วิถีธาตุออนไลน์ : บทที่ 16 ศัตรูทางคับแคบ
บทที่ 16 ศัตรูทางคับแคบ
ถนนหน้าทางเข้าหอจันทร์สกาวในเวลาพลบค่ำเต็มไปด้วยเหล่าฝูงชนมากมาย คนเดินท้าว สัตว์พาหนะหลากชนิด รวมไปถึงรถม้าน้อยใหญ่ ต่างพากันทยอยผ่านประตูบานกว้างเข้าไปในอณาเขตของตัวหออย่างไม่ขาดสาย ทางด้านข้างประตูทั้งสองฝั่ง มีบุรุษสวมใส่ชุดนักบู๊ยืนคอยรักษาความปลอดภัยอยู่ฟากละสี่คน ท่วงท่าอันหนักแน่นมั่นคงที่แสดงออกมา เป็นสิ่งบ่งบอกได้ว่า เหล่าคนยืนเฝ้าประตูเหล่านี้ ล้วนแต่มีฝีมือไม่ธรรมดาสามันอย่างแน่นอน
กลุ่มของกรกชเดินตามคนอื่นๆ มาเรื่อยๆ กระทั่งถึงบริเวณหน้าประตูซึ่งมีกลุ่มคนจำนวนมากยืนออกันอยู่ ด้วยความสงสัยว่าเหตุใดคนบางส่วนถึงไม่พากันเข้าไปด้านใน กรกชจึงเดินเข้าไปถามชายหนุ่มคนหนึ่ง
“นี่พี่ชาย ทำไมคนที่ยืนรวมกันอยู่ตรงนี้ ถึงไม่เข้าไปข้างในล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำถาม ชายหนุ่มคนนั้นจึงหันมาตอบ “พวกฉันเดินเข้าไปถามพวกที่ยืนอยู่หน้าประตู พวกมันบอกว่า ถ้าจะเข้าไปได้ พวกเราต้องมีบัตรเชิญ หรือไม่ก็ต้องเป็นสมาชิกของกิลด์ที่เข้าร่วมกับสมาคมเทพพยัคฆ์ เพราะคืนนี้พวกสมาคมมันจองหอจันทร์สกาวเอาไว้ทั้งหมด”
“แบบนี้นี่เอง” กรกชรำพึง “ฉันเข้าใจแล้วพี่ชาย ขอบคุณมากที่ช่วยตอบคำถาม”
“ไม่เป็นไรๆ” ชายหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้ม
เมื่อกรกชกลับมาบอกเล่าเรื่องราวให้ฟัง ทุกคนจึงทำหน้าผิดหวังกันหมด ซึ่งคนที่แสดงอาการหนักสุด คงหนีไม่พ้นทัศน์
“โห่ อะไรกันเนี่ย แบบนี้ก็อดเข้าไปข้างในเลยสิ” ทัศน์โอดครวญอย่างเสียดาย
“แล้วพวกเราจะเอายังไงกันดีคะ” พลอยถามขึ้น “กลับไปกินร้านอาหารหน้าโรงแรมกันดีมั้ย?”
ระหว่างกำลังยืนปรึกษากันอยู่ว่าจะเอาอย่างไรดี ก็มีเสียงหนึ่งทักทายขึ้น
“อ้าวพวกคุณนั่นเอง ถึงว่าผมรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาแปลกๆ ยืนคิดอยู่นานเลย กว่าจะนึกออก”
ทุกคนในกลุ่มหันไปมองตามที่มาของเสียงแทบจะพร้อมกัน จนได้พบเข้ากับเจ้าของเสียงซึ่งกำลังเดินยิ้มเข้ามาหา
“คุณเงาดาบ ไปไงมาไงครับเนี่ย?” ชัยรีบเอ่ยทัก เมื่อจำหน้าอีกฝ่ายได้
“พอดีผมแวะเข้ามาร่วมงานที่ทางสมาคมเทพพยัคฆ์จัดขึ้นน่ะครับ แล้วคืนนั้นพวกคุณเป็นยังไงกันบ้างครับ?” หัวหน้ากิลด์มังกรซ่อนเอ่ยถาม
“โชคดีที่กลุ่มพวกเราไม่มีใครตายครับ รอดกันมาได้ทุกคนเลย” กรกชเอ่ยตอบ “แล้วทางพวกคุณเป็นยังไงบ้างครับ เพราะผมจำได้ว่าผมเห็นพวกคุณถูกโจมตีเข้าเต็มๆ เลย?”
