STARCIN ภาคที่ 4 At School ตอนที่ 4 ไม่หรือ
29 ตุลาคม พ.ศ.2575
"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณแม่" แววตาเหม่อลอยที่ดูไม่เต็มใจพูดนักกำลังจ้องมองหญิงสูงวัยผู้เป็นแม่ เธอนั่งลงที่เก้าอี้พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวเพื่อรับประทานอาหารเช้า
บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบขรึมไม่มีการสนทนาอย่างที่ครอบครัวหรือคนรู้จักกันทำ พวกเขาก้มหน้าอยู่กับอาหารเพียงอย่างเดียว
"โอ๊ย !" พี่ชายของเธอถูกคุณแม่ตีมือด้วยเวทมนตร์จากไม้คทา
"อย่าเอาข้อศอกขึ้นมาบนโต๊ะ สอนกี่ครั้งแล้วไม่เคยจำเลย" ท่าทางฉุนเฉียวเหมือนกับกำลังโกรธมองค้อนใส่ทุกคนบนโต๊ะอาหารราวกับกำลังบอกว่าเธอจ้องมองทุกคนตลอด
"ข-ขอโทษครับ"
"อย่าพูดติดอ่างมันดูไม่มีความมั่นใจ" แม้แต่การพูดขอโทษก็ไม่ช่วยอะไรแต่กลับยิ่งทำให้ผู้เป็นแม่โกรธหนักกว่าเดิมเสียอีก
หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงจากใครอีกจนรับประทานมื้อเช้าเสร็จ
"คาร่า" น้ำเสียงแหบเล็กน้อยจากคุณแม่ได้เรียกเธอไปที่ห้องส่วนตัว
"..." คาร่าได้แต่ยืนนิ่งเงียบไม่กล้าตอบโต้หรือเปิดบทสนทนาก่อน
"เรื่องของท่านผู้กล้าได้ความว่าอย่างไรบ้าง ?"
"หนูได้คุยได้รู้จักแล้วแต่เพราะอยู่คนละห้องกันเลยเข้าหายากค่ะ" เสียงพัดสะบัดทำเอาคาร่าตกใจไปครู่หนึ่ง คุณแม่ค่อย ๆ หันหน้าเหลือบตามอง
"นั่นก็แค่ข้ออ้าง ลูกต้องตีสนิทกับท่านผู้กล้าไว้เพราะเธอจะช่วยให้ตระกูลของเรามีอำนาจมากขึ้น"
"ค่ะ" เสียงตอบกลับสั้น ๆ ที่เต็มไปด้วยความสงสัยและเกรงกลัว คาร่าก้มหน้าลงมองพื้นไม่กล้าจะสบตาคุณแม่เลยสักนิด
"ดีมากไปได้แล้ว" สิ้นเสียงของคุณแม่เธอก็เดินออกจากห้องไปไม่พูดจาอะไรกลับไปยังหอพักของตัวเองที่อยู่ภายในโรงเรียนหลวง
ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย ตระกูลเราก็ไม่ได้ตกต่ำอะไรสักหน่อย เธอสะพายกระเป๋าเดินเท้าไปยังห้องของตัวเองและระหว่างทางก็ได้พบกับทริกซี่เพื่อนร่วมห้องของเธอ
"แม้ ๆ กลับพร้อมกันเลยนะเรา" พวกเธอเดินตีคู่ไปด้วยกันจนถึงห้องพักห้องหนึ่ง
"เกรซ ! เปิดประตูหน่อย" ทริกซี่ตะโกนเรียกแทนที่จะเคาะประตู จนเมื่อประตูเปิดออกก็ได้เห็นเกรซในชุดนอนบาง ๆ กับสภาพที่เหมือนคลานออกมาเปิดให้
"นอนตั้งแต่เย็นเลยหรือยังไง ?" คาร่าหัวเราะในลำคอเมื่อได้เห็นเกรซตาสะลึมสะลือจะหลับได้ทุกเมื่อ
"ก็...ง่วงอะ" เสียงตอบกลับที่ดูเนือยจนสงสารแทน
"ไปหาอะไรกินกันดีกว่า" คาร่าพยายามดึงตัวเกรซให้ลุกไปแต่งตัวด้วยความยากลำบาก
"ไม่ใช่ว่าเธอพึ่งไปกินมื้อเย็นกับครอบครัวมาเหรอ ?" ทริกซี่เอ่ยถามขณะที่กำลังช่วยกันลากเกรซ
