เคล็ดเทวะพลิกสวรรค์ ตอนที่ 1 ไล่ล่ายามวิกาล
เสียงตะหวาดระคนไปกับเสียงหัวเราะอย่างลำพองจากด้านหลังแว่วใกล้เข้ามาทุกขณะ หลิงเฉินกัดฟันจนแทบแตกฝืนความเจ็บปวดของกร้ามเนื้อเร่งความเร็ววิ่งไปข้างหน้าอย่างอดทน หากมีเพียงแค่เหล่าอันธพาลร้านถิ่นทั่วไปเฉกเช่นทุกครั้ง เขาคงจะหันกลับไปต่อสู้เป็นตายกับพวกศัตรูด้านหลังแล้วเป็นแน่ ทว่าครั้งนี้ต่างออกไปจากหลายครั้งที่มีการต่อยตีกัน เนื่องเพราะฝ่ายตรงข้ามเชื้อเชิญศิษย์ของพรรคมังกรแม่น้ำมาร่วมไล่ล่าเขาด้วยในครั้งนี้
ถึงแม้พรรคมังกรแม่น้ำจะเป็นเพียงพรรคเล็กๆ ทว่าเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับอันธพาลน้อยอย่างเขา แล้วเขาจะไปต่อสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างไร เพียงแค่นึกว่าอีกฝ่ายมีวิชาฝีมือฝึกปรือพลังปราณ ส่วนตัวเขาที่เป็นเพียงคนธรรมดา หากไม่ติดว่าเขามีฝีท้าวคร่องแคร่วเหนือคนทั่วไป ประกอบกับอีกฝ่ายถือเอาเพียงการไล่ล่าครั้งนี้เป็นเพียงการละเล่นหมาหยอกไก่ เขาคงไม่หลบหนีมาได้นานขนาดนี้
ค่ำคืนนี้มีแสงจันทร์รำไรพอให้มองเห็นเส้นทาง หลิงเฉินวิ่งลัดเลาะไปตามป่าไม้อย่างไม่จำแนกทิศเหนือใต้ เขาไม่รู้แล้วว่าขณะนี้ตัวเขาวิ่งห่างออกมาจากเมืองกี่ลี้เข้าไปแล้ว ในสมองของเขาตระหนักได้เพียงสิ่งเดียว นั่นคือวิ่งหลบหนีจากศัตรูไปให้พ้น เรื่องของอนาคตค่อยนึกหาทางออกอีกที
“หลิงเฉิน ไม่ว่าเจ้าจะวิ่งเร็วกว่านี้สักเท่าใด เจ้าก็ไม่อาจหนีบิดาพ้นไปได้!”
เสียงศัตรูคู่อาฆาตของเขาร้องตะโกนมาจากด้านหลัง
หลิงเฉินเร่งฝีท้าวที่กร้ามเนื้อแสบร้อนจนแทบฉีกขึ้นไปอีกระดับ พลางเอ่ยคำพูดกลับไปอย่างโกรธแค้น “เต๋อไห่! หากวันนี้เจ้าไม่พาพวกศิษพรรคมังกรแม่น้ำติดตามมาด้วย มีหรือข้าจะกลัวเจ้า คนอย่างเจ้ามันย่อมไม่ตายดี!”
“ฮ่าๆ ฝ่ายแพ้ก็คือฝ่ายแพ้ ส่วนฝ่ายชนะ ไม่ว่าใช้วิธีอันใด ทว่าสุดท้ายพื้นที่หากินในเขตเมืองธาราใสทั้งหมดย่อมต้องตกเป็นของกลุ่มของข้า” เต๋อไห่หัวเราะหยัน
“ส่วนคนของกลุ่นเจ้า...หลังจากสังหารเจ้าไป ข้าค่อยกลับไปจัดการกับพวกมัน หากใครไม่ยินยอมสยบ ข้าก็จะส่งมันผู้นั้นตามลงไปอยู่กับเจ้าในนรก!”
