รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่3 ค่าจ้างของเขา...ทำไมกลายเป็นแบบนี้!!
ปริมากรีดร้องเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อหันมามองหน้าของคนประคองตัวเธอเอาไว้ เธอรีบผละออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่มอย่างด่วนจี๋
“นะ...นาย! เข้ามาทำไมเงียบ ๆ” แม่ครัวรัวคำพูดด้วยความตกใจไม่หาย
“ต่อไปห้ามเข้ามาเงียบ ๆ อีก เข้าใจไหม!” หญิงสาวโวยวายเสียงดังลั่นมองใบหน้าอมยิ้มน้อย ๆ ของหนุ่มผมยาวยิ่งไม่พอใจ ยิ่งหงุดหงิดเพิ่มขึ้น ทำไมเขาถึงไม่กลับบ้านกลับช่องไปสักทีนะ!
“ฉันถามว่าเข้าใจไหม!”
คนถูกถามก้มหัวลงรับคำอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มระรื่น ทำตาแบ๊วๆ
"เข้าใจ...แต่จะทำตามหรือไม่ ก็...อีกเรื่องหนึ่ง" เขาเอียงคอแล้วยักคิ้วให้อย่างกวนประสาท
ปริมาถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม!! เกลียดรอยยิ้มกวนโอ๊ยของเขาเสียจริง เธอเดินเลี่ยงไปเก็บเปลือกส้มและล้างภาชนะต่อ
“นี่! ขอน้ำกินหน่อย ขับรถไปตั้งไกล ทั้งเหนื่อยทั้งร้อนมากรู้หรือเปล่า?” เขาเริ่มบ่นบ้าง
“แก้วอยู่นั่น” เธอชี้มือไปยังชั้นวางแก้วน้ำและมีเหยือกน้ำตั้งอยู่ใกล้ ๆ
“บริการตัวเองนะ ยังไม่ว่าง!”
หนุ่มผมยาวส่ายหัว ก่อนจะหยิบแก้วแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น เขามองเห็นน้ำส้มคั้นในเหยือกใสสี่เหลี่ยมทรงสูง ปฏิการยกเหยือกมาเทน้ำส้มใส่แก้วดื่มด้วยความกระหาย รู้สึกสดชื่นหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง รสชาติหวานเปรี้ยวถูกใจจริง ๆ
ปริมาหันมามองด้วยความตกใจ เบิกตาโต เมื่อเห็นเหยือกน้ำส้มอยู่ในมือของหนุ่มจอมกวน
“นี่! ใครอนุญาตให้นายกินน้ำส้ม”
หนุ่มผมยาวเลิกคิ้ว “ต้องขออนุญาตด้วย?”
เขาพ่นลมออกมาทางปาก
“เหอะ!”
มันอะไรกันเนี่ย! เขี้ยวชะมัด! คิดแล้วเขาก็เทน้ำส้มใส่แก้วเพิ่มอีกหน้าตาเฉย
แม่ครัวร่างเล็กรีบปราดเข้ามาแย่งเหยือกน้ำส้มจากมือของอีกฝ่ายทันที พลางตะโกนเสียงดังห้ามปราม
“หยุด! พอแล้ว!”
“ยังไม่พอ... ยังไม่หายหิวเลย” เขายื้อเหยือกน้ำส้มมาประชิดตัวเอง มองหน้าคนโวยวายแล้วยิ้มอย่างกวนประสาท ปฏิการยังพยายามเทน้ำส้มใส่แก้วตัวเองอีก
“เอ๊... อย่าแย่งสิ! เดี๋ยวหก นี่เป็นค่าจ้างของฉันนะ” หนุ่มขี้แกล้งเบี่ยงตัวหลบ ยกเหยือกขึ้นสูง รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากอย่างนึกสนุกมีความสุขที่ได้กวนเจ้าของบ้าน
“ฉันกับพี่ปรามยังไม่ได้กินเลยนะ นายจะกินหมดเลยเหรอ” เสียงหญิงสาวอ่อนลง เมื่อไม่สามารถแย่งเหยือกน้ำส้มที่อยู่สูงกว่าตัวเธอได้
“ก็ได้!” เขามองแม่ครัวตัวดีอย่างสงสาร “แล้วมีอะไรกินบ้างล่ะ”
“ต้มมะระผักกาดดอง ของโปรดพี่ปรามเลย” พี่ชายได้บอกเธอก่อนหน้านี้ ให้ทำอาหารตามที่ปฏิการขอและย้ำกับเธอว่าต้องทำให้เขาด้วย แต่คนอย่างเธอมีหรือที่จะยอมทำให้เขาง่าย ๆ ไม่มีทางหรอก!!
