ชิเอโกะ [Yaoi] บทที่ 14
คิโยชิเดินเข้ามาในห้องทำงานที่มีชั้นหนังสือวางอยู่บริเวณริมผนัง กลางห้องมีโต๊ะอ่านหนังสือเตี้ยๆ สองอันตั้งวางอยู่บนเสื่อทาทามิสีอ่อน คิโยชิเอียงคอเล็กน้อยถามด้วยความสงสัย
"มีอะไรเหรอมาซาโตะ" เสียงหวานที่เอ่ยพูดกับตนนั้นทำให้มาซาโตะยิ้มบาง เขาเอ่ยตอบด้วยแววตาที่อ่อนโยน
"ท่านฮิโรมาสะมอบหมายให้ข้าเป็นคนดูแลท่านคิโยชิในเรื่องของการเรียน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลังทานอาหารค่ำเสร็จแล้ว ท่านจะต้องมาเรียนวิชาพิเศษกับข้า" ว่าแล้วก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาวางลงบนโต๊ะก่อนจะค่อยๆ นั่งลงบนเสื่อทาทามิอย่างผ่อนคลาย คิโยชิแววตาสับสน เขาเอ่ยถามเสียงอ่อน
"แต่ว่า… ข้าไม่สามารถขึ้นเป็นไดเมียวได้นี่นา" มาซาโตะได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยปล่อบด้วยน้ำเสียงละมุนละม่อม มือแกร่งลูบต้นแขนของคนตรงหน้าเบาๆ ราวกับต้องการปลอบประโลมอย่างนุ่มนวลที่สุด
"บุรุษในตระกูลสูงส่งจะต้องได้เรียนวิชาเหล่านี้เพื่อมีความรู้ระดับสูงติดตัว สักวันท่านจะต้องออกเรือนและได้เป็นหัวหน้าครอบครัว ท่านควรจะมีความรู้พื้นฐานของตระกูลระดับสูงนะขอรับ" ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นไปลูบแก้มขาวเบาๆ คิโยชิย่นปาก คิ้วบางขมวดเข้าหากันเล็กน้อยราวกับคำตอบนั้นยังไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับเขา
"ข้าไม่ออกเรือนหรอก ข้าจะอยู่กับเคนตะ" สิ้นเสียง ดวงตาดำสนิทของชายหนุ่มก็สาดประกายเย็นยะเยียบขึ้นวูบ ใบหน้าคมสงบนิ่งจนมองอารมณ์แทบจะไม่ออก เขาผละมือออกจากแก้มนุ่มแล้วเอ่ยตัดบท
"มาเริ่มกันเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา เชิญนั่งขอรับ ท่านคิโยชิ" ถึงแม้คิโยชิจะไม่ค่อยสบอารมณ์นักแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่อาจขัดขืนคำสั่งพ่อของตน
เวลาล่วงเลยผ่านไปไวเหมือนสายลมที่พัดผ่าน คิโยชิที่บัดนี้อายุได้สิบสามปีกำลังนั่งเรียนเรื่องศิลปะและดนตรีของชนชั้นสูง เสียงทุ้มของมาซาโตะอ่านตามบทในหนังสือไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความเงียบในยามดึก แสงเทียนบนโต๊ะไม้วูบไหวเบาๆ ไปตามแรงลมที่พัดเข้ามามาหน้าต่างบ้านกว้างที่ถูกเปิดอยู่ มาซาโตะเอ่ยพลางมองใบหน้าหวานที่ดวงตาคู่นั้นดูเหม่อลอยเล็กน้อย เขาหยุดอ่านตามหน้าหนังสือก่อนจะหันมาถามเสียงเรียบนิ่ง
"มีอะไรรบกวนจิตใจของท่านอยู่เช่นนั้นรึ" คิโยชิที่รู้ตัวก็ตื่นขึ้นจากภวังค์ ดวงตาคู่สวยนั้นสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยบอกถึงสิ่งที่ตนกำลังคิดอยู่
"ข้า… แค่กำลังสงสัยว่าทำไมมาซาโตะถึงไม่ออกเรือนเหมือนกับคนอื่นๆ แล้วถ้าข้าไม่ออกเรือนบ้างจะเป็นยังไง" ร่างเล็กที่เอ่ยอ้อมแอ้มทำให้ดวงตาคมฉายแววความเอ็นดูคนตรงหน้าขึ้นมาอย่างไม่ปิดบัง รอยยิ้มลึกลับผุดขึ้นที่ริมฝีปากหยัก มาซาโตะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่แฝงเลศนัยชวนให้ขบคิด
"เพราะว่างานของพ่อบ้านนั้นถือว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญ เป็นตัวแทนของไดเมียว ข้ายังไม่อยากมีครอบครัว อีกอย่าง… การได้อยู่กับท่านคิโยชิก็ถือว่าได้คลายเหงาแล้ว" คิโยชิได้ฟังก็ยังไม่ค่อยเข้าใจถึงความหมายอันแท้จริงที่ร่างสูงตรงหน้าต้องการจะสื่อ แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ บ่าด้านซ้ายก็เจ็บแปลบขึ้นอย่างแรงจนคนตัวเล็กสะดุ้งโหยง
"โอ๊ย! ตัวอะไรไม่รู้กัดข้า" มือบอบบางกุมเข้าที่บ่าซ้ายของตน ใบหน้าหวานเหยเกขึ้นด้วยความเจ็บปวด มาซาโตะตกใจรีบร้อนลุกขึ้นมาดู
