สักวันของเรา 1: วันหนึ่งในรอบปี

-A A +A

สักวันของเรา 1: วันหนึ่งในรอบปี

            หลังโต๊ะคิดเงินหน้าร้านขายของชำไม่ใหญ่มากแห่งหนึ่ง บัวสวรรค์กำลังนั่งทำการบ้านของตนอย่างใจจดใจจ่อ สายลมยามหัวค่ำกลางฤดูหนาวโชยมา นอกจากพัดความเย็นสะท้านมาต้องผิวกายแล้ว ก็ยังเอากลิ่นหอมหนึ่งลอยมาเตะจมูกเธอเข้าอีก

กรุ๊งกริ๊งๆ !

            เสียงกระดิ่งที่ประตูทางเข้าดังขึ้น ทำให้เด็กสาวที่อยู่เฝ้าร้านคนเดียวตอนนี้ต้อง
หันไปมอง

  “สวัสดีค่ะ” บัวสวรรค์ทักทายลูกค้า ที่ดูแล้วน่าจะวัยไล่เลี่ยกัน ด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร เธอจำเขาได้ ลูกค้าประจำคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาอยู่ในชุมชนของเธอได้ไม่นาน

            ฝ่ายนั้นหันมามองเธอ พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ให้ทีหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปที่ชั้นวางสินค้า เลือกขนมและเครื่องดื่มสี่ห้าอย่างในตู้แช่เย็น แล้วเดินกลับมาที่หน้าโต๊ะคิดเงิน

  “คิดเงินเลยนะคะ” เด็กสาวเจ้าของร้านถามออกไปด้วยความสุภาพ ทว่าเขากลับทำเพียงพยักหน้ารับให้เท่านั้น จนเธอเริ่มรู้สึกว่าคนตรงหน้าไม่ค่อยมีมารยาทอย่างไรอยู่ แต่ก็พยายามปลงใจว่า เขาก็คงเป็นของเขาอย่างนั้นเอง

  “ทั้งหมด...บาทค่ะ” เธอแจ้งจำนวนเงินที่เขาต้องจ่าย แล้วรอเขาควักเงินยื่นให้

            และจังหวะที่เด็กหนุ่มกำลังส่งธนบัตรใบละหนึ่งร้อยให้คนหลังโต๊ะรับไป มือหนาก็สัมผัส
ถูกมือบางเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนต่างฝ่ายจะรีบดึงมือออก เพราะรู้สึกเหมือนโดนไฟดูดขึ้นมาดื้อๆ

            ทั้งคู่ตกใจตาโต เหลือบมองหน้ากันเหมือนอยากจะถามอีกฝ่ายว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกเหมือนกันไหม แต่ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไร จนเด็กหนุ่มตัดสินใจวางธนบัตรลงกลางโต๊ะ

 

            บรรยากาศยามเช้าเมื่อหลายสิบปีก่อนยังคงสดใสเย็นสบาย ต้นไม้ใบหญ้าหนาตาล้วนมีน้ำค้างแข็งเกาะดูสวยงามเมื่อต้องกับแสงอ่อนๆ ของดวงอาทิตย์ หมอกลงจัดทั่วทุกที่แทบจะมองไม่เห็นอะไร
แต่ชาวบ้านทุกคนยังพร้อมใจตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันด้วยความขยันขันแข็ง

ครอบครัวของบัวจันทร์พร้อมใจกันออกมาใส่บาตรอย่างเคย โดยมีบุญเที่ยง เด็กหนุ่มบ้านใกล้และหมาคู่ใจของเขามาร่วมด้วยเสมอๆ ทุกคนกำลังผลัดกันนำข้าวปลาอาหารใส่ลงบาตรพระ ก่อนจะนั่งลงกรวดน้ำรับพรสักสองสามนาที

พระภิษุสามรูปเดินจากไปแล้ว แต่ละคนจึงช่วยกันเก็บของเข้าบ้าน ทว่าขณะบัวจันทร์กำลังจะตามพ่อแม่ขึ้นเรือน เสียงห้าวของคนวัยไล่เลี่ยกันก็รั้งไว้ก่อน

  “อะไรของแกวะไอ้เที่ยง ฉันจะกลับเข้าบ้านแล้ว” บัวจันทร์ถามเพื่อนที่เล่นกันมาแต่เล็กด้วยสำเนียงคล้ายคนขี้รำคาญ แล้วบุญเที่ยงก็ยื่นดอกบัวพับกลีบสวยมาตรงหน้าเธอ

  “ฉันให้” เขาบอกด้วยรอยยิ้มกว้าง

  “ดอกบัว?” บัวจันทร์มองดอกบัวแล้วเอ่ยออกมาด้วยความแปลกใจ

  “เออ ฉันให้ ก็รับไปสิวะ”