"ทำไม! กินไม่เป็นเหรอ หรือกินไม่ได้!" เธอมองหน้าเขาที่ดูจะไม่ปลื้มเท่าไหร่
หนุ่มผมยาวทำจมูกย่น เขาเกลียดมะระทำไมค่าจ้างของเขากลายเป็นต้มมะระผักกาดดองไปได้ ไม่เอาเด็ดขาด!
“กินได้ แต่ไม่อยากกิน มีอะไรไหม? ปรามบอกว่าอยากกินอะไรให้บอกเธอได้เลย คงเข้าใจนะ” เขาพูดพลางตีสีหน้ายียวนกวนโอ๊ย
“แล้วจะกินอะไร ไม่ทราบ?! ทำเองเลยก็ได้นะ” เธอสะบัดเสียงห้วนอย่างไม่พอใจ จนมุมที่จะเลี่ยงไม่ยอมทำให้เขาพลางเดินไปดูหม้อข้าวที่หุงสุกแล้ว
“นี่! ฉันอุตส่าห์ช่วยไปส่งของให้เธอตั้งไกลนะ เธอทำแบบนี้กับผู้มีบุญคุณได้ยังไง” ปฏิการเดินตามไปโวยวายกับเธอต่อ
ปริมาหันมาจ้องหน้าหนุ่มจอมกวน
“บุญคุณหมดไป ตั้งแต่...นายต้องการค่าจ้างแล้ว” หญิงสาวเน้นคำ
“งั้น! ฉันต้องการรับค่าจ้าง เดี๋ยวนี้!” คนตัวสูงก้มหน้ามองคนตัวเล็กที่สูงเลยไหล่ของเขานิดเดียว
ปริมาอยากจะร้องกรี๊ด แต่ทว่าเธอห้ามตัวเองเอาไว้ พลางถอนหายใจออกเบา ๆ บอกตัวเองใจเย็นไว้พร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่น
“ได้สิ! อยากกินอะไรคะ” เธอกัดฟันข่มใจให้ร่ม ๆ แกล้งทำเป็นพูดดีกับเขา
เพื่อนพี่ชายตีสีหน้าครุ่นคิด แล้วดีดนิ้วอย่างนึกอะไรบางอย่างออก
"ต้มยำ ทำเป็นมั้ยล่ะ” เขารู้สึกคิดถึงแม่ขึ้นมา ตอนแม่ยังไม่เลิกกับพ่อ แม่ของเขาชอบทำต้มยำให้ทาน ฝีมือแม่อร่อยมาก
"ได้...แต่ตอนนี้ในตู้เย็นมีของไม่ครบ นายจะช่วยไปเก็บในสวนให้หน่อยได้ไหมล่ะ” เธอแกล้งทำเสียงขอร้อง
"ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้หิวมาก หาอะไรมารองท้องก่อนสิ” เขายกมือตบท้องตัวเองเบา แล้วไปนั่งรอที่โต๊ะกลางห้อง
แม่ครัวตัวดีเดินไปหยิบกล้วยมาให้
หนุ่มผมยาวเบิกตาโตมองกล้วยน้ำว้าสุกงอมจนเปลือกกลายเป็นสีดำครึ่งหวีในมือของเธอ
"หะ!" เขาอุทานในลำคอ
"ให้กินกล้วยเน่านี่นะ!" ปกติเขาไม่เคยนึกอยากกินกล้วยซักนิดเลย แม้จะมีกล้วยสวย ๆ หวีงาม ๆ วางอยู่บนโต๊ะอาหารก็ตาม
"อะไร! นี่คือของมีค่าของที่นี่เลยนะ เน่าที่ไหน ยังไม่เน่า นายไม่รู้อะไร... กล้วยมีประโยชน์มาก อุดมด้วยวิตามินมากมาย แค่กินกล้วยก็ได้วิตามินเกือบครบแล้ว ไม่เชื่อลองค้นหาในกูเกิ้ลดูสิ ที่รีสอร์ตของเราใช้กล้วยแทนน้ำตาลในการทำน้ำปั่นผัก ขายดีสุด ๆ เลย" เธอพูดถึงรีสอร์ตเล็กๆ ชื่อบ้านไร่ทะเลฝัน อยู่ติดทะเล ซึ่งแม่ทิ้งมรดกไว้ให้ก่อนเสียชีวิต ปริมาเดินเอากล้วยไปวางที่โต๊ะกลางห้องครัวแถมหยิบส้มมาวางให้อีกสองสามลูก
ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองส้มเหี่ยวๆ ที่เธอนำมาวาง ให้ตายสิ! ค่าจ้างแต่ละอย่างช่างดีงามเหลือเกิน
อีกฝ่ายหันมามอง "ยังไม่เน่า ก็น้ำส้มที่นายกินไปไง ทำจากส้มนี้แหละ นี่เป็นส้มไร้สารพิษนะ รู้ไหม ส้มทั่วไปมีสารเคมีมากแค่ไหน แล้วปลูกแบบไม่ใส่สารเคมีปลูกยากมากนะอีกอย่างส้มนี้วางอยู่ในอุณหภูมิห้องมาแค่สามอาทิตย์เอง รสชาติยังไม่เปลี่ยนเลย" แม่ครัวตัวดีอธิบายผลการทดลองการเก็บส้มในอุณหภูมิห้อง
"เขี้ยวชะมัด!" เขาบ่นขมุบขมิบเบา ๆ
"ตกลงจะกินหรือไม่กิน อย่างนาย...คงจะ..." แม่ครัวตัวแสบมองใบหน้าขาวละมุนดูเป็นลูกผู้ดีมีตระกูล ผู้ชายอะไรผิวดีขนาดนี้ จะต้องเป็นพวกกินยากเลือกกินแน่นอนเลย
"กินสิ!" เขารีบพูดทับขึ้นมาขณะที่เธอยังพูดไม่ทันจบ สองมือรีบคว้าทั้งกล้วยทั้งส้มรวบมาไว้ใกล้ตัว
คนถูกสบประมาทรีบบิดกล้วยงอมเปลือกสีกระดำกระด่างออกจากหวี พอปอกเปลือกออกผิวข้างในยังดูดีอย่างที่เธอบอกแต่แรก เขาแกล้งกินกล้วยอย่างเอร็ดอร่อยโชว์ทั้งที่ไม่เคยชอบกล้วยเลย จากนั้นแกะเปลือกส้มเหี่ยว ๆ ออกแม้ว่าจะแกะค่อนข้างยากเพราะผิวส้มนั้นแห้งจนติดเนื้อแต่เนื้อส้มข้างในยังสดมาก รสชาติหวานอร่อยชื่นใจ แถมซังยังนุ่มอีกด้วย มันดูที่ภายนอกอย่างเดียวไม่ได้จริง ๆ
"แล้วจะต้องไปเก็บอะไรบ้างล่ะ เก็บที่ไหน" เขาลุกขึ้นเตรียมพร้อมเป็นลูกมือของเธอแล้ว
หญิงสาวชี้นิ้วไปที่สวนครัวหลังบ้าน ซุปเปอร์มาร์เก็ตมีชีวิตของบ้านไร่ทะเลฝัน
หนุ่มมาดกวนชะงักเล็กน้อย เกิดมาเคยเข้าสวนที่ไหน ตั้งแต่เล็กเขาจับไมโครโฟนเพื่อฝึกร้องเพลงและเล่นแต่กีต้าร์มาตลอด
"นำไปสิ" เขาเบ้หน้าให้เจ้าของบ้านเดินนำ
แม่ครัวตัวแสบหมุนตัวเดินไปที่ประตู ใบหน้าซ่อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ‘คราวนี้นายโดนดีแน่!’ เธอพาเขาเดินไปเก็บเห็ดก่อน เริ่มจากงานง่ายที่สุด
"เราจะทำต้มยำเห็ดฟาง ต้องไปเก็บเห็ดก่อน” เจ้าของสวนบ้านไร่ทะเลฝันพาเขาเดินไปยังแปลงเพาะเห็ดฟาง ซึ่งมองเห็นเป็นแปลงสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างราวหนึ่งเมตรแต่ละแปลงจะคลุมด้วยฟางจนมิด แล้วคลุมด้วยพลาสติกใสอีกทีหนึ่ง
หนุ่มผมยาวมองเห็ดฟางด้วยความตื่นเต้น อดเอามือถือออกมาถ่ายรูปไม่ได้ ดอกเห็ดฟางลูกกลมมนสีขาวอมเทาโผล่พ้นดินสีดำที่มีความอุ่นและชื้น
