บทที่ 2 ปีศาจ ฆาตกร
บทที่ 2 ปีศาจ ฆาตกร
แสงอาทิตย์ทอสาดพาดขอบฟ้า บอกเวลาเริ่มอรุณของวันใหม่ ภายในบ้านหลังเก่าคร่ำคร่าที่น่าจะร้างผู้คน กลับมีเสียงเอะอะโวยวายของสตรีดังแว่วออกมา
“อะไรกัน มีแต่ผลไม้ทั้งนั้น เจ้าไม่มีพวกเนื้อเก็บไว้บ้างหรือไง” โรสถามปีศาจที่ยืนแผ่บรรยากาศอึมครึมรอบตัวตั้งแต่เช้า
บุรุษเหยี่ยวมองโรสรื้อค้นห้องครัวของตนพลางนึกในใจ หญิงสาวผู้นี้แกล้งลืมหรือ ว่าสถานะของเธอและเขาเป็นอย่างไร เมื่อคืนเขาออกปากไล่เธอไปเช่นใด หรืออาจไม่ได้คิดจะใส่ใจมันตั้งแต่แรก…
“ข้าเป็นมังสวิรัติ และไม่เคยคิดจะหาเสบียงไว้เผื่อแขกไม่ได้รับเชิญที่ไหน”
“เหยี่ยวนี่นะ! กินมังสวิรัติ” แขกไม่ได้รับเชิญเบะปาก หยิบผลไม้ลูกหนึ่งขึ้นกัดแล้วเคี้ยวกร้วม ๆ มองเจ้าของสถานที่ถือกระเป๋าสัมภาระเดินออกจากบ้านไปโดยไม่สนใจใครอีก
“เฮ้! ผลไม้พวกนี้ข้าขอนะ”
โรสรีบกอบผลไม้ลงกระเป๋าจำนวนหนึ่งก่อนวิ่งแผล็วออกจากบ้าน ก้าวเร็ว ๆ ตามซาการ์ทไป
“เจ้าตามข้ามาทำไม”
ปีศาจหนุ่มหันไปถามหญิงสาวที่เดินกินผลไม้ตามเขามาพักใหญ่ หล่อนมองหน้าคนถามแล้วเลิกคิ้วสูง
“ข้าเดินอยู่ข้างหลังเจ้า แล้วคิดว่าข้าต้องตามเจ้ามาหรือไง”
“อย่ามาทำไขสือเล่นลิ้นกับข้า” ซาการ์ทกล่าวเสียงดุ แต่โรสกลับทำหน้ายียวนกวนประสาทใส่
“งั้นเจ้าก็บอกมาสิ ว่าเอาท่านเลอาของข้าไปซ่อนไว้ที่ไหน ข้าจะได้ไปตามถูกคน”
ซาการ์ทมองหน้าหญิงสาว
“ถ้าได้พบนางแล้วอย่างไร พานางกลับไปมิเนอร์เวียนหรือ ราชาอาเดียร์สั่งใครให้ทำเช่นนั้นแล้ว?”