"ของกินที่บ้านไม่อร่อยน่ะ ไป ๆ ฉันหิวแล้ว" แม้จะพยายามยิ้มตอบแต่แววตากลับเศร้าหมองจนเห็นได้ชัด เพื่อน ๆ ของเธอก็สังเกตเห็นแต่ก็ไม่อยากจะถามซักไซ้มากนัก
"ซ้อมวันนี้เป็นยังไงกันบ้างล่ะ ?" คาร่าถือเนื้อติดกระดูกแทะกินอย่างเอร็ดอร่อยอาจจะเพราะคนในร้านไม่ค่อยมีอยู่แล้วก็ได้จึงไม่ได้รักษาภาพลักษณ์สุภาพสตรี แม้จะเป็นร้านที่ไม่หรูนักแต่ก็เป็นที่ชื่นชอบของนักเรียนทั่วไปเพราะราคาสามารถจับต้องได้
"วันนี้พวกเราได้ลองใช้เวทการบินแล้ว มันวิเศษมากเลยนะอย่างกับได้กลายเป็นนกจริง ๆ เลย ความอิสระที่บนพื้นทำไม่ได้อีกทั้งยังสามารถเดินทางได้ไวขึ้นอีก" ทริกซี่พูดสนุกปากยิ้มดูมีความสุขที่ได้ทำอะไรใหม่ ๆ ไม่เหมือนกับเกรซที่ยังนิ่งเฉยตักซุปร้อน ๆ กินอยู่เงียบ ๆ
"ฉันก็อยากจะลองเวทการบินบ้างแต่อุปกรณ์ก็ดันมีไม่พอ มีแค่คนที่บินได้คล่องแคล่วเท่านั้นถึงจะได้ใช้...คนเก่ง ๆ อย่างเธอนั่นแหละทริกซี่"
"แหม่ ๆ เธอก็เก่งเรื่องการสื่อสารไหนจะเข้าสังคมเก่งอีก ดูฉันกับเกรซสิแทบจะไม่กล้าคุยกับคนแปลกหน้าเลย"
"ก็แค่ที่บ้านสอนไว้น่ะ ต้องพบเจอคนแปลกหน้าอยู่บ่อย ๆ เวลาไปงานเลี้ยงหรือการประชุม"
"เธอจะลองไปบินดูไหม ?" ทริกซี่แสยะยิ้มเหมือนกับมีแผนในใจ
"หมายความว่ายังไง ?"
หลังจากกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยทริกซี่ก็พาคาร่าและเกรซไปยังสนามฝึกที่ห้องของพวกเธอจองไว้ เธอใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์และเอาอุปกรณ์เวทการบินออกมา
"จะไม่โดนจับได้แน่นะ" คาร่ากระซิบคุยกับทริกซี่ด้วยท่าทางที่เป็นกังวลเหงื่อตก
"ไม่หรอกน่า...ต่อให้โดนจับได้เขาก็ไม่ทำอะไรเราหรอกอาจจะดุนิดหน่อย" เธอหยิบของพวกนั้นไปที่ลานฝึกโดยมีทริกซี่เป็นคนร่ายเวทไฟเพื่อส่องสว่างในบริเวณนั้น
"ฉันขอไปก่อนล่ะนะ" ทริกซี่สวมอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับเครื่องพ่นที่ควบคุมผ่านข้อต่อแขนเหล็กที่เชื่อมมายังมือทั้งสองข้างและมีถังใหญ่ ๆ อยู่ด้านหลัง
"ฮ่าฮ่าฮ่าพวกเธอลองขึ้นมาให้ได้ก่อนเดี๋ยวฉันจะสอนท่าไม้ตายให้" ทั้งคาร่าและเกรซพยายามคุมมานาไว้ให้มันลอยขึ้นไปได้เหมือนกับทริกซี่แต่ก็เซไปกะพริบมาเหมือนคนกำลังเมาเดินไม่ตรงเลย
"พยายามเข้านะทุกคน" ทริกซี่ยังคงหัวเราะสนุกอยู่คนเดียวไม่เหมือนกับพวกคาร่าที่กำลังเคร่งเครียดตั้งสมาธิสุด ๆ จนเกือบจะชนกันหลายรอบ
"การควบคุมมุมและระดับความสูงจะต้องแบ่งประสาทสัมผัสแต่ละข้าง เพราะแต่ละข้างจะมีหน้าที่ต่างกันรวมถึงการขยับมือก็ด้วย หากใส่มานาลงไปมากเกินไปก็อาจจะหลุดการควบคุมได้เลย" แม้ทริกซี่จะอธิบายอะไรไปก็ตามแต่ดูจากสภาพของพวกเธอแล้วคงไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ลำพังแค่ทรงตัวให้อยู่นิ่ง ๆ ก็ยากแล้ว