"อยากกินเท่าไหร่ก็เก็บเอาเลย" ปริมาส่งถังขนาดเล็กให้เขาไว้ใส่เห็ดฟาง
"ถ่ายรูปให้หน่อยสิ ดอกใหญ่มาก” เขาส่งมือถือให้เธอก่อนหยิบเห็ดฟางดอกงามมาวางชิดแก้มขาวใสของตัวเอง ริมฝีปากบางนั้นโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มละมุนที่มุมปาก
ปริมารับมือถือมาถ่ายรูปให้ แม้ว่าจะแอบค่อนแคะเขาอยู่ในใจ ‘ผู้ชายอะไรยิ้มหวานราวกับผู้หญิงขนาดนี้’
"นี่! ถ้าฉันมารับจ้างเก็บเห็ดเธอจะรับไหม" ชายหนุ่มค่อย ๆ ดึงเห็ดฟางออกมาพลางสลัดดินที่ติดมาออกแล้วใส่ลงในถัง
"ไว้มาจริง ๆ ก่อนเหอะ” เธอตอบอย่างไม่เชื่อว่า หนุ่มมาดสำอางดูเป็นศิลปินจ๋าอย่างเขาจะมารับจ้างเธอจริง ๆ แค่เห็นเขาแต่งตัวก็ขัดหูขัดตาเธอไปหมด ไม่ว่าจะเป็นทรงผม ตุ้มหู เท่ตายล่ะ!
หนุ่มหน้ามนเดินตามหญิงสาวลอดซุ้มเตี้ย ๆ มองเห็นมะเขือเทศสุกสีแดงลูกใหญ่ห้อยระย้าเป็นพวงเต็มไปหมด มีทั้งพริกทั้งบวบ และมะระจีนที่เรื้อยเกาะเกี่ยวกันตามห้างร้านที่ทำจากเชือกในล่อนเป็นตาข่ายที่สูงระดับไหล่
ปริมาแอบอมยิ้มเมื่อเห็น หนุ่มมาดกวนก้มโค้งเก็บมะเขือเทศ เก็บพริก ท่าทางจะก้มจนปวดหลังเพราะเขาตัวสูงมาก แขนขายาวเก้งกางไปหมด เมื่อต้องอยู่ในที่แคบ ๆ แบบนี้ แม้แปลงผักจะมีอยู่หลายแปลงแต่เธอเจตนาแกล้งให้เขาต้องมาเข้าแปลงนี้โดยเฉพาะ
"พอยัง ปวดหลังจะแย่แล้ว” ชายหนุ่มเริ่มบ่นที่ต้องก้มตัวตลอดเวลา เพราะหลังคาซุ้มนั้นเตี้ยกว่าตัวเขาเล็กน้อย
"ไหนบอกจะมารับจ้างไม่ใช่เหรอ?"
"ถ้าเธอจ้างจริง ทำได้อยู่แล้ว.... จะให้เก็บอะไรบอกมาเลยคร้าบ..." เขาพยายามยิ้มกลบเกลื่อนแม้จะเริ่มรู้สึกเหนื่อยและร้อนก็ตาม พลางยกมือขยับคอเสื้อยืดสีขาวไปมา เกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
"ต้องเก็บข่ากับตะไคร้เพิ่ม"
เจ้าของสวนพาเขาออกจากซุ้มมาไม่นานก็เจอแปลงปลูกตะไคร้และข่า
"หักตะไคร้มาสี่ห้าอัน อย่าให้รากมันติดมาล่ะ"
ชายหนุ่มวางถังเก็บเห็ดและมะเขือเทศลงกับพื้นดินแล้วย่อตัวลงข้าง ๆ โคนของต้นตะไคร้กอใหญ่
"เอาต้นใหญ่ ๆ อวบ ๆ นะ"
อยู่ ๆ หนุ่มผมยาวสะดุ้งโหยง พลันกระโดดออกจากโคนต้นตะไคร้ทันที
"มด..........!” คนตัวสูงตะโกนลั่น รีบวิ่งออกไปยืนห่างๆ ก้มตัวปัดมดตามมือและขากางเกงออกอย่างเร็วที่สุด
หญิงสาวหัวเราะ ก่อนเดินเข้าไปหาแล้วหยิบน้ำมันเขียวจากกระเป๋ากางเกงส่งให้
"โชคดีที่ยังไม่ทันโดนกัด” เขามองหน้าเธอดูมีความสุขเสียจริง นี่มันแกล้งกันใช่ไหม?