"ไหน! ท่านเจ็บตรงไหน" คิโยชิค่อยๆ หันหลังอย่างเชื่องช้าด้วยความเจ็บแปลบ มือบางปลดสายโอบิคาคุที่รัดอยู่ตรงเอวออกก่อนจะถกชายเสื้อลงจนเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียน เมื่อเพ่งพินิจดูดีๆ ก็เห็นจุดเล็กๆ สีแดงที่ผิวบริเวณรอบนั้นกำลังบวมขึ้นน้อยๆ ตามลำดับ มาซาโตะใช้นิ้วสัมผัสรอบแผลนั้นเบาๆ ทำเอาคิโยชิสะดุ้งเฮือก เสียงทุ้มเอ่ยตอบ
"เดี๋ยวข้าเอายามาให้ขอรับ" ร่างสูงโปร่งเดินไปหยิบเอากล่องยาที่วางอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้องขึ้นมาแล้วรีบเดินกลับมาหาคิโยชิด้วยความรวดเร็ว กล่องยาถูกเปิดออกอย่างระมัดระวัง ยาสมุนไพรเนื้อเหลวถูกป้ายลงเบาๆ ที่รอยแผล คิโยชิกัดฟันทนความแสบที่กำลังแผ่ซ่านไปทั่วทั้งบ่าเล็ก นิ้วเรียวของชายหนุ่มลากเบาๆ ไปบนผิวเนื้อนุ่มนิ่มสีขาวนวลดุจหิมะแรก มือหยาบเผลอไล้สัมผัสแผ่นหลังเนียนเบาๆ สัมผัสของปลายนิ้วที่ลากไปบนผิวกายทำให้คิโยชิกะพริบตาปริบ ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มแปลกใหม่ถูกมอบให้จนหัวใจของเด็กน้อยสั่นไหวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ร่างบางสูดลมหายเข้าลึก แพขนตางอนยาวค่อยๆ หลับลงปล่อยอารมณ์ให้เผลอไผลไปกับสัมผัสนั้นที่ร่างกายเพิ่งได้รับเป็นครั้งแรก เสียงทุ้มของมาซาโตะเอ่ยกระซิบขึ้นเบาๆ ราวกับต้องการให้คนตรงหน้าได้ยินแต่เพียงคนเดียว
"ร่างกายของท่าน… เริ่บเติบโตขึ้นเป็นหนุ่มแล้วสินะ" แสงไฟที่สาดส่องไปยังแผ่นหลังเปลือยเปล่าของร่างเล็กที่บอบบางทำให้ความคิดด้านมืดผุดขึ้นมาในชั่วประกายไฟแลบ คิโยชิได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ เขาดึงชายเสื้อขึ้นมาปิดร่างกายเอาไว้ตามเดิมพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าสวยหวาน
"ใช่… ข้าจะโตไปเป็นชายหนุ่มที่งดงามเหมือนกับท่านพ่อ" มาซาโตะที่รู้ตัวเองดีผละตัวออกห่างจากคนตัวเล็กแล้วเอ่ยเสียงเรียบกลบเกลื่อนหัวใจที่กำลังหวั่นไหวจากเปลวอารมณ์ที่กำลังลุกโหม
"แน่นอนอยู่แล้ว คืนนี้พอแค่นี้ ท่านไปพักผ่อนเถอะ" คิโยชิเอ่ยขอบคุณเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังประตูที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นมากนัก ประตูบานกว้างเปิดออกเผยให้เห็นเคนตะที่ยังคงยืนรักษาการอยู่เหมือนดั่งเคย ร่างสูงโปร่งหันมามอง รอยยิ้มอบอุ่นผุดขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาคมคาย
"ท่านคิโยชิ" เสียงทุ้มเอ่ยทักทายตามพิธี เขารอให้ร่างเล็กนั้นเดินนำไปข้างหน้าแล้วค่อยเดินตามไปอย่างช้าๆ ร่างเล็กหยุดลงหน้าห้องนอนของตนที่บัดนี้ทางเดินโล่งกว้างนั้นว่างเปล่าปราศจากผู้คน คิโยชิหันมาหาร่างสูงแล้วเอ่ยเสียงงุบงิบราวกับกำลังฟ้องบางสิ่งให้ฟัง
"ท่านพี่… เมื่อครู่ไม่รู้ว่าตัวอะไรกัดข้า ข้าทายาแล้วแต่ไม่รู้ว่ามันบวมขึ้นอีกหรือเปล่า ท่านพี่ช่วยดูให้หน่อยได้ไหม" คำว่า 'ท่านพี่' ที่คิโยชิเอ่ยเรียกเคนตะเวลาที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองนั้นทำให้ทราบว่าลึกๆ แล้วคิโยชิเองก็เคารพนับถือคนตรงหน้าราวกับว่าเป็นพี่ชายแท้ๆ ของตน แต่เขาไม่อาจเรียกเช่นนี้ต่อหน้าคนทั่วไปได้ เพราะตามธรรมเนียมแล้วถือว่าเป็นการไม่สมควร เคนตะปฏิเสธไม่ลงว่าทุกครั้งที่ได้ยินคิโยชิเอ่ยเรียกตนเช่นนี้ หัวใจของเขาก็สั่นสะท้านไหวจนรู้สึกปั่นป่วนอยู่ในท้องอย่างไม่อาจห้าม
"ได้สิขอรับ ข้าจะดูให้"
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 436
แสดงความคิดเห็น