เงาดาบถอนหายใจ “ตายเกือบหมดครับ ผมก็ด้วย ส่วนที่รอดมาได้ มีแค่สองคนเอง นึกแล้วผมยังหวาดเสียวไม่หายเลย จะว่าไปแล้ว พวกคุณก็มาร่วมงานที่หอจันทร์สกาวเหมือนกันเหรอครับ?”
“เปล่าหรอกครับ” ทัศน์ถือโอกาสตอบบ้าง “ทีแรกพวกผมว่าจะพากันมาหาอะไรกินกันเฉยๆ อีกอย่างก็รู้สึกอยากรู้ด้วยว่าที่นี่เค้ามีอะไรกัน แต่พอรู้ว่าเข้าไม่ได้ พวกผมเลยจะกลับกันแล้ว”
“ถ้างั้นเอาแบบนี้สิ ถ้าไม่รังเกียจ พวกคุณจะเข้าไปพร้อมผมเลยก็ได้นะครับ เพราะว่าเค้าให้พวกสมาชิกระดับสูงของแต่ละกิลด์พาผู้ติดตามเข้าไปได้ไม่เกินคนละสิบสองคน นี่ผมก็พาลูกกิลด์ติดตามมาแค่สี่คนเอง รวมพวกคุณเข้าไปด้วยได้สบายเลย” เงาดาบเอ่ยชวนอย่างเป็นกันเอง
“ได้จริงๆ เหรอครับ!?” ทัศน์รีบถามขึ้นอย่างกระตือรือร้น
“จริงสิ” เงาดาบตอบด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม
“พวกเราว่าไงกันบ้าง จะเข้าไปกันมั้ย?” ทันศน์ถามความคิดเห็นของคนในกลุ่ม ทั้งที่ภายในใจอยากเข้าไปเต็มแก่แล้ว
ใช้เวลาปรึกษากันอยู่ครู่ใหญ่ กลุ่มของกรกชก็ได้ความคิดเป็นเอกฉันท์
“ถ้างั้นรบกวนคุณเงาดาบด้วยนะครับ” ชัยหันไปเอ่ยกับชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้ากิลด์มังกรซ่อนอย่างเกรงใจ เพราะคนในกลุ่มตกลงกันแล้วว่าจะเข้าไป อย่างไรก็มาถึงตรงนี้แล้ว หากจะกลับไปก็กระไรอยู่
กลุ่มของกรกชและเงาดาบผ่านยามหน้าประตูเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ทางส่วนหน้าของหอจันทร์สกาวเป็นลานขนาดกว้างขวางเพื่อไว้สำหรับจอดรถม้าและพาหนะอื่นๆ ตัวอาคารสูงสี่ชั้นขนาดใหญ่ซึ่งถูกประดับประดาอย่างงดงามมองเห็นได้อย่างถนัดชัดตาตั้งอยู่ห่างออกไป เสียงพูดคุยระคนเสียงบรรเลงดนตรีดังแว่วมาให้ได้ยินเป็นระยะ ส่งให้บรรยากาศในงานเลี้ยงมีแต่ความครึกครื้น
ครั้นพอเงาดาบพาเดินเข้าสู่ภายในอาคาร หญิงสาวซึ่งเป็นคนของทางหอก็พาทั้งหมดก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสาม เธอเดินนำมาจนกระทั่งถึงโต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้ ก่อนจะเชิญให้ทั้งหมดนั่งลงอย่างสุภาพ
หลังจากเห็นทุกคนนั่งลงอย่างเรียบร้อย หญิงสาวจึงส่งสัญญาณให้พนักงานที่คอยยืนรอบริการอยู่ นำเครื่องดื่มและอาหารเข้ามาเสริฟ เมื่อพนักงานกลับออกไป หญิงสาวจึงได้เอ่ยขึ้น
“หัวหน้ากิลด์อื่นๆ รอคุณเงาดาบที่ชั้นสี่นะคะ ส่วนทางผู้ติดตามของคุณนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ทางเราจะดูแลให้เป็นอย่างดีค่ะ”
ภายหลังจากเงาดาบขอตัวขึ้นไปบนชั้นสี่โดยมีหญิงสาวนำทางขึ้นไป คนที่เหลือจึงได้เริ่มแนะนำตนเอง
