บทกวีแห่งผู้ภักดี
“ถือเป็นเกียรติสูงสุดที่กระผมได้นั่งร่วมโต๊ะกับพระองค์ขอรับฝ่าบาท” ชายผู้มาเยือนกล่าวประโยคที่ตรงกันข้ามกับใบหน้าที่แสดงออก ความเยาว์วัยของเขาทำให้เกิดข้อกังขาว่าแท้จริงแล้วเขาคือบิดาหรือพี่ชายของวินเซนต์กันแน่ “ท่านพ่อ ข้าว่าฝ่าบาททรงมิประสงค์ที่จะตรัสกับพวกเราเป็นแน่” เชื่อว่าไม่ใช่แค่ซาคาเรียสที่อึ้งกับความจริงที่ว่าชายคนนี้คือบิดาของวินเซนต์ “วินเซนต์ จงอย่าเสียมารยาทต่อพระพักตร์ของฝ่าบาท ทั้งหมดล้วนเกิดมาจากการกระทำของเจ้ามิใช่รึ?” รอยยิ้มที่มุมปากหายไปในทันใด
“หากพระองค์มิทรงพระประสงค์ที่จะตรัสกับกระผม กระผมเข้าใจดีขอรับฝ่าบาท” เกเลียนกล่าวอย่างสุภาพ ชวนให้นึกถึงครอบครัวของซีสจ์ขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่บุตรของตนมีความคิดต่อต้านและมีประสงค์ไม่ดีต่อตัวขององค์รัชทายาทผู้ซึ่งในอนาคตกาลจะเป็นกษัตริย์ของพวกเขาแต่ทำไมผู้เป็นพ่อแม่กลับมีความคิดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งที่ในความเป็นจริง หากครอบครัวไม่หนุนนำความคิดเช่นนั้น บุตรหลานก็จะไม่มีทางเกิดการผ่าเหล่าทางความคิดที่ตาลปัตรได้ขนาดนี้ ‘แผนการ...ไม่สิ อาจจะเป็นการตีหน้าซื่อ’ โทมัสไม่ได้ส่งสัญญาณให้ซาคาเรียส เขาเพียงแต่ทำหน้านิ่งๆ ซึ่งมันทำให้ซาคาเรียสแสดงสีหน้าเดียวกันตามไปด้วย
“พระองค์ทรงประสงค์ที่จะเสด็จทอดพระเนตรภายในปราสาทเลยไหมขอรับฝ่าบาท?” ถึงตอนนี้ซาคาเรียสต้องเลือกว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ เขาไม่มั่นใจว่าหากเผลอหันหน้าไปหาโทมัสในตอนนี้จะทำให้ดูน่าสงสัยรึเปล่าซึ่งเมื่อไม่มีทางเลือกก็จึงต้อง......ซาคาเรียสพยักหน้ารับ “ถ้าเช่นนั้น....” “ผมอยากเดินสำรวจภายในปราสาทกับคุณและองครักษ์ของผมเพียงลำพังจะได้ไหมครับ?” วินเซนต์ขมวดคิ้วเข้าหากันทันใด “....เจ้าได้ยินชัดรึไม่?” แม้วินเซนต์จะแสดงสีหน้าไม่พอใจแค่ไหนแต่ก็ได้เท่านั้น “หึ” วินเซนต์เดินออกจากห้องไปอย่างไม่สบอารมณ์ หลังจากที่เขาไปแล้วค่อยทำให้รู้สึกว่าบรรยากาศมันดีขึ้นกว่าเดิม เกเลียนลุกเดินไปเปิดประตูห้อง “เชิญเสด็จขอรับฝ่าบาท” แขกทั้ง 2 ทำตามคำเชื้อเชิญของเจ้าบ้านอย่างไม่มีข้อกังขา กลิ่นคาวเลือดอ่อนๆ ปนกลิ่นน้ำหอมฟุ้งลอยเตะจมูกในขณะที่เดินผ่านร่างผู้กำลังยืนโค้งตัว