"โธ่เอ๊ย! ร้องซะดังเลย ปอดชะมัด" เธอยื่นหน้าไปยิ้มเยาะใส่เขา
ปฏิการชี้นิ้วมาที่หน้าผากของหญิงสาวแล้วชี้ไปยังผมของตัวเอง
"มดอยู่ที่ผมเธอ"
สิ้นคำพูดของเขา อีกฝ่ายรีบก้มศีรษะลง ยกมือปัดผมตัวเองเป็นพัลวัน
หนุ่มหน้ากวนฉีกยิ้มกว้าง
“มีซะเมื่อไหร่? ล้อเล่น...น้า...." เขาเอาคืนบ้าง พลางโบกมือล้ออีกฝ่าย
ปริมาชักสีหน้าตึงขึ้นมาทันทีเมื่อถูกชายหนุ่มแกล้งเอาบ้าง
"ทำงานต่อได้แล้ว หิ้วถังมาด้วย” คนเสียหน้าหันไปสั่งเสียงห้วน แล้วเดินนำไป
หนุ่มหน้ามนรีบหยิบถังแล้วเดินตามไป ริมฝีปากบางนั้นเหยียดยิ้มน้อย ๆ ที่เอาคืนเธอได้สำเร็จ
ทั้งคู่เดินมาถึงแปลงต้นข่าที่มีความสูงถึงหน้าอก ใบมีลักษณะแบนและยาว ดินที่โคนต้นคลุกด้วยแกลบสีดำเพื่อให้ดินร่วนและขุดง่าย
ชายหนุ่มเลิกคิ้วด้วยความงุนงง เมื่อเจ้าของสวนส่งเสียมมาให้ เกิดมาเคยจับจอบจับเสียมที่ไหนกัน
"ขุดสิคะ รออะไร?" เมื่อเห็นเพื่อนพี่ชายยังยืนอึ้งอยู่
คนถูกสั่งอ้าปากค้างยังงงไม่หาย กะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาขุด
‘ขุดก็ขุด นี่มันใช้แรงงานชัด ๆ’
"กดที่โคนต้นแล้วงัดขึ้นมา"
หนุ่มผมยาวทำตามคำแนะนำของเจ้าของสวน แต่พองัดดินขึ้นมา กลับไม่มีหัวต้นข่าติดออกมาด้วย ได้แต่ก้านและใบ
หญิงสาวหัวเราะ เห็นท่าขุดของเขาแล้วอดขำไม่ได้ สะใจเธอจริง ๆ
‘หนอย...อยากกินต้มยำใช่มั้ย?’
"ออกแรงหน่อย ขุดให้ลึกอีก"
ในที่สุดเขาก็ขุดเอาหัวข่าหัวใหญ่ขึ้นมาได้สำเร็จ
“เอาอีกหัวหนึ่ง”
หะ!! คนขุดเงยหน้าขึ้นมามองหน้าคนสั่ง
“เร็ว ๆ เข้า ขุดอีกหัวหนึ่ง” เธอเน้นคำ
‘หืม...!!! ให้มันได้อย่างนี้สิ!’ ว่าแล้วคนขุดก็ก้มหน้าก้มตาขุดต่ออย่างขะมักเขม้น โดยแกล้งขุดให้ดินนั้นกระเด็นไปกลบเท้าคนที่ยืนออกคำสั่งอย่างเดียว
“นี่!ขุดดี ๆ สิ!” หญิงสาวรีบก้าวถอยหลัง สะบัดดินออกจากหลังเท้าไปมา
ในที่สุดหัวข่าก็ถูกดึงขึ้นมจากดินจนได้ เขาเคาะดินที่ติดมาออก ก่อนนำใส่ถัง สายตาเหลือบไปเห็นต้นชะอมที่สูงเท่ากับตัวเขา
“อยากกินชะอมชุบแป้งทอดเก็บชะอมด้วยนะ” ลูกมือหันไปบอกเจ้าของสวน
“ก็เก็บสิ! เดี๋ยวทำให้!” หญิงสาวมองตามหนุ่มมาดสำอางไปเก็บชะอม เดี๋ยวก็รู้!