โรสชะงักเมื่อเจอคำถามนี้
จริงอยู่ หากสามารถช่วยเหลือเลอาได้ เธอตั้งใจจะพานางกลับสู่มิเนอร์เวียน ถึงไม่มั่นใจว่าทางเลือกนี้จะดีที่สุด เพราะแม้ราชาอาเดียร์ผู้เป็นพระบิดาของเลอาจะประกาศตามล่าล้างผลาญเผ่าปีศาจอย่างจริงจัง แต่เหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องการตามหาธิดานัก
เธอพยายามนึกคิดไปหลายแง่ บางทีราชาอาจจะตัดใจเพราะคิดว่าธิดาผู้อ่อนแอคงไม่น่ามีชีวิตยืนยาวแต่แรกแล้ว
“จะอย่างไรก็ช่าง นั่นเป็นเรื่องของข้ากับนาง” หญิงสาวกลบเกลื่อนความคิดด้วยการเชิดหน้าใส่ซาการ์ท “แต่ตราบใดที่ข้ายังไม่พบนาง ข้าจะติดตามเจ้าต่อไปเช่นนี้แหละ”
“เจ้าคิดจริงหรือ ว่าจะตามข้าได้ตลอดไป” ปีศาจหนุ่มเอ่ยเสียงเยียบเย็น แต่หญิงสาวก็ยียวนกลับ
“แล้วเจ้าคิดจริงหรือ ว่าจะหนีข้าได้ตลอดไป”
ซาการ์ทพ่นลมหายใจ นึกหน่ายจะต่อล้อต่อเถียงกับโรส จึงหมุนตัวหันหลังเดินต่อไป ไม่เอ่ยอะไรอีก หญิงสาวข้างหลังติดตามไปด้วยท่าทางภูมิใจที่เถียงชนะบ้าง
โรสแปลกใจที่เห็นซาการ์ทเดินเข้าสู่ใจกลางเมือง มันเป็นแหล่งที่มีมนุษย์พลุกพล่าน นึกว่าเจ้าปีศาจตนนั้นจะหาทางหลีกเลี่ยงมนุษย์มากกว่านี้
ราชาแห่งมิเนอร์เวียนประกาศกร้าวว่าอาณาจักรของเขาจะต้องปราศจากอมนุษย์ใด จึงสั่งสมกำลังพลมากมายไว้ล่าล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจ โดยเริ่มจากพวกเหยี่ยวดำ
หลังออกจากบ้านอุปถัมภ์เด็กกำพร้า โรสสมัครเป็นทหารรับจ้างอยู่กองกำลังไล่ล่าปีศาจหลายปี ก่อนออกมาเป็นนักล่าค่าหัวเต็มตัว ในช่วงนั้นได้มีโอกาสพบและประมือกับซาการ์ทหลายครั้ง แต่กลับไม่ได้รู้รายละเอียดมากพอ ว่าทำไมจึงหาเบาะแสเขาพบในแต่ละสถานที่
ครั้งนี้โรสคอยสังเกต จึงเห็นว่าเจ้าปีศาจมักเดินเข้าร้านขายยาและสมุนไพร สงสัยนักว่าเขาจะเอามันไปทำอะไร มีใครป่วยมากมายนักหรือ จะใช่เพื่อท่านเลอาของเธอหรือไม่ ถ้าอย่างนั้นนางยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม เขาจะยอมให้เธอพบนางหรือเปล่า
ทว่าหญิงสาวยังไม่คิดจะไถ่ถาม และความรำคาญจากสิ่งอื่นก็มีมากกว่า โรสรู้สึกถึงสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมาตลอดทาง มันเป็นสายตาของสตรีหลายนางที่จับจ้องไปยังปีศาจเหยี่ยวอย่างชื่นชมและเคลิ้มฝัน พวกนางเหล่านั้นพาลมองอย่างทิ่มแทงมาที่เธอซึ่งเดินตามติดอยู่ด้านหลังของเขาด้วย