ทางเดินภายในมีแต่โทนสีดำซึ่งถ้าไม่มีบานหน้าตาขนาดเท่าคนจริงที่คอยมอบแสงจากภายนอกให้เข้ามาทำลายความมืดมิด คงจะยากต่อการเดินของผู้ที่ไม่คุ้นชินกับบรรยากาศ โทมัสมองสำรวจผนังกำแพงโดยรอบ โล่ง สะอาดและไม่มีสิ่งใดห้อยไว้ โคมไฟตามทางเดินไม่ปรากฏให้เห็นแม้จะเดินไกลออกมาจากห้องนั้นแล้วก็ตาม “ต้องขออภัยขอรับฝ่าบาท พื้นที่ส่วนใหญ่ภายในปราสาทปราศจากแสงไฟขอรับฝ่าบาท” เกเลียนที่เดินนำหน้าเหมือนกับมีสายตาอยู่ที่ด้านหลัง ภายในเส้นผมดำนั้นที่กำลังแอบมองแขกอย่างไร้หลักฐานและร่องรอย “ตระกูลไททาเนียนทุกคนมีความชอบที่เหมือนกันคือการอาศัยอยู่ภายในสถานที่ที่รัตติกาลเป็นนิรันดร์”
ที่สุดพวกเขาก็มาถึงยังชั้นบนสุดที่มีลักษณะคล้ายชั้นเก็บของเพราะมีสิ่งของมากมายที่ถูกปล่อยทิ้งให้หยากไย่เกาะแกะ ไม่ว่าจะเป็นชุดโต๊ะและสิ่งของอื่นแต่สิ่งที่เด่นสะดุดตาไม่ใช่ของโบราณเหล่านั้นแต่เป็นบานประตูคู่ที่ลงกลอนสีดำหนาพร้อมพันด้วยโซ่ตรวนที่ดูรุงรังและแข็งแกร่ง เกเลียนเดินไปที่กลอนตัวนั้น หยิบสร้อยคอกุญแจไขแม่กุญแจตัวใหญ่ ฝุ่นตลบอบอวลทันทีที่สัมผัส ยิ่งเมื่อบานประตูถูกเปิดออกและเผยให้เห็นความมืดด้านใน ทำให้โทมัสยิ่งสงสัยว่าแท้จริงแล้วมีอะไรหลบซ่อนอยู่ในนั้นกันแน่ “เชิญเสด็จขอรับฝ่าบาท” ทั้งซาคาเรียสและโทมัสต่างยืนนิ่ง ใบหน้าแสดงออกว่ากำลังครุ่นคิดบางอย่าง “ผมขอจุดไฟได้ไหมครับ?” เกเลียนเสียความสุขุมบนใบหน้าไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินซาคาเรียสเอ่ยขอแบบนั้น “….ขออภัยเป็นอย่างสูงขอรับฝ่าบาท กระผมเคยชินกับความมืดเสียเกินไปจนลืมคิดเรื่องที่ควรจะคิดไปเสียได้” เกเลียนเดินไปที่กองของเก่า ฝุ่นควันกระจายคลุ้งทั่วบริเวณจนโทมัสต้องเขยิบถอยห่างออกมา ก้มหาอยู่ได้พักใหญ่จึงยกวัตถุปริศนาขึ้นชู มันคือลูกแก้วทรงกลม มีสีขาวแกมเหลือง เกเลียนเดินหายเข้าไปในห้องมืดและภายในไม่กี่วินาทีต่อมาก็ได้บังเกิดแสงสว่างจ้าไม่ต่างจากแสงอาทิตย์
“เชิญเสด็จขอรับฝ่าบาท” ซาคาเรียสก้าวเท้าเข้าไปในห้อง มีผ้าคลุมสีดำคลุมวัตถุบางอย่างที่กองอยู่ที่ส่วนลึกที่สุดของห้อง ฝั่งซ้ายและขวาเป็นที่ตั้งหุ่นอัศวินโบราณ ฝั่งละ 4 ตัวและที่รอบตัวมีอาวุธหนักหลายชิ้นวางกองเป็นภูเขาและภาพวาดเสมือนจริงถูกแขวนอยู่เหนือกองผ้าคลุมสีดำ “ข้าแต่ไวเวิร์นผู้ยิ่งใหญ่ ตัวข้าและจิตวิญญาณข้าจักเป็นของท่าน ดวงตาข้าจักมองเห็นเพียงความถูกต้อง หูข้าจักสดับฟังพระบรมราชโองการ ร่างกายข้าจักเป็นเกราะคุ้มกันให้พระองค์ มือข้าจักจับศาสตราวุธสะบั้นหั่นเนื้อ ขาข้าจักไม่หันเหไปทิศอื่นใด”