"อะ- กรี๊ด !" คาร่าทำอุปกรณ์หลุดการควบคุม เหวี่ยงร่างของเธอไปมาไม่หยุดจนทริกซี่ต้องเข้ามาช่วย
"ใจเย็น ๆ เดี๋ยวมานาของเธอจะทำให้มันพังได้นะ" เธอพยายามจับตัวของคาร่าไว้แต่พลังของเครื่องที่หลุดการควบคุมมีแรงมากกว่าสลัดแขนของทริกซี่ออกอีกทั้งยังพุ่งชนเธออีก
"ไม่นะ !" เครื่องของคาร่ากำลังพุ่งตรงลงพื้นทั้งเกรซและทริกซี่ต่างก็พยายามจะช่วยแต่มันก็ไวเกินไป และร่างของคาร่าที่พุ่งลงด้วยความเร็วสูงกำลังจะกระแทกพื้นถูกหยุดด้วยหญิงสาวคนหนึ่ง เธอคนนั้นยืนรับคาร่าด้วยสองแขนแรงกระแทกที่มากจนพื้นที่เท้ายุบลงเป็นหลุม
"คาร่าไม่เป็นอะไรนะ" ทริกซี่นำเครื่องลงพื้นถอดอุปกรณ์พวกนั้นออกทันทีเพื่อเข้ามาดูเพื่อนของตน
"ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ" เธอก้มหัวคำนับพร้อมกับกล่าวขอบคุณหลายรอบจนได้เงยหน้ามอง
"คาร่า ทริกซี่แล้วก็เกรซที่อยู่ห้องหนึ่งสินะ สามารถเอาเวทการบินมาใช้ได้แถมยังมีแต่ลูกคุณหนู" พีชพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชาไม่ได้รู้สึกยินดีอะไรด้วย
"พีชจากห้องพิเศษสินะ ถึงจะไม่ค่อยได้คุยกันก็เถอะแต่ขอบใจมาก ๆ" คาร่าตั้งสติประคองร่างของตนเองโดยมีทริกซี่ช่วยอีกแรง
"แอบเข้ามาฝึกในยามวิกาลโดยไม่มีครูฝึกอยู่ด้วย อุปกรณ์ที่เอามาใช้ก็พังไปแล้วแถมตัวเองก็เกือบจะไม่รอด...ถ้าฉันเอาไปบอกอาจารย์ของพวกเธอจะเป็นยังไงนะ ?" พีชยิ้มมุมปากเล็กน้อยภายใต้แสงอันน้อยนิดจากเวทไฟของทริกซี่
"อ-อย่านะ ฉันยอมจ่ายเท่าไหร่ก็ได้แต่อย่าให้เรื่องนี้ถึงหูคุณแม่-" เธอรีบพูดออกมาท่าทางร้อนรนแทบจะเอามือปิดปากตัวเองไว้ไม่ทัน
"คาร่า เดียลอน ตระกูลที่ค้าขายเพชรนิล จินดา ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในเมืองแอสต้าแม้แต่องค์ราชายังชื่นชอบเครื่องประดับที่ตระกูลเดียลอนขาย" เธอจ้องมองตาของคาร่าไม่หยุด สายตาอันดุดันที่จะทำจริงตามที่พูดแน่ ๆ ยิ่งทำให้คาร่ากลัวไปใหญ่
"ธ-เธอ"
"ฉันรู้เรื่องของพวกเธอสามคนนั่นแหละ แล้วก็รู้ด้วยว่าถนัดเวทอะไรจุดเด่นจุดด้อยงานอดิเรก"
"เธออยากได้อะไร ?" คาร่าเหมือนจะเปลี่ยนท่าทีกัดฟันยืนตรง อีกทั้งยังสบตากับพีชไม่เบิอนหนีเหมือนก่อนหน้านี้
"ขอเจ้าเครื่องพัง ๆ แค่นี้แหละ ถ้าครูฝึกถามว่าหายไปไหนพวกเธอก็แถไปว่าเจ้าชายโยขอยืม" พีชเหลือบมองโยที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่ได้รู้เรื่องที่คุยกัน
"ก็ได้อยู่หรอก แต่ก็อาจจะถูกสงสัยได้นะเพราะถ้าจะยืมทำไมถึงไม่ไปที่เขตเวทมนตร์เลย"
"ถามมากน่าเดี๋ยวมีปัญหาอะไรก็ไปคุยกับโยเลย ใช่ไหมโย !"