  “แกไปขโมยจากที่ใส่บาตรมาหรือเปล่าวะ” เด็กสาวไม่ไว้วางใจ เพราะกลัวเป็นบาป

  “ดอกนี้ฉันเตรียมไว้ให้แกโดยเฉพาะ รับไปเถอะน่า ไม่ต้องกลัวหรอก” อีกฝ่ายคะยั้นคะยอ

  “อาๆ” เธอยอมยื่นมือออกมารับดอกบัวไป ก่อนจะบ่นออกมาด้วยความสงสัย

  “วันนี้มาแปลกแฮะ เมื่อคืนแกนอนตกเตียงหรือเปล่าวะ”

  “เปล่า...” เขาลากเสียงยาวคล้ายรำคาญที่เด็กสาวสงสัยนั่นนี่ไม่หยุด

  “ถามอะไรหน่อยได้ไหมวะ”

  “อะไรอีกล่ะ รีบถามมา ฉันมีอะไรต้องไปทำต่อ” เด็กสาวชักหงุดหงิดที่อีกฝ่ายธุระมากเสียเหลือเกิน แต่ก็ไม่ยอมพูดออกมาให้หมดทีเดียวสักที

  “แกรักฉันไหมวะ แบบผู้หญิงผู้ชายเขารักกันน่ะ” จู่ๆ บุญเที่ยงก็ถามออกมาหน้าตาเฉย ทำเอา
คนตรงหน้าอึ้งไปครู่หนึ่งด้วยไม่ทันตั้งตัว

  “อีกไม่กี่วันฉันจะให้พ่อแม่ไปขอแก แต่อยากมาถามแกก่อน”

 

 

            วางสายจากบุพการีเรียบร้อย พันฤทธิ์ก็กลับมานั่งเศร้าใจอีกครั้งกับเรื่องที่เพิ่งทราบก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ผู้หญิงที่วนเวียนอยู่ในหัวใจเขาตลอดห้าปีตอนนี้มีคู่หมั้นไปแล้ว แม้จะเตรียมใจอยู่บ้าง ว่าการขาดการติดต่อของเขาในวันนั้นกระทั่งผ่านมาหลายปีทุกอย่างย่อมไม่มีทางเหมือนเก่า แต่เขาก็ยังหวังลึกๆให้ได้มีโอกาสแก้ตัวกับเธอ ทว่าสิ่งที่พบล่าสุดดันตะโกนใส่หน้าเสียงดัง มันสายไปแล้ว!

  “เป็นไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

  “ครับ..” พันฤทธิ์ตอบรับแค่นั้น คำมากมายที่เตรียมจะมาพูดกับอีกฝ่ายถูกหยุดไว้ที่ปากเมื่อสายตามองเห็นใครอีกคนเดินเคียงเธอมาด้วย

  “นี่คู่หมั้นพี่ ส่วนนี่น้องเกลียว รุ่นน้องสกาวเอง ไม่ได้ติดต่อกันหลายปีแหนะ” เธอพูดยิ้มๆ ท่าทางดูไม่ติดค้างอะไรกับเรื่องเก่าก่อนที่เขาเคยทำไว้แม้แต่น้อย

  “สวัสดีครับ” คู่หมั้นของหญิงสาวทักทายเขาก่อน

  “สวัสดีครับ...” เขาตอบรับคำอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ เพราะกำลังมัวอึ้งกับเรื่องที่รุ่นพี่สาวมีคู่หมั้นแล้ว ก่อนอีกฝ่ายจะถามเข้าประเด็น

  “บอกให้พี่มาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า?”

  “ครับ...”

            พันฤทธิ์ตั้งใจนัดเธอมาคุยปรับความเข้าใจเรื่องในอดีตระหว่างกันที่ร้านของเขา ซึ่งคาดว่ารุ่นพี่สาวคงไม่รู้ว่าตอนนี้เขาประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจแล้ว มีร้านอาหารเป็นของตนเอง แถมทำรายได้งาม และมีร้านเสื้อผ้ามือสองเกรดเออีกหนึ่งคูหา เขาอยากมาบอกเธอวันนี้ รวมถึงเล่าทุกอย่างให้ฟังจนหมด แต่คงไม่จำเป็นอีกแล้วล่ะ

 

 

  [ผมมาถึงแล้วครับ ชะลอรถอยู่ใกล้ๆ ประตู...ครับ] เสียงคนปลายสายดังออกมาจากสมาร์ทโฟน ถ้อยความเป็นการแจ้งพิกัดของตนเองให้อีกฝ่ายทราบ คนถือสมาร์ทโฟนแนบหูได้ยินอย่างนั้นก็กวาดตามองซ้ายขวาไปทั่วบริเวณเพื่อหาเป้าหมาย

  “อ๋อค่ะ พี่รถเก๋งสีเขียวใช่มั้ยคะ พวกหนูอยู่ตรงประตูนี้เลยค่ะ ยืนอยู่กันสามคน” พราวจรัสบอกอีกฝ่ายกลับไปบ้าง เธอเห็นรถคันหนึ่งจอดไม่ไกลนัก แต่เพื่อความแน่ใจจึงจำเป็นต้องเช็กให้ชัวร์ก่อน