“เป็นบทกวีที่แสดงถึงความจงรักภักดีต่อตระกูลกษัตริย์ฟรานซิสโก้อย่างมิอาจสงสัยหรือมีข้อกังขา ไททาเนียน แบล็ก บุรุษในภาพที่พระองค์ทรงกำลังทอดพระเนตรคือผู้แต่งบทกวีนี้ขึ้นเพื่อตอกย้ำความจงรักภักดีที่เขามีต่อกษัตริย์ฟรานซิสโก้ที่สอง” ดวงตาของเกเลียนที่กำลังมองรูปวาดให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากปกติ มันเหมือนกับกำลังจะมีน้ำตาหลั่งออกมาแต่ก็ไม่มี “สมาชิกตระกูลไททาเนียนถูกฝึกทักษะการต่อสู้และการลอบสังหารมาตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบเพื่อที่จะสามารถเติบโตมาเป็นมือสังหารในฐานะอัศวินรับใช้องค์กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่และราชนิกุลในราชวงศ์ฟรานซิสโก้ทุกพระองค์ด้วยความจงรักภักดีอย่างสูงสุด” ใบหน้าและน้ำเสียงของเกเลียนไม่ได้แสดงออกว่าภาคภูมิใจ
“ความรุ่งเรืองของตระกูลไททาเนียนเริ่มขึ้นในมิคศักราชที่ 460 และ 5 ปีต่อมาปราสาทสีดำถูกสร้างขึ้นด้วยพระมหากรุณาธิคุณของกษัตริย์ฟรานซิสโก้ที่สอง การมีอยู่ของปราสาทคือรางวัลแห่งความซื่อสัตย์ที่ตระกูลไททาเนียนได้รับมาจากการถวายงานแก่ราชวงศ์แต่กระนั้น....” เกเลียนกล่าว “ไม่มีสิ่งใดในโลกเที่ยงตรงแม้แต่โคลอสเซียม ออฟ ฟรานซิสโก้ก็ไม่อาจทนอำนาจแห่งวายุกาลเวลาได้ฉันใด เกียรติยศอันไม่จีรังก็ไม่ต่างกันฉันนั้น มิคศักราชที่ 521 ตระกูลไททาเนียนและความยิ่งใหญ่ที่สั่งสมมาหลาย 10 ปีเสื่อมสลายและท้ายที่สุดในมิคศักราชที่ 525 ตระกูลมือสังหารที่ได้ชื่อว่าเป็นมือขวาของกษัตริย์ราชวงศ์ฟรานซิสโก้....ถูกทอดทิ้งโดยสมบูรณ์” ดั่งต้องในมนต์สะกดกับประวัติที่ได้ยิน รู้สึกตัวอีกทีเหมือนร่างกายมันได้เคลื่อนผ่านประตูมิติที่ในตอนนี้เขามายืนอยู่ที่ชั้นที่พวกเขาคุ้นตา
“ทั้งหมดเป็นประวัติของปราสาทไททาเนียน” ซิการ์ยืนอยู่บนทางเดินของห้องโถงชั้นเดียวกับกลุ่มของโทมัส ใบหน้าที่กำลังจ้องมองความว่างเปล่าภายในห้องโถงทำให้ซาคาเรียสรู้สึกขนลุกอย่างน่าประหลาดแต่ถึงมันจะประหลาดมากแค่ไหนก็ไม่เท่ากับตอนนี้ที่โทมัสมองเห็นว่าเท้าของเจ้าของบ้าน 2 คนนี้ไม่ได้สวมรองเท้าเลย “ฝ่าบาททรงมีพระประสงค์ที่จะทอดพระเนตรชั้นใดเป็นพิเศษอีกไหมขอรับฝ่าบาท?” โทมัสหันมองแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านบานหน้าต่าง “ผมคิดว่าผมรู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลไททาเนียนพอแล้ว อีกอย่างก็ใกล้ถึงเวลานัดรวมตัวแล้วด้วยครับ” ซาคาเรียสมองตามโทมัสแล้วก็พอจะเดาได้ว่าเขาต้องการอะไร