แม้โรสจะชิงชังเจ้าปีศาจตนนี้เพียงใด ทว่าหากมองในมุมมนุษย์ธรรมดาอย่างไร้อคติ ก็ต้องยอมรับว่าจะเห็นซาการ์ทเป็นเพียงมนุษย์หนุ่มรูปงาม หน้าตาหล่อเหลาคมคายชวนเคลิ้มฝัน เส้นผมสีดำสลวยยาวระแผ่นหลัง ปรกทั้งหน้าผากและข้างแก้มบดบังรูปหน้าไปส่วนหนึ่ง กระนั้นก็ยังไม่อาจบดบังดวงตาสีอำพันคมปลาบคู่นั้นได้ ร่างสูงสมส่วนภายใต้อาภรณ์สีดำสนิทซึ่งตัดแต่งอย่างภูมิฐานตามแบบสมัยนิยมของมนุษย์ หากเขาได้อยู่ในสังคมของมนุษย์จริง ๆ ก็คงเป็นที่หมายปองของสาวน้อยสาวใหญ่มากมายได้อย่างไม่ต้องสงสัย
คิดแล้วก็หมั่นไส้
“อยากรู้นัก ถ้าแม่พวกนั้นรู้ว่าเจ้าเป็นปีศาจและฆาตกรจะทำหน้ายังไง”
*/*/*/*/*
“นี่! เจ้าว่าโรสกำลังตามพ่อหนุ่มคนนั้นไหม” อาร์กพูดแข่งกับเสียงจอแจรอบข้าง พวกเขานั่งอยู่ในร้านอาหารข้างถนนเพื่อรับประทานมื้อเช้า และเห็นโรสเพิ่งเดินผ่านหน้าร้านไป
คนถูกถามจำต้องกลืนชิ้นเนื้อเหนียวหนึบลงคอเพื่อตอบคำ
“ถ้าหมายถึงเจ้าหนุ่มหล่อชุดดำคนนั้นล่ะก็ คงใช่”
“ยายนั่นบอกว่ามาทำธุระ คงมาล่าเจ้าหนุ่มนั่นไปขึ้นค่าหัว” อาร์กเปรยพลางลูบปลายคางอย่างใช้ความคิด
“ผู้ชายหน้าตาคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน...” เขานิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปสั่งเจ้าคนตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม “เกร็ก เอารายชื่อค่าหัวมาให้ข้า”
เกร็กหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากกระเป๋าแล้วรีบส่งให้อาร์ก ขณะไส้กรอกชิ้นสุดท้ายบนจานกำลังจะถูกคนที่นั่งข้าง ๆ แย่งไป อาร์กรับหนังสือมาเปิด พลิกไปยังหน้าที่มีประกาศจากมิเนอร์เวียน ไล่สายตาดูบัญชีค่าหัวครู่หนึ่ง บุรุษหนุ่มก็ยิ้มมุมปาก
“เยี่ยม! เจอเหยื่อดีเข้าแล้ว”
*/*/*/*/*
ในตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่าน โรสยังคงติดตามซาการ์ทไปไม่ห่าง แต่ไม่ได้เข้าใกล้ไปวุ่นวายมากนัก ปีศาจเองก็ทำตัวเหมือนไม่รู้ว่ามีเธอติดตามอยู่ข้างหลัง
ไม่สิ! เจ้านั่นแค่ไม่ใส่ใจ มันคิดว่าเธอไม่อาจจะเป็นหนามทิ่มตำอะไรได้ ประมาทเข้าไว้เถอะ
ขณะหญิงสาวจ่ายเงินซื้ออาหารว่างริมทางอย่างรีบร้อน สายตาคอยมองปีศาจเหยี่ยวไม่ละไป มือของใครคนหนึ่งก็มาสะกิดจากด้านหลัง
“ไง! โรส กำลังตามตื้อหนุ่มอยู่เหรอ ใช่ท่านชายผู้นี้หรือเปล่า”
อาร์กเอ่ยพลางชูหนังสือเล่มหนึ่งที่เปิดหน้าค้างไว้ โรสหรี่ตามองใบประกาศนำจับจากมิเนอร์เวียนแล้วก็ถอนหายใจ
มาจนได้...ตัวยุ่งยาก
“ข้าไม่ถือที่เจ้าโกหกหรอกนะ แต่ยังไม่คิดจะร่วมมือกันอยู่อีกหรือ”
“ข้าไม่คิดจะร่วมมือกับเจ้าหรือใครทั้งนั้น” โรสตอบไม่ลังเล “เป้าหมายของข้า ไม่ใช่แค่ค่าหัวของปีศาจนั่น แต่จะด้วยเหตุผลอะไรนั้นข้าคงไม่ขอบอก”