ชายหนุ่มร่างเล็กท่าทางอารมณ์ดี ตรงเอวเหน็บมีดสั้นเอาไว้ข้างละเล่ม เริ่มแนะนำตัวกับพวกของกรกชเป็นคนแรก ชื่อของเขาคือปีศาจน้อย เป็นหนึ่งในสองของรองหัวหน้ากิลมังกรซ่อน
คนถัดมาคือชายร่างใหญ่ผิวเข้ม บนหลังสะพายขวานสองคมขนาดเขื่อง นามของเขาคือสิงขร เป็นผู้เล่นมือดีที่เงาดาบไว้ใจให้คอยติดตามอยู่เสมอ
ต่อมาคือหญิงสาวร่างสมส่วนในชุดรัดรูปสีฟ้าอ่อน อาวุธประจำตัวของเธอคือกระบี่คู่ที่สะพายไว้ด้านหลัง ชื่อของเธอคือ อิงฮวา เป็นหนึ่งในมือดีอีกคน
ส่วนมือดีคนสุดท้าย เป็นชายร่างผอมสูง หัวไหล่แคบเล็ก บนหลังสะพายธนู ที่เอวยังเหน็บปืนพกเอาไว้อีกข้างละกระบอก ชื่อของเขาเรียกสั้นๆ ว่าจักร
ถึงแม้จะเพิ่งแนะนำตัวกันไป ทว่าคนทั้งหมดก็คุยกันได้อย่างถูกคอ ทางด้านผู้ชาย เมื่อคุยกันไป จิบเครื่องดื่มมึนเมาไปด้วย จากที่ครั้งแรกยังคงมีอาการเกร็งๆ กันอยู่บ้าง ครั้นพอเริ่มได้ที่ ทำให้การสนทนายิ่งมายิ่งมีรถชาติ
ส่วนทางด้านสาวๆ ก็มีทั้งจิบเครื่องดื่มอ่อนๆ หรือไม่ก็ดื่มน้ำอัดลม เรื่องที่พูดคุยกันส่วนใหญ่ ก็มักจะไม่พ้นเรื่องเครื่องประดับและเรื่องความสวยความงาม ซึ่งเป็นเรื่องที่อิสตรีชื่นชอบ
ขณะที่บรรยากาศภายในโต๊ะกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น เสียงใครคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้น ทำให้ความสงบสุขที่เคยมี มะลายหายไปในพริบตา
“ไอ้ผู้เล่นใหม่กระจอก แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?”
จากเสียงดังกล่าว เป็นเหตุให้ผู้คนรอบๆ เงียบเสียงลงอย่างฉับพลัน แต่ละคนต่างพากันมองหาที่มาของเสียงด้วยสีหน้าต่างกันไป มันมีทั้งความสงสัยอยากรู้ ความนิ่งเฉย หรือแม้แต่รอดูความสนุกที่อาจกำลังจะเกิดขึ้น
ดูเหมือนชายผู้เป็นเจ้าของเสียงจะไม่ยี่หระกับสายตาจำนวนมากที่มองมาเลยแม้แต่น้อย เขาทำเพียงก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าของกรกชโดยขั้นกลางเพียงโต๊ะตัวเดียว ริมฝีปากแสยะยิ้มส่งให้ ขณะสายตาก็ฉายแววหาเรื่องอย่างไม่ปิดบัง
“แกเองเหรอ?” กรกชใช้สายตามองดูอีกฝ่ายนิ่งๆ เขาจำชายคนนี้ได้...ชายคนที่เคยทำให้เขาต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนตอนที่อยู่ในเมืองเริ่มต้น
“ดูเหมือนแกจะจำฉันได้สินะ ฮ่าๆ แกรู้หรือเปล่า ว่าตั้งแต่แกหนีไปได้ ฉันต้องอยู่อย่างอับอายแค่ไหนฮะ!?” เหนือหล้าตะคอกใส่ พลางโน้มหน้าเข้าไปใกล้ “มีแต่คนพูดถึงเรื่องของแก ว่าขนาดแกไม่มีพลังธาตุ ยังหนีฉันไปได้...มีแต่คนคาดการว่าในอนาคตแกอาจจะได้เป็นยอดฝีมือ! กลับกันพอพวกมันพูดถึงฉัน มันกลับบอกว่าฉันกระจอก ขนาดแค่คนเพิ่งเล่นยังเอาไม่อยู่ แกเป็นคนทำให้บารมีของฉันต่ำลง...ดีที่วันนี้มาพบแก ฉันจะได้ฆ่าแกเพื่อล้างคำพูดเส็งเคร็งพวกนั้นซะ! หึๆ”