"เออ..ใช่ ๆ" เขาตอบกลับทั้งที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร
"ก็ได้..." คาร่าพูดด้วยเสียงที่เบาจนแทบไม่ได้ยิน พวกเธอพากันเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อยไม่เหลือร่องรอยหลักฐานไว้ก็มีเพียงแค่เจ้าอุปกรณ์ที่พังเท่านั้น
"โยนายยกเจ้านี่ไปหน่อยสิ" พวกเขาแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทางกลับที่พักของตนเอง
"เธอจะเอาไปทำอะไร ?" โยวางมันลงในบ้านที่อยู่ในเขตที่อยู่อาศัย ถึงจะเป็นช่วงกลางคืนแต่ก็มีแสงไฟส่องสว่างเป็นระยะ ๆ ยิ่งทำให้พวกเธอต้องระวังมากขึ้นตอนขนเข้ามา
"นายก็เห็นไม่ใช่หรือไง ? เจ้าเครื่องนี้นี่แหละที่ใช้ในการบินบนท้องฟ้า" พีชนั่งแกะแงะเจ้าอุปกรณ์การบินจนห้องเละเทะไปหมด
"อย่างงี้นี้เอง ตัวควบคุมจะมีสองตัว มือขวาเป็นการควบคุมแนวระดับส่วนมือซ้ายจะเป็นแนวดิ่ง" แขนที่ยื่นออกมาสองข้างแนบไปกับแขนของผู้ใช้อย่างกับดามไว้ มีส่วนหัวที่เป็นจุดควบคุมและหินเวทเพื่อส่งมานาเข้าไป
"ถ้าจะใช้เจ้านี่ได้คล่องแคล่วคงฝึกเป็นเดือนแน่ ๆ ต้องแยกประสาทสัมผัสทั้งสองมือออกจากกัน พลาดไปเพียงนิดเดียวก็ทำให้การเคลื่อนไหวผิดแปลกไปเลย "
"เครื่องแบบนี้เหรอเนี่ยที่ทำให้บินบนฟ้าได้" โยพยายามจะเข้ามาดูใกล้ ๆ แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเลยเผลอเอามือไปแตะโน่นนี่นั้น
"ดูเฉย ๆ จะได้ไหมถ้าเกิดมันเป็นอะไรขึ้นมา..." พีชพูไม่ทันขาดคำเจ้าเครื่องนี่ก็กำลังทำปฏิกิริยากับมานาที่โยเผลอปล่อยออกไป ทำให้มันกำลังจะพุ่งไปข้างหน้าโชคดีที่พีชคว้าคทาร่ายเวทกันไว้ได้ทัน
"เฮ้อ...เกือบไปแล้วไหมล่ะ ไหนมาดูที่เครื่องพ่นด้านหลังสิ...มีเวทประทับวางไว้อยู่ที่ตัวเครื่องทั้งสอง หัวไอพ่นมีจะมีหลายส่วนคือส่วนที่อยู่ด้านบนและล่างและส่วนที่เป็นเหมือนท่อประปาหมุนได้มากกว่าเก้าสิบองศาส่วนการถอยหลังจะมีหัวไอพ่นที่อก การจ่ายมานาลงไปในแต่ละส่วนก็จะถูกแยกภายในท่อพวกนี้สินะ"
"เอาอีกแล้ว เธอพูดอะไรรัว ๆ แถมยังเข้าใจยากอีก" โยนั่งจ้องแทบตายแต่ก็ฟังไม่รู้เรื่องอาศัยเพียงพีชที่กำลังถอดอุปกรณ์ออกเป็นชิ้น ๆ ดูภายในเครื่องนั่น
"ปกติไอพ่นที่พวกเครื่องบินหรือชุดลอยตัวแบบโลกเก่าเราจะเป็นการเผาพลังงาน แต่เจ้าเครื่องนี้มีไม่มีเลย...แสดงว่าความลับอยู่ที่เวทประทับสินะ"
"เวทประทับก็ต้องมาจากเวทปกติใช่ไหม ? แต่มันมีเวทที่ทำให้บินได้ด้วยเหรอ ?" โยเอ่ยถามพีช
"ไหน ๆ แล้วลองใช้เดอะฟอลยูนีคกับเวทประทับ เผื่อมันจะเป็นเดอะของใครบางคน" ไม้คทาที่กำลังร่ายเวทพร้อมกับการจ้องมองเข้าไปในเวทประทับพวกนั้น ดวงตาที่มองไม่กะพริบจนรู้สึกแสบตาแทนเพราะนั่นคือเงื่อนไขในการใช้เวทเดอะของเธอ
