โลกที่เพียงพริบตา
“ไปซะ!!!!” เขาเปล่งเสียงสุดท้าย ดวงตามองจ้องไปด้านหน้า ใบหน้าของหญิงสาว คล้ายจะร้องไห้ กับชายอีกคนที่จับแขนของเธอ พาวิ่งออกไปให้ใกลจากเจ้าอมนุษย์ สูงจนหัวเกือบจะแตะเพดานรถแทรมที่กำลังเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขายกเครื่องยิงจรวดขึ้นทาบบนบ่า มองไปรอบๆ หลับตาและผงกหัวเพียงหนึ่งครั้ง มือที่ติดใบมีดของอมนุยษ์ยกขึ้น คมจนเห็นเงาวาววับแม้เพียงชั่วครู่ ตู้ม!!! ความเจ็บปวดแล่นเข้าใส่ร่างกาย เหมือนตัวเองถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ในคราวเดียว แสบไม่ต่างจากโดนไฟเผาทั้งตัว แต่ไม่นานก็หายไป ไม่รู้สึกอะไรอีก ไม่แม้แต่จะเห็นสีส้มสุดท้ายที่จางหายไป เต็มไปด้วยความมืด มีแต่ความมืด แต่เดี๋ยวก่อนนั่นมัน มีคนจำนวนหนึ่ง นั่งบ้างยืนบ้าง
“อ้าว หน้าใหม่อีกแล้ว” เขาหันไปมอง เป็นชายปริศนาที่นั่งอยู่กลุ่มหนึ่ง “มาสิๆ มานั่งตรงนี้สิ” เป็นเสียงจากชายคนเดิมซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีอำนาจเชิญชวนให้ทำตามได้มากขนาดนี้ “นายตายเพราะอะไร? ซอมบี้หรือหิวตาย?” เขามองหน้าชายคนนั้นงงๆ “ระเบิดตายครับ” “ระเบิด?” ชายคนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเริ่มมองจดจ่อลงไปที่ลำคอและร่างกายของเขา “ทหารสินะ” เขาพยักหน้ารับ เป็นเสียงสุดท้ายที่ดังอยู่ในความมืด
เขาใช้เวลาในความเงียบนี้มองสำรวจไปรอบๆ เงียบจนขนลุก ยิ่งมองหน้าแต่ละคนยิ่งรู้สึกหดหู่จนเหมือนกับที่นี่คือ “ห้องรอคิวยังไงล่ะ” เขาหันควับไปที่เจ้าของเสียง คิ้วขมวดแน่น แววตาเต็มไปด้วยความสงสัยจนเอ่อล้น “นี่คุณ...” “ไม่ใช่แค่ฉันนะ แต่ทุกคนที่นี่ต่างรู้ความคิดของทุกคน ก็อย่างที่บอก นี่คือโลกหลังความตายยังไงล่ะ” ชายคนเดิมกล่าวก่อนจะเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้มันเงียบเพียงชั่วอึดใจเพราะชายคนนั้นลุกขึ้นจนเขาสังเกตเห็นด้วยหางตาจึงหันไปมองพลันนัยน์ตาเบิกกว้าง ร่างกายของชายคนนี้กำลังเลือนลอง “ถึงเวลาของฉันแล้ว” สิ้นประโยคลอยๆ ไร้ซึ่งน้ำหนักและน่าพิศวงนั้นมันตามมาด้วยเสียงปรบมือ “ยินดีด้วยนะ” ไม่ใช่แค่เสียงเดียว แต่มาจากทุกคนในนี้
“นับไม่ได้หรอกนะ แต่ละคนมีชะตาไม่เหมือนกัน แต่ว่านายน่ะ ดูเหมือนท่านจะถูกใจนายนะ” ชายคนนั้นยิ้มให้เขา ไม่ใช่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต่ยินดี ครั้นจะถามกลับเขาก็หายไปแล้ว หายไปในความมืดเหมือนเวลาพาวเวอร์ พ๊อยท์เปลี่ยนสไลด์ แค่ชั่วพริบตาเท่านั้น
จิตใจเงียบสงบ มีแต่ความมืดที่ราวล้อมรอบกาย คนแล้วคนเล่าที่จางหายไปพร้อมกับเสียงปรบมือที่ดับลงจนไม่เหลือใครนอกจากตัวเขา แต่กระนั้นก็ยังมีสมาธิจดจ่อกับความมืดตรงหน้าราวกับจะมองให้ทะลุฉากสีดำนี้ออกไป สมมุติว่าถ้ายื่นมือออกไปข้างหน้า หรือเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่เขวไปซ้ายทีขวาทีจะเจอจุดสิ้นสุดของฉากไหม? นี่อาจจะเป็นห้องสี่เหลี่ยมก็ได้ อาจจะมีประตูที่ไหนสักแห่ง ก็แค่ต้องคลำหาไปเรื่อยๆ เขาได้แต่คิด ไม่อยากทำจริงเพราะรู้สึกไร้สาระ ไม่รู้ว่าปล่อยให้เวลาเดินผ่านมานานเท่าไหร่แล้ว จะเริ่มนับแกะตอนนี้ก็คงสายเกินไป แว๊บ!! แสงขนาดใหญ่ ตกลงมาด้วยความเร็วราวกับดาวตก แสบจนต้องปิดตา แต่ก็ไม่วายพยายามหลี่ตามอง ไม่นานแสงนั้นก็หายไป แต่กลับปรากฏร่างของใครคนหนึ่ง นิ่งสงบและเยือกเย็น น่าเกรงขาม ชายคนนี้ดูจากใบหน้าก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไป ชุดก็ดูแสนธรรมดาไม่ได้น่าสนใจอะไร แต่ทำไมถึงดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