“เจ้า!” หลิงเฉินขบกรามแน่นจนปูดนูน
“จะเสียเวลาไปต่อปากต่อคำกับคนตายทำไม? ให้ข้ารีบๆ สังหารมันไปเถอะ ข้าชักเบื่อกับการละเล่นครั้งนี้แล้ว” ชายหนุ่มชุดนักศึกษาที่บุคลิกดูต่างจากอันธพาลคนอื่นๆ ในกลุ่มพูดขึ้น
เมื่อเขาเอ่ยปาก ดูเหมือนว่าเต๋อไห่และอันธพาลคนอื่นๆ จะให้ความเกรงใจอยู่มากโข ไม่ต้องใช้สมองขบคิดก็ทราบได้ ว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้ก็คือศิษของพรรคมังกรแม่น้ำ ที่พวกของเต๋อไห่เชิญมาในครั้งนี้
กลุ่มของพวกเขาและหลิงเฉินเคยปะทะหักล้างกันมาหลายครั้ง ถึงแม้ว่าพวกของเต๋อไห่จะมีสมาชิกเหนือกว่า ทว่าก็ไม่สามารถเอาชนะกลุ่มของหลิงเฉินได้อย่างเด็ดขาด เนื่องเพราะหากกลุ่มหลิงเฉินสู้ไม่ได้ แต่ละคนก็มักจะแยกย้ายกันหลบหนีด้วยความรวดเร็วว่องไว ซึ่งฝีท้าวของแต่ละคนในกลุ่มของหลิงเฉินนั้นไม่ธรรมดาเลย โดยเฉพาะพี่ใหญ่ของกลุ่มอย่างหลิงเฉิน
ดังนั้นวันนี้เต๋อไห่จึงตัดสินใจสังหารหลิงเฉินซึ่งเป็นผู้นำเสียก่อน หากผู้นำกลุ่มตาย จะอย่างไรกลุ่มของหลิงเฉินก็ต้องแตกกระจัดกระจาย สุดท้ายแต่ละคนไม่มีที่ไป เขาก็จะถือโอกาสรวบรวมคนเหล่านั้นเข้ามาอยู่ภายใต้การปกครองทั้งหมดได้อย่างไม่ยากเย็น
เหล่าแก๊งค์อันธพาลในเมืองธาราใสประกอบไปด้วยบรรดาเด็กไร้บ้านมาจับกลุ่มกัน ซึ่งนอกจากพากันลักขโมยสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ จากชาวเมือง ก็ยังรับงานใช้แรงทั่วไปเพื่อแลกกับเงินอีกด้วย ซึ่งในตอนนี้เขตของกลุ่มอันธพาลถูกแบ่งออกเป็นสองเขต คือฝั่งตะวันออกและตะวันตก โดยเขตของกลุ่มเต๋อไห่ครอบครองฝั่งตะวันออก ส่วนเขตของกลุ่มหลิงเฉินที่เล็กกว่าครอบครองเขตตะวันตก
เมื่อกลุ่มเต๋อไห่ต้องการผลประโยชน์มากขึ้น แน่นอนว่าก็จะต้องกำจัดอีกกลุ่มหนึ่งออกไปให้พ้นทาง เนื่องเพราะต้องการความแน่นอน ดังนั้นเต๋อไห่ถึงขั้นยินยอมกรีดเนื้อตนเอง นำเงินที่เก็บสะสมมาของกลุ่มเกือบสามส่วน ออกมาว่าจ้างศิษของพรรคมังกรแม่น้ำ เพื่อเชิญให้มาลงมือช่วยเหลือเขาในครั้งนี้
“คุณชายหวางเหมาพูดถูกต้องแล้ว ทว่าฝีท้าวของคนผู้นี้ว่องไวนัก ข้าขอเชิญท่านลงมือสังหารมันให้พวกเราเถอะ” เต๋อไห่เอ่ยเชื้อเชิญอย่างพินอบพิเทา
“อืม”
หวางเหมารับคำด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะค่อยๆ ชักกระบี่ออกจากหลังอย่างเชื่องช้า สายตาแฝงอารมณ์หยามหยันจ้องไปที่หลิงเฉินราวกับมองมดมะแลงไร้ค่าตัวหนึ่ง
“ในเมื่อค่ารับเงินของพวกมันมาไม่น้อย และพวกมันอยากให้เจ้าตาย เจ้าก็ตายเถอะ”
เมื่อหวางเหมาเอ่ยจบคำ เขาก็พลันแทงกระบี่ออกด้วยความรวดเร็ว ประกายกระบี่เย็นยะเยือกสาดพุ่งเข้าใส่กลางแผ่นหลังของหลิงเฉิน