"เป็นเดอะจริง ๆ ด้วย เดอะมูฟความสามารถในการปรับเปลี่ยนทิศทาง...แต่คงต้องไปเจอตัวจริงเท่านั้นถึงจะได้ข้อมูลมากกว่านี้" พีชเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาหลังจากใช้เดอะฟอลยูนีคเสร็จซึ่งเป็นภาพที่โยเห็นเป็นประจำจนชินไปแล้ว
"ฉันก็อยากได้เวทเดอะมั่ง อยากได้แบบร่างคงทนอมตะอะไรแบบนั้น"
"เหอะ ได้ไปก็คงเป็นกระสอบทรายให้คนอื่น" แววตาอันน่าสมเพชเวทนากำลังจ้องมองโยอย่างไม่ไยดีแต่เขากลับยิ้มอ่อนดูมีความสุขแทนเสียอย่างงั้น
"ว่าแต่เธอเห็นเดอะของคนอื่นมากี่คนแล้วเนี่ย ? แถมทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครสอนเธอแต่ก็รู้วิธีใช้ได้ด้วยตัวเอง"
"ไม่บอกหรอกปล่อยให้งงต่อไปนั่นแหละ" รอยยิ้มเจ้าเล่ห์พยายามจะหยอกล้อโย
"งั้น ๆ คิดว่าใครมีเดอะที่ดีสุดละ ของพลโทลักซ์ไหม ? หรือของริสุกับเรน"
"เดอะที่ดีสุดเหรอ ไม่รู้สิแต่ถ้าเป็นเดอะที่แข็งแกร่งที่สุดละก็...คงจะเป็นฟราน"
"ท่านผู้กล้าเหรอ ! ไม่เห็นจะเคยใช้พลังเดอะอะไรแบบนั้นเลย" โยที่ได้ยินก็ต้องตกใจตาโต
"ก็เพราะยัยนั่นยังไม่รู้พลังของตัวเองเลย แล้วฉันก็จะไม่บอกด้วยปล่อยให้รู้ด้วยตัวเองซะ" พลังขี้โกงแบบนั้นใครมันจะอยากให้เธอใช้ได้ล่ะ ถึงมันจะมีข้อจำกัดบ้างแต่ยังไงก็แข็งแกร่งเกินไป
"นายออกไปได้แล้วฉันจะอาบน้ำนอน" ขณะที่กำลังเหม่อลอยคิดอะไรบางอย่างเธอก็หันมาจ้องเขม็งทำให้โยรีบถอยออกไปช้า ๆ ปิดประตูให้อย่างดี
"เฮ้อ...เท่าที่อ่านประวัติมา ดูเหมือนพลังเดอะที่แข็งแกร่งที่สุดที่ได้บันทึกไว้ก็คือเดอะไฟเออยียวนที่แอสต้าเป็นผู้ถือครอง แต่ดูยังไงก็เป็นหนังสือที่เขียนเพื่อยกยอบรรพบุรุษชัด ๆ พลังเดอะแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ถ้ามีพลังมากก็จะถูกจำกัดระยะแต่ถ้ามีระยะที่กว้างพลังก็จะน้อยลง อย่างเดอะของพลโทลักซ์ที่สามารถหยุดเวลาของสิ่งที่ได้สัมผัสมานาของเธอก็จะมีระยะไม่กี่สิบเมตร ส่วนเดอะของหนึ่งในจอมมารที่พวกเขาตั้งชื่อให้ว่าความตายมีความสามารถควบคุมศพได้...แต่พวกศพที่เดินได้ก็ทำอะไรได้ไม่มากนัก" เธอเงยหน้ามองชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยหนังสือกว่าร้อยเล่มและเลือกหยิบมาหนึ่ง
