคน

ภูริชยิงปะทะกับตำรวจ แต่เมื่อเห็นท่าไม่ดีก็วิ่งตามพ่อแม่ไปทันที

“วิ่งตามคนร้ายไป” หัวหน้าตำรวจบอกกับลูกน้อง

แล้วพวกตำรวจกลุ่มหนึ่งก็วิ่งตามทั้งสามคนพ่อแม่ลูกไป

ปาณัทกับเป็นเอกรีบเดินมาหาแฟนสาวของตัวเอง ก่อนจะแกะเชือกออกจากมือและเท้าของพวกเธอ และดึงเอาเทปกาวออกจากปาก ทันทีที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระสองสาวก็โผเข้ากอดแฟนหนุ่มด้วยความคิดถึงระคนตกใจ

“รินคิดถึงพี่ป้องที่สุดเลยค่ะ” รินรดากอดคนรักแน่น

ปาณัทจึงบอกว่า

“พี่ก็คิดถึงน้องรินเหมือนกัน ว่าแต่...น้องรินไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

“ไม่ค่ะ รินปลอดภัยดี”

ส่วนนิชาภัทรก็กอดแฟนหนุ่มแน่นเช่นกัน

“ฉันคิดถึงนายมากนะ...เป็นเอก”

“ฉันก็คิดถึงเธอ เธอล่ะปลอดภัยดีใช่ไหม” เป็นเอกถามคนรักด้วยสีหน้ายิ้มๆ

อีกฝ่ายพยักหน้า

“ฉันปลอดภัย ไม่ได้เป็นอะไร”

แล้วรินรดาก็คลายอ้อมกอดจากปาณัท เดินเข้าไปกอดพ่อแทน

“หนูคิดถึงคุณพ่อจังเลยค่ะ”

“พ่อก็คิดถึงลูก ในเมื่อลูกไม่เป็นอะไรพ่อก็โล่งใจไปหน่อย” ชัชรินทร์บอกลูกสาว

แล้วปราภพก็พูดกับลูกชายฝาแฝดว่า

“พ่อจะตามทั้งสามคนนั่นไป” พูดจบก็วิ่งออกไปทันที

ปาณัทตะโกนตาม

“เดี๋ยวครับคุณพ่อ รอผมด้วยครับ” ก่อนจะหันไปบอกกับแฟนสาวว่า “พี่ขอตัวก่อนนะ น้องรินรอตรงนี้ อย่าไปไหนเพราะมันอันตราย”

“ค่ะ พี่ป้องระวังตัวด้วยนะคะ” หญิงสาวบอก

อีกฝ่ายพยักหน้า จากนั้นก็วิ่งตามพ่อไป

เป็นเอกคลายอ้อมกอดจากแฟนสาว ก่อนจะบอกกับเธอว่า

“เธอรออยู่ตรงนี้นะ ฉันจะตามคุณพ่อกับนายป้องไป”

“ฉันขอไปกับนายด้วย” นิชาภัทรว่า

ชายหนุ่มสั่นศีรษะไม่ยอม

“ไม่ได้ มันอันตราย เธอรออยู่ตรงนี้กับน้องรินน่ะดีแล้ว ไม่ต้องไปหรอก”

“นายก็รู้นี่ว่าฉันเคยไปเรียนมวยมา ฉันปกป้องตัวเองได้อยู่แล้ว ให้ฉันไปด้วยเถอะนะ”

“ไม่ได้จริงๆ เธออย่าดื้อสิ ฉันเป็นห่วงเธอนะ เอาเป็นว่าเธอรออยู่ตรงนี้แหละ ฉันไปก่อนนะ” พูดจบเขาก็วิ่งออกไปทันที

นิชาภัทรมองตามแฟนหนุ่มไปอย่างเศร้าๆ รินรดาจึงบอกว่า

“คุณนิชารออยู่ตรงนี้กับรินแหละค่ะ ไม่ต้องไปหรอกนะคะ”