คำพูดของเหนือหล้า ทำให้กลุ่มของกรกชเริ่มขยับตัวอย่างเตรียมพร้อม ผีน้อยเห็นเหตุการณ์ชักจะบานปลายเข้าไปทุกที เขาจึงตัดสินใจเอ่ยขึ้น
“พวกนี้เป็นแขกของหัวหน้ากิลด์ฉัน อีกอย่างวันนี้ก็เป็นงานเลี้ยงของทางสมาคม ฉันว่าอย่ามีเรื่องกันเลย นายกลับไปนั่งโต๊ะเถอะ” เขาพยายามเอ่ยห้าม
เหนือหล้าหันมองผีน้อยพลางเหยียดยิ้ม “นายสินะผีน้อย รองหัวหน้ากิลด์มังกรซ่อน ตำแหน่งเทียบเท่ากับเพื่อนฉัน เรื่องนี้มันเป็นเรื่องความแค้นส่วนตัว ฉันว่านายอย่าเข้ามายุ่งดีกว่านะ”
ผีน้อยขมวดคิ้ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “จากคำพูดของนาย แสดงว่านายเป็นแขกของพลิกฟ้าสินะ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ก็ใช่ว่านายจะทำอะไรตามใจตัวเองได้ อีกอย่าง ถ้าพวกแกนนำสมาคมเกิดไม่พอใจขึ้นมาละก็ เพื่อนนายก็รับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ”
“หึ!”
เหนือหล้าแค่นเสียงอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังจะหันไปหาเรื่องกรกชต่อ ชายหนุ่มสวมชุดนักศึกษาสีขาวก็เดินเข้ามาเสียก่อน ซึ่งในขณะที่เดินเข้ามา เขาก็ได้ยินบทสนทนาบางส่วนไปบ้างแล้ว
“ฉันว่านายกลับไปที่โต๊ะกับฉันก่อนเถอะ ที่ผีน้อยพูดน่ะถูกแล้ว ถ้าเกิดพวกแกนนำข้างบนรู้เรื่องแล้วเกิดไม่พอใจ ฉันคงรับผิดชอบไม่ไหวแน่” ชายหนุ่มโอบไหล่เพื่อนของตัวเองเตรียมเดินกลับโต๊ะ โดยไม่หันมาสนใจหรือทักทายผีน้อย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นรองหัวหน้ากิลด์เดียวกันอย่างที่ควรจะเป็นเลย
“แต่มัน...”
ดูท่าเหนือหล้าจะไม่ยอมง่ายๆ พลิกฟ้าจึงก้มลงไปกระซิบบอกอะไรบางอย่าง ซึ่งก็เรียกรอยยิ้มบนใบหน้าของเหนือหล้าให้ฉีกกว้างออกอย่างพึงพอใจได้ไม่ยาก
“รอบหน้าแกไม่รอดแน่ไอ้กระจอก!” เหนือหล้ายังมิวายเอ่ยขู่ทิ้งท้าย ก่อนจะยอมเดินตามพลิกฟ้ากลับโต๊ะไป
การจากไปของคนทั้งสอง ทำให้บรรยากาศที่เคร่งเครียดเมื่อครู่ผ่อนคลายลง คนในโต๊ะจึงเริ่มกลับมาพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง
“ดูเหมือนพลิกฟ้าจะไม่ชอบหน้านายนะ?” ชัยเอ่ยถามขึ้น เพราะดูจากท่าทีที่พลิกฟ้าแสดงออก มันทำให้เขาคิดแบบนั้น
“ใช่” ผีน้อยตอบ “พวกเรามีความคิดที่ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ เพราะแบบนี้เค้าเลยไม่ค่อยชอบฉันน่ะ ขนาดหัวหน้า หมอนั่นยังไม่ชอบเลย”