"จอมมารทั้งเจ็ดตนต่างก็มีเดอะยกเว้นจอมมารแห่งดาบที่ไม่สามารถระบุพลังเดอะของเขาได้ อาจจะเป็นจอมมารที่ไม่มีพลังเดอะหรือไม่ก็เป็นพลังที่ไม่แสดงให้เห็นชัด ๆ เหมือนกับของฉัน ถ้าให้แบ่งรูปแบบพลังจากระยะก็จะแบ่งได้สามแบบ หนึ่งคือระยะไกล สองระยะใกล้และสามระยะสายตาซึ่งเดอะฟอลยูนีคเป็นระยะสายตา แต่หากแบ่งตามพลังก็จะแบ่งได้สามเช่นกัน หนึ่งพลังในการต่อสู้ สองพลังในการควบคุมและสามพลังในการช่วยเหลือ" เธอยังคงหยิบหนังสือหลาย ๆ เล่มมาอ่านอย่างรวดเร็วจนนึกว่าแค่เปิดผ่าน
"เดอะโน้ตของจอมมารแห่งเสียงที่สามารถใช้ตัวโน้ตเสียงสร้างภัยพิบัติได้ ผู้ที่รอดจากเธอได้ให้การว่าเพียงพวกเขาได้ยินเสียงโน้ตดนตรีมาเมื่อไหร่ก็ไม่มีทางหลีกหนีได้ คลื่นน้ำสึนามิที่สูงเหนือพวกเขาไปร้อยเมตรได้พัดถล่มทุกสิ่งทุกอย่างราบเป็นหน้ากลอง เหลือเพียงผู้ที่มีพลังสูงเท่านั้นที่ปกป้องตัวเองได้"
"เฮ้อ...เอาอีกละนิสัยชอบคุยคนเดียว ดีนะที่ทำตอนไม่มีคนไม่อย่างงั้นเขาหาว่าบ้าแน่" พีชถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเก็บหนังสือที่เล่าเรื่องราวของจอมมารไว้ถึงจะไม่รู้ข้อเท็จจริงแน่ชัดนักแต่ทุกคนก็รับรู้ได้ว่าพวกมันแข็งแกร่งและชั่วร้าย
พีชถอดเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยดินโคลนก่อนจะลงไปแช่ในอ่างอาบน้ำ แว่นตาที่แตกร้าวแต่ก็ยังคงใช้มันมาโดยตลอด
"จอมมารแห่งเสียงเป็นคนเดียวที่ระบุที่อยู่ได้ เพราะเจ้าตัวเป็นคนประกาศออกมาเองว่า...ตัวข้านั้นอยู่ที่เกาะใจกลางมหาสมุทรห้ามให้ใครมารังควานไม่งั้นข้าจะถล่มอาณาจักรของพวกแกให้ไม่เหลือซาก ซึ่งนี่เป็นสิ่งเดียวที่ยืนยันได้เพราะมีพยานหลายปากโดยเฉพาะเมืองที่อยู่ติดกับทะเล พวกเขาต่างก็รับรู้ได้ทันทีว่าไม่ควรเดินทะเลนอกจากจอมมารแล้วก็ยังมนุษย์เงือกอีก"
ผิวพร่องขาวอย่างกับน้ำนมของพีชที่กำลังชำระล้างด้วยน้ำสะอาด แชมพูและครีมอาบน้ำมากมายเต็มชั้นวางแต่เธอก็หยิบใช้เพียงแค่ขวดเดียว ชโลมร่างกายอันบอบบางนั้นจนทั่วแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าง่าย ๆ อาศัยผ้าเช็ดหัวให้แห้งก่อนจะกระโดดลงที่เตียง
"ไม่ว่าจะโลกเก่าหรือโลกนี้ก็ไม่เห็นต่างกันเลย การใช้เส้นสาย อำนาจ ทรัพย์สินหรือแม้แต่กำลังพล ขนาดเราที่ไม่ชอบก็ยังใช้มัน...คงจะเลี่ยงไม่ได้สินะเรื่องพวกนี้" เธอนอนคิดเรื่องต่าง ๆ จนพลอยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
30 ตุลาคม พ.ศ.2575
รุ่งเช้าที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆฝนกำลังเคลื่อนตัวเข้ามา แม้ฝนจะตกไม่แรงนักแต่มันกลับตกนานหลายชั่วโมงและยังไม่มีท่าทีหยุด เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังเป็นระยะจนทำให้พีชสะดุ้งตื่น