“ค่ะ” เธอจำต้องพยักหน้า ทั้งที่ใจอยากตามไปเพราะเป็นห่วงแฟนหนุ่ม

แล้วชัชรินทร์ก็บอกว่า

“ลูกกับหนูนิชารออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวพ่อจะตามพวกเขาไป”

“ระวังตัวด้วยนะคะคุณพ่อ” ผู้เป็นลูกสาวว่า

อีกฝ่ายพยักหน้า

“อืมม์” แล้วก็วิ่งออกไป

สองสาวจึงได้แต่ยืนรอทุกคนอยู่ตรงนี้ด้วยความเป็นห่วง คอยเป็นกำลังใจอยู่ตรงนี้

 

 

เขมนันท์กับประภา และภูริชจะหนีออกไปจากตึก แต่มองไปทางไหนก็เจอแต่ตำรวจล้อมรอบทุกด้านจึงพากันเครียด

“ทุกคนจงมอบตัวซะ เพราะตอนนี้ตำรวจล้อมรอบตึกร้างไว้หมดแล้ว” ตำรวจนายหนึ่งตะโกนบอกทั้งสามคนพ่อแม่ลูก

เขมนันท์จึงถามภรรยาว่า

“เอายังไงดีคุณภา”

“ยังไงซะฉันจะไม่ยอมถูกตำรวจจับแน่ๆ ...เอาเป็นว่ายังไงพวกเราก็ต้องหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ พวกเราจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนอกกับเงินก้อนนี้” ประภาบอก

ปราภพวิ่งตามมาถึงก็บอกกับน้องสาว น้องเขยและหลานชายว่า

“ยายภา นายเขม ตาภู...มอบตัวกับคุณตำรวจเถอะนะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา...นะ”

“ไม่มีทางค่ะ ยังไงภาก็จะไม่ยอมถูกตำรวจจับแน่ๆ เป็นตายร้ายดียังไงภาก็ไม่ยอม” เจ้าหล่อนประกาศลั่น ก่อนจะยิงใส่กลุ่มตำรวจ แล้วบังเอิญยิงโดนตำรวจนายหนึ่งจนล้ม แต่ยิงโดนแค่ถากๆ

แล้วการยิงปะทะกันของคนร้ายกับกลุ่มตำรวจก็เริ่มต้นขึ้นอย่างดุเดือด อย่างไม่มีใครยอมใคร ตอนแรกก็ดูเหมือนว่าฝั่งคนร้ายจะชนะ แต่พอไปๆ มาๆ กลับแพ้ราบคาบ แถมเขมนันท์ยังถูกยิงจนเจ็บหนัก จนล้มลงจมกองเลือด หายใจรวยรินคล้ายกับคนกำลังจะสิ้นใจ แล้วกลุ่มตำรวจก็ยุติการยิงทันที เพราะเห็นว่ายิงถูกคนร้ายแล้วคนหนึ่ง

ประภากับภูริชรีบวิ่งเข้าหาเขมนันท์ ทรุดตัวลงร้องไห้โฮอย่างเสียใจ

“คุณเขม...คุณอย่าเป็นอะไรไปนะ ฉันรักคุณ คุณต้องอยู่กับฉันกับลูก ถ้าคุณตายแล้วฉันกับลูกจะอยู่ยังไง คุณเขม...คุณอย่าตายนะ”

“คุณพ่อครับ...คุณพ่อต้องไม่ตายนะครับ คุณพ่อต้องอยู่กับผมกับคุณแม่ พวกเราจะไปใช้ชีวิตด้วยกันที่เมืองนอกกับเงินสองร้อยสามสิบล้านบาท พวกเราจะไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย...นะครับคุณพ่อ คุณพ่อ...” ยิ่งพูดชายหนุ่มก็ยิ่งร้องไห้โฮ