“อ้อ! ใช่แล้ว เจ้าเป็นชาวมิเนอร์เวียน” อาร์กทำท่าว่านึกอะไรออก แต่โรสเดาว่าเขาคงเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากสิ่งที่เธอเป็น...เยอะ
“เจ้าคงเป็นชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อแปดปีก่อนครั้งนั้นด้วย”
“ก็ทำนองนั้น” หญิงสาวรับเสียงเนือย เมื่ออาร์กทำท่าเห็นใจและตบไหล่เธอเบา ๆ
“ข้าเคารพการตัดสินใจของเจ้า แต่ในเมื่อเรามีเป้าหมายเดียวกัน หากพวกข้าชิงตัดหน้าไปก่อนก็อย่าว่ากันเลยนะ”
“ข้าไม่ได้คิดจะดูถูกพวกเจ้า” เธอกล่าวจริงจัง จ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง “แต่ค่าหัวของเจ้านั่นไม่ได้มีไว้เพื่ออวดความร่ำรวยของมิเนอร์เวียนหรอกนะ”
“โอ้! ถึงเป็นเช่นนั้น เจ้าเองก็ยังไม่หวั่นเลยมิใช่หรือ” อาร์กแสยะยิ้มอย่างท้าทาย “แต่ก็ขอบใจนะที่เตือน ข้าไปก่อนล่ะ”
อาร์กเอ่ยลาแล้วก้าวถอยเข้าไปในฝูงชนเมื่อเห็นว่าซาการ์ทออกมาจากประตูร้านที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา หญิงสาวมองตามอดีตเพื่อนร่วมงานพลางถอนหายใจ รู้ดีว่าพวกเขาคงไม่เลิกราง่าย ๆ แน่
“ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ อาร์ก”
หลังจากติดตามซาการ์ทซึ่งเดินลัดเลาะไปทั่วเมืองจนเย็นย่ำ โรสอดคิดไม่ได้ว่าเจ้าปีศาจตนนี้ทำไมชำนิชำนาญการซื้อของในเมืองมนุษย์นัก หล่อนเดินตามจนเริ่มเหนื่อยแล้วแท้ ๆ
ปีศาจหนุ่มปรายหางตามองโรสซึ่งเดินลากขาทิ้งช่วงอยู่ไม่ไกลก่อนจะหมุนปลายเท้ามุ่งหน้าออกนอกเมือง อีกไม่นานจะพลบค่ำ เขาตั้งใจจะบินกลับในยามนั้นเพื่ออำพรางตนจากสายตามนุษย์ช่างสังเกต ซาการ์ทรู้ดีว่านอกจากตัวยุ่งขาประจำแล้วตอนนี้ยังมีเพิ่มมาอีกสี่ เห็นทีจะหลีกหนีความยุ่งยากไม่ได้เสียแล้ว
เมื่อออกนอกเมืองมาได้ระยะหนึ่ง ห่างไกลจากเขตชุมชนพอที่จะไม่มีใครเข้ามายุ่งหรือโดนลูกหลงได้ อาร์กสั่งให้โทเนฟและคาเมนวิ่งอ้อมไปดักด้านหน้าเจ้าปีศาจไว้ พวกเขาแฝงตัวในพุ่มไม้อย่างเงียบเชียบแล้วเล็งหน้าไม้ไปที่ซาการ์ท ลูกดอกที่ใช้ลงอาคมตรึงร่าง หาได้อย่างฉุกละหุกในร้านขายอุปกรณ์เวทมนตร์ที่มีในเมืองซาคอนเพียงสี่ดอกด้วยกัน ราคาของมันแพงลิบ ทว่าอาคมที่ลงไว้ในลูกดอกสามารถทำให้เป้าหมายหยุดความเคลื่อนไหวได้ชั่วขณะ ปีศาจที่พวกเขาล่าตนนี้มีความสามารถในการบินบนอากาศ จึงนับว่ามีค่าพอที่จะเสี่ยงใช้มัน