“ชีวิตของเจ้าจบลงที่โลกนี้แล้ว มิคาเอล แต่อย่างไรผมมีงานให้คุณไปสานต่อ อยากทำไหมครับ?” ชายปริศนาเอ่ยขึ้น เขาใช้ภาษาอังกฤษที่มีสำเนียงบริติช รอยยิ้มของชายคนนี้ปรากฏลักยิ้มที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก “คุณเป็นใครแล้วรู้ชื่อผมได้ยังไง?” มิคาเอลเอ่ยถามด้วยโทนเสียงขรึม “ผมชื่อจอร์จ แมกเกิร์ก ผมคือผู้สร้างและผู้จบ” มิคาเอลขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่งแต่ใบหน้าที่กำลังสับสนได้ที่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าสุขุมอีกครั้ง “ถูกต้องอย่างที่คุณเข้าใจครับ คุณมิคาเอล ผมคือพระเจ้าของคุณครับ” “ทุกการกระทำของคุณในโลกที่จากมาล้วนแต่เป็นความประสงค์ของผม คุณพอจะนึกภาพออกไหมครับ?” มิคาเอลขมวดคิ้วอีกครั้ง มือที่ปล่อยข้างลำตัวกำลังกำหมัดแน่น “อย่ามาล้อเล่นแบบนี้สิครับ.... ผมน่ะ ทำทุกอย่างด้วยอารมณ์และความรู้สึกของผม ไม่ได้ถูกบงการโดยใครแน่นอนครับ!!” มิคาเอลเปล่งเสียงของโทสะ แต่อีกฝ่ายกลับโต้ตอบด้วยรอยยิ้มที่เย็นยะเยือก “นั่นแหละครับที่ผมอยากได้ยิน แรงปราถนาอันแรงกล้าที่อยากจะเชื่อว่าตัวเองเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิต อยากไหมครับ? อยากไปในโลกที่คุณจะเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตตัวเองไหมครับ? โลกที่ปราศจากผม?” รอยยิ้มบนใบหน้าเลือนลางพร้อมประโยคเชื้อเชิญสุดท้าย
“.....” มิคาเอลทิ้งระยะห่างก่อนจะกล่าวออกมา “ถ้าผมตอบว่าไม่จะเกิดอะไรกับผมครับ?” ใบหน้ามองจ้องไปที่แววตาของอีกฝ่าย เป็นแววตาที่แข็งทื่อแต่มีชีวิต จอร์จยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “การตายของคุณคือการเสียสละเพื่อส่วนรวมแน่นอนว่าคุณจะได้ขึ้นสวรรค์พร้อมกับผมครับ คุณมิคาเอล” ไม่พูดเท่านั้นแต่ยังปรบมือให้ แต่เพียงสามครั้งเท่านั้นที่เสียงดังออกมา “ยังอยากจะไปอยู่กับผมและรอการเวียนว่ายตายเกิดเพื่อให้ผมใช้เป็นตัวหมากอยู่หรือครับ?” ไม่รู้ทำไมแต่เวลาที่ได้ยินแบบนี้มันทำให้เขาคุมสติไม่อยู่ทุกทีจนอารมณ์ที่มักเยือกเย็นเริ่มจางหายไปอย่างรวดเร็ว เหลือแต่เพียงแววตาดุดันคู่นั้นที่กำลังจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่าย “อยากต่อยผมหรือครับ? แค่นั้นมันจะพอกับความโกรธในจิตใจหรือครับ?” จอร์จยิ้ม “ตัดสินใจแล้ว!!” จอร์จกล่าวต่อ “ผมจะให้คุณไปที่นั่น คุณมิคาเอล ไม่ใช่แค่คุณมีโอกาสต่อยผมได้ ถ้าคิดจะฆ่าผมก็ทำได้เหมือนกันครับ ว่ายังไง? สนใจไหมครับ?” รอยยิ้มยังคงอบอุ่น ขัดกับข้อเสนอโดยสิ้นเชิง พระเจ้าจอร์จยังงั้นหรือ ทำไมถึงได้กวนประสาทแบบนี้ มิคาเอลคิดในใจ รู้ทั้งรู้ว่าเสียงความคิดของตัวเองยังไงก็ดังไปถึงอีกฝ่าย “ถือว่าตกลงแล้วนะครับ” สิ้นเสียงกล่าว เขารู้สึกเหมือนร่วงหล่นจากที่ยืน ไม่มีที่เกาะ ไม่มีแม้กระทั่งร่มชูชีพ แม้แต่เสื้อผ้าก็ขาดวิ่นด้วยแรงลมกระโชกอันแรงกล้า ร่างกายกำยำและหนากำลังซูบผอมลง สีผิวเริ่มคล้ำและเส้นผมหยักศกจนน่าสงสัย ดิ่งลงไป ลึกลงไปอีก ลึงลงไปเรื่อยอย่างไร้ที่สิ้นสุด
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 228
แสดงความคิดเห็น