ชัชรินทร์ ปราภพ ปาณัทและเป็นเอกได้แต่มองภาพสองคนแม่ลูกร้องไห้โฮอย่างรู้สึกสะเทือนใจมาก และรู้สึกสงสารทั้งสองคน รวมถึงสงสารเขมนันท์ด้วย เพราะตอนนี้เขาได้แต่หายใจรวยรินคล้ายกับจะสิ้นใจอยู่รอมร่อ มือก็จับหน้าลูกชาย พลางร้องไห้และพูดตะกุกตะกัก

“พ่อ...รักลูก...กับแม่ของลูกมากนะ...พ่อเสียใจ...ที่ไม่มีโอกาส...ได้อยู่ดูแลลูกกับแม่ของลูก...พ่อ...” แล้วเขาก็สำลักเลือดออกมา

“คุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น...เพราะคุณจะต้องไม่ตาย ได้ยินไหมว่าคุณจะต้องไม่ตาย” ประภาบอกเกือบจะเป็นตะคอก

แต่ผู้เป็นสามีก็ยังฝืนพูด

“ผม...รู้ตัวเองดี...ว่าผมกำลังจะตาย...ผมขอร้องคุณได้ไหม...คุณหยุดโลภมากเถอะนะ...มันไม่ได้ช่วยให้ชีวิตของคุณดีขึ้นเลย...คุณภา”

เมื่ออีกฝ่ายได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกไม่พอใจมาก

“คุณไม่ต้องมาขอร้องฉันเลยค่ะ ฉันจะโลภมากหรือไม่โลภมากมันก็เรื่องของฉัน ถ้าคุณจะตายคุณก็ตายไปเถอะ ส่วนฉันที่ยังมีชีวิตอยู่ฉันจะทำอะไรมันเรื่องของฉัน คุณไม่เกี่ยว”

แล้วเขมนันท์ก็หันไปทางปราภพ พลางพูดว่า

“พี่ปราภพครับ...ไหนๆ ผมก็จะตายแล้ว...ผมมีเรื่องจะสารภาพกับพี่...เมื่อยี่สิบเจ็ดปีก่อนผมเป็นคนขโมยลูกชายฝาแฝดอีกคนของพี่ไปทิ้งเอง...เพราะเรื่องทรัพย์สมบัติ...ผมขอโทษนะครับ ผมขอให้พี่อโหสิกรรมให้ผมด้วยนะครับ”

“ฉันขออโหสิกรรมให้นาย ส่วนเรื่องที่ผ่านมาช่างมันเถอะ ฉันไม่ติดใจอะไรแล้ว เพราะตอนนี้ฉันได้ลูกชายฝาแฝดอีกคนของฉันคืนมาแล้ว” ปราภพบอกอย่างปลงๆ แม้จะตกใจกับสิ่งที่เขมนันท์บอก แต่เขาก็ตัดสินใจให้อภัยน้องเขยอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น

ส่วนปาณัทกับเป็นเอกก็ถึงกับตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากเขมนันท์ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น

“ผม...” เขาพูดได้แค่คำเดียว ก่อนจะถอนหายใจเฮือกสุดท้ายและสิ้นใจไปต่อหน้าต่อตาลูกกับภรรยา

“คุณพ่อ!!!” ภูริชตกใจ ตะโกนสุดเสียงและพลางร้องไห้โฮอย่างหนักด้วยความเสียใจ

ส่วนประภาก็ตะโกนสุดเสียงเช่นกัน และร้องไห้โฮ

“คุณเขม...คุณเขม...คุณกลับมาหาฉันกับลูกนะคะ...คุณเขม” พลางเขย่าร่างที่ไร้วิญญาณของสามี

ชัชรินทร์ ปราภพ ปาณัทและเป็นเอกพากันตกใจที่เห็นเขมนันท์สิ้นใจแล้ว

ภูริชรีบปาดน้ำตาทิ้ง มือก็กำกระบอกปืนแน่นอย่างคับแค้นใจ ก่อนจะลุกพรวดและหันไปยิงใส่กลุ่มตำรวจรัวๆ

“พวกมึงฆ่าพ่อกู กูจะแก้แค้นให้กับพ่อของกู”