“เอาแต่ยอดนะ เดี๋ยวมันจะแตกกิ่งใหม่อีก นายรู้ไหม ปลูกครั้งเดียวเก็บได้ถึง สามสิบปีเลยนะ”
หนุ่มผมยาวหันมาทำหน้าทึ่งด้วยความประหลาดใจ ไม่นึกว่าต้นชะอมแค่นี้จะมีอายุถึงสามสิบปีเชียว แบบนี้กินไม่ทันก็เก็บขายได้อีก เขาเอื้อมมือไปเด็ดยอดชะอมออกมา กลิ่นชะอมคลุ้งไปในอากาศ แค่กิ่งแรกก็โดนหนามตำเข้าให้ แขนของเขาถูกหนามข่วนจนเลือดออกซิบ ๆ แต่ทำแข็งใจเก็บต่อ ไหน ๆ ก็โดนแล้ว ต้องเก็บมากินให้สาแก่ใจ
“ระวังนะ! มันมีหนาม” เธอแกล้งตะโกนเตือนเขา เบื้องหลังกลับแอบอมยิ้ม คิดว่า‘อยากจะกินอะไรก็สั่งได้เหรอ? ให้มันรู้ซะบ้างว่ามันไม่ง่าย’
“แล้วทำไมเพิ่งมาบอกเล่า!” ชายหนุ่มหันหน้ามามองหญิงสาวที่ไม่ยอมเตือนตั้งแต่แรก ใบหน้าของเธอที่กำลังอมยิ้มอยู่รีบหุบทันที นี่มันจงใจแกล้งเขาแน่ ๆ
“โดนหนามเหรอ” เจ้าของสวนมองเขากดนิ้วตัวเองเข้าหากันเพื่อห้ามเลือด
"เป็นอะไรมั้ย?" เธอยื่นหน้าเข้าไปดูแขนของเขา
"เป็นสิ! ถามได้!" ชายหนุ่มมองดูท่อนแขนของตัวเอง เกิดแผลถลอกหลายแผลเลย
"มา...ทายาก่อน” คนขี้แกล้งหยิบน้ำมันเขียวออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วใส่ยาให้ตรงบาดแผล
"โอ๊ย!!! จะฆ่ากันหรือไง" เขาสะบัดแขนทันที เมื่อยาโดนแผลที่หนังกำพร้าเปิดออกด้วยความแสบ
“ไม่ต้องทาแล้ว” คนเจ็บขยับแขนแล้วเดินหนี เจ็บจะแย่อยู่แล้วยังมาแกล้งอยู่ได้! “คนใจร้าย!” เขาแอบบ่นคนเดียว
**********************
ปรามมองกับข้าวตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะอาหาร มีต้มมะระผักกาดดองของโปรดของเขาเลย ต้มยำ ชะอมชุปแป้งทอดผัดผักบุ้ง ข้าวกล้องร้อน ๆ อยู่ในจานของแต่ละคนพร้อมรับประทานแล้ว
“กับข้าวน่าทานจัง” เขาเอ่ยชมน้องสาวที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือของเขา แล้วหันไปมองเพื่อนซี้ที่นั่งอยู่ด้านขวามือ
ปริมามองหนุ่มผมยาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ สายตาสะดุดกับเสื้อยืดที่เขาสวมอยู่ เสื้อสีฟ้าสดใส มีรูปปลาโลมากำลังยิ้มอยู่ที่กลางเสื้อด้านหน้า จำได้เสื้อตัวนี้เป็นของขวัญที่เธอซื้อให้พี่ชายนี่นา
“นายเอาเสื้อตัวนี้มาใส่ได้ยังไง!” เธอโวยวายเสียงดังแล้วหันไปมองพี่ชาย
“พี่เป็นคนให้เขายืมใส่เอง” เขาลืมคิดไปว่าน้องสาวต้องไม่พอใจแน่ ๆ
“พี่ปราม!” ปริมาหน้างออย่างไม่พอใจที่พี่ชายเอาเสื้อที่เธอซื้อให้ไปให้นายกวนโอ๊ยใส่หน้าตาเฉย