แม้ว่าปลายคมกระบี่ยังจู่โจมมาไม่ถึง ทว่ารัศมีของกระบี่ทำให้หลิงเฉินรู้สึกราวกับทั่วทั้งแผ่นหลังของเขาถูกเข็มนับร้อยพันทิ่มแทงเข้าใส่ ความปวดแสบจนขนลุกประกอบกับสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดที่สะสมมาตั้งแต่เล็ก สั่งให้เขาเร่งทิ้งตัวนอนแนบลงกับพื้นดิน
กระแสลมแฝงเต็มไปด้วยพลังกระบี่พัดผ่านแผ่นหลังของหลิงเฉินไปห่างจากการทิ้งตัวหลบของเขาเพียงเสดเสี้ยววินาที ความคมของมันกรีดผิวหนังของเขาออกเป็นรอยยาว เลือดสีแดงไหลซึมออกมาปนกับเหงื่อจนเปียกชุ่ม หลิงเฉินกำหมัดแน่นเพื่ออดทนกับความเจ็บปวด เขาคืบคลานลุกขึ้นยืน ก่อนจะพุ่งทะยานมุ่งตรงไปยังวัดร้างที่เห็นอยู่ไม่ไกล ท่ามกลางสายตาของผู้ไล่ล่าที่ต่างก็จ้องมองด้วยความคาดไม่ถึง
หวางเหมาแค่งเสียงอย่างไม่พอใจ เดิมทีเขาคิดว่าแค่การลงมือเพียงครั้งเดียวก็คงสังหารคนธรรมดาซึ่งเป็นเสดสวะในสายตาของเขาได้อย่างไม่ยากเย็น ทว่าปฏิกิริยาทางร่างกายของหลิงเฉินทำให้การโจมตีของเขาพลาดเป้าหมายอย่างน่าอับอาย ท่ามกลางสายตาคนอื่นๆ ที่มองมา เขาพลันพุ่งตัวไล่ตามหลิงเฉินไปด้วยความรวดเร็ว
“เป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่ง! เหตุใดข้าให้เจ้าตาย เจ้าถึงไม่ยอมตายดีๆ? เช่นนั้นข้าจะทำลายอวัยวะภายในของเจ้าทั้งหมด ดูสิว่าเจ้าจะยังรอดอยู่ได้อีกไหม!”
หลิงเฉินวิ่งผ่านซุ้มประตูวัดร้างที่เต็มไปด้วยวัชพืชเข้ามาหยุดอยู่บริเวณลานกว้างหน้าอุโบสถ ซึ่งในเวลานี้มองเห็นเป็นเพียงซากปรักหลังหนึ่ง เขาหอบหายใจหนักๆ อย่างอ่อนล้า มือสองข้างคว้าแง่อิฐใกล้ๆ เพื่อประครองร่างไม่ให้ทรุดฮวบลงกับพื้น
ทว่าก่อนที่หลิงเฉินจะทันมีปฏิกิริยาอะไรต่อไปนั่นเอง หวางเหมาก็พุ่งตัวผ่านซุ้มประตูตามเข้ามาอย่างไม่ให้พักหายใจ ศิษพรรคมังกรแม่น้ำไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปเพียงวินาทีเดียว เมื่อร่างที่อาบไปด้วยเลือดของหลิงเฉินผ่านเข้ามาในสายตา เขาก็เสือกคมกระบี่ที่สะสมไว้ด้วยพลังปราณแทงสวบเข้าไปกลางแผ่นหลังที่เปิดโล่งของหลิงเฉินอย่างโหดเหี้ยม
ความเจ็บปวดสาหัสทำให้ร่างของหลิงเฉินกระตุกเฮือก ปากของเด็กหนุ่มอ้ากว้าง หากแต่ปราศจากสุ้มเสียงใดๆ ออกจากลำคอ เขาปล่อยร่างให้ทรุดลงกองอยู่กับพื้นดินอย่างหมดสภาพ ลมหายใจร่อแร่เริ่มขาดห้วง สติเริ่มพร่าเลือนลงไปทุกขณะ
‘บิดามารดาไม่อาจตามหา ชาติกำเหนิดของตนไม่อาจรู้...ข้าจะต้องมาตายลงเช่นนี้จริงๆ หรือ?’ หลิงเฉินครุ่นคิดกับตนเองเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ความรู้สึกทั้งมวลจะดับวูบลงไป
“มันตายแล้วจริงๆ หรือ?”