แล้วพาตัวเองไปหลบตรงมุมหนึ่ง ต่อจากนั้นการปะทะกันของทั้งสองฝ่ายก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งอย่างดุเดือด ประภาปล่อยร่างของสามีไว้แล้วไปช่วยลูกชายยิงปะทะกับกลุ่มตำรวจ

ภูริชตัดสินใจหันกระบอกปืนไปทางปาณัทกับเป็นเอกแทน พลางกดลั่นไกทันที แต่ดีที่ทั้งสองคนเห็นก่อนและหลบอย่างหวุดหวิด แต่ปาณัทกลับถูกยิงเข้าตรงไหล่แต่แค่ถากๆ ส่วนเป็นเอกไม่ถูกยิงเพราะหลบทัน

อีกฝ่ายทำหน้าโมโหเมื่อฆ่าศัตรูหมายเลขหนึ่งไม่สำเร็จ แล้วก็จับมือผู้เป็นแม่และชี้ไปทางหนึ่ง

“เดี๋ยวพวกเราหนีไปทางนั้นดีกว่าครับคุณแม่”

ประภาพยักหน้า

“โอเค”

แล้วลูกชายก็พาแม่วิ่งออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ส่วนตำรวจก็ยิงไล่หลังแต่ไม่โดน แต่ยังพากันวิ่งตามไปพลางยิงตามเรื่อยๆ แต่ทั้งสองคนก็หลบได้ตลอด

เมื่อทั้งสองคนวิ่งมาถึงทางออกข้างหลังตึกร้างก็เจอเข้ากับตำรวจอีกสองนายดักรออยู่ ก็ถึงกับหน้าซีด

“เอายังไงดีครับคุณแม่” ผู้เป็นลูกชายถาม

ผู้เป็นแม่บอกว่า

“จะเอายังไงล่ะ ก็ยิงพวกตำรวจให้ตายๆ ไปให้หมด” พูดจบเธอก็จะยิงตำรวจสองนายที่ดักรออยู่ตรงทางออก แต่กระสุนปืนดันหมด “ปืนแม่กระสุนหมดแล้ว”

“เดี๋ยวผมจัดการเองครับ” ภูริชบอก ก่อนจะกดไกปืนหวังจะยิงใส่ตำรวจ แต่โชคไม่เข้าข้างเพราะกระสุนปืนหมดเช่นกัน เขารู้สึกโมโห “โธ่เว้ย! มันเป็นบ้าอะไรกันวะเนี่ย”

“แล้วจะเอายังไงกันดี กระสุนมาหมดอะไรพร้อมกันตอนนี้” เธอรู้สึกหงุดหงิด

แล้วตำรวจที่วิ่งตามมานายหนึ่งก็บอกว่า

“มอบตัวกับตำรวจเถอะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา”

“ให้พวกฉันมอบตัวเหรอ...ชาติหน้าเถอะ” ภูริชว่า ก่อนจะพุ่งเข้าไปต่อสู้กับตำรวจที่ยืนอยู่ตรงทางออก แต่แล้วก็พลาดท่าถูกตำรวจล็อกตัวไว้ได้ และดิ้นไม่หลุด ผู้เป็นแม่ตกใจ

“ตาภู!”

ปราภพที่เดินตามหาเห็นภูริชถูกจับก็บอกกับน้องสาวว่า

“มอบตัวกับตำรวจเถอะนะยายภา ตอนนี้ตาภูก็ถูกตำรวจจับแล้ว แกก็อย่าขัดขืนการจับกุมเลย”

“ให้ภาตายซะยังดีกว่าถูกตำรวจจับ” พูดจบประภาก็วิ่งเข้าไปแย่งเอาปืนจากตำรวจและจ่อที่ศีรษะตัวเอง ก่อนจะกดลั่นไกดัง เปรี้ยง!พร้อมกับร่างของเธอที่ล้มลงจมกองเลือดและสิ้นใจตาย แต่ตายังเปิดอยู่