เมื่อสบโอกาส โทเนฟและคาเมนจึงเล็งหน้าไม้แล้วเหนี่ยวไกยิงลูกดอกใส่ซาการ์ท ทว่าปีศาจหนุ่มกลับเบี่ยงตัวหลบทันใดราวล่วงรู้อยู่ก่อนหน้า เขากระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนโขดหินขนาดใหญ่แล้ววาดมือสาดคลื่นพลังสีดำใส่โทเนฟและคาเมนพร้อมกัน ก่อนจะส่งอีกลูกไปทางโรส
อาร์กและเกร็กซึ่งกำลังพุ่งมาจากทางด้านหลังของโรสเห็นดังนั้นต่างก็รีบหลบไปด้านข้าง ปล่อยหญิงสาวให้ยืนอ้าปากค้างที่จู่ ๆ ก็ถูกซัดพลังใส่ แต่ก่อนที่คลื่นสีดำลูกนั้นจะถึงตัว เธอก็อาศัยความรวดเร็วในการเอาตัวรอดหลบหลีกได้อย่างเฉียดฉิว ครั้นหันกลับไปมองพื้นดินที่ตัวเองยืนอยู่เมื่อครู่ก็พบว่ามันได้กลายเป็นหลุมลึกไปเสียแล้ว
โรสขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธทั้งซาการ์ทและพวกอาร์กจนนึกอยากลุยมันเสียทั้งสองฝ่าย แต่ก็ต้องหยุดความคิดนั้นเอาไว้ด้วยความกังวลที่มีมากกว่า อย่างไรเสีย พวกอาร์กก็เป็นสหาย เธอไม่อยากให้สิ่งที่คิดไว้เกิดขึ้นหากพวกเขาลงมือโดยไม่ประมาณตน
ครั้นรู้สึกถึงเสียงของอะไรบางอย่างกำลังแหวกอากาศเข้ามาใกล้ โรสจึงหันไปทางผู้ชายห้าคนซึ่งกำลังต่อสู้พัวพันกันอยู่ หากสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือร่างของเกร็กซึ่งกำลังลอยละลิ่วมาทางเธอพอดิบพอดี หญิงสาวจำต้องรับร่างของเด็กหนุ่มเอาไว้อย่างไม่ตั้งใจจนทั้งคู่ล้มกลิ้งไปด้วยกัน เกร็กไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนอกจากรอยช้ำที่ถูกเตะเมื่อครู่
ถึงเกร็กจะเป็นเด็กหนุ่มที่ค่อนข้างปากเสีย เขาก็ยังรู้จักกล่าวคำขอโทษและขอบคุณโรส ก่อนจะรีบวิ่งตามซาการ์ทซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปในป่าอีกด้านเมื่ออาร์กหันมาตะโกนสั่ง
โรสจะตามพวกเขาไป แต่อาการเจ็บแปลบที่ข้อเท้าทำให้หญิงสาวต้องชะงัก การรับตัวเกร็กเอาไว้จนเสียหลักล้มลง ทำให้ข้อเท้าของเธอแพลงเสียแล้ว โรสรีบหยิบม้วนผ้าจากกระเป๋ามาพันข้อเท้าตามวิธีปฐมพยาบาลอย่างรวดเร็วก่อนจะตามพวกเกร็กไป
แม้ว่าอดีตเพื่อนร่วมงานจะด้อยฝีมือกว่าโรสอยู่บ้าง แต่เรื่องฝีเท้าพวกเขากลับไม่เป็นรองใคร มันทำให้โรสเริ่มกังวลเมื่อถูกทิ้งห่าง และยิ่งกังวลมากขึ้นเมื่อเสียงร้องโหยหวนครวญครางดังมาให้ได้ยิน
หัวใจที่เต้นรัวด้วยลางสังหรณ์เมื่อครู่แทบจะหยุดลง หญิงสาวเบิกตากว้างกับภาพตรงหน้า ทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอคาด พวกของอาร์กนอนจมกองเลือดประปรายไปบนพื้น บาดแผลบนร่างของแต่ละคนบอกชัดว่าพวกเขาไม่ได้มีชีวิตอีกต่อไปแล้ว
โรสบดกรามแน่นด้วยความแค้น เธอหันไปจ้องซาการ์ทซึ่งกำลังเช็ดคราบเลือดบนใบดาบด้วยสีหน้าเรียบเฉยและเย็นชา
“ไอ้ฆาตกร!”