เต๋อไห่เอ่ยถาม พลางจ้องมองศพศัตรูของตนอย่างพินิจ เมื่อเขาและพรรคพวกตามมาทัน เหตุการณ์ก็จบลงไปแล้ว ทำให้เขาต้องถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
หวางเหมาแค่นเสียงอย่างไม่พอใจ “เจ้ากล้าสงสัยในตัวข้าหรือ ?เสดสวะเช่นเหล่าอันธพาลอย่างพวกเจ้า อันที่จริงข้าใช้เพียงกระบี่เดียวก็สังหารทิ้งได้แล้ว! ครั้งแรกนั่นเพราะมันโชคดี จึงทำให้หรุดรอดไปได้ แต่ครั้งนี้ข้าใช้พลังปราณเข้าไปทำลายอวัยวะภายในของมันตรงๆ ถึงแม้พวกเจ้าจะเห็นว่าซากศพของมันไม่หนักหนาสาหัสเท่าใด แต่อันที่จริงข้างในมันได้แหลกเหลวไปแล้ว!”
“หามิได้ หามิได้” เต๋อไห่เก็บความไม่พอใจในความดูถูกของอีกฝ่ายเอาไว้พลางยิ้มประจบ “ที่ข้าถามก็เพียงเพื่อให้แน่ใจก็เท่านั้น หากท่านว่ามันตาย จะอย่างไรมันก็คงไม่มีทางรอดแน่แล้ว”
“ในเมื่อข้าจัดการเรื่องราวให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว พวกเราถือว่าเสร็จสิ้นกันไป” หวางเหมาเอ่ยอย่างเย็นชา ก่อนจะหันหลังพุ่งตัวจากไป
“เหอะ! เป็นเพียงศิษพรรคมังกรแม่น้ำเล็กๆ ช่างหยิ่งยะโสเสียจริง อย่าให้ข้ามีโอกาสฝึกฝีมือบ้างก็แล้วกัน”
เต๋อไห่สบถกับตัวเอง ขณะนั้นก็มีสมาชิกกลุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม
“แล้วเราจะทำเช่นไรกับศพของหลิงเฉินดีหรือขอรับพี่ใหญ่?”
เต๋อไห่ปลายตามองศพของหลิงเฉินที่กองอยู่กับพื้น “เอาศพมันไปวางไว้ข้างในซากที่ดูมิดชิดกว่านี้อีกหน่อย แล้วทิ้งมันไว้นั่นแหละ วัดนี้ร้างมานานแล้ว จะอย่างไรก็ไม่มีใครมาเจอศพมันอยู่แล้ว หรือต่อให้มาเจอ ศพก็คงเหลือแต่โครงกระดูกไปแล้ว!”
ลูกสมุนคนนั้นรับคำ หลังจากกลุ่มของเต๋อไห่จัดการทุกอย่างเรียบร้อย จึงพากันทยอยจากไป เหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบสงัดท่ามกลางซากปรักของวัดร้างยามค่ำคืน
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 677
แสดงความคิดเห็น