ทุกคนตกใจ ไม่คิดไม่ฝันว่าประภาจะตัดสินใจจบชีวิตตัวเองเช่นนี้ โดยเฉพาะปราภพ ชัชรินทร์ ปาณัทและเป็นเอกรีบวิ่งเข้าไปดูร่างอันไร้วิญญาณของประภา

ส่วนภูริชก็ตกใจ ตะโกนเรียกแม่สุดเสียง

“คุณแม่!!!” ตอนนี้ชายหนุ่มคือคนที่น่าสงสารที่สุด เพราะเพิ่งจะสูญเสียพ่อไป นี่แม่ก็มาฆ่าตัวตายตามไปอีกคน ชีวิตเขาไม่เหลือใครแล้ว เขาร้องไห้โฮอย่างน่าเวทนา ใครเห็นก็ต้องรู้สึกสะเทือนใจเป็นที่สุด

ปราภพร้องไห้เสียใจที่น้องสาวฆ่าตัวตาย เขาคุกเข่าลงและยื่นมือไปปิดตาน้องสาว พลางบอกว่า

“พี่ขออโหสิกรรมให้แกนะยายภา สิ่งใดที่แกทำไม่ดีกับพี่ พี่จะไม่คิดแค้นแกเลย และหากชาติหน้ามีจริงพี่ขอให้พวกเราเกิดมาเป็นพี่น้องกันอีก ขอให้แกได้เกิดเป็นคนดีเหมือนคนอื่นเขาบ้าง...ไม่ต้องเป็นห่วงคุณแม่นะ พี่จะดูแลท่านเอง และถ้าหากตาภูออกมาจากคุกเมื่อไหร่พี่จะดูแลเขาแทนแกเอง พี่จะดูแลเขาอย่างดีและจะไม่ทอดทิ้งเขา แกไม่ต้องเป็นห่วง...หลับให้สบายนะน้องสาวของพี่” แล้วเขาก็ลุกขึ้นและปาดน้ำตาทิ้ง

ชัชรินทร์มองร่างที่ไร้วิญญาณของประภาและพูดว่า

“พี่ก็ขออโหสิกรรมให้เธอนะยายภา ขอให้วิญญาณของเธอไปสู่ภพภูมิที่ดี ไม่ต้องมีห่วงอะไรเลย เธอทำตัวเองทั้งนั้น ไม่งั้นเธอคงไม่พบกับจุดจบแบบนี้หรอก”

ปาณัทกับเป็นเอกก็เดินเข้ามามองร่างที่ไร้วิญญาณของผู้เป็นอาอย่างเศร้าๆ ก่อนที่ฝ่ายแรกจะพูดขึ้นก่อน

“ผมขออโหสิกรรมให้คุณอานะครับ...คุณอาอย่าได้มีห่วงใดๆ ผมอยากบอกให้คุณอารู้ว่าที่ผ่านมาผมไม่เคยโกรธเกลียดคุณอาเลย แม้ว่าคุณอาจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมหรือเกลียดผมก็ตาม แต่ผมไม่สนใจ เพราะคุณอาคืออาแท้ๆ ของผม ผมไม่แคร์อะไรทั้งนั้น ผมรักคุณอานะครับ หากชาติหน้ามีจริงก็ขอให้พวกเราเกิดมาเป็นอาหลานกันอีก...หลับให้สบายนะครับคุณอา” พลันน้ำตาก็ไหล จนผู้เป็นน้องชายต้องตบไหลเบาๆ เพื่อปลอบใจ

ส่วนเป็นเอกก็พูดว่า

“ผมก็ขออโหสิกรรมให้คุณอานะครับ และขอให้วิญญาณของคุณอาไปสู่สุขคติในสัมปรายภพ ไม่ต้องเป็นห่วงนายภู เพราะหลังจากที่เขาได้ไปชดใช้กรรมในคุกแล้ว คุณพ่อก็ได้บอกกับคุณอาแล้วว่าท่านจะดูแลนายภูเป็นอย่างดีและจะไม่ทอดทิ้งเด็ดขาด ผมขอให้คุณอาหลับให้สบายนะครับ”