"เสียงน่ารำคาญเป็นบ้า คนจะหลับจะนอนแท้ ๆ" น้ำเสียงฉุนเฉียวถอนหายใจฟึดฟัดเดินลุกออกมาจากเตียงเพื่อมาล้างหน้าล้างตา
"ลองไปหาข้อมูลเรื่องพลังเดอะที่ห้องสมุดต่อดีไหมนะ ? เผื่อจะได้เห็นพลังแปลก ๆ หรือความเข้ากันได้ขึ้นมา ที่น่าสนใจเลยก็คือ...ยังไม่มีใครที่ครอบครองพลังเดอะมากกว่าหนึ่ง" พีชสวมผ้าคลุมเพื่อกันฝนและยังปกปิดใบหน้าเดินดุ่ม ๆ ออกจากบ้านไปโดยไม่มีโย
ยังมีคนที่น่าสงสัยอีกหนึ่งคนก็คือท่านผู้นั้น ถ้าเราได้เจอตัวจริงของเจ้านั่น ก็จะมองพลังเดอะที่เป็นความลับของเขาได้
เธอเดินตรงไปยังห้องสมุดของโรงเรียนหลวงที่กว้างขวางและมีสมุด หนังสือหลายหมื่นเล่มจนหาอ่านไม่หมด พีชตรงไปยังหมวดที่เรียกว่าเวทมนตร์ที่มีทั้งการสอนพื้นฐานไปยันการควบคุมขั้นสูงแต่ดูจากฝุ่นที่เกาะอยู่บนชั้นคงไม่ค่อยมีใครมาหยิบอ่านนัก
"เดี๋ยวก่อนนะคะ ! ช่วยเปิดผ้าคลุมหรือแสดงตัวว่าเป็นนักเรียนที่นี่สักหน่อยค่ะ" บรรณารักษ์ที่จ้องมองหญิงสาวในชุดคลุมทั้งตัวใครเห็นก็ต้องสงสัย เธอตะโกนเรียกด้วยความดุดันพยายามบังคับให้พีชแสดงตัว แต่เพียงพีชโชว์เหรียญพิเศษที่องค์ราชายกให้ก็ทำให้บรรณารักษ์ก้มโค้งอย่างสุภาพกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
"ขอโทษนะคะ" เธอกล่าวด้วยท่าทางอ่อนน้อมดูไม่ขึงขังเหมือนก่อนหน้านี้แต่เพราะพีชไม่พูดอะไรต่อแล้วเดินไปที่ชั้นหนังสือทันที
"อ้าว ? ไหนว่าจะไปตรวจคนนั้นไม่ใช่เหรอ" เพื่อนของเธอที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถาม
"เธอมีเหรียญราชวงศ์นะ ถ้าไปทำอะไรไม่พอใจเดี๋ยวก็โดนไล่ออกหรอก"
"ราชวงศ์จริงดิ ? ทำไมถึงต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แบบนั้นด้วย"
คงจะนินทาเราอยู่สินะ ราชวงศ์คนสูงส่งที่ไหนจะแต่งตัวมิดชิดปกปิดใบหน้าล่ะ พีชเหลือบตามองบรรณารักษ์ทั้งสองจนสบตากันครู่หนึ่ง เธอสะบัดหน้ากลับมาอ่านหนังสือต่อทันที
คนทั่วไปมักจะไม่รู้จักชื่อของท่านผู้นั้นซึ่งตรงกับในหนังสือที่ไม่มีการกล่าวถึงชื่อจริงเลย แต่ที่แปลกก็คือมีการใช้ท่านผู้นั้นเรียกใครสักคนมาตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนตั้งแต่ก่อตั้งอาณาจักรหรือแม้แต่การปฏิวัติมนุษยชาติ คำว่าท่านผู้นั้นเป็นวิธีเรียกคนที่แข็งแกร่ง ? อำนาจ ? หรือเจ้าลัทธิกันแน่
สายลมยังคงพัดพาพายุเข้ามาไม่หยุดแถมยังแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนน่ากลัว ไม่มีแม้แต่ครูบาอาจารย์หรือนักเรียนอยู่ด้านนอกอาคารเลยสักคน