“อ้าว!?” กลุ่มของกรกชมีสีหน้าประหลาดใจ
“ทำไมหมอนั่นถึงไม่ชอบหัวหน้ากิลด์ตัวเองล่ะ?” กรกชถามอย่างสนใจ
“แนวคิดหลายๆ อย่างไม่ตรงกัน” สิงขรเริ่มอธิบาย “เช่นพลิกฟ้าอยากให้เก็บค่าเข้าเมืองกับผู้เล่นทั่วไป รวมไปถึงการเก็บค่าคุ้มครองกับพวกพ่อค้าแม่ค้าภายในเมืองตามนโยบายของสมาคม เพราะถ้าทำแบบนี้ ทางสมาคมและกิลด์ที่เข้าร่วมจะได้รับผลประโยชน์มาก แต่หัวหน้าพยายามคัดค้านแนวคิดนี้มาโดยตลอด เพราะแต่ละกิลด์ก็มีธุรกิจเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ไม่น่าจะมารีดไถเอากับผู้เล่นคนอื่นแบบนี้”
“อ้าว ในเมื่อไม่ชอบนโยบายของสมาคม แล้วทำไมถึงไม่ถอนตัวออกมาล่ะ?” เมย์ถามขึ้นบ้าง
“ถูกกดดันน่ะสิ” อิงฮวาเอ่ยด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ “เพราะสมาชิกของกิลด์เราส่วนใหญ่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ ดังนั้นจึงสนับสนุนเต็มที่ ถ้าหัวหน้าถอนตัวออกจากสมาคม พวกสมาชิกกิลด์ที่เคยได้ผลประโยชน์ก็จะหมดสิทธิ์ได้รับ เพราะแบบนี้เมื่อหัวหน้าถามความคิดเห็นส่วนใหญ่ในกิลด์ พวกมันจึงไม่ยอมให้ออก”
เมื่อรู้เหตุผล ทำให้กลุ่มของกรกชถอนหายใจอย่างระอา ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน หรือสถานที่ใด คำว่า ‘ผลประโยชน์’ ก็มักจะดึงดูดผู้คนได้ดีเสมอ
โต๊ะของพลิกฟ้าตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งของหอ ซึ่งหากจะไล่มาจากโต๊ะที่กลุ่มของกรกชนั่งอยู่ ก็นับได้ว่าอยู่ห่างกันหลายเมตรเลยทีเดียว เพราะเหตุนี้ ชายหนุ่มทั้งสองจึงนั่งพูดคุยกัน โดยไม่ต้องคอยระวังว่า อีกฝ่ายจะบังเอิญมาได้ยิน
“เรื่องที่นายบอกฉันเป็นความจริงเหรอ?” เหนือหล้าเอ่ยถามอย่างสนใจ
“เป็นความจริงสิ ถ้าฉันทำตามที่พวกแกนนำสมาคมสั่งได้ พวกนั้นจะสนับสนุนให้ฉันขึ้นเป็นหัวหน้ากิลด์ ซึ่งนี่แหละ คือสิ่งที่ฉันเฝ้ารอมาโดยตลอด หึๆ” พลิกฟ้าหัวเราะออกมาเบาๆ สีหน้าแสดงออกถึงความพึงพอใจ “ว่าแต่นายจะเอากับฉันหรือเปล่า ถ้าเกิดสำเร็จขึ้นมา ฉันจะยกตำแหน่งรองหัวหน้ากิลด์ให้นายเลย อีกอย่าง นายจะได้จัดการไอ้ผู้เล่นใหม่นั่นสมใจด้วยยังไงล่ะ” ประโยคท้าย เขาเอ่ยชวนเพื่อนที่รู้จักกันมานาน
“มีแต่เรื่องดีๆ แบบนี้ ทำไมฉันต้องปฏิเสธด้วยวะ หึๆ” เหนือหล้ายกแก้วใส่น้ำสีอำพันขึ้นมา “เพื่อความสำเร็จของเรา ชนแก้วดื่มกันสักหน่อยดีกว่าเพื่อนฝูง ฮ่าๆ!”
“ได้” พลิกฟ้ายิ้ม พลางยื่นแก้วไปชนกับอีกฝ่ายอย่างเต็มใจ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 1471
ความคิดเห็น
ทดสอบคอมเมนต์
ทดสอบ 2
สนใจเรื่อหาเรื่องราว
แสดงความคิดเห็น