โรสคำรามอย่างคลั่งแค้น ภาพเมื่อแปดปีก่อนยังคงติดตา ท่ามกลางซากศพมากมายมีปีศาจทมิฬที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ต่างจากตอนนี้
หญิงสาวชักดาบออกแล้วฟาดฟันมันเข้าใส่เจ้าปีศาจอย่างรวดเร็วและรุนแรง ซาการ์ทใช้ดาบของตนรับไว้อย่างไม่คิดจะหลบหลีกเหมือนที่ผ่านมา ปีศาจเหยี่ยวจ้องหน้าโรสอย่างเย็นชาก่อนจะสะบัดดาบปะทะอย่างแรงจนเธอต้องถอยไป
สาวผมแดงจ้องปีศาจดำด้วยสายตากร้าว เธอร่ายเวทเสกลูกไฟขึ้นมาบนอากาศหลายลูก ก่อนจะส่งพุ่งเข้าใส่เป้าหมาย ชายหนุ่มถีบตัวลอยขึ้นไปยืนบนกิ่งไม้สูง เมื่อลูกไฟเหล่านั้นพลาดเป้าจึงปะทะเข้ากับต้นไม้รอบ ๆ ลุกพรึ่บลามเลียกิ่งไม้จนกลายเป็นไฟป่า
โรสเงยหน้าจ้องซาการ์ทตาวาว เกรงว่าเขาจะบินหนีไปเสียก่อนจึงรีบวาดมือบนอากาศปรากฏเป็นอักขระโบราณเรืองแสงสีเขียวเข้ม มันคือเวทตรึงร่างที่น้อยคนนักจะสนใจใคร่ศึกษา เพราะหากไร้ซึ่งความชำนาญและเชื่องช้า โอกาสที่จะถูกโจมตีกลับจากช่องว่างขณะร่ายเวทอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
เมื่ออักขระขึ้นครบตามเงื่อนไขการใช้งาน หญิงสาวไม่รอช้า รีบส่งมันไปหาปีศาจเหยี่ยวทันที
“ข้าฝึกมันมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะเชียวล่ะ ซาการ์ท!”
ปีศาจหนุ่มแค่นหัวเราะในลำคอ เขากระโดดจากกิ่งไม้ข้ามไปยังอีกฝั่งของลำธารใกล้ ๆ ก่อนจะสยายปีกออกและสะบัดใส่ลำธารจนผิวน้ำกระเซ็นสาดใส่ต้นไม้ที่กำลังติดไฟจนมอดดับ อักขระมนตราถูกกระแสพลังที่แฝงไว้ละลายจนหายไป
“ข้าสังหารคนที่หมายชีวิตตนกลับถูกเรียกว่าฆาตกร แต่มนุษย์ที่ล่าชีวิตอื่นเพื่อสนองกิเลศตัวเองนับเป็นเรื่องชอบธรรม ช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่ถือดีเสียจริง”
โรสยกแขนป้องกันใบหน้าจากน้ำที่ซัดสาด เมื่อลดแขนลงก็ปรากฏว่าเจ้าปีศาจนั่นได้หายตัวไปเสียแล้ว
“หนีไปจนได้”
หญิงสาวถอนหายใจเมื่อหันไปมองซากศพของสหาย เธอไม่ตามซาการ์ทไป เพราะไม่อาจปล่อยร่างของพวกเขาเอาไว้เช่นนี้ได้ จากที่นี่ไปอีกไม่ไกลจะเข้าเขตป่าต้องห้าม จุดหมายปลายทางของปีศาจเหยี่ยวดำอาจไม่ห่างจากสถานที่นั้นนัก
โรสมองใบหน้าที่ไร้สีเลือดของเกร็กอย่างเวทนา เขายังเด็กเกินกว่าจะสมควรตาย หญิงสาวหันไปมองร่างไร้ลมหายใจของอาร์กแล้วเอ่ยแผ่วเบา
“ข้าเตือนแล้วแท้ ๆ”
*/*/*/*/*