แอสต้าผู้ก่อตั้งอาณาจักรเซียและเป็นผู้นำกลุ่มปฏิวัติที่ทำให้มนุษย์ยิ่งใหญ่เหนือทุกเผ่าพันธุ์บนผืนแผ่นดิน พลังของเขาคือเดอะไฟเออร์ ผู้ที่สามารถควบคุมเปลวเพลิงได้อย่างใจนึกอีกทั้งยังสามารถทนต่อความร้อนได้มากกว่าทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกไปนี้
แววตาเหม่อลอยที่กำลังนึกคิดอยู่ในใจ เธอฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้กะทันหันจนออกนอกหน้า
เหมือนมีอีกคนที่มีพลังแบบนี้ เจอแล้วองค์ราชินีที่สิบเจ็ดมเหสีของราชาโอบาซึ่งหายตัวไปหลายปีก่อน เธอเป็นคนที่มีพลังแบบเดียวกับแอสต้าแถมยังแข็งแกร่งเกือบเทียบเท่า ขณะที่กำลังอ่านเพลิน ๆ เธอก็ดันเหลือบไปที่กระจกข้าง ๆ ที่เผยให้เห็นโยกำลังจ้องมองมาท่ามกลางสายฝนก่อนจะรีบวิ่งแจ้นตามเข้ามา
"นึกแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่ ทำไมไม่ชวนฉันมาด้วยล่ะ"
"อ-องค์ชาย" โยไม่สนใจบรรณารักษ์พวกนั้นเลยสักนิดเดินตรงมาหาพีชด้วยสภาพเปียกปอน
"นายทำที่นี่เลอะหมดแล้วเห็นไหม ? พวกนั้นกำลังจะหาเสื้อผ้าให้นายเปลี่ยนแต่ก็ดันไม่ฟัง" แววตาจิกกัดแถมยังพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันมิหนำซ้ำยังหันกลับไปอ่านหนังสือต่อปล่อยให้โยนั่งเหงา ๆ อยู่ตัวคนเดียว
"โอ้ นั่นมันรูปคุณแม่ใช่ไหม ?"
"อืม...นายรู้เรื่องแม่ของตัวเองมากแค่ไหน ?" พีชถามคำถามสวนกลับทันที
"อ้อ ก็อย่างที่เคยเล่าไป ฉันมักจะถูกทิ้งอยู่คนเดียวเพราะคนอื่นมีธุระมีการมีงานกันหมด แม่ก็เป็นคนหนึ่งที่ทำงานตลอดเวลา เวลาพักก็มีน้อยนิดแต่ก็มีแม่นมเล่าให้ฟังอยู่นะว่าเมื่อก่อนคุณแม่แข็งแกร่งขนาดที่ว่าบุกดันเจี้ยนด้วยตัวคนเดียวได้ ถ้าได้สู้กับจอมพลโกโด้หรือเดมอสก็สามารถเอาชนะได้ไม่ยากเลยล่ะเพราะคุณแม่เป็นอาจารย์ของทั้งสองนี่น่า"
"ฉันพึ่งรู้เลยนะเนี่ยที่องค์ราชินีเป็นอาจารย์ของผู้ที่มีเลเวลเก้าตั้งสองคน แต่ก็น่าสงสัยกับเรื่องที่หายตัวไปอยู่นะ ?"
"ฉันก็สงสัยเหมือนกัน เพราะเก่งขนาดนั้นไม่น่าจะถูกจับตัวไปแน่ ๆ หรือคุณแม่จะหนีทิ้งพวกเราไปเอง..." เสียงที่ดูเข้มแข็งมาโดยตลอดจู่ ๆ ก็เริ่มสั่นคลอนจนเบาริบหรี่
"แปลกนะเนี่ยที่นายจะมีอารมณ์อื่นด้วยไม่ใช่แค่พุ่งชนทุกอย่าง" พีชจ้องมองแววตาอันเศร้าสร้อยที่กำลังนึกถึงเรื่องในอดีตจนเธอเองก็กัดฟันลองเอามือลูบหัวของโยจนทำให้เขารู้สึกดีขึ้นและยิ้มออกมาอย่างที่เคยเป็น
"ขอบใจ...ถึงจะรู้สึกแปลกไปหน่อยก็เถอะที่เธอทำอะไรแบบนี้แต่ก็ขอบใจจริง ๆ" เขายิ้มยียวนกวนประสาทมือที่กำลังลูบหัวอยู่ก็เปลี่ยนกลายเป็นหยิกแก้มแทน
"คราวหลังอย่าได้หวังอีกล่ะ"
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 285
แสดงความคิดเห็น