“เข้าใจแล้วขอรับฝ่าบาท เช่นนั้นกระผมขอทรงพระอนุญาตให้กระผมได้ถวายงานแด่พระองค์ในหน้าที่ผู้คุ้มกันในการเสด็จนิวัตน์ไปยังรถม้าด้วยความสวัสดิภาพด้วยเถิดขอรับฝ่าบาท” ตอนแรกซาคาเรียสก็เหมือนจะบ่ายเบี่ยงด้วยความเกรงใจแต่สุดท้ายก็ตกลงกันตามนั้น ในขณะที่เดินอยู่นั้น โทมัสสังเกตเห็นความผิดปกติของซิการ์ผู้มักจะเอียงคอกลับมามองเขาเป็นระยะๆ จนเขารู้สึกไม่สบอารมณ์กับพฤติกรรมประหลาดของเธอ
เมื่อมาถึงยังประตูปราสาท ซิการ์เดินนำเกเลียนแทน ยื่นมือสัมผัสที่บานประตูและผลักมันออก ไม่มีนักเรียนที่ด้านนอกในขณะนี้ ไม่มีแม้กระทั่งนิโคลัส ซาคาเรียสหยุดอยู่กับที่ด้วยความสงสัยส่วนโทมัสหันหลังกลับไปมองห้องโถงที่ยังคงว่างเปล่า เขาหันมองทางซ้ายทีขวาทีแต่มีเพียงความเงียบสงบเท่านั้นในเวลานี้ “ฝ่าบาท?” อยู่ๆ ก็ขนลุกตั้งชันไปทั้งแผงคอเมื่อซาคาเรียสเริ่มมองเห็นแถวนักเรียนที่เดินผ่านออกจากบานประตูอย่างต่อเนื่อง “ทุกคนพร้อมแล้วขอรับฝ่าบาท” เพราะเสียงทักของเกเลียนจึงทำให้ซาคาเรียสและโทมัสเดินต่อไปได้และไปยืนอยู่หน้าสุดของนักเรียน
เกเลียนล่วงหน้าไปก่อนตามมาด้วยนิโคลัสและซาคาเรียสที่เดินนำขบวนนักเรียน ภายในป่าอันวังเวงและหม่นหมองเสียยิ่งกว่าในตอนเช้าเพราะแสงอาทิตย์ที่กำลังจางหายไปแต่กระนั้นโทมัสก็ยังคงคิดไม่ตกว่าสิ่งใดในป่านี้จะเป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ จากที่เห็นด้วยตาเปล่า สัตว์ส่วนใหญ่ที่พบล้วนแต่เป็นสัตว์ไร้พิษสง เมื่อผ่านพ้นกำแพงป่าออกมาได้แล้วก็จึงพบกับเกเลียนที่ยืนอยู่กับรถม้าแห่งอีเลม
“ผมขอกล่าวในฐานะของตัวแทนนักเรียนโรงเรียนมัธยมฟรานซิสโก้ ว่าพวกเราขอบคุณสำหรับทุกอย่างในวันนี้นะครับ ท่านไฮลอร์ด ไททาเนียน แบล็ก เกเลียน” นิโคลัสโค้งตัวทำความเคารพเกเลียน “เรื่องเล็กน้อย ท่านผู้บัญชาการโบนกิน นิโคลัส” เมื่อกล่าวขอบคุณกันเรียบร้อยแล้ว เกเลียนวิ่งกลับเข้าไปในป่าด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ “เข้าไปนั่งในรถม้าได้เลยนะครับ การเดินทางที่ยาวนานของพวกเราจะจบลงที่เมืองถัดไปครับ ขอให้พวกคุณพักผ่อนให้เพียงพอเพราะเมืองที่ผมกำลังจะพาไปมีสิ่งน่าสนใจมากมายรออยู่ครับ” นิโคลัสประกาศ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 312
แสดงความคิดเห็น