ทุกคนได้แต่มองร่างที่ไร้วิญญาณของประภาอย่างเศร้าๆ บางคนก็ร้องไห้โฮ โดยเฉพาะภูริชที่ร้องไห้อย่างหนักปานจะขาดใจ เขาคือคนที่น่าสงสารที่สุด ไม่นานต่อมาเขาก็ถูกตำรวจคุมตัวออกไปโดยที่ยังไม่ได้กราบศพพ่อกับแม่เลย น้ำตาของชายหนุ่มไหลตลอดทางจนถึงรถตำรวจ เขายังทำใจกับการสูญเสียครั้งนี้ไม่ได้ มันกะทันหันเกินไป ยังไม่ได้ร่ำลากันเลย และมันทรมานมาก ไม่มีกะจิตกะใจอยากจะทำอะไรเลย ตอนนี้เขาเหมือนหุ่นยนต์ที่พร้อมจะทำตามคำสั่งทุกคน แล้วตำรวจก็พาเขาขึ้นไป จากนั้นรถก็แล่นออกไปทันที

 

 

คุณนภาลัยกับพรรณนิภานั่งดูข่าวในทีวีขณะนั่งอยู่ในห้องโถง ส่วนรวัลยาก็กลับบ้านไปแล้ว แล้วผู้สื่อข่าวรายงานว่า

“เกิดเหตุคนร้ายยิงปะทะกับตำรวจที่ตึกร้างแถวศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิตหนึ่งคน...ทราบชื่อต่อมาคือนายเขมนันท์ ธีรธานนท์ เป็นสามีของนางสาวประภา บวรเทพ ซึ่งนางสาวประภาก็เป็นลูกสาวของคุณนภาลัย บวรเทพ ประธานของสมาคมนักสังคมสงเคราะห์

แต่ต่อมาเธอก็ตัดสินใจแย่งอาวุธปืนจากเพื่อเอามายิงตัวเองตาย ท่ามกลางความตกใจของทุกคน โดยไม่มีใครห้ามทัน สาเหตุเนื่องมาจากความกดดัน โดยก่อนที่เธอจะตัดสินใจจบชีวิตเธอบอกว่าเธอยอมตายซะดีกว่าถูกตำรวจจับ...”

ประมุขของบ้านยังฟังข่าวไม่จบก็เอนกายลงนอน หน้ามืดจะเป็นลม ท่านร้องไห้อย่างหนักเพราะเสียใจที่ลูกสาวฆ่าตัวตาย แต่ท่านยังทำใจไม่ได้

“ยายพรรณ...เธอบอกแม่ทีสิว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ยายภาไม่ได้ฆ่าตัวตายอะไรทั้งนั้น นักข่าวพูดไปมั่ว”

พรรณนิภามองแม่สามีด้วยความสงสาร มือก็กำลังถือยาดมจ่อที่จมูกของท่าน พลันน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา เธอบอกกับท่านทั้งน้ำตาว่า

“มันคือเรื่องจริงค่ะคุณแม่ ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดอะไรหรอกค่ะ ยายภาฆ่าตัวตายจริงๆ ค่ะ ยายภาทิ้งพวกเราไปแล้วค่ะ เขาไปสบายแล้วค่ะ”

“ไม่จริง...ไม่จริง...มันไม่ใช่เรื่องจริง” ท่านพูดแทบจะเป็นตะคอก แล้วอยู่ๆ ท่านก็ช็อกหมดสติไป

ผู้เป็นลูกสะใภ้ตกใจ รีบเขย่าตัวแม่สามีเรียก

“คุณแม่คะ คุณแม่อย่าเป็นอะไรไปอีกคนนะคะ” แล้วเธอก็ตะโกนเรียกคนขับรถ “นายอเนกค์...นายอเนกค์...นายอเนกค์อยู่ที่ไหน พาคุณไปโรงพยาบาลที เร็วเข้า!”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.