“ขอโทษด้วยนะถ้าทำให้เธอไม่พอใจฉันถอดคืนให้เธอเดี๋ยวนี้เลยก็ได้” ปฏิการไม่รู้ว่าจะทำให้เธอไม่พอใจขนาดนี้
“ไม่ต้อง! ข้าเป็นคนให้แกใส่เอง” ปรามหันไปบอกเพื่อนเสียงเข้ม
โทรศัพท์มือถือของปรามดังขึ้น เขากดรับสายแล้วยื่นโทรศัพท์ให้น้องคนเล็ก เมื่อปลายสายบอกว่าต้องการพูดกับเธอ
“พ่ออยากคุยกับปริม”
หญิงสาวนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วยื่นมือไปรับโทรศัพท์จากพี่ชาย ก่อนที่เธอจะเลื่อนหน้าจอวางสาย และส่งโทรศัพท์คืนให้เขาตามเดิม เธอเคยบอกพี่ชายหลายครั้งแล้วว่าจะไม่รับโทรศัพท์จากพ่ออีก แต่พ่อของเธอก็ไม่เคยลืมยังคงโทรมาเพื่ออวยพรวันเกิดของลูกสาวคนนี้แม้ว่าเธอจะไม่เคยยอมรับสายแม้แต่ครั้งเดียว
ปฏิการมองบรรยากาศที่ค่อนข้างตึงเครียดขึ้นมาทุกที เขารีบทำลายความเงียบงันนั้น
“ทานข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว”
สายตามองไปที่ถ้วยต้มยำชามใหญ่สีสันน่าทานมาก กลิ่นหอมของมะนาวและสมุนไพรโชยมาแตะปลายจมูก ไอกรุ่น ๆ ลอยมายั่วให้น้ำลายสอ ไม่นึกว่าน้องสาวเพื่อนจะมีฝีมือทำอาหารขนาดนี้ ทันทีที่ตักข้าวพร้อมต้มยำเข้าปาก ใบหน้าของชายหนุ่มแสดงอาการเหยเกบิดเบี้ยว เขาแทบสำลักเพราะมันเผ็ดมาก รสเผ็ดร้อนขึ้นจมูกจนเกือบจะพ่นออกมาทางปาก แต่พยายามกลืนลงไปจนได้ ชายหนุ่มยกมือปิดปากเอาไว้แล้วรีบลุกออกจากโต๊ะอาหารไปไออย่างระคายคออยู่นานมาก
ปรามรีบลุกขึ้นไปช่วยลูบหลังให้เพื่อน
หนุ่มผมยาวกลับมานั่งที่เดิมและรีบยกแก้วขึ้นน้ำดื่มอย่างรวดเร็วแต่ยังไม่หายเผ็ดเขาห่อปากเป่าลมออกมาเพื่อคลายความเผ็ดร้อนเอามือพัดที่ปากถี่ยิบริมฝีปาก ใบหน้านั้นแดงไปจนถึงใบหูแล้ว
ริมฝีปากของหญิงสาวเหยียดยิ้มอย่างขำอาการของหนุ่มจอมกวน ทว่าก็รีบหุบยิ้มเมื่อฝ่ายตรงข้ามหันมามอง
“เผ็ดไปเหรอ...” เธอแกล้งตีหน้าตายถาม แม้จะจงใจทำพริกหกใส่ลงไปก็ตาม
*******************
สวัสดีดีค่า...มีคนคอมเม้นท์ตอนที่แล้วมา รู้สึกอยากลงตอนใหม่ทันทีเลย ขอบคุณมากๆ ค่า ขอให้สนุกนะคะ ตอนที่เราเขียนนิยายเรื่องนี้ เรามักคิดว่า คงจะมีแต่สาวๆ มาอ่าน แต่คอมเม้นท์แรกกลับเป็นหนุ่มๆ ดีใจมากเลยค่ะ ขอบคุณมากค่า
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 745
ความคิดเห็น
ขอบคุณค่ะ
ตอนนี้อ่านแล้วเป็นไงบ้างเอ่ย...แนะนำติชมได้น้า ..
แสดงความคิดเห็น