สายลมเอื่อยยามค่ำพัดผ่านผืนม่านจนพลิ้วไหวก่อนจะสะบัดด้วยแรงจากลมใต้ปีกสีดำ ซาการ์ททิ้งปลายเท้าลงบนระเบียงชั้นบนสุดของปราสาทเก่าแก่ผุพังซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาริมหน้าผา ร่างสูงสง่าหุบปีกลง ย่อขนาดจนหดหายไปในผิวบนแผ่นหลัง เขาเดินเงียบเชียบเข้าไปในห้องที่มีสตรีคนหนึ่งนอนนิ่งอยู่บนเตียง วางสัมภาระลงบนเก้าอี้บุนวมมุมห้องแล้วไปหยุดยืนเคียงข้างนาง ยื่นมือแตะนวลปรางอย่างแผ่วเบา
เปลือกตาหญิงสาวขยับปรือช้า ๆ นางกะพริบตาปริบ ๆ มองภาพเบื้องหน้าแล้วแย้มยิ้มดีใจ
“ซาการ์ท ท่านกลับมาแล้ว”
“ไม่ต้องลุก” เขาปราม พลางดันร่างบอบบางให้นอนลงอย่างทะนุถนอม “เจ้าไม่สบาย ควรพักผ่อนให้มาก”
“ข้านอนพอแล้ว ท่านต่างหากที่ควรพักผ่อน”
หญิงสาวรั้นดันมือซาการ์ทออก นางลุกขึ้นแล้วดึงดันให้ปีศาจหนุ่มนอนลงแทน
“เหนื่อยไหม”
นางถอดเสื้อชั้นนอกของปีศาจพาดเก้าอี้ แล้วเทน้ำจากเหยือกใส่อ่างยกมาวางข้างหัวเตียง ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดซับไปบนใบหน้าคมคาย นัยน์ตาสีฟ้าหวานจ้องสบกับดวงตาสีอำพันอันเยือกเย็น
ซาการ์ทไม่ตอบคำถาม เขาจับมือนางแล้วหยิบผ้าไปวางในอ่างน้ำ ก่อนจะดึงร่างบอบบางลงนอนไปด้วยกัน หญิงสาวหลับตาพริ้ม ยิ้มรับจุมพิตที่หน้าผากก่อนซบใบหน้าลงกับแผงอกหนั่นแน่น ซุกกายภายใต้อ้อมแขนอบอุ่นปลอดภัย
เขาย่อมเหนื่อย นางรู้ดี กลิ่นเลือดเจือจางจากเสื้อตัวนั้นบ่งบอกว่าซาการ์ทต้องต่อสู้กับผู้ที่หมายปองชีวิตของเขาอีกแล้ว แม้จะไม่ได้รับบาดแผลบนร่างกาย แต่ที่อื่นใดนั่นเล่า
หญิงสาวเงยขึ้นมองใบหน้าคมยามหลับตา ลมหายใจของปีศาจหนุ่มเข้าออกสม่ำเสมอ เขาหลับไปแล้วอย่างง่ายดาย แต่คงไม่มีฝันอันแสนสุขในห้วงมโนของเขาแน่
นางยกมือขึ้นแตะใบหน้าที่ดูอิดโรยของซาการ์ทอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวว่าเขาจะตื่น
“การเดินทางหลายวันมานี้ ท่านคงเหนื่อยมากสินะ”
หญิงสาวจ้องมองใบหน้าของปีศาจผู้เป็นที่รักอยู่เนิ่นนาน ดวงตาสีฟ้าหวานทอประกายสั่นไหว
“อยากเห็นท่านยิ้มอีกสักครั้ง”
ซาการ์ทไม่ยิ้มมานานแล้ว ตั้งแต่เหตุการณ์เก่าก่อนที่ฝังใจ
นางลดมือจากใบหน้าเขา หลับตาแล้วซบหน้าลงกับอกอุ่นอีกครั้ง เสียงหวานเอื้อนเอ่ยแผ่วเบา
“ข้าแย่งชิงความสุขทั้งหมดของท่านมา ทว่าอีกไม่นานนักหรอก...ซาการ์ท”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 419
ความคิดเห็น
ผมชอบคำพูดนี้นะ ข้าสังหารคนที่หมายชีวิตตนกลับถูกเรียกว่าฆาตกร แต่มนุษย์ที่ล่าชีวิตอื่นเพื่อสนองกิเลศตัวเองนับเป็นเรื่องชอบธรรม ช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่ถือดีเสียจริง
มนุษย์นี้เป็นเผ่าพันธุ์ที่ยโสโอหังจริง ๆ แต่ว่านี่คิดนะว่าตอนต่อไปจะเป็นไง แต่งได้น่าสนใจดีนะ
แสดงความคิดเห็น