  [น้องใช่คนผมซอยสั้นสีแดง ใส่เสื้อยีนแขนยาวครึ่งตัวหรือเปล่าครับ] เขาถามต่อ เพราะเห็นกลุ่มสามสาวที่คนหนึ่งกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างทางดูสะดุดตาที่สุด

  “ใช่ค่ะพี่ รถพี่สีเขียวใช่มั้ยคะ อ๋อ หนูเหมือนจะเห็นพี่แล้วค่ะ” เธอบอกกับเขา

  “ทะเบียนอะไรนะแก คันนั้นใช่ปะ” เพื่อนสาวผมสีชมพูปล่อยยาวที่ยืนอยู่ข้างกันหันมาถาม
พลางชี้ไม้ชี้มือไปที่รถเก๋งสีเขียวมะนาวคันหนึ่งซึ่งหยุดรถอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเธอยืนอยู่มากนัก ก่อนจะเห็นคนบนรถเปิดประตูลงมา

  “พี่แกร๊บหรือเปล่าคะ!” เพื่อนสาวผมสีน้ำตาลดัดลอนอีกคนส่งเสียงถามออกไป

  “ครับ น้องๆ ที่จะให้ไปส่งที่เสน่ห์ธาราหรือเปล่าครับ!” ชายหนุ่มเจ้าของรถสีเขียวดังกล่าวถามเพื่อความแน่ใจ

  “ใช่ค่ะ / ค่ะ” สามสาวสวยตอบรับแทบจะพร้อมเพรียงกัน เมื่อพวกเธอรู้แล้วว่าเป็นรถที่กำลังรออยู่ จึงรีบพากันขึ้นไปทันที เพราะฝนด้านนอกเริ่มโปรยปรายไล่หลังมาแล้ว

            เข้ามาภายในรถ สามสาวก็พากันบ่นกระปอดกระแปดถึงเรื่องฟ้าฝนที่ค่อยๆ ตกหนักลงเรื่อยๆ
ทำให้การจราจรที่มักจะเคลื่อนตัวลำบากเป็นประจำทุกๆ วันศุกร์อยู่แล้วยิ่งติดขัดเข้าไปอีก

คงไม่ได้ทำอะไรแล้วมั้งคืนนี้ กลับไปถึงคงอาบน้ำนอนเลย” สาวผมสีชมพูพูดขึ้น

จะได้นอนเล้อแกน่ะ เดี๋ยวคุณหลุยก็โทรมาหา คุยกันจนเช้าอีก”

จริงสิ ฉันลืมที่รักไปได้ยังไง งั้นระหว่างนี้ต้องหลับเอาแรงสักหน่อยละ”

ย่ะ แม่คนรักแฟน ตอนอยู่ไทยก็ตัวติดกันจนจะเป็นปลาทั่งโก๋อยู่ละ แค่เขาไปเยี่ยมญาติที่อเมริกาไม่กี่วัน ไม่ได้คุยกันสักคืนจะกลายเป็นปลาขาดน้ำเลยหรือไง” พราวจรัสอดแขวะเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้

คนไม่มีความรักไม่เข้าใจหรอก” อีกฝ่ายว่ากลับอย่างจะแหย่

แกนี่เป็นเอามากนะยัยเชอร์รี่ ความรักขึ้นสมองจนหัวกลายเป็นสีชมพูไปด้วยแล้วเนี่ย”

แน่นอน” คนถูกแซวลอยหน้าลอยตาตอบอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร

พราวจรัสเห็นแบบนั้นก็คร้านจะต่อปากต่อคำด้วย จึงหันไปมองทางเพื่อนสาวอีกคนที่เอาแต่
ก้มหน้าก้มตาจิ้มสมาร์ตโฟนของตนเองอย่างเมามัน

เพี้ยะ! มือเล็กฟาดให้ที่ต้นแขนข้างหนึ่งของสาวผมน้ำตาล

มัวแต่จ้องหน้าจอโทรศัพท์ เดี๋ยวก็เสียสายตาหรอก” สาวสวยผมสีแดงเพลิงว่า

ว้ายยัยพราว! ฉันเกือบตายแหนะ ถ้าไม่มีใครให้กวนก็ไปชวนพี่แกร๊บคุยนู่นไป๊!” สาวผมลอน
ยังไม่ยอมเงยหน้ามามองเพื่อน โวยวายเสร็จก็จมอยู่กับเกมในมือต่อ

พราวจรัสมองเพื่อนแต่ละคนแล้วถอนหายใจ คนหนึ่งก็มัวแต่ติดเกม อีกคนก็ผล็อยหลับไปแล้ว
ถ้าเธอเหงาปากมากนักก็คงต้องหันไปชวนคนหลังพวงมาลัยรถคุยจริงๆ เสียแล้วล่ะ

พี่แกร๊บพักกินข้าวบ้างหรือยังคะนี่” พราวจรัสยื่นหน้าไปถามเขา ก่อนจะเหลือบเห็นเด็กชาย
ตัวเล็กในชุดนักเรียนคนหนึ่งนั่งหลับอยู่เบาะข้างคนขับ “อ้าว เพิ่งสังเกตว่ามีเด็กอยู่บนรถด้วย”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.